สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวบูลทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับผม นาย4 กับรีวิวบันทึกการเดินทางทริปล่าสุดที่ได้ไปท่องเที่ยวเกาะฮ่องกง ในเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีเวลามาอัพครับ T.T ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะอัพดีมั้ย แต่ขอพื้นที่เก็บความทรงจำในนี้หน่อยละกัน หากเพื่อนคนไหนมีแผนกำลังจะไปฮ่องกง และกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ สามารถลอกข้อสอบได้เลยนะครับ เพราะผมก็เดินตามรีวิวเพื่อนในนี้เหมือนกันครับ 555+
สำหรับการเดินทางไปกลับทริปนี้ได้จองเครื่องบินของ Emirate + โรงแรม The Perkin Hotel (3 คืน) โดยทั้งหมดจองผ่าน www.expedia.co.th ในช่วงโปรโมชั่นครับ ตกเฉลี่ยคนละ 11,377.98 บาท ครับ ซึ่งถ้านับเฉพาะค่าเครื่องถือว่าไม่แพงครับ แต่ไปหนักค่าโรงแรม เพราะที่นี่โรงแรมที่ดีๆหน่อยส่วนใหญ่คืนนึง 2,000 up หมดครับ ค่าครองชีพสูงจริงๆ
สำหรับเที่ยวบินของการเดินทางของผม มีดังนี้ครับ :
ขาไป เอมิเรสต์ 384 เดินทาง 13.45 - 17.30น
ขากลับ เอมิเรสต์ 385 เดินทาง 21.15 - 23.15น
ถ้าพร้อมแล้วขอเชิญรับชมการเดินทางเที่ยวเกาะฮ่องกง 4 วัน 3 คืน ฉบับกระทู้เดียวจบได้เลยครับ
--------------------------
ฝากรีวิวเก่า :
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น 2014 Click >>
https://ppantip.com/topic/32995388
เที่ยวฮอกไกโด 2017 Click >>
https://ppantip.com/topic/36125638
ญี่ปุ่นฤดูร้อน 2018 Click >>
https://ppantip.com/topic/37925403
---------------------------
Day1 : เริ่มต้นการเดินทางครับ ผมรีบมาที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่สิบโมงเช้า เพื่อจัดการเรื่องเช่า Pocket Wifi รวมทั้งเช็คอินสัมภาระให้เรียบร้อย และเข้าไปนั่งใช้บริการเล้าท์ King Power ครับ พอใกล้ได้เวลาเครื่องออกก็เดินไปที่เกท เห็นเครื่องบินของ Emirate จอดรอไกลๆครับ เป็นเครื่อง Airbus A380 ข้างในมีสองชั้นครับ
โดยผมโชคดีได้นั่งชั้นสอง อยู่ใกล้ๆชั้นธุรกิจเลยครับ ด้านในใหม่เอี่ยมอ่อง
และแล้วก็ได้เวลาบินลัดฟ้า มุ่งหน้าสู่เกาะฮ่องกงครับ อากาศกำลังดีเลย
อาหารบนเครื่องบินครับ มีให้เลือกไก่ กับปลา ส่วนจานนี้เป็นเหมือนสเต็กไก่ครับ
กดกรอเร็ว ผ่านไปเกือบ 3ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินฮ่องกงแล้วครับ เครื่องทำเวลาดีมาก ไม่มีดีเลย์เลย ถึงสนามบิน ทางที่ไปตม.จะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีก Terminal นึงครับ สำหรับใครที่มาเป็นครั้งแรกไม่ต้องกลัวหลงนะ มีป้ายบอกทางชัดเจนครับ
