เรามีอาการโรคทางจิตนิดหน่อย แต่ไม่รู้ว่าพฤติกรรมพวกนี้มีชื่อเรียกไหม ถ้ามีมันเรียกว่าอะไรออยากทราบจริงๆค่ะ

ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ คือแบบว่าเรามีอาการแปลกๆความจริงก็สังเกตตัวเองมาซัก 5-6 ปีแล้ว บวกกับได้เรียนรู้เรื่องจิตวิทยาแล้วก็เรื่องโรคทางจิตมาอยู่พอควรเลยละ เลยพอรู้ว่าตัวเองมีความเข้าข่ายไหนบ้าง แต่พอลองไปศึกษาดูจริงๆมันก็ไม่ได้ตรงซะที่เดียวที่จะฟันธงว่าเป็นอะไร จนตอนนี้ทนไม่ไหวอยากรู้สิ่งที่ตัวเองเป็นเนียเรียกว่าอะไรกันแน่ (เราไม่อยากไปหาจิตแพทย์เลยอยากขอพื้นที่ซักเล็กน้อยสอบถามคนผ่านไปผ่านมาว่าตกลงเราเป็นอะไร) อาการของเรามีดังต่อไปนี้

    1.ลืมเรื่องราวและผู้คนที่ผ่านๆมา
แม้แค่ว่าเรื่องนั้นจะผ่านไปเพียงวันเดียวมันก็เลือนรางมากๆ จนตอนนี้ก็หนักถึงขั้นนึกชื่อของญาติพี่น้องที่เจอกันทุกวันไม่ออก อันที่จริงต้องบอกว่าลืมหน้าตาเขาไปเลย พอเขาทักเราก็แค่เออ ออ ตามประสาไปเท่านั้นพอเขาหลุดพูดชื่อตัวเองมาตอนนั้นค่อยเรียกเขา กับเพื่อนๆก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ

    2. พอได้รับแรงกดดันมากๆก็จะเกิดอาการหอบหายใจอย่างหนัก
หนักมากเสียจนเหมือนคนเป็นโรคหอบหืด(แต่เราไม่ได้เป็นนะ ร่างกายแข็งแรงปรกติ) แถมน้ำตาก็ไหล ได้ยินเสียงคนรอบข้างนะแต่ขยับตัวตามที่คิดไม่ได้ มือและตัวเกรงไปหมด อันนี้เคยถูกส่งเข้าโรงบาลมาแล้วสามครั้ง และที่เป็นก่อนหน้านั้นอีกสองครั้งแต่ไม่ได้เอาตัวส่งโรงบาล

    3. ชอบเรียกร้องความสนใจทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการให้ใครมาสนใจ
อันที่จริงอยากจะเป็นคนที่ไม่มีตัวตนจนไม่อยากให้ใครมาสนใจด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องทำตัวน่าสมเพชอย่างนั้นด้วยทำตัวเด่นจนได้รับความสนใจจากหลายๆคน ทำไม่ต้องเล่นกีฬาชนะ ทำไม่ต้องได้ทุน ทำไมต้องเรียนดี ทำไมต้องหยิบจับอะไรมันก็ไปได้ดีเสียหมดอย่างนั้นด้วยนะ

    4. อารมณ์ขึ้นๆลงๆ
เดียวหัวเราะ เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวเหงา เดี๋ยวโกรธ อารมณ์หงุดหงิดง่ายมาก แบบอะไรนิดหน่อยก็หงุดหงิดใจแล้ว แต่พอหงุดหงิดก็ไม่ได้แสดงท่าทางออกไปนะ(คิดว่านะ)คือแบบเวลาโกรธมันก็เหมื่อนมีอะไรซักอย่างมากระตุ้นจนปรอดพุ้งปีดดดขึ้นจนควบคุมทั้งท่าทางและคำพูดของตัวเองไม่ได้ แต่สุดท้ายก็มานั่งร้องไห้ที่หลังว่าไม่น่าทำอย่างนั้นเลย  แล้วก็ไม่กล้าเข้าไปหาคนที่เราโวยใส่จนคนๆนั้นคิดว่าเราโกรธเขาจนไม่เข้าใกล้ แต่จริงๆแล้วเรารู้สึกผิดต่างหากเลยถอยห่างออกมา

    5.ชอบการนอนเป็นที่สุด
คือไม่ต้องตื่นขึ้นมาได้จะดีมากๆ เหมือนแบบร่างกายมันต้องการการนอนตลอดเวลา ไม่ว่านอนมากหรือนอนแต่หัวค่ำเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ไม่ใช้ว่านอนแล้วจะฝันดีหรอกนะ ไม่เคยฝันเลยต่างหาก พอนอนทุกอย่างก็มืดและเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องคิดหรือรับรู้อะไร แต่ก็มีบางช่วงเหมื่อนกันที่นอนไม่หลับ หรือจะพูดให้ถูกคือตัวเราไม่ยอมที่จะนอน

