ที่มา :
https://www.facebook.com/perdball/posts/2164517693815042?__xts__%5B0%5D=68.ARAih2F78UbtbAZPk2gCxrsmyuiEvwqRhM77NoHEMlBNUAx065zb-RiJPXXgd4gAstasnYbLtSC1Wmn4xDjAPK8-qVdQ8weEPnkZ_ks7UvAwy7rHlEOm-rNxLVEd0oymlUak8SkKn3GxzfAxD2uuSh9jcJhfz_h06xe4lSELUnRCwgAO-KeCXjODXgEQKauvrrjb6AA5a-dg21fYNkPwAqhQtFd60ihLPu9k-L0b4N9gmFU2DzS3wUzQ0ZAaCef7x_P5aMb38BZLSXg4NvXq4Tn4uvvWYmtnY0kJxsowJr41baqjLr-gHkuCq-YoJ4j0wj4BC6PBVsD0oNf2RpMQtC30Bzo1&__tn__=K-R
หลังจากทีมชาติไทย แพ้ให้กับทีมชาติจีน 2-1 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ Asian cup ไปเรียบร้อย ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทั้ง เว็บบอร์ดชื่อดัง เฟซบุ๊ค ผมเห็นแฟนบอลไทยเริ่มกระบวนการหาคนผิดมาระบายกันอย่างหนักหน่วง
โดยเฉพาะทางอินสตราแกรมที่แอคเค้าท์ส่วนตัวของนักฟุตบอลที่แฟนบอลไม่พอใจมากที่สุดทั้ง ชนานันท์และเฉลิมพงศ์ โดนรุมคอมเมนต์ในทางลบซะจนผมยังเห็นว่ามันหนักข้อเกินไปจริง ๆ ครับ
รวมถึงมีการพูดถึงโค้ชโต่ยในทางที่ไม่เข้าใจเรื่องการเปลี่ยนตัวอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น แกยังเป็นฮีโร่ของแฟนบอลไทยอยู่เลย
ผมจะบอกให้ครับ ว่าสาเหตุที่ทีมชาติไทยไม่สามารถต่อกรในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์( ระดับทวีป,ระดับโลก)ได้นั้น เป็นเพราะอะไร ไม่ใช่โค้ชโต่ย ไม่ใช่เฉลิมพงศ์และชนานันท์แน่นอนครับ
สาเหตุมาจากกระบวนการคิดและทัศนคติของคนในวงการฟุตบอลไทยในทุกวันนี้ครับ
เราจะเห็นได้เสมอว่า คนไทยมุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จในระดับยอดของปีรามิดตลอดเวลาครับ
ระดับชาติ(ทุกรุ่นอายุ) เราต้องการความสำเร็จเสมอ ถ้าล้มเหลว ต้องเปลี่ยนโค้ช ไม่ก็เป็นความผิดนักฟุตบอลบางคน ไม่ก็เป็นความผิดของสมาคม
ระดับสโมสร ทีมส่วนใหญ่มองไปที่การใช้เงินจ้างนักเตะแพง ๆ (และฐานเงินเดือนก็แพงมากขึ้นในทุก ๆ ปี) มาร่วมทีมเพื่อตามล่าความสำเร็จต่าง ๆ
แต่คนส่วนใหญ่ในวงการนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับส่วนฐานของปีรามิด(ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด)อย่างมากพอ
⚽ส่วนที่ผมจะพูดถึงก็คือ การพัฒนาเยาวชนครับ
เราผลิตนักฟุตบอล อย่างเจ,อุ้ม,มุ้ยหรือตองมาได้ไม่มากพอ เพื่อให้โค้ชในทีมชาติชุดใหญ่ได้มีทางเลือกที่จะใช้ได้อย่างทั่วถึงในทุกตำแหน่ง และหลังจากหมดเจเนเรชั่นนี้ ผมก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีใครมาแทนที่คนอย่างเจได้ในทันที
และนักฟุตบอลส่วนใหญ่ที่ถูกกล่าวถึง ก็ไม่ได้เก่งขึ้นมาด้วยระบบการพัฒนาเยาวชนของไทย
