วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์บวชเนกขัมมะ 7 วัน 7 คืน ต้องบอกก่อนว่า รูปที่ถ่ายมาเป็นรูปในขั้นตอนการเตรียมตัว
แต่ตอนปฎิบัติไม่ได้ถ่ายมาเนื่องจากเราตั้งใจไปปฎิบัติจริงจัง😊🙏🏻
เนกขัมมะคือการถือศีล 8
ศีล 8 หัวข้อเหมือนศีล 5 แต่เปลี่ยนข้อ 3 และเติมข้อ 6 - 7 - 8 คือ
1. เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์
การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และห้ามทาครีมเพื่อประทินผิว
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย
++ ระเบียบการสมัครบวช ++
1. เอกสาร
ผู้มาบวชใหม่
- บัตรประจำตัวประชาชนจริง พร้อมสำเนา จำนวน 1ใบ
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป
ผู้ที่เคยบวชแล้ว
- บัตรประจำตัวประชาชนจริง
2. แต่งกายด้วยชุดนักบวชตามแบบที่ทางวัดกำหนดเท่านั้น
3. ไม่เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
4. ห้ามพกของมีค่ามา ห้ามสวมใส่ เครื่องประดับเช่น นาฬิกา สร้อย ต่างหู
5. ห้ามทำสีผม ห้ามทำสีเล็บมา
6. ยางมัดผมต้องเป็นสีดำ ห้ามปล่อยผม ต้องรวบผมทุกครั้ง ห้ามสวมถุงเท้าสีดำ (สีขาวสวมได้)
ในวันแรกนั้นเราควรมาถึงที่วัดประมาณ 14 น. เพื่อทำการสมัครบวชและหลังจากนั้นก็อาบน้ำ ล้างเครื่องสำอาง เช่าชุด
และนี่คือสถานที่รับสมัครบวช
หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้บัตรนักบวชมา ในครั้งนี้เราแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการ "ปิดวาจา" ด้วย เพื่อความสงบ
(เพราะครั้งที่แล้วเรามาบวช มีคนชวนเราคุยตลอด) เจ้าหน้าที่ก็จะให้ใบนี้มาด้วย ให้เราติดป้ายโดยเอาใบนี้หันออก
สมัครบวชเสร็จเราก็ไปเช่าชุดกันที่ตึกธรรมะสว่างใจ( เดินตรงไปทางแม่น้ำ ตึกอยู่ด้านขวาค่ะ )
ค่าเช่าทั้งชุด 40 บาท (เสื้อ กระโปรง ซับในกระโปรง สใบ) ค่าซัก 20 รวมขุดละ 60 บาท
ส่วนที่พักเราก็เดินตรงเข้าไปอีก เป็นที่พักเฉพาะนักบวชหญิง
บรรยากาศที่พักค่ะ
ที่วัดจะมีเสื่อผืนหมอน 1 ใบ และผ้าห่มให้เรายืม หรือถ้าใครจะเอาไปเองก็ได้
เวลา 16 น. มาร่วมเดินจงกรมกับนักบวชเก่าที่ลานธรรมค่ะ
และเวลา 17น. เป็นเวลารับศีล8 สำหรับนักบวชใหม่
ช่วงเวลาก่อนเดินจงกรมค่ะ
