H O N G K O N G 2 0 2 3: planสั้นๆ ฉบับคนไม่มีเวลา

Hong Kong 2023

————————————
หลังจากกลับมาเยือนบ้านpantip อีกครั้ง เกิดอาการติดลม เลยมาอัพกระทู้แบบรัวๆ เพื่อให้คนได้ไปติดตามกัน โดยจริงๆก่อนไปอิตาลี เราเดินทางมาเที่ยวแบบสั้นๆที่ฮ่องกงก่อน เลยพาทุกคนกลับมาฮ่องกงอีกครั้ง


-ก่อนไปพบกับ content ขอฝากเพจของตัวเองที่อุตส่าห์ปั้นขึ้นมาด้วยตัวเองก่อน ไปติดตามกันได้
facebook page: อัน เดน เต้ : AUN DEN TE’s the traveller --> https://www.facebook.com/aundentes?mibextid=LQQJ4d
จริงๆข้อมูลและ content ของ Hongkong ทั้งหมด บรรจุไว้แล้วในเพจทุกๆตอน เดี๋ยวตอนท้ายจะแปะลิงค์รวมไว้ให้ มีรีวิวร้านอาหารที่ได้ไปลองกินมาด้วย

-ฝากกระทู้ล่าสุดก่อนหน้าที่คิดว่าทุกคนควรไปติดตาม
7D6N in Italia, First time in Europe --> https://ppantip.com/topic/42239046?sc=CKspi5u
Cinque Terre, Liguria, Italia: มาสักครั้ง แล้วจะตกหลุมรักไม่รู้ลืม --> https://ppantip.com/topic/42241496

หลังจากมาล่าสุดเมื่อเกือบ 7ปีที่แล้ว มารอบนี้ฮ่องกงก็ยัง(ราคา) แรงเสมอ สมกับประเทศที่ GDP แทบจะเบียดกันกับ New York อยู่แล้ว โดยรอบนี้ตัดสินใจมาเที่ยวหลังจากที่เพิ่งผ่านมรสุมการสอบต่างๆมากมาย เลยขอมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ เป็นเวลา 4วัน 3คืน ด้วยกัน แค่ไม่ได้มาเพียง7ปี ฮ่องกงก็มีพื้นที่ต่างๆ ให้เยี่ยมชมเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก แอดว่าตัดสินใจไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ได้เดินทางมาที่ฮ่องกงอีกครั่ง ได้พบเจออะไรดีๆ ที่พอจะฮีลใจ ฮีลชีวิตได้ แต่ไม่ฮีลเงินในกระเป๋าเลย 55

โดยจะทำรีวิวภาพรวมก่อน ใครจะลอกแพลนตามแอดก็ได้นะ ไม่ว่ากัน จริงๆก็เอาของคนอื่นๆ มายำๆกันตามสไตล์ตัวเองเลย ให้พอflexible ได้

Trick การเดินทาง
- การเดินทางในฮ่องกงสะดวกมากๆ เพราะไม่น่าจะเป็น bus หรือ MTR ก็มีเยอะแยะ และไม่ยาก สามารถใช้บัตร you trip หรือ planet card หรือ VISA ใช้ได้เลย แต่MTR ต้องเป็น Octupus cardเท่านั้นนะ การเดินทางออกมาจากสนามบินก็สามารถนั่งbus ออกมาได้เลย สะดวกสบายสุดๆ
- แนะนำว่า สถานที่เที่ยว ควรจัดให้อยู่ในเกาะๆเดียวเป็นวันๆไปนะ ไม่แนะนำให้เดินทางข้ามเกาะไปมา เพราะมันจะมีค่าpermission ข้ามเกาะ ค่าการเดินทางจะแพงขึ้น ถ้าเราไปๆมาๆ แบบที่แอดทำ ถ้าเลือกได้ ก็จะกลับไปปรับใหม่ 55 ไว้ในโอกาสหน้าแล้วกันนะ