ใช่ครับ...... การมุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จ หรือถ้วยรางวัลของทีมชาติ เป็นเรื่องที่ดี และมันจะทำให้คนไทยทุกคนภูมิใจ แต่ถ้าเราไม่มุ่งไปที่วิธีการสอนและปั้นนักฟุตบอลให้เป็นนักฟุตบอลที่จะไปแข่งขันในระดับทวีป หรือระดับโลกได้ เราก็จะเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และถอยหลังสองก้าวเสมอ ในขณะที่เพื่อนบ้านเราค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
ตัวอย่างมีมากมายครับ
เช่น เยอรมันนีที่ล้มเหลวในยุคมิลเลเนียม แล้วทุกคนในวงการฟุตบอลเยอรมันก็หันมาประชุมกัน แล้วก็ตกลงกันว่า เราต้องเปลี่ยนโครงสร้างการพัฒนาเยาวชน......... ไม่ถึง 20 ปี ก็เป็นแชมป์โลก
เบลเยี่ยมก็เปลี่ยนแปลงโครงสร้างในยุคเดียวกับเยอรมันนี ไม่ถึง 20 ปีเช่นกัน ก็ผลิตนักฟุตบอลระดับโลกมาในเกือบทุกตำแหน่ง และได้อันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018
⚽การจะพัฒนาเยาวชน ก็ไม่ใช่มุ่งไปที่การที่ทีมยู 14,16,19 จะไปได้แชมป์รายการต่าง ๆ
⚽การพัฒนาเยาวชน คือการมุ่งพัฒนานักฟุตบอลตั้งแต่เล็ก 5-6 ขวบ กันเลยทีเดียว
⚽และในการพัฒนาเยาวชน ไม่ใช่การคัดตัวเด็กเก่ง ๆ มาร่วมทีมไปแข่ง แล้วพอได้แชมป์ก็บอกว่าเราปั้นเด็กเก่ง
สิ่งที่สำคัญกว่าการหานักบอกเด็กเก่ง ๆ ก็คือ การอบรมให้เกิดโค้ชเก่ง ๆ อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ พร้อมกับระบบการจัดการฟุตบอลเยาวชนที่มีประโยชน์กับเด็กจริง ๆ
ทุกวันนี้ เรายังเห็นรายการฟุตบอลสั้น ๆ ที่หลาย ๆ ทีมส่งเด็กไปแข่งเพื่อล่ารางวัล เพื่อบอกว่าอคาเดมี่เราดี โรงเรียนเราดี ทีมเราดี เยอะเกินความจำเป็น
ในหลาย ๆ ประเทศที่ฟุตบอลพัฒนาแล้ว รุ่นอายุ 7-12 ปี บ้านเค้ามีเป็นระบบลีกอย่างทั่วถึง เพื่อให้นักฟุตบอลได้มีโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงทุกคน และที่สำคัญ เค้าไม่ใส่ใจการการจับอันดับตารางคะแนน
พอไม่มีอันดับหรือผลการแข่งขัน โค้ชก็จะกล้าใช้นักฟุตบอลทั้งทีมหมุนเวียนกันเล่นเท่า ๆ กัน มากขึ้น
บ้านเราส่วนใหญ่ พอเน้นผลการแข่งขัน ทั้งทีมสมมติมี 20 คน โค้ชก็จะใช้แต่ 11-15 คนเท่านั้น เพื่อเน้นเอาแชมป์ เด็กอีก 5 คนที่เหลือ ก็จะลดโอกาสการพัฒนาไปอย่างน่าเสียดาย
และรวมถึงการสอนฟุตบอลเด็กของบ้านเราส่วนใหญ่ โค้ชจะใช้การสั่งมากกว่าการสอน(โดยให้เหตุผลประกอบ)
เช่น โค้ชจะบอกให้เด็กอย่าเลี้ยง รีบส่งบอล ไปทางโน้น ไปทางนี้ แต่ไม่บอกเหตุผลกับเด็กว่าทำไมต้องทำ ทั้ง ๆ ที่แต่ละสถานการณ์ในเกมส์ฟุตบอล เด็กควรจะมีทางเลือกให้คิดเองมากกว่าหนึ่งทาง
ระบบการสั่งให้เด็กทำ ทำให้บ้านเราผลิตนักฟุตบอลที่มีความคิดสร้างสรรค์ออกมาน้อยเกินไป
พอเด็กเลี้ยงบอล โค้ชก็จะชอบบอกให้รีบออกบอลเร็ว ๆ วีธีการแบบนี้ เราก็ผลิตนักฟุตบอลที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ออกมาน้อยเกินไปเช่นกัน
โค้ชส่วนใหญ่สอนให้เด็กส่งบอล เลี้ยงบอลได้ แต่ไม่ได้สอนให้เด็กได้คิดเองว่า ทำตอนไหน ทำเมื่อไร ทำอย่างไร
แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่ความผิดของโค้ช เพราะในการอบรมโค้ชของไทยที่ผมเคยผ่านมา โค้ชก็ไม่ได้ถูกสอนโดยใช้เหตุผลและตั้งคำถามเช่นกัน
โค้ชถูกสอนมาให้ฟุตบอลมีแค่ถูกกับผิด ขาวกับดำ
ทำให้โค้ชคนไทยส่วนใหญ่ที่ถูกผลิตออกมา ก็ถูกจำกัดอยู่ในกรอบเช่นเดียวกับนักฟุตบอล
และการพัฒนานักฟุตบอลเพื่อป้อนให้กับทีมชาติในอนาคต ทุกวันนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของอคาเดมี่ของสโมสรต่าง ๆ หรือโรงเรียนที่มีทีมฟุตบอลต่าง ๆ(ซึ่งก็จะร่วมมือกับสโมสรอยู่ดี)
และหลาย ๆ ทีม(ในรุ่นเล็ก ๆ ) ก็ยังมุ่งเป้าไปที่การคัดตัวเด็ก การดึงตัวเด็กเข้าทีม เพื่อล่าแชมป์อยู่เหมือนเดิม
⚽ย้ำอีกครั้ง ..... ในระดับเยาวชน ถ้าเรามุ่งเป้าล่าแชมป์ คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือโค้ชและเจ้าของทีม ไม่ใช่นักฟุตบอล
ผมทำงานกับหลายสโมสรในไทย หลาย ๆ ทีมยังคงโฟกัสและทุ่มเงินเกิน90%ของงบ เพื่อไปใช้กับทีมใหญ่ ในขณะที่ทีมระดับเยาวชนกลับไม่ได้รับการเหลียวแลมากที่ควร
บางทีมจำเป็นต้องมีทีมเยาวชน (เพราะกฎบังคับ) ก็แค่ไปดึงโรงเรียนที่มีทีมฟุตบอลอยู่แล้ว มาใช้ชื่อสโมสรตัวเอง เพื่อประหยัดงบ
และยังมีอีกหลายเรื่องครับ ที่วงการฟุตบอลไทยต้องปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะเรื่องรากฐานของฟุตบอล แต่ในช่วงปีหลัง ๆ ผมก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลายอย่างครับ แต่ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ บางทีมันอาจจะช้าไปครับ
และมันจะช้าไปอย่างแน่นอน ถ้าเทียบกับความคาดหวังของแฟนบอลไทย
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าแฟนบอลไทย ลดความสนใจจากส่วนยอดของปีรามิด แล้วมาเพิ่มที่ส่วนล่างของปีรามิดมากขึ้น
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าคนที่มีส่วนร่วมกับวงการฟุตบอลเยาวชน ลดการตั้งเป้าเรื่องถ้วยรางวัล แล้วไปมุ่งเน้นในการพัฒนาเด็กมากกว่านี้
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าโค้ชสอนเด็กให้ได้มีความคิดเป็นของตัวเอง โดยการตั้งคำถามกับเด็ก แทนการสั่งครับ
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าการอบรมโค้ชในทุกวันนี้ อบรมโดยการตั้งคำถามกับโค้ชที่มาเรียนเพื่อให้โค้ชได้มีมุมมองที่เปิดกว้าง มีอิสระมากกว่านี้ เพื่อให้โค้ชได้เข้าใจในฟุตบอล ไม่ใช่แค่จำจากหนังสือทฤษฎีไปใช้ครับ
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าสมาคมฟุตบอล ลงมาใส่ใจกับฟุตบอลเยาวชน ลงทุนกับเด็กและโค้ชที่จะสอนเด็กมากขึ้นครับ
⚽และจะดีที่สุดครับ ถ้าแฟนบอลไทยใจเย็น ๆ ครับ เราสู้เค้าไม่ได้ เพราะนักฟุตบอลเราได้รับการศึกษาทางฟุตบอลมาไม่เท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วทางฟุตบอลครับ
ถ้าแฟนบอลคาดหวังความสำเร็จมากเกินไป คนที่มีอำนาจเค้าก็อยากจะเอาใจแฟนบอลโดยการเอาความสำเร็จมาให้ครับ เค้าก็จะลดความสนใจเรื่องการพัฒนาเด็กลงไปครับ