รับศีลเสร็จเราก็ไปฟังสวดอภิธรรมหลวงพ่อสนอง 18.30 ที่ศาลากลางน้ำ
ตามด้วยทำวัตรเย็น 20.00 จะเป็นการสวดมนต์และนั่งสมาธิต่ออีก 1 ชม. (เราชอบตอนนั่งสมาธิมากๆ รู้สึกสงบและเกิดปิติ)
ทำวัตรเย็นในโบสถ์แก้ว แต่ถ้าช่วงเทศกาลที่มีผู้มาปฎฺบัติธรรมเยอะๆก็จะไปทำวัตรกันที่ลานธรรมค่ะ
เสร็จประมาณ 21.30 กลับเข้าที่นอน เราก็รีบนอนเพราะต้องตื่นเช้ามาทำวัตรเช้า เวลาตี 4 (ตื่น ตี3.15)
ระหว่างที่เราไปบวชเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ทำให้คนเยอะมากๆ เมื่อคนเยอะก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายอะไรหลายๆอย่าง ยกตัวอย่างเช่น มีคนคุยกันเสียงดัง (ส่วนมากจะเป็นคนที่มาใหม่ แบบว่ายังคึกคัก ไม่ง่วงนอน 555+) แต่เราก็เฉยๆ พระอาจารย์ท่านว่า ไม่ว่าเราจะรับรู้อะไร ให้เรา "รู้และเฉย"
ให้รับรู้อยู่แค่ตัวเราว่าเราทำอะไรอยู่ ให้เรารู้เท่าทันปัจจุบันนั่นคือดี
ตื่นมาก็ทำวัตรเช้า เวลา ตี4-5.30 น.(นั่งสมาธิ 1 ชม.) แล้วก็ทำความสะอาดสถานที่ หรือบางคนก็จะไปใส่บาตรก็ได้
เวลา 7-8 น. เดินจงกรมที่ลานธรรม
เดินจงกรมเสร็จ ก็ถึงเวลาพิจารณาอาหาร 9.30
อาหารจะตักใส่ในชาม เปรียบชามนี้เป็นบาตร ดังนั้นเราจะเดินไปตักอาหารใส่บาตรอย่างสำรวม แม่ชีจะเน้นย้ำมากๆ
ว่าห้ามแซงแถว ห้ามเดินย้อน ให้เดินไปอย่างสำรวม
ทานอาหารเพียงวันละ 1 มื้อ
นี่คือตัวอย่างอาหารค่ะ รสชาติดีนะคะพระท่านว่าให้รับประทานเพื่ออยู่ เพื่อดำรงชีวิต
การที่ให้ทานแค่ 1 มื้อก็เพราะว่า อาหารนั้นเป็นอุปสรรคต่อการทำสมาธิ คล้ายๆหลังทานเสร็จเราจะง่วงนอน
แล้วเราอยู่ได้หรอ จากที่ทาน3 มื้อ เหลือเพียงมื้อเดียว
ตอบ : อยู่ได้แน่นอนค่ะ เพราะระหว่างวันเรายังมีน้ำปานะ นั่นเอง
หลังจากที่เราทานข้าวเสร็จแล้วจะไม่สามารถไปเดินซื้อข้าวทานเพิ่มได้ ให้เราทานให้เสร็จ ณ ที่นั่งตรงนั้นคือประมาณว่า
ลุกคือจบ ถ้าจะทานนมให้หยิบมาจากโรงทาน ทานต่อหลังจากข้าวเลย ไม่มีการเก็บกักตุนเสบียง
แต่ระหว่างวันจะมีร้านค้าสหกรณ์ สิ่งที่เราทานได้นั้นคือ น้ำชา น้ำผลไม้ (น้ำที่ไม่ผสมนม และไม่ต้องเคี้ยว)
มิเช่นนั้นจะผิดศีล 8
ที่ทานน้ำปานะ ค่ะ
ในวันที่เราไป น้ำปานะมีไม่พอเราจึงให้ที่บ้านมาทำบุญซื้อมะตูมและกระเจี๊ยบมาให้โรงทาน