Day 1
Che Kung Temple :
หรือวัดกังหันที่เรารู้จักกัน ตอนนี้มีทัวร์พามากราบไหว้กันเยอะแยะมากเลย โชคดีวันที่มา คนไม่เยอะมาก เดินแบบสบายๆท่ามกลางแดดร้อนๆ แนะนำว่า ให้มาวันที่ไม่ตรงกับวันหยุด คนน่าจะน้อย หรือไม่ก็ช่วงเช้าหรือช่วงใกล้วัดปิดไปเลย โดยต้องหมุนกังหันโดยใช้ นิ้วชี หมุนกังหันตามเข็มนาฬิกานะ จะหมุน 1 รอบ หรือ 3 รอบ ก็แล้วแต่ โดยความหมายคือ พัดเอาสิ่งไม่ดีออกจากตัว แล้วพัดสิ่งดีๆมาหาตัวเรา โดยมีใบพัด4อัน ประกอบด้วยการเดินทางปลอดภัย สุขภาพ โชคลาภและสมหวังทุกสิ่งประการ หมุนกังหันเสร็จ เดินไปตีกลองด้วยนะ 3ครั้งดังๆไปเลย เพื่อให้พรที่ขอเป็นจริง
การเดินทาง มาโดยMTR ลงสถานี Tai Wai exit B แล้วเดินไปนิดเดียว


เอาของที่มูเตลูมา เอาขี้ธูปโรยเพื่อความเป็นสิริมงคล

Wong Tai Shin Temple :
วัดหวังต้าเซียนที่เซียมซีแม่นๆ จริงๆนอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของวัดแล้ว ช่วงนี้ที่เป็นประเด็นหลักๆก็คือ การขอพรขอคู่กับเทพเจ้าด้ายแดงที่มีชื่อว่า เทพเจ้าหยุคโหลว หรือ ผู้เฒ่าแห่งดวงจันทร์ กิมมิคก็คือการที่เราต้องเอาด้ายแดงไปผูกเพื่อขอคู่ที่เราต้องการ โดยต้องอธิษฐานถึงลักษณะที่เราต้องการ หลังจากอธิษฐานเสร็จก็นำด้ายแดงไปผูก
การเดินทาง มาMTR Wong Tai Shin stationเลย แล้วเดินต่อเอานิดเดียว


Choi Hung Estate :
ตึกสีรุ้ง สไตล์ hipster จุดถ่ายรูปที่เราต้องมาคือเป็นบริเวณดาดฟ้าของตึกจอดรถ โดยลานด้านบน เขาทำเป็นลานกิจกรรม มีสนามบาสเก็ตบอล และที่นั่งให้พักผ่อนหย่อนใจ เราก็ถ่ายรูปกันได้อย่างสบายใจเลย แล้วแต่มุมที่เราถนัดแนะนำว่ามาช่วงบ่ายๆ คนๆไม่เยอะ
การเดินทาง MTR Choi Hung Estate exit C


Lok Wah Estate :
มาถ่ายรูปกับวงกลมสีฟ้าบนที่จอดรถ โดยอันนี้ก็ให้เดินขึ้นตึกลานจอดรถเหมือนกันแล้วมาที่ชั้นบนสุด จะเห็นที่เขาสร้างไว้เป็นผนังสีฟ้า พร้อมกับที่นั่ง
การเดินทาง โดยรถสาธารณะเท่านั้นนะ ไม่มี MTR นั่งมาจนสุดสายเลยลงที่ Lok Wah South Estate Carpark (ถ้านั่งมาจาก Star Ferry ก็นั่งสาย28 มาสุดสายเลย)


Hung Hom Kwun Yum Temple :
วัดเจ้าแม่กวนอิม วัดที่มีพิธีการยืมเงินเจ้าแม่กวนอิมอันโด่งดัง วัดนี้ทัวร์ก็ลงเยอะมาก แต่ด้วยความเป็นวัดเล็กๆนะ ถ้าคนเยอะ อาจจะเบียดเสียดกันได้บ้าง ร่วมกับคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือแพ้ควันธูปอาจจะไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ เพราะกลิ่นควันธูปค่อนข้างแรงมาก แต่เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ มาสักครั้งจะได้ตั้งใจเรียน
การเดินทาง MTR ลง ที่ Hung Hom stationแล้วเดินต่อมาอีกประมาณ8นาทีได้ แต่ตัวเองตอนนั้นนั่งบัสต่อมาจากLok Wah


Hong Kong Cultural center/ Hong Kong Center of Arts/ Victoria harbour :
เดินเล่นยามเย็น รับแสงแดดที่ค่อนข้างแรง มาย่านนี้ เดินกี่ที ก็ไม่มีเบื่อเลยจริงๆ เรียกได้ว่าใครมาฮ่องกงเป็นครั้งแรก ควรมาให้เห็นด้วยตาสักครั้ง คือถือว่าเป็น the mustเลย เพราะว่าพื้นที่ตรงนี้มีหลายบริเวณให้เดินเล่นและเดินชมด้วยกัน ไม่ว่าจะแนวHipster หรือแนวอาร์ตๆ ก็มีครบทั้งหมด


