ฟุตบอลโลก… คำๆ นี้อาจจะดูเหมือนไกลตัวจากแฟนบอลชาวไทยอยู่พอสมควร เพราะด้วยมาตรฐานที่สูงลิบของแต่ละชาติที่ร่วมสังฆกรรมในรอบสุดท้าย บวกกับทีมเราเองก็ยังไม่เคยพาตัวเองไปเฉียดกับตั๋วเดินทางสุดพิเศษใบนั้นแบบเป็นจริงเป็นจัง จนเคยมีคนเปรียบเปรยระหว่างทีมชาติไทย กับ เวิลด์ คัพ ว่า นี่คือ “ความฝันที่เราไม่อาจกล้าฝัน”
แต่ถ้าใช้ชีวิตโดยไร้ซึ่งความฝันมันก็กระไรอยู่ เพราะความฝัน ย่อมก่อให้เกิดความหวัง และแรงผลักดัน ฟุตบอลก็เช่นกัน ฟุตบอลต้องการความฝัน จินตนาการ และการลงมือทำที่เป็นรูปธรรมต่อเนื่อง นั่นจึงเป็นที่มาของโปรเจคสำคัญชิ้นหนึ่งที่อาจจะเรียกได้ว่า “สำคัญ” ที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังไทย เพราะโปรเจคชิ้นนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการผลิตวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดอย่าง “นักเตะ” เพื่อร่วมพิชิตฝันของแฟนบอลบ้านเราให้ได้ นั่นคือ การผ่านเข้าไปเล่นในศึก “ฟุตบอลโลก” รอบสุดท้าย
วันนี้เราจะมาพูดถึงโปรเจคสำคัญชิ้นนี้ ภายใต้การร่วมมือกันระหว่าง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และเอคโคโน่ บริษัทด้านจัดการฟุตบอลระดับโลก ที่ “เชี่ยวชาญ” ในการพัฒนาประเด็นนี้เป็นพิเศษ
ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักโปรเจคที่จะเข้ามาต่อเติมลมหายใจของฟุตบอลไทย… โปรเจค “ช้างเผือก”
#ช้างเผือกคืออะไร
“ช้างเผือก” คือโปรเจคใหญ่ที่ทาง เอคโคโน่ ได้รับมอบหมายจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้เดินเครื่องเฟ้นหากลุ่มนักเตะรุ่นอายุต่ำกว่า 10 ปี และรุ่นอายุต่ำกว่า 12 ปี จากทั่วทั้งประเทศราวๆ 120 คน เข้ามาร่วมฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอลภายใต้การดูแล-ควบคุมตามรูปแบบการฝึกของ เอคโคโน่ อย่างเข้มข้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวัตถุดิบสำคัญนั่นคือ “นักเตะระดับเยาวชน” เพื่อป้อนเข้าสู่ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ในช่วงปี 2018 ถึงปี 2020
#ทำไมต้องเริ่มที่U10และU12
เพราะ เอคโคโน่ เชื่อว่า กลุ่มนักเตะที่มีช่วงอายุดังกล่าวเป็นวัยที่พร้อมแล้วสำหรับการเรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอลอันเข้มข้นในแบบฉบับของ เอคโคโน่ ที่การันตีผลงานกับการทำงานร่วมกับยอดทีมในลีกเอิง ฝรั่งเศส อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, ศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสร บาร์เซโลน่า, สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น, สมาคมฟุตบอลฟินแลนด์ รวมถึงอีกหลายๆ สโมสรทั่วทุกมุมโลก ทั้ง ซานตง ลู่เหนิง (จีน), ปาชูก้า (เม็กซิโก) ฯลฯ จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อถึงเวลาที่เพาะบ่มจนสุกงอม เราจะได้นักเตะที่อยู่ในมาตรฐานที่สูงระดับเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับทีมเหล่านั้นมาเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะส่งต่อขึ้นไปเป็น นักฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่น U12 และ U14 อันแข็งแกร่งในปี 2020 ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องยาวไปจนถึงอนาคตอันใกล้