    6. กลัวคนอื่นเกลียดมากจนเกินไป
อันนี้เราหงุดหงิดตัวเองมากๆ ที่แคร์คนอื่นขนาดยอมวิ่งเต้นเป็นเบี้ยล่างให้คนอื่นหลอกใช้อยู่ตลอด เรารู้นะว่าตัวเองกำลังถูกหลอกใช้อยู่ แต่มันก็ดันยอมให้เขาหลอก และพอความแตกก็ดันให้อภัยพวกนั้นง่ายๆซะอย่างนั้น ดูเหมือนเป็นแม่พระซะเติมประดา แต่พวกแกรู้อะไรมะว่าเราแอบร้องไห้ทุกๆคืนเลย แม่เราก็ชอบพูดว่าไม่มีใครที่มันจริงใจกับซักคนหรอก เรารู้ รู้ดีเลยละแต่ตัวมันกลับไม่ยอมทำตามสั่งซักอย่างมีแต่รอยยิ้มและคำว่าไม่เป็นไร เราทำเอง เกลียดตัวเองอย่างนี้ที่สุด!

    7. สร้างภาพต่อหน้าคนอื่น
เรามักแสดงตัวตนที่เป็นเด็กร่าเริงแสนฉลาดเป็นคนมองโลกในแง่ดีไม่ว่าจะต่อหน้าใครก็ตามไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของฉัน และเป็นคนที่ไม่เคยทุกข์ร้อนใด เหมือนชีวิตจะมีแต่รอยยิ้มทั้งๆที่ยิ้มไม่ออกทุกครั้งที่โดนหัวเราะ ทั้งๆที่อยากร้องให้แทบตายตอนที่ตัวเองโดนทำเหมือนตัวตลก แต่ก็ได้แค่ตอบว่าไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ อย่าคิดมากเราไม่โกรธหรอก........ หลอกตัวเองและคนอื่นไปทั่ว ร่าเริงเหรอ? เหอะ! ทั้งๆที่อยู่ในบ้านแถบจะไม่ยอมลุกออกมาจากเตียงหรือออกจากห้องเลยท่าไม่จำเป็นเช่นไปโรงเรียน ถ้าออกจากห้องก็ต้องสดใสเข้าไว้นั้นมัน...เหนือนะ

8. หลอกตัวเอง
พ่อทิ้งฉันและแม่ไปตอนที่บ้านเราไม่มีเงินติดบ้านซักบาท ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง ฉันสนิทกับเขามากเรามีช่วงเวลาที่ดีต่อกัน ฉันอยากตายๆไปซะ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะต่อให้เจ็บแค่ไหน ใบหน้าฉันมันก็ยิ้ม ยิ้มออกมาและหลอกตัวเองเสมอว่าพ่อแค่ไปทำงานในที่ไกลๆ เลยกลับมาไม่ได้ เพราะในตอนนั้นคนที่จะเป็นจะตายที่สุดคงเป็นแม่ฉันที่คิดฆ่าตัวตายนับครั้งไม่ท้วน กับน้องชายที่ไม่รู้เรื่องอะไร......ฉันรู้แค่ว่าฉันตายไม่ได้และจะทำตัวเศร้าไม่ได้ ฉันต้องยิ้มและหัวเราะตลอดเวลาเหมือนคนบ้า และแอบไปร้องให้คนเดียวตลอดน้ำตาของฉันไม่ให้แม่เห็นเด็จขาด

    9. โกหกเป็นนิสัย
ฉันโกหกทุกๆสิ่งเกี่ยวกับตัวเอง ฉันไม่เคยที่จะพูดความจริงเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองให้ใครรู้ หรือแม้แต่ตัวฉันเอง ทุกครั้งที่ฉันคุยกับเพื่อนฉันมักไม่ได้บอกข้อมูลจริงๆซักอย่าง แม้แต่การคุยจิปาถะแบบเด็กทั่วไปเช่น ชอบกินอะไร หรือชอบดาราคนไหน หึ! สิ่งที่ฉันชอบนะมันไม่มีบนโลกนี้หรอกนะ อ๋อใช้แม้แต่ประวัติโรงเรียนเก่าของตัวเองฉันก็ปลอมมันขึ้นมาทั้งหมด ก็ในเมื่อทุกๆทีที่ฉันไปมันไม่มีคนรู้จักฉันอยู่แล้วนี้  ฉันจะพูดอะไรพวกมันก็เชื่อไปหมดทั้งนั้นละ