หากเป็นวันเสาร์ วันพระ หรือโอกาสพิเศษจะมีฟังธรรมต่อและตามด้วยทำวัตรเที่ยงถึงบ่าย 2 แต่ถ้าไม่มีก็สามารถไปพักช่วง 10.30-12.30 ได้
โดยกิจกรรมที่เราทำเวลาว่างก็อย่างเช่น สวดมนต์ ให้อาหารปลา หรือจะไปทำบุญตามจุดต่างๆ ทำความสะอาดสถานที่
หลังจากนั้น 12.00 น เราก็มาเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเตรียมตัวทำวัตรเที่ยงเวลา 12.30-14.00 (สวดมนต์และยืนสมาธิ)
หลังจากนั้นก็กวาดลานธรรม
แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
16-17 น. มาเดินจงกรม (นักบวชเก่าและนักบวชใหม่)
17 น. นักบวชใหม่ไปรับศีล ส่วนนักบวชเก่าอย่างเราก็จะไปอาบน้ำช่วงเวลานี้ค่ะ เพราะถ้ารออาบช่วงทำวัตรเย็นเสร็จคิวจะยาวมากๆ
อีกทั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ เราก็เหลือกิจกรรมแค่มาฟังสวดอภิธรรมและทำวัตรเย็นไม่ได้ใช้แรงที่แบบเหงื่อออก ดังนั้นอาบน้ำช่วงนี้ก็ถือว่าดีค่ะ
ซึ่งทางวัดจะไม่จ่ายไฟมาที่เต้าเสียบนะคะ คนที่จะเล่นโซเชี่ยลหรือคุยโทรศัพท์ควรพกแบตสำรองมาเอง ทั้งนี้เพื่อลดภาระค่าไฟของทางวัดนะคะเพราะแม่ชีแจ้งว่าแต่ละเดือนค่าไฟประมาณ 5 แสนกว่าบาทค่ะ
ไดเป่าผมก็ไม่จำเป็นค่ะเพราะพัดลมที่วัดแรงมาก เป่าแป๊บเดียวผมก็แห้งแล้วค่ะ ^_^
สำหรับวัดนนี้สิ่งที่เราชอบมากๆคือ ทุกครั้งหลังจากสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ยืนสมาธิ หรือทำกิจกรรมทางศาสนาใดๆก็ตาม
พระท่านจะให้เราแผ่เมตตา
ในหนึ่งวันแผ่เมตตาประมาณ 7-8 ครั้งได้
มีหลายคนถามว่าทำไมเราต้องมาปฎิบัติธรรม มาถือศีลที่วัด..?
อันที่จริง เราสามารถทำที่บ้านได้ หากเรารู้ข้อปฎิบัติ รู้หลักวิธี
การมาที่วัดเป็นเหมือนเรามาเรียนรู้ขั้นตอนวิธีที่ถูกต้อง เพราะมีครูบาอาจารย์สอนนั่นเอง
อีกทั้งที่วัด มีสภาพแวดล้อมที่สงบกว่าที่บ้านของเราแน่นอน
เมื่อเราเข้ามาในวัดแล้ว ให้เราตั้งใจ ลดการเสพย์สื่อโซเชี่ยล ลดการพูดคุย (เพราะการพูดคัยจะเสี่ยงต่อการผิดศีล เช่นข้อนินทา)
เราก็จะได้รับสิ่งดีๆกลับไป สิ่งดีๆที่ว่า ไม่สามารถอธิบายเป็นข้อความหรือคำพูดได้หมด ความสงบที่ได้ก็เช่นกัน
เราต้องมาหาคำตอบกันเอง ที่นี่ หรือที่ไหนก็ได้ที่เราอ่านข้อวัดแล้วเราปฎิบัติได้
เมื่อเราตั้งใจ เราจะได้สิ่งที่เรียกว่า "ความสุข" กลับไป
ใครที่ควรมา.. ?