#ใครคือเด็กในโปรเจคช้างเผือก
นักเตะในโครงการนี้ คือ “เด็กชายไทย” ทุกคนที่รัก และหลงใหลในการเล่นฟุตบอล เพราะทีมงาน เอคโนโน่ รวมถึงทีมแมวมองระดับแถวหน้าจะร่วมกันปูพรมเสาะหานักเตะที่มีสี่คุณสมบัติสำคัญเหล่านี้ และสอดคล้องกับปรัชญาฟุตบอลแบบ เอคโคโน่ จากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดทดสอบฝีเท้า หรือการบุกเจาะตามอะคาเดมีต่างๆ นั่นคือ
1.มีเบสิคพื้นฐานที่ดีเยี่ยม
2.มีจิตใจที่แข็งแกร่ง
3.ฉายแววความเป็นอัจฉริยะ
4.นักเตะพรสวรรค์
นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของน้องๆ นักเตะ รวมถึงผู้ปกครอง ที่ท้าทายความสามารถของ เอคโคโน่ มากที่สุด เพราะนี่คือก้าวสำคัญที่สามารถชี้ชัดได้เลยว่า ต่อจากนี้ลากยาวไปจนถึงอนาคต นักเตะทีมชาติไทยจะต้องผ่านการเป็น “ช้างเผือก” มาก่อน เพราะการที่คุณได้รับการฝึกฟุตบอลที่มีมาตรฐาน และเป็นแบบแผน จะส่งต่อให้รูปแบบโครงสร้างของทีมชาติไทยนั้นมีความต่อเนื่องกันทุกชุด ไม่ต่างกับชาติมหาอำนาจลูกหนังต่างๆ ทั่วโลก ที่สำคัญยังเป็นการลบคำว่า “ไม่ต่อเนื่อง” ทิ้งออกไปจากสารบบฟุตบอลไทยอีกด้วย
#ต้องลุยฟุตบอลเยาวชนโลกก่อน
อย่างที่ได้เคยเกริ่นไว้ในตอนที่แล้วว่า นอกเหนือจากฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของทีมชุดใหญ่แล้ว การผ่านเข้าไปลุยศึกฟุตบอลเยาวชนโลกในแต่ละรุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายใหญ่ที่ บริษัท เอคโคโน เมธอด ซอคเกอร์ เซอร์วิส (Ekkono Method Soccer Services) หรือ เอคโคโน่ ให้ความสำคัญ และเชื่อว่า ทีมชาติไทย ก็มีโอกาสในอนาคตอันใกล้นี้ หากโปรเจคต่างๆ ที่ทุกๆ ฝ่ายกำลังร่วมแรงร่วมใจช่วยกันอยู่นั้นมีความจริงจัง และต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ช้างเผือก”
U17 เวิลด์ คัพ ในปี 2023 (ยังไม่ระบุชาติเจ้าภาพ) คือเป้าหมายสำคัญที่ทาง เอคโคโน่ หมายมั่นปั้นมือเอาไว้เต็มที่ว่าจะต้องนำผลผลิตจากโปรเจค “ช้างเผือก” ที่ได้ริเริ่มแล้วไปอวดฝีเท้าในรายการนี้ให้ได้ เพราะถ้าเราคำนวนจากเวลา 4-5 ปีต่อจากนี้ ก็จะประจวบเหมาะกับการที่เด็กจากโปรเจค “ช้างเผือก” รุ่นปัจจุบันกำลังเติบใหญ่พอดี เชื่อว่านี่คืออีกหนึ่งความท้าทายที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ช้างเผือก” เซ็ตนี้มีฝีเท้าที่เจ๋งแค่ไหน และดีพอหรือไม่ที่จะก้าวไปไกลถึงระดับโลก
การวางเป้าหมายที่ฟุตบอลเยาวชนโลก ถือเป็นการวางรากฐานสำคัญที่ตอบโจทย์ และตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพราะไม่มีชาติไหนในโลกที่คิดจะไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโดยที่ไม่เคยผ่านฟุตบอลเยาวชนโลกมาก่อน บรรดาคู่แข่งในอาเซียนอย่าง เมียนมา หรือ เวียดนาม หรือแม้กระทั่งชาติลูกหนังเล็กๆ อย่าง ซีเรีย, ทาจิกิสถาน หรือ โอมาน พวกเขาล้วนแต่พาตัวเองไปถึงจุดนั้นได้แล้ว ส่วน ไทย แม้เราจะเคยแบกตัวเองไปเล่นใน U17 ชิงแชมป์โลกมาแล้ว (อียิปต์ 1997, นิวซีแลนด์ 1999) แต่หากนับวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า มันนานเกินไป เราต้องปรับมุมมองใหม่ไปเพื่อก้าวไปข้างหน้า และไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า...
