....สำหรับกระแสเรื่องค่ายา ค่ารักษาของรพ.เอกชนแพงที่กำลังเรียกร้องกันอยู่ตอนนี้ทั้งตามสื่อต่างๆ
และในกระทู้พันทิพ ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างกันชัดเจนเป็นสองกลุ่มคือ เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
กลุ่มที่เห็นว่าควรปล่อยให้การแข่งขันเป็นไปตามกลไกตลาดการค้าเสรี...ถึงแม้ราคาค่ายา ค่ารักษาในรพ.เอกชนจะ
แพงจริง ผู้บริโภคก็ควรต้องช่วยเหลือดูแลตนเองโดยการทำประกันสุขภาพ เพื่อเป็นการลดภาระทางด้านค่าใช้จ่าย
ในการรักษาพยาบาล ซึ่งมีแบบประกันให้เลือกตามแต่กำลังทรัพย์และความต้องการการคุ้มครองที่ต้องการของ
แต่ละคน
จากกระทู้ต่างๆในพันทิพช่วงนี้ที่มีการถกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นค่ายา ค่ารักษาแพงของรพ.เอกชนนั้น
พบว่า มีความคิดเห็นและประสบการณ์ตรงของหลายๆท่านที่แชร์ให้เพื่อนๆได้ทราบกันอยู่กระจัดกระจายไปทั่ว
เจ้าของกระทู้เอง เดิมเคยทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตอยู่หลายกรมธรรม์ จ่ายเบี้ยประกันปีละไม่น้อย และ
เช่นเดียวกับหลายๆท่านที่ได้รับประสบการณ์ที่แสดงถึงความไม่จริงใจ ออกลูกซิกแซกของบริษัทประกันบางเจ้า
ในการพยายามหลีกเลี่ยง หรือลดค่าชดเชยให้ได้มากที่สุด....ทำให้ตัดสินใจยกเลิกไปบางกรมธรรม์ที่คิดว่าสมควร
และเมื่อไม่กี่วันนี้ก็เพิ่งยกเลิกไปอีกหนึ่งกรมธรรม์....แต่กำลังพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมในการเลือกแบบกรมธรรม์จาก
บริษัทบางแห่งอยู่ จึงได้รวบรวมความคิดเห็นจากกระทู้ดังกล่าวข้างต้นเพื่อช่วยในการพิจารณาระวังในประเด็นต่างๆ
ก่อนตัดสินใจ เพราะเป็นประสบการณ์ตรงของแต่ละความคิดเห็นนั้น
.....จึงได้รวบรวมมาเพื่อที่ผู้สนใจจะได้สะดวกในการเสพข้อมูลดังกล่าวในที่เดียวไปพร้อมกัน....ซึ่งหากท่านมี
ประสบการณ์ตรงใดๆที่อยากจะแชร์เป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น ก็รบกวนเชิญได้เต็มที่ครับ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ประกันสุขภาพทำไม่ได้ทุกช่วงอายุนี่ครับ ประกันไม่รองรับ ผู้ที่มีโรคตั้งแต่กำเนิด
และบางส่วนที่มีความเสี่ยงจากกรรมพันธฺ์ค่ะ และมีหลายเคสที่พอป่วยหนักๆ คืนเบี้ยที่ส่งจ้ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แฟนผม..ประกันอย่างดี
เป็นไข้หวัด จะโดนเจาะเลือดตรวจก่อนเลย +ค่าแลบ ค่ายา ค่าหมอ รวมๆ ครั้งละ 3000+
แถม ..ต้องไป 2 ครั้งถึงจะหายไอ
ถ้าปวดท้อง ก็ต้องเข้าอัลตร้าซาวน์ +ค่าผู้เชี่ยวชาญ ค่าแลบ สรุป .. แค่ท้องอืดจุกเสียด .. อันนี้ .. หมื่นกว่า
โชคดี .. ที่เบิกได้หมด ไม่งั้น อดตายก่อน
รพ.เอกชน .. ย่านนานา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องประกัน ใครมีเงินเหลือพอ ก็ทำทั้งนั้น
ปัญหา คือ ประกันขึ้นมาเรื่อยๆตลอด เหตุเพราะอะไร
มันมาจากค่ารักพยาบาลที่เพิ่มขึ้นมาตลอด
บ.ประกันไม่ใช่องค์การการกุศล รู้ว่าได้ค่าเบี้ยมา มันไม่คุ้ม ขาดทุน ปีหน้าก็ขึ้นอีก
สุดท้าย มันก็งูกินหาง ภาระก็มาตกอยู่คนทั่วไปนี่แหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ มันจะขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกปีด้วยล่ะ เพราะทุกคนที่ทำประกันก็ใช้สิทธิ์เต็มที่ เจ็บป่วยนิดหน่อยเข้ารพ. เอกชน เคลมหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รพ. เอกชนชาร์จเต็มวงเงินที่ประกันให้อยู่แล้ว เป็นส่วนน้อยที่คนไข้จะมาซักว่ารายการตรวจรักษาอันไหนจำเป็นอันไหนไม่จำเป็น ตราบเท่าที่ยังอยู่ในวงเงินประกัน.. อัตราการเคลมเลยสูง