ผ่านตม.มาแล้วจะต้องเข้าเมืองละครับ เลือกวิธีเข้าเมืองไปยังย่านจิมซาจุ่ยที่ประหยัดสุดโดยการนั่งรถเมล์ 555+ ถูกกว่ารถไฟประมาณ 3-4เท่าเลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการเดินทางในเกาะฮ่องกงนี่ต้องถือบัตรปลาหมึกครับ สะดวกมากๆ แถมได้ส่วนลดบางรายการอีกต่างหากครับ
เดินออกจากสนามบิน มาที่ท่ารถข้างหน้าครับ จะเห็นรถ Bus หมายเลข A21 สายยอดฮิตจอดรออยู่
ข้างในรถเมล์ที่นี่เป็นสองชั้นครับ เคยลองขึ้นไปชั้นสองมาแล้ว ตาลายจะอ้วก จากนั้นไม่เคยขึ้นข้างบนอีกเลย
กดกรอเร็วครับ ที่พักของผม The Perkin Hotel นั้น สามารถนั่งรถมล์มาลงได้ที่ป้าย The Kimberry แล้วเดินทะลุหลังห้าง Mira Mall มาได้เลยครับ เดินมาอีกหน่อยก็จะมาถึงทางเข้า
จากนั้นเข้าไปเช็คอินห้องพักครับ ที่นี่มีเก็บมัดจำค่าที่พักด้วยนะครับ คืนละ 500HKD เลย
เปิดประตูเข้ามาในห้องเจอเตียงอุ่นๆ ก็แทบอยากทิ้งตัวลงสลบละครับ ข้างนอกอากาศอย่างหนาว ประมาณ 14-15 องศาเท่านั้น ทรมานมาก
สามทุ่ม ได้เวลาออกหาอาหารทานละครับ ซึ่งผมก็เดินเลาะถนนจอร์แดนไปเรื่อยๆ
เดินมาหยุดที่ร้านนี้ครับ เป็นร้านชาบูหม้อไฟ ท่าทางน่าอร่อย เลยต้องลองแวะดูซะหน่อย เนื่องจากไม่มีข้อมูลร้านอาหารที่ไหนเลย
ตอนนั้นหิวจัด + หนาวด้วย เข้าไปถึงจัดเต็มครับสั่ง Seafood Set + หม้อซุบมิโซ และซุปต้มยำ อาหารก็มาลงอลังการมาก
หอยนี่ผมเรียกไม่ถูกว่าอะไร รสชาติคือดีงามพระรามสิบมากครับ
ทานเสร็จอิ่มพุงกาง เรียกพนักงานเช็คบิล แทบสลบครับ 762 HKD ถ้าตีเป็นเงินไทยต้องคูณ 4นิดๆ… ไปกันสองคนจัดมื้อแรกไปสามพันกว่าบาท ไม่กะเผื่อวันพรุ่งนี้เลย 555+
Day2 : จากที่เมื่อคืนหมดเงินกับค่าอาหารไปเยอะมาก วันนี้เลยตกลงกันว่าจะต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังครับ วันนี้ตื่นตอน 10โมงกว่า ทานขนมปัง + นมที่โรงแรมเสร็จ ออกเดินทางทะลุห้าง Mira ไปยังถนนใหญ่ครับ
สำหรับวันนี้เป้าหมายแรกของเราจะเป็นจุดถ่ายรูป Choi Hung Estates ครับ เป็นย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆเหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ
หลังจากออกจากสถานีรถไฟ Choi Hung Station มา เดินอ้อมไปด้านหลัง จะเจอตึกที่มีบันไดขึ้นไปชั้นบนสุด ซึ่งเป็นดาดฟ้า จะเป็นจุดถ่ายรูปครับ
ขึ้นมาสวยงามอลังมาก พร้อมกับลมที่แรงสุดๆ
พื้นที่ตรงนี้จะล้อมรอบไปด้วย แฟลต แมนชั่นสีสวยๆ จะได้รูปเก๋ๆ ไม่เหมือนที่ไหนครับ
จากนั้นเข้าวัด ไหว้พระกันต่อครับ โดยนั่งรถเปลี่ยนไปลงสถานี Wong Tai Sin Station เพื่อไปยังวัดหวังต้าเซียน ครับ โดยวัดแห่งนี้มีชื่อมากในเรื่องของการมาขอเกี่ยวกับด้านความรัก และเนื้อคู่ครับ