27.22 ปี คืออายุเฉลี่ยโดยประมาณที่กำลังบอกว่า ไทย คือทีมที่มีองค์ประกอบนักเตะที่มีอายุค่อนข้างเยอะ (มากเป็นอันดับ 7 ในเอเชียน คัพ หนนี้) ฉะนั้นหากเราไม่ริเริ่มวางรากฐานการสร้างบุคคลากร โดยเฉพาะ “นักเตะ” เลือดใหม่ๆ ตั้งแต่วินาทีนี้ ในอนาคต เราอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายที่เรียกว่า “ช่วงขาดตอน” เอาได้
หากคิดการใหญ่ เราต้องไม่ยอมให้ปัญหาที่เราสามารถแก้ไขได้ในวันนี้ กลับมาเป็นปัญหาของเราในอนาคตได้ นั่นคือความละเอียดที่ เอคโคโน่ ได้วางแผนเอาไว้แล้วว่า “ช้างเผือก” ตอบโจทย์ และจะไม่พาทีมชาติไทยไปเฉียดกับการหยุดพัฒนาในอนาคตอย่างแน่นอน
#อนาคตของเหล่าช้างเผือก
จากที่ เอคโคโน่ ได้คัดเลือกนักกีฬาช้างเผือกมาแล้วจำนวนหนึ่ง เพื่อเข้าร่วมโปรแกรมฝึกซ้อมอย่างจริงจังและเน้นประสิทธิภาพระดับสูง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือการปลูกฝัง และพัฒนาทัศนคติในการเล่นฟุตบอลที่ดีให้กับเหล่านักฟุตบอลช้างเผือกในโครงการ และเพื่อเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต
จะเห็นได้ว่า สิ่งต่างๆ ที่เราได้เอ่ยไปนั้น ล้วนแต่มีใจความสำคัญที่สอดแทรกอยู่ในทุกข้อนั่นก็คือ “การพัฒนาเยาวชน” ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้มีมาตรฐานที่ทัดเทียม หรือใกล้เคียงกับชาติมหาอำนาจลูกหนังในเอเชียมากที่สุด ด้วยความตั้งใจของทุกๆ ฝ่าย บวกกับการทำงานที่มีแบบแผนชัดเจน มีผลงานที่เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ คงจะพอตอบได้ว่า นี่แหละคือเหตุผลที่เราถึงต้องเลือกให้ “เอคโคโน่” เข้ามาดูแลจัดการระบบการสร้างรากฐานฟุตบอลไทยให้แข็งแกร่ง และมีวัตถุดิบที่มากพอ เพื่อต่อยอดให้เกิดความสำเร็จในระดับทวีปนั่นเอง !!!
ที่สำคัญ หากเราจะบอกว่า “ช้างเผือก” คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของ เอคโคโน่ และทีมชาติไทย ก็คงไม่ผิดอะไรไปจากนี้…
และที่สำคัญไปกว่านั้น ใครจะไปรู้ว่าบางทีโปรเจค “ช้างเผือก” นี่แหละ ที่จะเปลี่ยนฝันของคนไทยให้เป็นจริงด้วยการพา ไทย ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย !!!
