ผมเดินทางมาญี่ปุ่นหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยทำ review เกี่ยวกับญี่ปุ่นเป็นจริงเป็นจังมาก่อนเลยครับ ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2014 ตอนผมไป honeymoon กับภรรยา ผมเคยทำ mini review  ชื่นชมโรงแรมแห่งขึ้นย่าน Gotenba แต่ก็เป็นแค่ review สั้นๆ ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอะไรเลย สำหรับกระทู้นี้ ผมได้แรงบันดาลใจจากหลายๆกระทู้ใน pantip รวมถึง vlog หลายๆ clip บน youtube ซึ่งเป็น database ที่ดีมากๆสำหรับการเดินทาง trip นี้ของผม จึงต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างมากมา ณ โอกาสนี้ครับ ผมทราบดีเลยว่ากว่าจะได้กระทู้ดีๆมาซัก 1 กระทู้ หรือ vlog ดีๆ 1 clip เจ้าของจะต้องทุ่มเท สละเวลาอันมีค่ามากแค่ไหนกว่าจะสำเร็จลงได้ อย่างไรก็ตาม ผมพบว่ายังมีข้อมูลบางอย่างที่ผมยังไม่สามารถหาได้เป็นภาษาไทยและบางข้อมูลที่ได้มาก็ยังไม่สมบูรณ์ต้องไปตายเอาดาบหน้า ผมจึงมีความตั้งใจว่าจะทำ review นี้ขึ้นโดยหวังว่า ข้อมูลของผมจะเป็นประโยชน์กับหลายท่านที่จะตามรอยการเดินทางของผม หรือนำเอาส่วนใดส่วนนึงไปประยุกต์กับการเดินทางของท่านครับ


ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่า กระทู้นี้ยาวมากครับ ผมตั้งใจเขียนแบบละเอียดยิบ เล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่การวางแผนเดินทาง เรื่องราวระหว่างการเดินทาง รีวิวสายการบินและที่พักทั้งหมด รวมถึงรูปก็เยอะมากพอสมควรด้วยครับ ทั้งนี้ต้องขอออกตัวก่อนว่า ไม่มีการแอบแฝงโปรโมทเพจ หรือฝาก ig, facebook ไม่มีรูปหน้าเจ้าของกระทู้หรือเพื่อนที่ไปด้วยและไม่ได้รับค่าจ้างจากที่ใดๆในการรีวิวนี้ทั้งสิ้น กระทู้นี้เกิดจากใจของผมล้วนๆครับ

สำหรับรูปที่ถ่ายทำรีวิวนี้ ผมใช้สลับกันระหว่าง iPhone xs max และ Sony xz premium ครับ รูปทั้งหมดไม่ได้มีการตกแต่งเพิ่มเติมใดๆ ยกเว้นบางรูปที่ปรับเป็น vivid จากกล้องโดยตรง แต่อาจจะมีบางรูป(ส่วนน้อย)ที่หยิบยืมมาจากเพื่อนที่ไปด้วยกันบ้างครับ หากท่านใดสนใจว่ารูปไหนถ่ายจาก iPhone รูปไหนถ่ายจาก Sony สอบถามเป็นรูปๆไปได้นะครับ