ถ้าแฟนบอลคาดหวังเรื่องการพัฒนาเด็กมากขึ้น ผู้มีอำนาจทั้งหมดก็จะใส่ใจกับการพัฒนามากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
✌ช่วยกันนะครับ แฟนบอลไทยทุกคน✌
ด้วยความรัก จากเพจ #เปิดบอล
บทความจากเพจ เปิดบอล พูดถึงการพัฒนาเยาวชน ได้น่าสนใจมาก
หลังจากทีมชาติไทย แพ้ให้กับทีมชาติจีน 2-1 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ Asian cup ไปเรียบร้อย ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทั้ง เว็บบอร์ดชื่อดัง เฟซบุ๊ค ผมเห็นแฟนบอลไทยเริ่มกระบวนการหาคนผิดมาระบายกันอย่างหนักหน่วง
โดยเฉพาะทางอินสตราแกรมที่แอคเค้าท์ส่วนตัวของนักฟุตบอลที่แฟนบอลไม่พอใจมากที่สุดทั้ง ชนานันท์และเฉลิมพงศ์ โดนรุมคอมเมนต์ในทางลบซะจนผมยังเห็นว่ามันหนักข้อเกินไปจริง ๆ ครับ
รวมถึงมีการพูดถึงโค้ชโต่ยในทางที่ไม่เข้าใจเรื่องการเปลี่ยนตัวอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น แกยังเป็นฮีโร่ของแฟนบอลไทยอยู่เลย
ผมจะบอกให้ครับ ว่าสาเหตุที่ทีมชาติไทยไม่สามารถต่อกรในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์( ระดับทวีป,ระดับโลก)ได้นั้น เป็นเพราะอะไร ไม่ใช่โค้ชโต่ย ไม่ใช่เฉลิมพงศ์และชนานันท์แน่นอนครับ
สาเหตุมาจากกระบวนการคิดและทัศนคติของคนในวงการฟุตบอลไทยในทุกวันนี้ครับ
เราจะเห็นได้เสมอว่า คนไทยมุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จในระดับยอดของปีรามิดตลอดเวลาครับ
ระดับชาติ(ทุกรุ่นอายุ) เราต้องการความสำเร็จเสมอ ถ้าล้มเหลว ต้องเปลี่ยนโค้ช ไม่ก็เป็นความผิดนักฟุตบอลบางคน ไม่ก็เป็นความผิดของสมาคม
ระดับสโมสร ทีมส่วนใหญ่มองไปที่การใช้เงินจ้างนักเตะแพง ๆ (และฐานเงินเดือนก็แพงมากขึ้นในทุก ๆ ปี) มาร่วมทีมเพื่อตามล่าความสำเร็จต่าง ๆ
แต่คนส่วนใหญ่ในวงการนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับส่วนฐานของปีรามิด(ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด)อย่างมากพอ
⚽ส่วนที่ผมจะพูดถึงก็คือ การพัฒนาเยาวชนครับ
เราผลิตนักฟุตบอล อย่างเจ,อุ้ม,มุ้ยหรือตองมาได้ไม่มากพอ เพื่อให้โค้ชในทีมชาติชุดใหญ่ได้มีทางเลือกที่จะใช้ได้อย่างทั่วถึงในทุกตำแหน่ง และหลังจากหมดเจเนเรชั่นนี้ ผมก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีใครมาแทนที่คนอย่างเจได้ในทันที
และนักฟุตบอลส่วนใหญ่ที่ถูกกล่าวถึง ก็ไม่ได้เก่งขึ้นมาด้วยระบบการพัฒนาเยาวชนของไทย
ใช่ครับ...... การมุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จ หรือถ้วยรางวัลของทีมชาติ เป็นเรื่องที่ดี และมันจะทำให้คนไทยทุกคนภูมิใจ แต่ถ้าเราไม่มุ่งไปที่วิธีการสอนและปั้นนักฟุตบอลให้เป็นนักฟุตบอลที่จะไปแข่งขันในระดับทวีป หรือระดับโลกได้ เราก็จะเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และถอยหลังสองก้าวเสมอ ในขณะที่เพื่อนบ้านเราค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