#ช้างศึก #Ekkono #เอคโคโน่ #เชียร์ไทยใจเดียวกัน #TogetherAsOne #ฟุตบอลทีมชาติไทย #บอลไทย #Thailand
ที่มา เพจช้างศีก
BuildUpWithEKKONO “ช้างเผือก” โปรเจคใหญ่ที่จะพาไทยไปลุยฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก… คำๆ นี้อาจจะดูเหมือนไกลตัวจากแฟนบอลชาวไทยอยู่พอสมควร เพราะด้วยมาตรฐานที่สูงลิบของแต่ละชาติที่ร่วมสังฆกรรมในรอบสุดท้าย บวกกับทีมเราเองก็ยังไม่เคยพาตัวเองไปเฉียดกับตั๋วเดินทางสุดพิเศษใบนั้นแบบเป็นจริงเป็นจัง จนเคยมีคนเปรียบเปรยระหว่างทีมชาติไทย กับ เวิลด์ คัพ ว่า นี่คือ “ความฝันที่เราไม่อาจกล้าฝัน”
แต่ถ้าใช้ชีวิตโดยไร้ซึ่งความฝันมันก็กระไรอยู่ เพราะความฝัน ย่อมก่อให้เกิดความหวัง และแรงผลักดัน ฟุตบอลก็เช่นกัน ฟุตบอลต้องการความฝัน จินตนาการ และการลงมือทำที่เป็นรูปธรรมต่อเนื่อง นั่นจึงเป็นที่มาของโปรเจคสำคัญชิ้นหนึ่งที่อาจจะเรียกได้ว่า “สำคัญ” ที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังไทย เพราะโปรเจคชิ้นนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการผลิตวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดอย่าง “นักเตะ” เพื่อร่วมพิชิตฝันของแฟนบอลบ้านเราให้ได้ นั่นคือ การผ่านเข้าไปเล่นในศึก “ฟุตบอลโลก” รอบสุดท้าย
วันนี้เราจะมาพูดถึงโปรเจคสำคัญชิ้นนี้ ภายใต้การร่วมมือกันระหว่าง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และเอคโคโน่ บริษัทด้านจัดการฟุตบอลระดับโลก ที่ “เชี่ยวชาญ” ในการพัฒนาประเด็นนี้เป็นพิเศษ
ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักโปรเจคที่จะเข้ามาต่อเติมลมหายใจของฟุตบอลไทย… โปรเจค “ช้างเผือก”
#ช้างเผือกคืออะไร
“ช้างเผือก” คือโปรเจคใหญ่ที่ทาง เอคโคโน่ ได้รับมอบหมายจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้เดินเครื่องเฟ้นหากลุ่มนักเตะรุ่นอายุต่ำกว่า 10 ปี และรุ่นอายุต่ำกว่า 12 ปี จากทั่วทั้งประเทศราวๆ 120 คน เข้ามาร่วมฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอลภายใต้การดูแล-ควบคุมตามรูปแบบการฝึกของ เอคโคโน่ อย่างเข้มข้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวัตถุดิบสำคัญนั่นคือ “นักเตะระดับเยาวชน” เพื่อป้อนเข้าสู่ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ในช่วงปี 2018 ถึงปี 2020
#ทำไมต้องเริ่มที่U10และU12
เพราะ เอคโคโน่ เชื่อว่า กลุ่มนักเตะที่มีช่วงอายุดังกล่าวเป็นวัยที่พร้อมแล้วสำหรับการเรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอลอันเข้มข้นในแบบฉบับของ เอคโคโน่ ที่การันตีผลงานกับการทำงานร่วมกับยอดทีมในลีกเอิง ฝรั่งเศส อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, ศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสร บาร์เซโลน่า, สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น, สมาคมฟุตบอลฟินแลนด์ รวมถึงอีกหลายๆ สโมสรทั่วทุกมุมโลก ทั้ง ซานตง ลู่เหนิง (จีน), ปาชูก้า (เม็กซิโก) ฯลฯ จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อถึงเวลาที่เพาะบ่มจนสุกงอม เราจะได้นักเตะที่อยู่ในมาตรฐานที่สูงระดับเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับทีมเหล่านั้นมาเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะส่งต่อขึ้นไปเป็น นักฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่น U12 และ U14 อันแข็งแกร่งในปี 2020 ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องยาวไปจนถึงอนาคตอันใกล้
