คุณศุภชัยนั่งลงค่ะ

เรื่องงมงาย เป็นเรื่องธรรมดา สามัญมากๆในสังคมมนุษย์ มันความเชื่อของคนอื่นที่เราไม่เห็นด้วย เราจึงเห็นว่าคนที่เชื่อสิ่ง
เหล่านั้นงมงาย แต่ว่า คนที่บอกว่าใครคนอื่นงมงาย
เราลองมาเช็คเลเวลงมงายของตัวเราเองกันไหม

ตัวดิฉันเอง ยอมรับค่ะ ว่ามีความงมงายอยู่ในตัวเหมือนกัน เพียงแต่สมัยสาวกว่านี้ แอ๊บไม่งมงายค่ะ แบบแอ๊บว่าไม่เชื่ออะไรทั้งสิ้น
แต่ถามว่ากล้าไปเตะตี่จู่เอี๊ยมั้ย ก็ไม่กล้า (ไม่ใช่ว่าดิฉันสนับสนุนการเตะตี่จู่เอี๊ยนะคะ เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น และวิธีนี้สามารถเช็คเลเวลความงมงายได้ดีค่ะ คือเวลามีใครบอกว่าตัวเองไม่เชื่อเลยเรื่องพระเรื่องเจ้านี้ ดิฉันจะบอกว่า ถ้าไม่เชื่อ ลองเตะศาลเจ้าบ้านดิฉันไหมนะ ทรัพย์สินของดิฉันเอง ไม่เดือนร้อนคนอื่นด้วย ผลคือยังไม่มีใครเตะตี่จู่เอี๊ยดิฉันนะคะ)

ขอนอกเรื่อง
การทดสอบเรื่อง งมงายด้วยการไปเตะตี่จู่เอี๊ยนี่ไม่ได้คิดเองนะคะ มาจากย่าดิฉันค่ะ ย่าดิฉันเปรี้ยวมาก วันหลังจะมาเล่าเรื่องย่าให้ฟัง)

ย่าบอกว่า ถ้าใครบอกว่าไม่เชื่อ ต้องให้เขาลองเตะตี่จู่เอี๊ยดู มันเป็นการวัดคนนะ เพราะถ้าเขาเตะตี่จู่เอี๊ยบ้านเรา นอกจากเราจะรู้ว่า คนๆนั้นไม่เชื่อเรื่องพระเรื่องเจ้าแล้ว คนๆนั้นยังเป็นคนที่อัตตาสูงมากอีกด้วย เพราะว่าเขายอมทำลายน้ำใจคนอื่นเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขายึดถือ และเหตุผลอีกอย่างที่ ให้ใช้ตี่จู่เอี๊ยในบ้านเรา เพราะมันทรัพย์สินในบ้านเราเอง มันไม่เดือดร้อนใคร

ย่าดิฉัน เป็น atheist รุ่นแรกๆค่ะ แต่แกไม่ได้เตะตี่จู่เอี๊ยนะ แกบอกว่า แกไม่เชื่อ แต่ว่าแกชอบวัฒนธรรมค่ะ แกบอกว่าคนเราต้องมีราก และสิ่งเหล่านี้คือ ตัวบอกว่าเราคือใคร มาจากไหน และที่เริ่ด คือ ถ้าเราจะทำใจให้เชื่อว่ามีโลกของเทพและตี่จู่เอี๊ยจริง มันน่าสนุกกว่าไม่ใช่หรือ …. ดิฉันก็ว่าดีนะ ถ้ามีโลกแฟนตาซีแบบในความเชื่อจริงๆ)

เอาล่ะ เข้าเรื่อง พูดถึงเรื่องงมงาย คำๆนี้ เป็นคำในแง่ลบ มีความ discriminate ในที เพราะฉะนั้น ดิฉันของใช้คำว่า ‘ความเชื่อ’ นะคะ และความเชื่อเข้ามา เราก็ตัดเหตุผลออกไป สิ่งที่เขียนคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง อาจดู ADSURD ไปบ้าง แต่ว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ นิดนึงนะคะ ชีวิตคนเรา ก็เต็มไปด้วยความ absurd นะ ดิฉันว่า

เรื่องนี้ เป็นเรื่องของ
เฮียเม้ง อยู่บ้านติดก้บดิฉันเอง
มี drive ในชีวิตตัวเอง ด้วยความเชื่อ
โดยเชื่อว่าโลกนี้มีเทพ สิ่งเหนือธรรมชาติ ที่ถ้าเราทำให้เขาพอใจ เขาจะดลบันดาลสิ่งที่เราต้องการได้ (เหมือนการบูชาเทพกรีกนะ จะว่าไป)
ชีวิตของเฮียเม้ง สาระสำคัญคือ ดวงและโชคชะตา
จะดี จะร้าย ขึ้นอยู่กับดวง
และวิธีทำให้ดวงดี ก็มีสารพัดแบบ
เช่น ไหว้เจ้า ทำบุญ ถือศีล บริจาค ฯลฯ ซึ่งของเบๆแบบนี้ เฮียเม้งทำบ่อยอยู่แล้ว
และเมื่อเฮียเม้งเชื่อว่า ชีวิตมันขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ

จะมีอาชีพไหนที่ต้องพึ่งดวงแบบหนักหนาสาหัสเท่ากับ อาชีพพนัน
เมื่อมีอาชีพพนัน ก็ต้องเสริมดวงให้ดีเป็นธรรมดา

ด้วยความที่เฮียเม้งอยู่ใกล้บ้านดิฉันแบบเปิดบ้านไปก็เห็นแก ก็จะเห็นอิริยาบท วิถีชีวิตมากมายของแก

สิ่งที่เบสิคที่สุด ที่เห็นเดือนละ 2 ครั้งคือ ทุกวันที่ 30 และวันที่ 15 แกจะหายไปทั้งครอบครัว เหมารถตู้อย่างดี ออกจากบ้านประมาณตีสาม (ดิฉันมิใช่พวกถ้ำมองนะคะ แต่ที่รู้คือ บ้านนี้ แกเน้นตะเบ็งค่ะ ได้ยินชัดเจน ประหนึ่งอยู่ในวงสนทนา และพวกเขาใช้ลมเป็นค่ะ เป็นเสียงลมจากท้อง ประหนึ่งเรียนมิวสิเคิลกันมาทั้งบ้าน)

กลับมาอีกที เช้าวันหวยออก ใช่ค่ะ แกไปขอหวย และทำบุญเสริมดวงให้ดวงดี ที่รู้ว่าไปทำบุญก็เพราะตอนกลับมา หน้าผากทุกคนจะนะหน้าทอง มีทองเต็มหน้าผาก และที่รู้ว่าไปขอหวย เพราะแกจะวิเคราะห์เสียงดัง บางครั้งดิฉันนึกสนุก เดินไปคุยด้วยเผื่อมีเลขบ้าง แกจะคุยอย่างสนุกและ จำรางวัลที่เคยออกมาได้อย่างแม่นยำ แบบย้อนหลังไป 20 งวดก็จำได้

แกเป็นคนไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ว่าระดับความจำแบบนี้ แกน่าจะเรียนดอกเตอร์ได้ เพราะแกคำนวน % ส่วนได้ส่วนเสียกับคนที่ฝากแกแทงได้เร็ว และไม่เคยผิด ที่สำคัญ ทุกอย่างคือ จินตคณิต คิดเลขในใจจ้า

แอบสังเกตเพิ่ม แกน่าเปลี่ยนสิ่งที่เชื่อบ่อย เพราะทุก 2-3 เดือน แกจะมาคุยเรื่องตัวเลข และบอกที่มาของตัวเลขด้วยสรรพนามที่ต่างกันออกไป เพราะแกมีหลายแหล่งเลข
เช่น 63 งวดนี้ อาจารย์เขาฟันธง…ซึ่งคำว่า อาจารย์นี้ เป็นคำเบสิค เข้าใจคำว่าอาจารย์ใบ้หวยอยู่แล้ว (นั่นคืออาจารย์แถวชัยนาท)
งวดนี้ ไม่น่ามีเลข 6 เพราะออกไปแล้วหลายงวด แต่ก็มีโอกาส นี่ปู่บอกเองนะ
(ซึ่งไม่ใช่ปู่ของเฮียเม้ง เพราะแกไปสบายนานแล้ว และเฮียเรียกปู่ตัวเองว่า อากง ซึ่งตอนงานศพอากงของเฮีย เฮียเล่าว่า เฮียถูกหวยหลายแสน เพราะปู่มาบอกให้แทงเลขหลุม)
เพราะฉะนั้น ปู่ในที่นีหมายถึงพ่อปู่ฤาษี ที่มาเข้าทรง ซึ่งคนทรงพ่อปู่เป็นหญิงสาวหน้าตาสวย อายุน่าจะไม่เกิน 28 ปี ดิฉันเคยเห็นเขามาปัดรังควานให้กับเฮียเม้งหลายครั้งละ ซึ่งสวยจริง
หรือ หลวงพี่บอกมาว่า งวดนี้ เลขอะไรก็ได้ เน้น 7 ไว้ก่อน…วัดไหน ขอไม่บอกนะคะ เดี๋ยวโดนลูกศิษย์แกรุมกระทืบ ดิฉันกลัวเจ็บ
ซึ่งนอกจาก เลขที่ได้มาแล้ว ที่น่าสนใจคือ แกจะได้สิ่งที่ ‘ต้อง’ ทำเพื่อเสริมดวงมากมาย เช่น ครั้งหนึ่ง เมื่อแก “โดน” ไปหลายๆงวด (โดนนี่คือ โดนหวยแ_กนะคะ)