เดินออกจากสถานีปุ๊ป จะเจอวัดหวังต้าเซียนทันที โดยมีห้าง Temple Mall อยู่ด้านหลังครับ
เข้ามายังวัด คนไทยเยอะมากๆๆ เราก็เข้าไปไหว้พระกับเค้าด้วย ทุกจุดนี่มีภาษาไทยกำกับให้หมดครับ คนไทยน่าจะเยอะกว่าคนท้องถิ่นด้วย 555+
มาลองดูประวัติของที่นี่กันหน่อยครับ วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเซนที่งดงาม และสงบเงียบ ใบไม้ใบหญ้าได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน วัดจีนขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศฮ่องกง (ฝั่งแผ่นดินใหญ่) อยู่ถนนหวังต้าเซียน ย่านชักอัน ประเทศฮ่องกง ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าจีนหลายองค์อย่างเทพเจ้าหลักของวัดคือเทพหวังต้าเซียน แต่เป้าหมายของคนโสดอยากมีคู่ไม่ใช่การขอความรักจากเทพเจ้าองค์นี้แต่อย่างใด แต่เป็นการเดินมาข้างๆ ซึ่งจะมีศาลกลางแจ้งของเทพเจ้าด้ายแดง หรือเทพเจ้าหยกโหลว เป็นรูปปั้นสีทองมีเสี้ยวพระจันทร์อยู่ด้านหลังประทับอยู่ ซึ่งชาวจีนต้องมาขอพรความรักกันที่นี่ โดยการขอพรกับเทพเจ้าองค์นี้ต้องใช้ด้ายแดงผู้นิ้วเอาไว้ไม่ให้หลุดระหว่างพิธี (ที่มา :
https://www.sanook.com/horoscope/110141)
ไหว้พระเสร็จเดินมาด้านหน้า จะเป็นจุดขายของครับ มีด้ายสายสินแดงขายที่นี่ครับ ซึ่งเป็นของที่ขายดีมากๆๆ โดยร้านค้าส่วนใหญ่ก็จะพูดไทยได้ครับ เข้าไปช๊อปปิ้งที่นี่ง่ายมากๆ
จากนั้นเข้ามาเดินเล่น Temple Mall ห้างข้างๆกันครับ ข้างในคนแน่นเอียด ส่วนใหญ่จะขายสินค้าพวกเสื้อหนาว
จบจากวัดหวังต้าเซียน ก็ไปต่อยังสถานที่ต่อไป แชกงหมิว (Che Kung Temple) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดกังหัน เป็นวัดเก่าแก่ในฮ่องกง ขึ้นชื่อในด้านการขอพร ที่ตั้งของวัดอยู่ในเขต Sha Tin ใกล้กับสถานี Tai Wai ชื่อของวัด Che Kung มาจากชื่อนักรบที่ปกป้องราชวงศ์ซ่ง ในช่วงปี ค.ศ. 1127–1279 ได้พาจักรพรรดิของราชวงศ์ซ่งหนีไปยัง Sai Kung หรือพื้นที่ New Territories ของฮ่องกงในปัจจุบัน ด้วยคุณงามความดีของท่าน Che Kung ชาวฮ่องกงจึงสร้างวัดเพื่อเป็นที่ระลึกถึง และยกย่องว่าเป็นเทพองค์หนึ่ง (ที่มา
https://www.emagtravel.com/archive/che-kung-temple.html)
นี่น่าจะเป็นที่มาของชื่อวัดกังหันครับ กังหันเต็มเลย
ข้างในมีรูปปั้นท่านแชกงครับ
ตอนนี้ก็เริ่มเย็นละครับ ได้เวลาทานข้าวเย็น ซึ่งวันนี้จะพาไปยังร้านติ่มซำชื่อดังในกูเกิล คือร้าน One Dim Sum ครับ การันตีด้วยรางวัลมิชลินคุณภาพ คนไทยส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่จะรู้จักดี เดินออกจากสถานี Prince Edward มานิดเดียว ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ
ไปถึงประมาณ 4 โมงเย็น คนรอคิวเพียบเลยครับ คนไทยซะส่วนใหญ่ 55+
เอาละครับ ในที่สุดก็ได้คิว ไปกันสองคน เข้าไปแชร์โต๊ะนั่งกับใครก็ไม่รู้ นี่ก็จัดเต็มเหมือนเดิมครับ เชิญชมภาพประกอบเอา
[CR] Review เที่ยวเกาะฮ่องกง 4Days 3Night ฉบับฤดูหนาว ธ.ค.2018 ตะเวนกิน เที่ยว ช๊อปแหลกจ้า
สำหรับการเดินทางไปกลับทริปนี้ได้จองเครื่องบินของ Emirate + โรงแรม The Perkin Hotel (3 คืน) โดยทั้งหมดจองผ่าน www.expedia.co.th ในช่วงโปรโมชั่นครับ ตกเฉลี่ยคนละ 11,377.98 บาท ครับ ซึ่งถ้านับเฉพาะค่าเครื่องถือว่าไม่แพงครับ แต่ไปหนักค่าโรงแรม เพราะที่นี่โรงแรมที่ดีๆหน่อยส่วนใหญ่คืนนึง 2,000 up หมดครับ ค่าครองชีพสูงจริงๆ
สำหรับเที่ยวบินของการเดินทางของผม มีดังนี้ครับ :
ขาไป เอมิเรสต์ 384 เดินทาง 13.45 - 17.30น
ขากลับ เอมิเรสต์ 385 เดินทาง 21.15 - 23.15น
ถ้าพร้อมแล้วขอเชิญรับชมการเดินทางเที่ยวเกาะฮ่องกง 4 วัน 3 คืน ฉบับกระทู้เดียวจบได้เลยครับ
--------------------------
ฝากรีวิวเก่า :
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น 2014 Click >> https://ppantip.com/topic/32995388
เที่ยวฮอกไกโด 2017 Click >> https://ppantip.com/topic/36125638
ญี่ปุ่นฤดูร้อน 2018 Click >> https://ppantip.com/topic/37925403
---------------------------
Day1 : เริ่มต้นการเดินทางครับ ผมรีบมาที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่สิบโมงเช้า เพื่อจัดการเรื่องเช่า Pocket Wifi รวมทั้งเช็คอินสัมภาระให้เรียบร้อย และเข้าไปนั่งใช้บริการเล้าท์ King Power ครับ พอใกล้ได้เวลาเครื่องออกก็เดินไปที่เกท เห็นเครื่องบินของ Emirate จอดรอไกลๆครับ เป็นเครื่อง Airbus A380 ข้างในมีสองชั้นครับ
โดยผมโชคดีได้นั่งชั้นสอง อยู่ใกล้ๆชั้นธุรกิจเลยครับ ด้านในใหม่เอี่ยมอ่อง
และแล้วก็ได้เวลาบินลัดฟ้า มุ่งหน้าสู่เกาะฮ่องกงครับ อากาศกำลังดีเลย
อาหารบนเครื่องบินครับ มีให้เลือกไก่ กับปลา ส่วนจานนี้เป็นเหมือนสเต็กไก่ครับ
กดกรอเร็ว ผ่านไปเกือบ 3ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินฮ่องกงแล้วครับ เครื่องทำเวลาดีมาก ไม่มีดีเลย์เลย ถึงสนามบิน ทางที่ไปตม.จะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีก Terminal นึงครับ สำหรับใครที่มาเป็นครั้งแรกไม่ต้องกลัวหลงนะ มีป้ายบอกทางชัดเจนครับ
ผ่านตม.มาแล้วจะต้องเข้าเมืองละครับ เลือกวิธีเข้าเมืองไปยังย่านจิมซาจุ่ยที่ประหยัดสุดโดยการนั่งรถเมล์ 555+ ถูกกว่ารถไฟประมาณ 3-4เท่าเลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการเดินทางในเกาะฮ่องกงนี่ต้องถือบัตรปลาหมึกครับ สะดวกมากๆ แถมได้ส่วนลดบางรายการอีกต่างหากครับ