บ.ประกันก็ต้องขยับขึ้นราคาอีก รพ.ก็ชาร์จเต็มวงเงินอีก วนเป็นลูปไป
สุดท้ายคนทำประกันเหมือนจ่ายล่วงหน้าค่ารักษาพยาบาลไปในแต่ละปี แล้วต้องพยายามใช้ให้หมด
ถ้าไม่ควบคุมราคารพ. นี่ รพ. ยิ้มเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ถ้าหวังพึ่งซื้อประกันเอกชน --
ท่านจะโดนงดต่อกรมธรรมภ์ในส่วนสุขภาพ เมื่อท่านชรา หรือ เริ่มมีเคลมโรคเรื้อรัง
แม้แต่ความคุ้มครองสุขภาพในส่วนควบประกันชีวิต ก็จะโดนงดรับในปีถัดไป เมื่อท่านชราหรือป่วยเรื้อรัง
(แค่ ในวัย 60 ปี ถ้าตรวจเจอมะเร็ง, โรคหัวใจ, กระดูกทับไขสันหลัง , เส้นเลือดสมอง, ท่านก็เริ่มเสี่ยง ที่จะโดนงดต่อกรมธรรมภ์ในปีถัดไปแล้ว)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ บริษัท มีสิทธฺิปฏิเสธการต่ออายุ
การประกันสุขภาพในปีถัดไป
หากความเสี่ยงของผู้เอาประกันสูงขึ้น
อาทิเช่น เคลมบ่อย เกิดมีโรคประจำตัว เป็นต้น
ในปีถัดไป สามารถ ไม่ต่ออายุ
ทำได้ทางกฏหมาย
ทั้งแบบประกันปีต่อปี
และแบบสัญญาพว่งประกันชีวิต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในส่วนของประกัน ถือเป็นอีกธุรกิจที่แทบจะไม่มีความเสี่ยง แถมยังมีกำไรทุกปี เพราะกว่าจะออกแบบประกันออกมา เขาต้องคำนวณมาดีแล้วว่าเขาต้องมีความเสี่ยงน้อย และดูดเงินเข้าบริษัทให้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เวลาลูกค้ามีการเคลมค่ารักษาพยาบาล งานหลักของบริษัทประกันคือ การหาช่องโหว่ต่างๆของกรมธรรม์เราเพื่อที่จะ
จ่ายค่าเคลมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้....โดนมาหลายดอกแล้วครับ..แค่นี้พอ...เจ็บคอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เข้า รพ.เอกชน สิ่งแรกที่ รพ.ถามคือ มีประกันไม๊ วงเงินเท่าไหร่ ขอบัตร ปชช. บัตรประกัน
ถ้าไม่มี เค้าก็จะถามต่อใครจะรับรองเคสนี้ได้ ถ้าไม่มีอีกอันนี้ไม่รู้ เพราะพาผู้ป่วยออกมาก่อน ไม่งั้นอาจตายอยู่ตรงห้องฉุกเฉิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อข่าวบริษัทประกันยังบ่นว่า รพ.เอกชนฉวยโอกาสขึ้นค่าห้อง ค่าใช้จ่าย มาดักเบี้ยประกัน รพ.เอกชนเห็นเบี้ยประกันเพิ่ม ก็ขึ้นค่าทุกอย่างไปดักรอบใหม่วนไปแบบนี้ คนทำงาน เสียเบี้ยประกัน ปีละ 5-6หมื่นขึ้นยังหน้าเซียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ประกันกับโรงพยาบาลเขารู้กันครับ
เวลาตีบิลออกมาจะมีค่าใช้จ่ายส่วนที่ประกันไม่ครอบคลุม ซึ่งจะเอาค่าอะไะรมาบวกก็ได้ ไปๆ มาๆ คุณอาจต้องจ่ายทั้งเบี้ยประกันทั้งค่ารักษาพยาบาล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมแปลกใจ ที่คนไทยจ่ายเบี้ยประกันสูงเพื่อซื้อหลักประกันการรักษาเกินค่าครองชีพ เกินความสามารถในการหาเงินมาก
เพราะไม่มั่นใจกับระบบราคาของ รพ.เอกชน จนต้องแข่งกันถมเบี้ยประกัน แข่งกันเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่แสนแพง
อย่าลืมว่า ค่าบริการเหล่านี้ บางทีประกันไม่จ่ายนะครับ ค่าห้องก็จ่ายก็แค่ 1000-2000 แล้วแต่แผน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อมูลราคา ควรรู้ทั่วกัน รพ.ก็มีติดราคาไว้อยู่แล้ว อาจจะบังคับให้รพ.ทุกแห่ง ทำราคาขึ้นเว็บก็ได้ ต้นทุนกับความยุ่งยากตรงนี้ไม่น่าจะมากเท่าไรนัก