Trip นี้เกิดขึ้นจากเพื่อนๆที่เคยไปอบรมที่ญี่ปุ่นด้วยกันเมื่อปี 2015 พูดคุยชักชวนกันว่า เราน่าจะจัด trip ระลึกความหลังครั้งเคยไปหัวหกก้นขวิดกันที่ญี่ปุ่นอีกซักครั้ง เพราะครั้งนั้นจริงๆเราเน้นหนักไปทางอบรม/ศึกษา/ดูงานเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยได้เที่ยวเฉพาะหลังเลิกอบรมและเสาร์ อาทิตย์ ทั้งยังได้เที่ยวแค่ใน Tokyo และเมืองรอบๆนิดหน่อย Trip นี้ผมและเพื่อนๆเริ่มพูดคุยกันว่าเราจะว่างพร้อมกันในช่วงไหนและไปเมืองไหนตั้งแต่ช่วงประมาณปลายปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผมเองก็เพิ่งกลับจาก Osaka เมื่อตอนต้นเดือนธันวาคม 2017 แต่ trip ล่าใบไม้เปลี่ยนสี 2017 ของผม ผมยังรู้สึกว่ามีอะไรค้างคา เหมือนจะต้องตัดทิ้งสถานที่ที่ผมอยากไปออกหลายที่ ผมเลยเสนอการตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคคันไซอีกครั้ง และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ปกติผมเดินทางเองกับครอบครัว ผมจะทำแพลนคร่าวๆ ไม่ได้ทำการบ้านหนักมาก ออกจะเป็นทริปชิวๆ สบายๆ แต่ครั้งนี้ผมจะต้องเป็นคนนำ trip ที่เพื่อนๆทุกคนฝากชีวิตไว้กับผม ผมเองก็อยากไปในที่ๆผมค่อนข้างมั่นใจในการเดินทางเสียก่อน (ส่วนตัวผมเคยมา Osaka แล้ว 2 ครั้งเมื่อปี 2012 และปี 2017 จึงไม่ค่อยกังวลกับเส้นทางในแถบนี้เท่าไหร่) อย่างน้อยก็หลงได้น้อยกว่าเมืองที่ผมไม่เคยไปมาก่อนเลย (ยังไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกกี่ปีถึงจะเที่ยวญี่ปุ่นได้ครบทุกเมือง ^^) ซึ่งเพื่อนๆร่วม trip ทุกคนก็โอเค โดยผมจะเป็นคนคิดแผนการท่องเที่ยวทั้งหมด โดยเพื่อนๆให้เงื่อนไขว่าจะเป็น trip ที่ต้อง save budget ที่สุดเท่าที่จะทำได้      

เนื่องจากเป็น trip พ่อบ้านหนีเที่ยวตามหัวข้อกระทู้ ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือ...... ขออนุญาตภรรยาเสียก่อน !!! ซึ่งผลที่ออกมาคือ.... ดังนี้


ซึ่งก็ทำคุณเธองอนผมไปหลายวัน กว่าจะอนุญาตแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ^^ จริงๆสำหรับพ่อบ้านทั้งหลายไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ลงเอ่ยได้ด้วยดีเสมอไป ซึ่งเคสของผมก็เรียกได้ว่าต้องแลกมาด้วยน้ำตา โดยผมสัญญาว่าขอเป็น trip สุดท้ายที่ขอไปเฮฮากะเพื่อนจริงๆ (ด้วยคำถามคาใจเธอว่า มันจะเป็น trip สุดท้ายได้จริงๆหรือเปล่า) รวมถึงยินดีจะไป Akachan Honpo หอบหิ้วของมาฝากตาม order ของเธอ