ตัวอย่างมีมากมายครับ
เช่น เยอรมันนีที่ล้มเหลวในยุคมิลเลเนียม แล้วทุกคนในวงการฟุตบอลเยอรมันก็หันมาประชุมกัน แล้วก็ตกลงกันว่า เราต้องเปลี่ยนโครงสร้างการพัฒนาเยาวชน......... ไม่ถึง 20 ปี ก็เป็นแชมป์โลก
เบลเยี่ยมก็เปลี่ยนแปลงโครงสร้างในยุคเดียวกับเยอรมันนี ไม่ถึง 20 ปีเช่นกัน ก็ผลิตนักฟุตบอลระดับโลกมาในเกือบทุกตำแหน่ง และได้อันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018
⚽การจะพัฒนาเยาวชน ก็ไม่ใช่มุ่งไปที่การที่ทีมยู 14,16,19 จะไปได้แชมป์รายการต่าง ๆ
⚽การพัฒนาเยาวชน คือการมุ่งพัฒนานักฟุตบอลตั้งแต่เล็ก 5-6 ขวบ กันเลยทีเดียว
⚽และในการพัฒนาเยาวชน ไม่ใช่การคัดตัวเด็กเก่ง ๆ มาร่วมทีมไปแข่ง แล้วพอได้แชมป์ก็บอกว่าเราปั้นเด็กเก่ง
สิ่งที่สำคัญกว่าการหานักบอกเด็กเก่ง ๆ ก็คือ การอบรมให้เกิดโค้ชเก่ง ๆ อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ พร้อมกับระบบการจัดการฟุตบอลเยาวชนที่มีประโยชน์กับเด็กจริง ๆ
ทุกวันนี้ เรายังเห็นรายการฟุตบอลสั้น ๆ ที่หลาย ๆ ทีมส่งเด็กไปแข่งเพื่อล่ารางวัล เพื่อบอกว่าอคาเดมี่เราดี โรงเรียนเราดี ทีมเราดี เยอะเกินความจำเป็น
ในหลาย ๆ ประเทศที่ฟุตบอลพัฒนาแล้ว รุ่นอายุ 7-12 ปี บ้านเค้ามีเป็นระบบลีกอย่างทั่วถึง เพื่อให้นักฟุตบอลได้มีโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงทุกคน และที่สำคัญ เค้าไม่ใส่ใจการการจับอันดับตารางคะแนน
พอไม่มีอันดับหรือผลการแข่งขัน โค้ชก็จะกล้าใช้นักฟุตบอลทั้งทีมหมุนเวียนกันเล่นเท่า ๆ กัน มากขึ้น
บ้านเราส่วนใหญ่ พอเน้นผลการแข่งขัน ทั้งทีมสมมติมี 20 คน โค้ชก็จะใช้แต่ 11-15 คนเท่านั้น เพื่อเน้นเอาแชมป์ เด็กอีก 5 คนที่เหลือ ก็จะลดโอกาสการพัฒนาไปอย่างน่าเสียดาย
และรวมถึงการสอนฟุตบอลเด็กของบ้านเราส่วนใหญ่ โค้ชจะใช้การสั่งมากกว่าการสอน(โดยให้เหตุผลประกอบ)
เช่น โค้ชจะบอกให้เด็กอย่าเลี้ยง รีบส่งบอล ไปทางโน้น ไปทางนี้ แต่ไม่บอกเหตุผลกับเด็กว่าทำไมต้องทำ ทั้ง ๆ ที่แต่ละสถานการณ์ในเกมส์ฟุตบอล เด็กควรจะมีทางเลือกให้คิดเองมากกว่าหนึ่งทาง
ระบบการสั่งให้เด็กทำ ทำให้บ้านเราผลิตนักฟุตบอลที่มีความคิดสร้างสรรค์ออกมาน้อยเกินไป
พอเด็กเลี้ยงบอล โค้ชก็จะชอบบอกให้รีบออกบอลเร็ว ๆ วีธีการแบบนี้ เราก็ผลิตนักฟุตบอลที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ออกมาน้อยเกินไปเช่นกัน
โค้ชส่วนใหญ่สอนให้เด็กส่งบอล เลี้ยงบอลได้ แต่ไม่ได้สอนให้เด็กได้คิดเองว่า ทำตอนไหน ทำเมื่อไร ทำอย่างไร
แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่ความผิดของโค้ช เพราะในการอบรมโค้ชของไทยที่ผมเคยผ่านมา โค้ชก็ไม่ได้ถูกสอนโดยใช้เหตุผลและตั้งคำถามเช่นกัน
โค้ชถูกสอนมาให้ฟุตบอลมีแค่ถูกกับผิด ขาวกับดำ
ทำให้โค้ชคนไทยส่วนใหญ่ที่ถูกผลิตออกมา ก็ถูกจำกัดอยู่ในกรอบเช่นเดียวกับนักฟุตบอล