#ใครคือเด็กในโปรเจคช้างเผือก
นักเตะในโครงการนี้ คือ “เด็กชายไทย” ทุกคนที่รัก และหลงใหลในการเล่นฟุตบอล เพราะทีมงาน เอคโนโน่ รวมถึงทีมแมวมองระดับแถวหน้าจะร่วมกันปูพรมเสาะหานักเตะที่มีสี่คุณสมบัติสำคัญเหล่านี้ และสอดคล้องกับปรัชญาฟุตบอลแบบ เอคโคโน่ จากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดทดสอบฝีเท้า หรือการบุกเจาะตามอะคาเดมีต่างๆ นั่นคือ
1.มีเบสิคพื้นฐานที่ดีเยี่ยม
2.มีจิตใจที่แข็งแกร่ง
3.ฉายแววความเป็นอัจฉริยะ
4.นักเตะพรสวรรค์
นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของน้องๆ นักเตะ รวมถึงผู้ปกครอง ที่ท้าทายความสามารถของ เอคโคโน่ มากที่สุด เพราะนี่คือก้าวสำคัญที่สามารถชี้ชัดได้เลยว่า ต่อจากนี้ลากยาวไปจนถึงอนาคต นักเตะทีมชาติไทยจะต้องผ่านการเป็น “ช้างเผือก” มาก่อน เพราะการที่คุณได้รับการฝึกฟุตบอลที่มีมาตรฐาน และเป็นแบบแผน จะส่งต่อให้รูปแบบโครงสร้างของทีมชาติไทยนั้นมีความต่อเนื่องกันทุกชุด ไม่ต่างกับชาติมหาอำนาจลูกหนังต่างๆ ทั่วโลก ที่สำคัญยังเป็นการลบคำว่า “ไม่ต่อเนื่อง” ทิ้งออกไปจากสารบบฟุตบอลไทยอีกด้วย
#ต้องลุยฟุตบอลเยาวชนโลกก่อน
อย่างที่ได้เคยเกริ่นไว้ในตอนที่แล้วว่า นอกเหนือจากฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของทีมชุดใหญ่แล้ว การผ่านเข้าไปลุยศึกฟุตบอลเยาวชนโลกในแต่ละรุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายใหญ่ที่ บริษัท เอคโคโน เมธอด ซอคเกอร์ เซอร์วิส (Ekkono Method Soccer Services) หรือ เอคโคโน่ ให้ความสำคัญ และเชื่อว่า ทีมชาติไทย ก็มีโอกาสในอนาคตอันใกล้นี้ หากโปรเจคต่างๆ ที่ทุกๆ ฝ่ายกำลังร่วมแรงร่วมใจช่วยกันอยู่นั้นมีความจริงจัง และต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ช้างเผือก”
U17 เวิลด์ คัพ ในปี 2023 (ยังไม่ระบุชาติเจ้าภาพ) คือเป้าหมายสำคัญที่ทาง เอคโคโน่ หมายมั่นปั้นมือเอาไว้เต็มที่ว่าจะต้องนำผลผลิตจากโปรเจค “ช้างเผือก” ที่ได้ริเริ่มแล้วไปอวดฝีเท้าในรายการนี้ให้ได้ เพราะถ้าเราคำนวนจากเวลา 4-5 ปีต่อจากนี้ ก็จะประจวบเหมาะกับการที่เด็กจากโปรเจค “ช้างเผือก” รุ่นปัจจุบันกำลังเติบใหญ่พอดี เชื่อว่านี่คืออีกหนึ่งความท้าทายที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ช้างเผือก” เซ็ตนี้มีฝีเท้าที่เจ๋งแค่ไหน และดีพอหรือไม่ที่จะก้าวไปไกลถึงระดับโลก
การวางเป้าหมายที่ฟุตบอลเยาวชนโลก ถือเป็นการวางรากฐานสำคัญที่ตอบโจทย์ และตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพราะไม่มีชาติไหนในโลกที่คิดจะไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโดยที่ไม่เคยผ่านฟุตบอลเยาวชนโลกมาก่อน บรรดาคู่แข่งในอาเซียนอย่าง เมียนมา หรือ เวียดนาม หรือแม้กระทั่งชาติลูกหนังเล็กๆ อย่าง ซีเรีย, ทาจิกิสถาน หรือ โอมาน พวกเขาล้วนแต่พาตัวเองไปถึงจุดนั้นได้แล้ว ส่วน ไทย แม้เราจะเคยแบกตัวเองไปเล่นใน U17 ชิงแชมป์โลกมาแล้ว (อียิปต์ 1997, นิวซีแลนด์ 1999) แต่หากนับวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า มันนานเกินไป เราต้องปรับมุมมองใหม่ไปเพื่อก้าวไปข้างหน้า และไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า...