    10. ชอบใช้จิตวิทยาหลอกคนอื่น
ฉันค่อนข้างเรียนรู้เรื่องจิตวิทยามาบ้างอย่างที่เคยบอกดังนั้นฉันจึงมักที่จะใช้มันหลอกล่อให้คนที่อยู่รอบๆตัวฉันทะเลาะกันเองโดยมีฉันเป็นจุดสูญกลาง มันสนุกจริงๆนะ ในทุกๆที่ที่ฉันไปฉันมักทำแบบนั้นและมันก็สำเร็จเสียด้วย บางที่ก็ใช้เวลานานหน่อย แต่บางที่ก็แปบเดียว พวกมันทะเลาะกันนินทากันไปนินทากันมา และเรื่องราวมันก็จะบานปลายด้วยคำพูดเล็กน้อยของฉัน อย่าเข้าใจผิดนะ! ฉันไม่ได้พูดใส่สีตีไข่ให้พวกมันทะเลาะกัน ตรงกันข้ามเลยฉันทำหน้าที่เป็นกรรมการต่างหาก คอยพูดไกล่เกลี่ยไม่ให้ทะเลาะกัน แต่บางที่คำพูดไกล่เกลี่ยหากบิดพลิ้วเสียหน่อยมันก็เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีกว่าการใส่ร้ายเสียอีก นั้นคือสิ่งที่พวกมันต้องชดใช้ที่หลอกใช้ฉัน ไม่มีอะไรที่น่าแค้นใจยิ่งกว่าการสูญเสียมิตรภาพไปอีกแล้ว และที่สำคัญสูญเสียด้วยการกระทำของพวกแกเองฉันเป็นคนบังคับแต่พวกแกนั้นละที่เป็นคนเร่งเครื่อง

จริงๆฉันมีอาการแปลกๆอื่นๆอีกแต่ว่าเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อนเพราะรู้สึกว่ายิ่งพิมพ์ฉันก็ยิ่งควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ เอาเป็นว่านี้เป็นอาการหลักๆที่ฉันสังเกตได้ มันรู้สึกว่าหลายๆอย่างยำรวมกันเหลือเกินฉันจึงเริ่มรู้สึกสงสัยว่าฉันเป็นอะไรกันแน่ตกลง ไอ้พฤติกรรมพวกนี้มันมีชื่อเรียกหรือเปล่า (หลายๆอย่างฉันรู้ตัวนะแต่ควบคุมไม่ได้)

ปล.ฉันเคยพยายามสร้างกำแพงขึ้นมากันคนอื่นให้ออกห่างจากฉันอันนี้ฉันรู้ตัว เพราะหลายๆคนชอบวุ่นวายกับฉันเสียเหลือเกินชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายในโลกของฉัน ก้าวกายชีวิตส่วนตัวฉันมากเกินไปจนถึงขั้นยกขบวนตามฉันมาจนถึงบ้านในตอนที่ฉันไม่ยอมไปเรียน นั้นมันน่ารำคาญ และน่าหงุดหงิดมากๆ

ฉันตัดสินใจบอกให้แม่ย้ายบ้านหนีเจ้าพวกนั้นและไปเรียนทุกวันแม้จะไม่อยากแค่ไหน เมื่อก่อนฉันจะพยายามไม่ขาดและผลการเรียนก็อยู่ในระดับที่ดี พอเป็นแบบนี้พวกนั้น เลยตื่นตูมกันสินะ คงไม่มีใครมาทำรายงานหรือการบ้านให้พวกมันนะสิถึงได้กล้าเข้ามาเหยียบพื้นที่ ที่เรียกว่าเซฟโซนของฉัน!

และพอฉันเริ่มไปเรียนแบบปรกติก็ตามคาดพวกมันไม่ได้เข้ามาคุยกับฉัน หรือแสดงท่าทางของการเป็นเพื่อนซักนิด แต่พอมีงานพวกมันกับแจนเข้ามาแย่งตัวฉันกันใหญ่ เหอะ เป็นอย่างนี้อีกแล้ว แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะเงียบและก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป หนักถึงขั้นเสนอชื่อตัวเองไปทำในงานที่ตัวเองเกลียดที่สุด การพรีเซน ก็.....จะมีใครรู้ดีไปกว่าคนทำละ ไม่มีหรอก.....คิดยังไงฉันก็ต้องทำหน้าที่นี้ด้วยชัดๆ นี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ......

บอกจะพอแล้วแต่ก็พิมพ์ยาวอีกจนได้ขอโทษนะ เม่าเหม่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่