ดิฉันก็ได้เห็นว่าบ้านแกมี “คุณศุภชัย” มาเพิ่มทันที โดยคุณศุภชัยนี่ ทุกคนในบ้านเฮียเม้งจะเกรงขาม และเอาอกเอาใจมากเป็นพิเศษ เรียกคุณทุกคำ ประโยคที่ได้ยินซ้ำๆคือ คุณศุภชัยชอบกินอะไรคะ/ครับ
คุณศุภชัยอร่อยไหมคะ คุณศุภชัยร้อนไหมครับ คุณศุภชัยกินข้าวครับ คุณศุภชัยสบายตัวไหมคะ(อันนี้ได้ยินเมียแกพูดบ่อย)
จนไปถึง คุณศุภชัยนั่งลงครับ คุณศุภชัยทานข้าวครับ คุณศุภชัยอาบน้ำครับ คุณศุภชัยอย่างวิ่งไปหน้าบ้านครับ
และคุณศุภชัยไม่กัดค่ะ

ตะหงิดๆใช่ไหมคะ ใช่ค่ะ คุณศุภชัยคือ หมาค่ะ เป็นหมาไทย Temple (หมาวัด) สีดำขลับ สวยเชียว

และดิฉันก็เป็นคนที่ได้ใจค่ะ เลยอยากรู้ว่าทำไมตั้งชื่อหมาว่าศุภชัย แถมต้องเรียกว่าคุณทุกคำด้วย เลยไปถามเฮียเม้ง

ซึ่งเฮียเขาก็บอกว่า ช่วงนี้ดวงไม่ดี ชะตาตก อาจถึงคาดได้ และวิธีดูว่าเราดวงตก ก็คือ ถ้าเสียหวย เสียบอลติดต่อกัน 10 ครั้งติดกันแบบไม่มีถูกเลยสักอย่างขึ้น แปลว่า ดวงชะตากำลังตก

และวิธีแก้ดวงชะตาที่ปู่เห็นว่าได้ผลที่สุดก็คือ ต้องเลี้ยงดูบรรพชนให้ดี หมาดำตัวนี้ มีวิญญาณของบรรพบุรุษของแกสถิตอยู่ เพราะว่าบรรพบุรุษของแกคนนี้ ตอนมีชีวิตชอบกินเนื้อหมา ตายไปเลย ไปเกิดไม่ได้ เพราะมีบาปกรรมมาก วิญญาณก็ล่องลอยไปเรื่อยๆมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เวรกรรมของบรรพบุรุษคงใกล้จะหมด เลยดลบันดาลให้เฮียเม้งเสียหวยติดๆกัน

จนทำให้ปู่ต้องมาดู แล้วก็เห็นว่า วิญญาณบรรพบุรุษล่องลอยอยู่ไปเกิดไม่ได้

ปู่เห็นแล้วคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยทั้งบรรพบุรุษและเฮียเม้ง คือ
เฮียเม้งต้องได้ดูแลบรรพบุรุษตัวเอง และ วิญญาณบรรพบุรุษต้องมีที่สิงสถิต

เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ นำดวงวิญญาณไปใส่ในหมาดำ เพราะส่วนของวิญญาณเข้ากันได้กับหมาตัวนี้ (ไม่ได้ต่างอะไรกับการปลูกถ่ายอวัยวะ)

และบอกเฮียเม้งว่า ต้องเรียกหมาตัวนี้ว่า คุณศุภชัย เพราะชื่อนี้มีกำลังและเลขที่จะเกื้อหนุนเฮียเม้ง เวลาเอาไปเลี้ยง ต้องเลี้ยงด้วยความเคารพ ห้ามตี ห้ามว่า และต้องกราบไหว้เหมือนเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน

ดิฉันก็ถามว่า แล้วเฮียเชื่อได้ไงว่า นี่เป็นบรรบุรุษแก
เฮียเม้งตอบว่า ปู่บอกว่า ตอนมีชีวิต ปู่บอกว่า บรรพบุรุษของแก (ขอเรียกว่า คุณศุภชัยนะคะ คำว่า บรรพบุรุษมันยาว) ชอบกินไก่แช่เหล้ามากๆ ธรรมดาหมาไม่กินเหล้า ถ้าลองเอาไก่แช่เหล้าให้กิน แล้วคุณศุภชัยปรี่มากิน แสดงว่า คือคุณศุภชัยตัวจริง

เฮียเม้งเล่าว่า ปู่(ร่างทรง)เอาไก่แช่เหล้า (ดิฉันตะหงิดนิดนึงว่า หมาส่วนใหญ่ ไม่กินเหล้า แต่ไก่แช่เหล้านี่อีกเรื่องหรือเปล่า) มายื่นให้คุณศุภชัย ผล คือ คุณศุภชัยปรี่เข้าไปกิน

เท่านี้ คุณศุภชัย ก็ได้ไปเป็นบรรพบุรุษในบ้านของเฮียเม้ง และทั้งบ้านก็กราบไหว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เฮียเม้งก็ถูกหวยบ้าง เสียเงินจากไพ่ บอล สนุกเกอร์ แต่ก็ได้กลับมาบ้าง
แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่เฮียเม้งเสียตังค์อยู่บ่อยๆคือ ค่าทำขวัญที่ คุณศุภชัยไปกัดชาวบ้าน เพราะลูกหลานย่อมไม่อาจเอื้อมสั่งสอน ตี ด่าบรรพบุรุษ
นั่นคือ เพียงเรื่องแรก ของเฮียเม้ง ยังมีอีกมากมาย ไว้มาเล่าให้ฟัง
ไปละ บาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่