คำถามนี้มีคนถามเยอะมากๆเช่นกัน
พระท่านกล่าวว่า เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่า ชีวิตวุ่นวาย ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเรียน ความรัก
หรือรู้สึกไม่มีความสุข
ทำอะไรก็ติดๆขัดๆ อยากให้ลองมา
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่งมงาย หมายถึง การปฎิบัติธรรม เราจะได้สิ่งที่เรียกว่า "สมาธิ" เมื่อเรามีสมาธิ จะเกิด "ปัญญา"
ทำให้เราคิดการงานออก ไม่เป็นคนหลงลืมง่าย เมื่อเรามาเรียนรู้การปฎิบัติแล้ว เราก็นำกลับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
นั่นจึงจะเกิดผลดี
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจนะคะ ^^
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า
สามารถรับชมเป็นแบบวิดีโอได้ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=JTmqwm0O2TM&t=62s
[CR] รีวิวถือศีล8 บวชเนกขัมมะ วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี
แต่ตอนปฎิบัติไม่ได้ถ่ายมาเนื่องจากเราตั้งใจไปปฎิบัติจริงจัง😊🙏🏻
เนกขัมมะคือการถือศีล 8
ศีล 8 หัวข้อเหมือนศีล 5 แต่เปลี่ยนข้อ 3 และเติมข้อ 6 - 7 - 8 คือ
1. เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์
การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และห้ามทาครีมเพื่อประทินผิว
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย
++ ระเบียบการสมัครบวช ++
1. เอกสาร
ผู้มาบวชใหม่
- บัตรประจำตัวประชาชนจริง พร้อมสำเนา จำนวน 1ใบ
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป
ผู้ที่เคยบวชแล้ว
- บัตรประจำตัวประชาชนจริง
2. แต่งกายด้วยชุดนักบวชตามแบบที่ทางวัดกำหนดเท่านั้น
3. ไม่เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
4. ห้ามพกของมีค่ามา ห้ามสวมใส่ เครื่องประดับเช่น นาฬิกา สร้อย ต่างหู
5. ห้ามทำสีผม ห้ามทำสีเล็บมา
6. ยางมัดผมต้องเป็นสีดำ ห้ามปล่อยผม ต้องรวบผมทุกครั้ง ห้ามสวมถุงเท้าสีดำ (สีขาวสวมได้)
ในวันแรกนั้นเราควรมาถึงที่วัดประมาณ 14 น. เพื่อทำการสมัครบวชและหลังจากนั้นก็อาบน้ำ ล้างเครื่องสำอาง เช่าชุด
และนี่คือสถานที่รับสมัครบวช
หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้บัตรนักบวชมา ในครั้งนี้เราแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการ "ปิดวาจา" ด้วย เพื่อความสงบ
(เพราะครั้งที่แล้วเรามาบวช มีคนชวนเราคุยตลอด) เจ้าหน้าที่ก็จะให้ใบนี้มาด้วย ให้เราติดป้ายโดยเอาใบนี้หันออก
สมัครบวชเสร็จเราก็ไปเช่าชุดกันที่ตึกธรรมะสว่างใจ( เดินตรงไปทางแม่น้ำ ตึกอยู่ด้านขวาค่ะ )
ค่าเช่าทั้งชุด 40 บาท (เสื้อ กระโปรง ซับในกระโปรง สใบ) ค่าซัก 20 รวมขุดละ 60 บาท
ส่วนที่พักเราก็เดินตรงเข้าไปอีก เป็นที่พักเฉพาะนักบวชหญิง
บรรยากาศที่พักค่ะ