แน่นอนว่า ต่อให้ผู้บริโภครู้ราคา แต่ผู้บริโภคจะไปรู้ได้ไงว่า
ที่หมอตรวจนั้น overdiagnosis, overtreatment (unnecessary health care)
เราก็ต้องหาอะไร ที่ความสามารถมากพอ ที่จะตรวจสอบรายการของรพ.ได้ นั่นก็คือ
บริษัทประกันสุขภาพ
พอเราไปเคลมประกัน ประกันก็มักจะ จ้างหมอหรือพยาบาลมาเป็นที่ปรึกษา
เพื่อมาตรวจสอบอีกทีว่า
โรงพยาบาลคู่ค้า ได้ทำรักษาอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่
ไม่ได้เลี้ยงไข้ (รักษาน้อยกว่าที่จำเป็น ทำให้หายช้า) หรือ รักษาเกินจำเป็น (ไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็จะรักษาเกิน)
ผลประโยชน์ของรพ. คือ ชาร์จให้ได้มากที่สุด
ส่วนผลประโยชน์ของบริษัทประกัน คือ จ่ายให้น้อยที่สุด
จับคู่มาชนกัน ก็น่าจะคานกันได้ดี
ในแง่ของจำนวนบริษัทประกัน
ก็น่าจะเปิดให้แข่งขันกันหลายเจ้า ราคาเบี้ยประกันสุขภาพจะได้ไม่แพงเกินไป
(ไม่ใช่จำกัดจำนวนใบอนุญาต ให้เปิดบริษัทประกันได้ไม่กี่เจ้า)
ประกันสุขภาพ ก็ควรมีแผนให้เลือก ทั้งแบบ first dollar coverage, co-insurance, copayment, high deductible, low deductible
แล้วแต่ผู้บริโภคจะเลือก
(ไม่ใช่แบบปัจจุบันนี้ ที่มีแต่แบบ first dollar coverage ซึ่งเบี้ยแพงมาก)
มุมมอง - ข้อควรระวังในการซื้อประกัน และประสบการณ์ที่คุณได้รับจากบริษัทประกันสุขภาพเป็นอย่างไร?
และในกระทู้พันทิพ ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างกันชัดเจนเป็นสองกลุ่มคือ เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
กลุ่มที่เห็นว่าควรปล่อยให้การแข่งขันเป็นไปตามกลไกตลาดการค้าเสรี...ถึงแม้ราคาค่ายา ค่ารักษาในรพ.เอกชนจะ
แพงจริง ผู้บริโภคก็ควรต้องช่วยเหลือดูแลตนเองโดยการทำประกันสุขภาพ เพื่อเป็นการลดภาระทางด้านค่าใช้จ่าย
ในการรักษาพยาบาล ซึ่งมีแบบประกันให้เลือกตามแต่กำลังทรัพย์และความต้องการการคุ้มครองที่ต้องการของ
แต่ละคน
จากกระทู้ต่างๆในพันทิพช่วงนี้ที่มีการถกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นค่ายา ค่ารักษาแพงของรพ.เอกชนนั้น
พบว่า มีความคิดเห็นและประสบการณ์ตรงของหลายๆท่านที่แชร์ให้เพื่อนๆได้ทราบกันอยู่กระจัดกระจายไปทั่ว
เจ้าของกระทู้เอง เดิมเคยทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตอยู่หลายกรมธรรม์ จ่ายเบี้ยประกันปีละไม่น้อย และ
เช่นเดียวกับหลายๆท่านที่ได้รับประสบการณ์ที่แสดงถึงความไม่จริงใจ ออกลูกซิกแซกของบริษัทประกันบางเจ้า
ในการพยายามหลีกเลี่ยง หรือลดค่าชดเชยให้ได้มากที่สุด....ทำให้ตัดสินใจยกเลิกไปบางกรมธรรม์ที่คิดว่าสมควร
และเมื่อไม่กี่วันนี้ก็เพิ่งยกเลิกไปอีกหนึ่งกรมธรรม์....แต่กำลังพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมในการเลือกแบบกรมธรรม์จาก
บริษัทบางแห่งอยู่ จึงได้รวบรวมความคิดเห็นจากกระทู้ดังกล่าวข้างต้นเพื่อช่วยในการพิจารณาระวังในประเด็นต่างๆ
ก่อนตัดสินใจ เพราะเป็นประสบการณ์ตรงของแต่ละความคิดเห็นนั้น
.....จึงได้รวบรวมมาเพื่อที่ผู้สนใจจะได้สะดวกในการเสพข้อมูลดังกล่าวในที่เดียวไปพร้อมกัน....ซึ่งหากท่านมี
ประสบการณ์ตรงใดๆที่อยากจะแชร์เป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น ก็รบกวนเชิญได้เต็มที่ครับ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้