หลังจากที่ผ่านด่านแรกมาแล้ว (ด้วยเลือดโซมกาย) ก็มาถึงด่านต่อมาคือการจองตั๋วเครื่องบิน และ concept ที่เพื่อนๆผมให้มาแต่แรกคือ จะต้องเป็น budget trip ผมจะต้องทำ trip นี้ให้ประหยัดที่สุด ดังนั้นตั๋วเครื่องบินจึงถือเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับค่าใช้จ่ายหลักของ trip นี้ ประมาณต้นเดือนเมษายน 2018 ก็ปรากฎว่ามี page นึงที่ผม follow ไว้แจ้ง promotion ของ vietnam airlines (ทุกท่านก็น่าจะทราบว่าเพจไหน ก็ที่เคยมีมาม่าชามโตในพันติ๊บนี่แหละ) ซึ่งราคาค่อนข้างถูกทีเดียว (แต่อาจจะไม่ได้ถูกมากเหมือนสมัยแรกๆที่มีหลายท่านได้ราคาต่ำหมื่น) ราคาที่ผมได้ BKK- SGN/HAN - KIX อยู่ที่ราคา 10,920 บาท (แอบแว๊บๆมาดูหลังจากจองเสร็จ บางทีก็ลดไปถึง 10,900 บาท ซึ่งน่าจะปรับเปลี่ยนไปตามอัตราแลกเปลี่ยน) ผมก็ปรึกษาลูกทัวร์ผมทุกคน ทุกคนก็ลงความเห็นว่าเป็นราคาที่ทุกคนรับได้ และเป็นสายการบินที่ผมเองก็ไม่เคยบินมาก่อนเหมือนกัน ถือว่าน่าสนใจ เพราะผมก็ชอบเปลี่ยนสายการบินไปเรื่อยๆ Trip นี้จึงเริ่มต้นจริงจัง เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ตั้งแต่ต้นเดือน เมษายน 2018 ที่ผ่านมา


หลังจากจองตั๋วเครื่องบินเสร็จแล้ว ผมสามารถ fix period ในการเดินทางครั้งนี้ได้แล้วว่าเราจะไปกันเมื่อไหร่และจะพักที่ไหนกันบ้าง หลังจากผมจัดตารางการเดินทางเสร็จ (ซึ่งปรับแต่งมาหลายรอบมาก) ก็ถึงเวลาในการจองที่พัก ปกติที่พักในประเทศญี่ปุ่นจะจองได้ล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนก่อนเดินทาง เมื่อ trip นี้เราเดินทางกันปลายเดือนพฤศจิกายน 2018 การจองที่พักก็เริ่มต้นจริงจังราวๆปลายเดือน พฤษภาคม 2018 (ในระหว่างที่ยังจองที่พักไม่ได้ ผมก็ research หาข้อมูลที่เที่ยวและที่พักไปพลางๆ) โดยวิธีการจองที่พักของผมอาจจะแตกต่างจากท่านอื่นๆ บางท่านอาจจะชอบพักอยู่ที่เดิมตลอดทั้ง trip แล้วนั่งรถไฟไปกลับเอา แต่การจัด trip ของผม ผมชอบที่ย้ายที่พักไปเรื่อยๆตามเมืองที่จะไปเที่ยวเพื่อให้การเดินทางใช้เวลาสั้นที่สุด ผมเองไม่ค่อยมีปัญหากับการย้ายที่พักเพราะผมเป็นคนที่ของไม่เยอะ ทั้งผมยังรู้สึกว่าการได้เปลี่ยนที่พักบ่อยๆ เป็นการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ จะได้ไม่จำเจ และสามารถแนะนำคนอื่นๆได้ว่าที่พักที่ไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร ซึ่งจะได้ทำการ review ที่พักที่ผมเลือกแต่ละที่อีกครั้งตอนเดินทางจริง

จากการเดินทางคราวก่อน เมื่อ พฤศจิกายน ธันวาคม 2017 ผมพัก airbnb เฉพาะที่ Kyoto อันเนื่องมาจากที่พักที่ Kyoto ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหาถูกๆยากมากๆๆๆๆๆๆ (ก.ไก่ล้านตัว) ที่พักมีแต่ราคาสูงๆทั้งนั้น โรงแรม chain ที่ราคาพอรับได้ก็ full booked อย่างรวดเร็วมาก airbnb จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของผมในตอนนั้น ซึ่งผมก็ประทับใจมาก เดินจากสถานี kyoto ก็ไม่ไกล ที่พักก็สะอาดเรียบร้อย ดูดีมาก Host ก็น่าประทับใจมากๆ ให้การช่วยเหลือดีมากๆ การเดินทางในครั้งนี้เนื่องจากโจทย์ที่ผมได้รับ คือการทำ trip ให้ประหยัดที่สุด ผมเลยคิดถึง airbnb เป็นอันดับแรก จากการศึกษาที่พัก airbnb หลายที่ ก็มาถูกใจที่พักของ Host ท่านหนึ่ง แถวๆ Tennoji เลยทำการจอง airbnb สำหรับการพักใน Osaka สำหรับ 4 คืนสุดท้ายก่อนเป็นอันดับแรกในช่วงราวๆกลางเดือนเมษายน 2017 (แบบว่าใจร้อนสุดๆ)