ที่วัดจะมีเสื่อผืนหมอน 1 ใบ และผ้าห่มให้เรายืม หรือถ้าใครจะเอาไปเองก็ได้
เวลา 16 น. มาร่วมเดินจงกรมกับนักบวชเก่าที่ลานธรรมค่ะ
และเวลา 17น. เป็นเวลารับศีล8 สำหรับนักบวชใหม่
ช่วงเวลาก่อนเดินจงกรมค่ะ
รับศีลเสร็จเราก็ไปฟังสวดอภิธรรมหลวงพ่อสนอง 18.30 ที่ศาลากลางน้ำ
ตามด้วยทำวัตรเย็น 20.00 จะเป็นการสวดมนต์และนั่งสมาธิต่ออีก 1 ชม. (เราชอบตอนนั่งสมาธิมากๆ รู้สึกสงบและเกิดปิติ)
ทำวัตรเย็นในโบสถ์แก้ว แต่ถ้าช่วงเทศกาลที่มีผู้มาปฎฺบัติธรรมเยอะๆก็จะไปทำวัตรกันที่ลานธรรมค่ะ
เสร็จประมาณ 21.30 กลับเข้าที่นอน เราก็รีบนอนเพราะต้องตื่นเช้ามาทำวัตรเช้า เวลาตี 4 (ตื่น ตี3.15)
ระหว่างที่เราไปบวชเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ทำให้คนเยอะมากๆ เมื่อคนเยอะก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายอะไรหลายๆอย่าง ยกตัวอย่างเช่น มีคนคุยกันเสียงดัง (ส่วนมากจะเป็นคนที่มาใหม่ แบบว่ายังคึกคัก ไม่ง่วงนอน 555+) แต่เราก็เฉยๆ พระอาจารย์ท่านว่า ไม่ว่าเราจะรับรู้อะไร ให้เรา "รู้และเฉย"
ให้รับรู้อยู่แค่ตัวเราว่าเราทำอะไรอยู่ ให้เรารู้เท่าทันปัจจุบันนั่นคือดี
ตื่นมาก็ทำวัตรเช้า เวลา ตี4-5.30 น.(นั่งสมาธิ 1 ชม.) แล้วก็ทำความสะอาดสถานที่ หรือบางคนก็จะไปใส่บาตรก็ได้
เวลา 7-8 น. เดินจงกรมที่ลานธรรม
เดินจงกรมเสร็จ ก็ถึงเวลาพิจารณาอาหาร 9.30
อาหารจะตักใส่ในชาม เปรียบชามนี้เป็นบาตร ดังนั้นเราจะเดินไปตักอาหารใส่บาตรอย่างสำรวม แม่ชีจะเน้นย้ำมากๆ
ว่าห้ามแซงแถว ห้ามเดินย้อน ให้เดินไปอย่างสำรวม
ทานอาหารเพียงวันละ 1 มื้อ
นี่คือตัวอย่างอาหารค่ะ รสชาติดีนะคะพระท่านว่าให้รับประทานเพื่ออยู่ เพื่อดำรงชีวิต
การที่ให้ทานแค่ 1 มื้อก็เพราะว่า อาหารนั้นเป็นอุปสรรคต่อการทำสมาธิ คล้ายๆหลังทานเสร็จเราจะง่วงนอน
แล้วเราอยู่ได้หรอ จากที่ทาน3 มื้อ เหลือเพียงมื้อเดียว
ตอบ : อยู่ได้แน่นอนค่ะ เพราะระหว่างวันเรายังมีน้ำปานะ นั่นเอง
หลังจากที่เราทานข้าวเสร็จแล้วจะไม่สามารถไปเดินซื้อข้าวทานเพิ่มได้ ให้เราทานให้เสร็จ ณ ที่นั่งตรงนั้นคือประมาณว่า
ลุกคือจบ ถ้าจะทานนมให้หยิบมาจากโรงทาน ทานต่อหลังจากข้าวเลย ไม่มีการเก็บกักตุนเสบียง
แต่ระหว่างวันจะมีร้านค้าสหกรณ์ สิ่งที่เราทานได้นั้นคือ น้ำชา น้ำผลไม้ (น้ำที่ไม่ผสมนม และไม่ต้องเคี้ยว)
มิเช่นนั้นจะผิดศีล 8
ที่ทานน้ำปานะ ค่ะ
ในวันที่เราไป น้ำปานะมีไม่พอเราจึงให้ที่บ้านมาทำบุญซื้อมะตูมและกระเจี๊ยบมาให้โรงทาน
หากเป็นวันเสาร์ วันพระ หรือโอกาสพิเศษจะมีฟังธรรมต่อและตามด้วยทำวัตรเที่ยงถึงบ่าย 2 แต่ถ้าไม่มีก็สามารถไปพักช่วง 10.30-12.30 ได้
โดยกิจกรรมที่เราทำเวลาว่างก็อย่างเช่น สวดมนต์ ให้อาหารปลา หรือจะไปทำบุญตามจุดต่างๆ ทำความสะอาดสถานที่
หลังจากนั้น 12.00 น เราก็มาเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเตรียมตัวทำวัตรเที่ยงเวลา 12.30-14.00 (สวดมนต์และยืนสมาธิ)