และการพัฒนานักฟุตบอลเพื่อป้อนให้กับทีมชาติในอนาคต ทุกวันนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของอคาเดมี่ของสโมสรต่าง ๆ หรือโรงเรียนที่มีทีมฟุตบอลต่าง ๆ(ซึ่งก็จะร่วมมือกับสโมสรอยู่ดี)
และหลาย ๆ ทีม(ในรุ่นเล็ก ๆ ) ก็ยังมุ่งเป้าไปที่การคัดตัวเด็ก การดึงตัวเด็กเข้าทีม เพื่อล่าแชมป์อยู่เหมือนเดิม
⚽ย้ำอีกครั้ง ..... ในระดับเยาวชน ถ้าเรามุ่งเป้าล่าแชมป์ คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือโค้ชและเจ้าของทีม ไม่ใช่นักฟุตบอล
ผมทำงานกับหลายสโมสรในไทย หลาย ๆ ทีมยังคงโฟกัสและทุ่มเงินเกิน90%ของงบ เพื่อไปใช้กับทีมใหญ่ ในขณะที่ทีมระดับเยาวชนกลับไม่ได้รับการเหลียวแลมากที่ควร
บางทีมจำเป็นต้องมีทีมเยาวชน (เพราะกฎบังคับ) ก็แค่ไปดึงโรงเรียนที่มีทีมฟุตบอลอยู่แล้ว มาใช้ชื่อสโมสรตัวเอง เพื่อประหยัดงบ
และยังมีอีกหลายเรื่องครับ ที่วงการฟุตบอลไทยต้องปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะเรื่องรากฐานของฟุตบอล แต่ในช่วงปีหลัง ๆ ผมก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลายอย่างครับ แต่ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ บางทีมันอาจจะช้าไปครับ
และมันจะช้าไปอย่างแน่นอน ถ้าเทียบกับความคาดหวังของแฟนบอลไทย
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าแฟนบอลไทย ลดความสนใจจากส่วนยอดของปีรามิด แล้วมาเพิ่มที่ส่วนล่างของปีรามิดมากขึ้น
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าคนที่มีส่วนร่วมกับวงการฟุตบอลเยาวชน ลดการตั้งเป้าเรื่องถ้วยรางวัล แล้วไปมุ่งเน้นในการพัฒนาเด็กมากกว่านี้
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าโค้ชสอนเด็กให้ได้มีความคิดเป็นของตัวเอง โดยการตั้งคำถามกับเด็ก แทนการสั่งครับ
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าการอบรมโค้ชในทุกวันนี้ อบรมโดยการตั้งคำถามกับโค้ชที่มาเรียนเพื่อให้โค้ชได้มีมุมมองที่เปิดกว้าง มีอิสระมากกว่านี้ เพื่อให้โค้ชได้เข้าใจในฟุตบอล ไม่ใช่แค่จำจากหนังสือทฤษฎีไปใช้ครับ
⚽จะดีมากกว่าครับ ถ้าสมาคมฟุตบอล ลงมาใส่ใจกับฟุตบอลเยาวชน ลงทุนกับเด็กและโค้ชที่จะสอนเด็กมากขึ้นครับ
⚽และจะดีที่สุดครับ ถ้าแฟนบอลไทยใจเย็น ๆ ครับ เราสู้เค้าไม่ได้ เพราะนักฟุตบอลเราได้รับการศึกษาทางฟุตบอลมาไม่เท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วทางฟุตบอลครับ
ถ้าแฟนบอลคาดหวังความสำเร็จมากเกินไป คนที่มีอำนาจเค้าก็อยากจะเอาใจแฟนบอลโดยการเอาความสำเร็จมาให้ครับ เค้าก็จะลดความสนใจเรื่องการพัฒนาเด็กลงไปครับ
ถ้าแฟนบอลคาดหวังเรื่องการพัฒนาเด็กมากขึ้น ผู้มีอำนาจทั้งหมดก็จะใส่ใจกับการพัฒนามากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
✌ช่วยกันนะครับ แฟนบอลไทยทุกคน✌
ด้วยความรัก จากเพจ #เปิดบอล