ปรากฎว่ามีงานงอกเกิดขึ้น หลังจากญี่ปุ่นออกกฎหมายควบคุมการเข้าพัก airbnb ในช่วงประมาณเดือน พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา ผมเลย inbox คุยกับ Host ซึ่ง Host เองก็เหมือนรู้ตัวดีว่าตัวเองก็น่าจะไม่ผ่านเกณฑ์ตามกฎหมายใหม่ จึงยินดีที่จะให้ผมทำเรื่อง refund โดยจะให้เงินคืนเต็มจำนวน แต่ event ก็ยังไม่หมดเพราะเนื่องจาก cancellation policy ของ Host เป็นแบบ strict cancellation ทำให้ผมได้เงินคืนแค่ครึ่งเดียว ซึ่งผมใช้เวลานานมากๆในการค้นหาวิธีการขอ refund อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ (การติดต่อ airbnb เป็นไปค่อนข้างยาก เหมือนทุกอย่างจะให้เราหาวิธีการเอาเอง) เดชะบุญที่ได้เจอ review ใน pantip กระทู้นี้ https://ppantip.com/topic/37772530 ผมจึงได้ส่ง email ไปตามคำแนะนำในกระทู้ ก็ได้ผลทันใจจริงๆครับ มีเจ้าหน้าที่โทรกลับมาไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ผมส่ง email ไป (ทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์) และทาง airbnb ได้ดำเนินการโอนคืนเงินในส่วนที่เหลือให้ผมเรียบร้อยกลับยังบัตรเครดิตในรอบบิลถัดไป ต้องขอขอบพระคุณเจ้าของกระทู้นี้เป็นอย่างสูงที่ได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ รวมถึงขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ airbnb (Miss May S.) ที่ดำเนินเรื่องให้อย่างรวดเร็ว แล้วสุดท้ายผมก็กลับไปตายรังที่ Toyoko Inn รังรักเก่าของผมในย่าน Tennoji ที่ผมตั้งใจพักเช่นเดิม

หลังจากที่ได้ refund เงินคืนจาก airbnb ผมก็เริ่มจองโรงแรมที่พักในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2018 โดยทั้ง trip ของผมจะย้ายที่พักทั้งหมด 6 ครั้ง ดังนี้
1. พักที่ Kyoto 3 คืน ที่นี่จะพักเป็น hostel นอน futon ใกล้สถานี Kyoto
2. พักโรงแรมที่ Okayama 2 คืน
3. พักโรงแรมที่ Toyooka 1 คืน
4. พัก Ryokan ที่ Kinasakionsen 1 คืน
5. กลับมานอนที่ Osaka อีก 4 คืน โดยใน Osaka ผมเลือกพักโรมแรมที่ Tennoji 3 คืน และ
6. คืนสุดท้ายด้วยความที่ต้องตื่นเช้าเพราะขากลับ flight 10 โมงเช้า และส่วนตัวผมเองก็อยากจะนอน capsule hotel ซักครั้งในชีวิต หากมากับครอบครัวก็คงไม่มีโอกาสแบบนี้แน่นอน ทั้งปรึกษาลูกทัวร์ของผมแล้ว ทุกคนไม่มีปัญหาในการพัก capsule hotel ดังนั้นคืนสุดท้ายใน Osaka ผมเลยเลือกพัก capsule hotel ใกล้สถานี Tennoji เพื่อที่จะนั่ง Haruka เที่ยวแรกไป Kansai intl. airport