หลังจากนั้นก็กวาดลานธรรม
แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
16-17 น. มาเดินจงกรม (นักบวชเก่าและนักบวชใหม่)
17 น. นักบวชใหม่ไปรับศีล ส่วนนักบวชเก่าอย่างเราก็จะไปอาบน้ำช่วงเวลานี้ค่ะ เพราะถ้ารออาบช่วงทำวัตรเย็นเสร็จคิวจะยาวมากๆ
อีกทั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ เราก็เหลือกิจกรรมแค่มาฟังสวดอภิธรรมและทำวัตรเย็นไม่ได้ใช้แรงที่แบบเหงื่อออก ดังนั้นอาบน้ำช่วงนี้ก็ถือว่าดีค่ะ
ซึ่งทางวัดจะไม่จ่ายไฟมาที่เต้าเสียบนะคะ คนที่จะเล่นโซเชี่ยลหรือคุยโทรศัพท์ควรพกแบตสำรองมาเอง ทั้งนี้เพื่อลดภาระค่าไฟของทางวัดนะคะเพราะแม่ชีแจ้งว่าแต่ละเดือนค่าไฟประมาณ 5 แสนกว่าบาทค่ะ
ไดเป่าผมก็ไม่จำเป็นค่ะเพราะพัดลมที่วัดแรงมาก เป่าแป๊บเดียวผมก็แห้งแล้วค่ะ ^_^
สำหรับวัดนนี้สิ่งที่เราชอบมากๆคือ ทุกครั้งหลังจากสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ยืนสมาธิ หรือทำกิจกรรมทางศาสนาใดๆก็ตาม
พระท่านจะให้เราแผ่เมตตา
ในหนึ่งวันแผ่เมตตาประมาณ 7-8 ครั้งได้
มีหลายคนถามว่าทำไมเราต้องมาปฎิบัติธรรม มาถือศีลที่วัด..?
อันที่จริง เราสามารถทำที่บ้านได้ หากเรารู้ข้อปฎิบัติ รู้หลักวิธี
การมาที่วัดเป็นเหมือนเรามาเรียนรู้ขั้นตอนวิธีที่ถูกต้อง เพราะมีครูบาอาจารย์สอนนั่นเอง
อีกทั้งที่วัด มีสภาพแวดล้อมที่สงบกว่าที่บ้านของเราแน่นอน
เมื่อเราเข้ามาในวัดแล้ว ให้เราตั้งใจ ลดการเสพย์สื่อโซเชี่ยล ลดการพูดคุย (เพราะการพูดคัยจะเสี่ยงต่อการผิดศีล เช่นข้อนินทา)
เราก็จะได้รับสิ่งดีๆกลับไป สิ่งดีๆที่ว่า ไม่สามารถอธิบายเป็นข้อความหรือคำพูดได้หมด ความสงบที่ได้ก็เช่นกัน
เราต้องมาหาคำตอบกันเอง ที่นี่ หรือที่ไหนก็ได้ที่เราอ่านข้อวัดแล้วเราปฎิบัติได้
เมื่อเราตั้งใจ เราจะได้สิ่งที่เรียกว่า "ความสุข" กลับไป
ใครที่ควรมา.. ?
คำถามนี้มีคนถามเยอะมากๆเช่นกัน
พระท่านกล่าวว่า เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่า ชีวิตวุ่นวาย ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเรียน ความรัก
หรือรู้สึกไม่มีความสุข
ทำอะไรก็ติดๆขัดๆ อยากให้ลองมา
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่งมงาย หมายถึง การปฎิบัติธรรม เราจะได้สิ่งที่เรียกว่า "สมาธิ" เมื่อเรามีสมาธิ จะเกิด "ปัญญา"
ทำให้เราคิดการงานออก ไม่เป็นคนหลงลืมง่าย เมื่อเรามาเรียนรู้การปฎิบัติแล้ว เราก็นำกลับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
นั่นจึงจะเกิดผลดี
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจนะคะ ^^
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า
สามารถรับชมเป็นแบบวิดีโอได้ตามลิ้งค์นี้ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=JTmqwm0O2TM&t=62s
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้