27.22 ปี คืออายุเฉลี่ยโดยประมาณที่กำลังบอกว่า ไทย คือทีมที่มีองค์ประกอบนักเตะที่มีอายุค่อนข้างเยอะ (มากเป็นอันดับ 7 ในเอเชียน คัพ หนนี้) ฉะนั้นหากเราไม่ริเริ่มวางรากฐานการสร้างบุคคลากร โดยเฉพาะ “นักเตะ” เลือดใหม่ๆ ตั้งแต่วินาทีนี้ ในอนาคต เราอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายที่เรียกว่า “ช่วงขาดตอน” เอาได้
หากคิดการใหญ่ เราต้องไม่ยอมให้ปัญหาที่เราสามารถแก้ไขได้ในวันนี้ กลับมาเป็นปัญหาของเราในอนาคตได้ นั่นคือความละเอียดที่ เอคโคโน่ ได้วางแผนเอาไว้แล้วว่า “ช้างเผือก” ตอบโจทย์ และจะไม่พาทีมชาติไทยไปเฉียดกับการหยุดพัฒนาในอนาคตอย่างแน่นอน
#อนาคตของเหล่าช้างเผือก
จากที่ เอคโคโน่ ได้คัดเลือกนักกีฬาช้างเผือกมาแล้วจำนวนหนึ่ง เพื่อเข้าร่วมโปรแกรมฝึกซ้อมอย่างจริงจังและเน้นประสิทธิภาพระดับสูง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือการปลูกฝัง และพัฒนาทัศนคติในการเล่นฟุตบอลที่ดีให้กับเหล่านักฟุตบอลช้างเผือกในโครงการ และเพื่อเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต
จะเห็นได้ว่า สิ่งต่างๆ ที่เราได้เอ่ยไปนั้น ล้วนแต่มีใจความสำคัญที่สอดแทรกอยู่ในทุกข้อนั่นก็คือ “การพัฒนาเยาวชน” ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้มีมาตรฐานที่ทัดเทียม หรือใกล้เคียงกับชาติมหาอำนาจลูกหนังในเอเชียมากที่สุด ด้วยความตั้งใจของทุกๆ ฝ่าย บวกกับการทำงานที่มีแบบแผนชัดเจน มีผลงานที่เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ คงจะพอตอบได้ว่า นี่แหละคือเหตุผลที่เราถึงต้องเลือกให้ “เอคโคโน่” เข้ามาดูแลจัดการระบบการสร้างรากฐานฟุตบอลไทยให้แข็งแกร่ง และมีวัตถุดิบที่มากพอ เพื่อต่อยอดให้เกิดความสำเร็จในระดับทวีปนั่นเอง !!!
ที่สำคัญ หากเราจะบอกว่า “ช้างเผือก” คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของ เอคโคโน่ และทีมชาติไทย ก็คงไม่ผิดอะไรไปจากนี้…
และที่สำคัญไปกว่านั้น ใครจะไปรู้ว่าบางทีโปรเจค “ช้างเผือก” นี่แหละ ที่จะเปลี่ยนฝันของคนไทยให้เป็นจริงด้วยการพา ไทย ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย !!!
#ช้างศึก #Ekkono #เอคโคโน่ #เชียร์ไทยใจเดียวกัน #TogetherAsOne #ฟุตบอลทีมชาติไทย #บอลไทย #Thailand
ที่มา เพจช้างศีก