เดินออกจากสนามบิน มาที่ท่ารถข้างหน้าครับ จะเห็นรถ Bus หมายเลข A21 สายยอดฮิตจอดรออยู่
ข้างในรถเมล์ที่นี่เป็นสองชั้นครับ เคยลองขึ้นไปชั้นสองมาแล้ว ตาลายจะอ้วก จากนั้นไม่เคยขึ้นข้างบนอีกเลย
กดกรอเร็วครับ ที่พักของผม The Perkin Hotel นั้น สามารถนั่งรถมล์มาลงได้ที่ป้าย The Kimberry แล้วเดินทะลุหลังห้าง Mira Mall มาได้เลยครับ เดินมาอีกหน่อยก็จะมาถึงทางเข้า
จากนั้นเข้าไปเช็คอินห้องพักครับ ที่นี่มีเก็บมัดจำค่าที่พักด้วยนะครับ คืนละ 500HKD เลย
เปิดประตูเข้ามาในห้องเจอเตียงอุ่นๆ ก็แทบอยากทิ้งตัวลงสลบละครับ ข้างนอกอากาศอย่างหนาว ประมาณ 14-15 องศาเท่านั้น ทรมานมาก
สามทุ่ม ได้เวลาออกหาอาหารทานละครับ ซึ่งผมก็เดินเลาะถนนจอร์แดนไปเรื่อยๆ
เดินมาหยุดที่ร้านนี้ครับ เป็นร้านชาบูหม้อไฟ ท่าทางน่าอร่อย เลยต้องลองแวะดูซะหน่อย เนื่องจากไม่มีข้อมูลร้านอาหารที่ไหนเลย
ตอนนั้นหิวจัด + หนาวด้วย เข้าไปถึงจัดเต็มครับสั่ง Seafood Set + หม้อซุบมิโซ และซุปต้มยำ อาหารก็มาลงอลังการมาก
หอยนี่ผมเรียกไม่ถูกว่าอะไร รสชาติคือดีงามพระรามสิบมากครับ
ทานเสร็จอิ่มพุงกาง เรียกพนักงานเช็คบิล แทบสลบครับ 762 HKD ถ้าตีเป็นเงินไทยต้องคูณ 4นิดๆ… ไปกันสองคนจัดมื้อแรกไปสามพันกว่าบาท ไม่กะเผื่อวันพรุ่งนี้เลย 555+
Day2 : จากที่เมื่อคืนหมดเงินกับค่าอาหารไปเยอะมาก วันนี้เลยตกลงกันว่าจะต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังครับ วันนี้ตื่นตอน 10โมงกว่า ทานขนมปัง + นมที่โรงแรมเสร็จ ออกเดินทางทะลุห้าง Mira ไปยังถนนใหญ่ครับ
สำหรับวันนี้เป้าหมายแรกของเราจะเป็นจุดถ่ายรูป Choi Hung Estates ครับ เป็นย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆเหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ
หลังจากออกจากสถานีรถไฟ Choi Hung Station มา เดินอ้อมไปด้านหลัง จะเจอตึกที่มีบันไดขึ้นไปชั้นบนสุด ซึ่งเป็นดาดฟ้า จะเป็นจุดถ่ายรูปครับ
ขึ้นมาสวยงามอลังมาก พร้อมกับลมที่แรงสุดๆ
พื้นที่ตรงนี้จะล้อมรอบไปด้วย แฟลต แมนชั่นสีสวยๆ จะได้รูปเก๋ๆ ไม่เหมือนที่ไหนครับ
จากนั้นเข้าวัด ไหว้พระกันต่อครับ โดยนั่งรถเปลี่ยนไปลงสถานี Wong Tai Sin Station เพื่อไปยังวัดหวังต้าเซียน ครับ โดยวัดแห่งนี้มีชื่อมากในเรื่องของการมาขอเกี่ยวกับด้านความรัก และเนื้อคู่ครับ
เดินออกจากสถานีปุ๊ป จะเจอวัดหวังต้าเซียนทันที โดยมีห้าง Temple Mall อยู่ด้านหลังครับ
เข้ามายังวัด คนไทยเยอะมากๆๆ เราก็เข้าไปไหว้พระกับเค้าด้วย ทุกจุดนี่มีภาษาไทยกำกับให้หมดครับ คนไทยน่าจะเยอะกว่าคนท้องถิ่นด้วย 555+
มาลองดูประวัติของที่นี่กันหน่อยครับ วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเซนที่งดงาม และสงบเงียบ ใบไม้ใบหญ้าได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน วัดจีนขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศฮ่องกง (ฝั่งแผ่นดินใหญ่) อยู่ถนนหวังต้าเซียน ย่านชักอัน ประเทศฮ่องกง ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าจีนหลายองค์อย่างเทพเจ้าหลักของวัดคือเทพหวังต้าเซียน แต่เป้าหมายของคนโสดอยากมีคู่ไม่ใช่การขอความรักจากเทพเจ้าองค์นี้แต่อย่างใด แต่เป็นการเดินมาข้างๆ ซึ่งจะมีศาลกลางแจ้งของเทพเจ้าด้ายแดง หรือเทพเจ้าหยกโหลว เป็นรูปปั้นสีทองมีเสี้ยวพระจันทร์อยู่ด้านหลังประทับอยู่ ซึ่งชาวจีนต้องมาขอพรความรักกันที่นี่ โดยการขอพรกับเทพเจ้าองค์นี้ต้องใช้ด้ายแดงผู้นิ้วเอาไว้ไม่ให้หลุดระหว่างพิธี (ที่มา : https://www.sanook.com/horoscope/110141)
ไหว้พระเสร็จเดินมาด้านหน้า จะเป็นจุดขายของครับ มีด้ายสายสินแดงขายที่นี่ครับ ซึ่งเป็นของที่ขายดีมากๆๆ โดยร้านค้าส่วนใหญ่ก็จะพูดไทยได้ครับ เข้าไปช๊อปปิ้งที่นี่ง่ายมากๆ
จากนั้นเข้ามาเดินเล่น Temple Mall ห้างข้างๆกันครับ ข้างในคนแน่นเอียด ส่วนใหญ่จะขายสินค้าพวกเสื้อหนาว
จบจากวัดหวังต้าเซียน ก็ไปต่อยังสถานที่ต่อไป แชกงหมิว (Che Kung Temple) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดกังหัน เป็นวัดเก่าแก่ในฮ่องกง ขึ้นชื่อในด้านการขอพร ที่ตั้งของวัดอยู่ในเขต Sha Tin ใกล้กับสถานี Tai Wai ชื่อของวัด Che Kung มาจากชื่อนักรบที่ปกป้องราชวงศ์ซ่ง ในช่วงปี ค.ศ. 1127–1279 ได้พาจักรพรรดิของราชวงศ์ซ่งหนีไปยัง Sai Kung หรือพื้นที่ New Territories ของฮ่องกงในปัจจุบัน ด้วยคุณงามความดีของท่าน Che Kung ชาวฮ่องกงจึงสร้างวัดเพื่อเป็นที่ระลึกถึง และยกย่องว่าเป็นเทพองค์หนึ่ง (ที่มา https://www.emagtravel.com/archive/che-kung-temple.html)
นี่น่าจะเป็นที่มาของชื่อวัดกังหันครับ กังหันเต็มเลย
ข้างในมีรูปปั้นท่านแชกงครับ
ตอนนี้ก็เริ่มเย็นละครับ ได้เวลาทานข้าวเย็น ซึ่งวันนี้จะพาไปยังร้านติ่มซำชื่อดังในกูเกิล คือร้าน One Dim Sum ครับ การันตีด้วยรางวัลมิชลินคุณภาพ คนไทยส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่จะรู้จักดี เดินออกจากสถานี Prince Edward มานิดเดียว ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ
ไปถึงประมาณ 4 โมงเย็น คนรอคิวเพียบเลยครับ คนไทยซะส่วนใหญ่ 55+
เอาละครับ ในที่สุดก็ได้คิว ไปกันสองคน เข้าไปแชร์โต๊ะนั่งกับใครก็ไม่รู้ นี่ก็จัดเต็มเหมือนเดิมครับ เชิญชมภาพประกอบเอา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้