Tsim Tsa Tsui :
เดินเล่นสไตล์นักท่องเที่ยว หาอะไรกินแล้วก็กลับโรงแรมไปนอน เพราะไม่ได้นอนเลยทั้งวัน


Day 2
Central of Hong Kong/ Central Market :
central market: ก็คือการrenovateจากตลาดสดแห่งแรกของฮ่องกง แล้วก็ฟื้นฟูทางสถาปัตยกรรมให้มีความปัจจุบันทันสมัยมากขึ้น แต่ตัวบริเวณตึกเองยังมีบางส่วนที่อนุรักษ์ไว้เหมือนเดิม โดยส่วนของร้านค้าต่างๆมี มากมายหลากหลายแบบให้เลือก สินค้าในกลุ่มพวก Zero waste หรือกลุ่มที่เป็น street brand nameและstreet food


ส่วนย่าน central เราก็เดินดูตึกรามบ้านช่องต่างๆไป มันให้ mood and tone ที่ดีมาก


Central-mid-level Escalator :
บันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก เดินต่อๆมาเรื่อยๆเลยจาก central market  เราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวฮ่องกงในเรื่องของการเดินทางรูปแบบต่างๆ มองดูจากescalator ก็จะเห็นตึกรามบ้านช่องรวมไปถึงร้านค้าต่างๆ



Tai Kwun (Former Central Police Station Compound) :
เดินขึ้นมาสุดบันไดเลื่อน แล้วมาเดินดูย่านตึกเก่าที่สามารถถ่ายรูปเล่นได้ และมีexhibitionให้เดินดู จากเรือนจำและสถานีตำรวจเก่าอายุเกือบร้อยๆปี สู่สถานที่แสดงผลงานทางศิลปะต่างๆที่ผลัดเวียนกันไป โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลของเขตการปกครองพิเศษฮ่องกง กับ The Hong Kong Jockey Club องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ทำงานฟื้นฟูอาคารและย่านเก่าแก่ของฮ่องกง



Victoria peak :
ชมวิวฝั่ง Hong Kong และ Kawloon บนจุดชมวิวที่peakที่สุด แอดถือว่ามาซ่อมกับรอบที่แล้ว เพราะรอบที่แล้วขึ้นมาแล้วฝนตก มองไม่เห็นอะไรเลย
การเดินทางจริงๆแล้วมีหลายวิธีนะ ทั้งbus แต่วิธีที่แนะนำเลยก็คือการขึ้นtram ที่the peak tram โดยจุดขึ้นtramเนี่ย เดินไม่ไกลเลยจาก MTR Central station ตั๋วสามารถwalk inมาซื้อข้างหน้าได้เลย หรือจะซื้อผ่านagent ในช่วงhigh seasonก็ได้ ช่วงแอดมาคือคนไม่เยอะมากแล้วก็คิดว่าไม่ใช่หน้า high seasonเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจมาดูหน้างาน (ระวังไว้สำหรับคนที่มา high season คนอาจจะเยอะ อาจจะใช้เวลารอtram นานด้วยนะ) โดยแนะนำว่าให้ซื้อตั๋วreturn ticketไปเลย ส่วนใครที่จะขึ้นชมวิวบนsky terrace ก็จะเสียเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย

Hilight ของการขึ้นtram ก็คือ เราสามารถมองเห็นวิวเมืองได้ตั้งแต่ช่วงตีนเขาจนถึงยอดเขา ระหว่างทางว่าพีคสมชื่อแล้ว ข้างบนมันพีคกว่าจริงๆ คือแอดรอตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินจนพระอาทิตย์ตกอ่ะ เกือบ3ชม.แน่ะ คือวิวแต่ละช่วงเวลามันสวยงามแตกต่างกันไปเลย แนะนำว่า ใครที่มาแล้ว ก็รอชมให้ครบๆทุกแสง แอดว่าประทับใจแน่นอน ไม่มีหลอกลวง หากใครที่จะมาจุดชมวิวแบบแอด หลังขึ้นมาสุดtramแล้ว ให้เดินหา Lions Pavillion Lookout ก็คิดว่าสามารถชมวิวได้ไม่ต่างกับsky terraceเลย

ฝากเอาไว้ถึงทุกคนว่า ควรเช็คช่วงเวลาที่มาเที่ยวดีๆนะ เพราะบางช่วงการรอtramขึ้นไปที่peak อาจจะต้องรอนานแบบ 30-45นาทีเลย ทั้งขาขึ้นและขาลง

ก่อนต่อ day 3-4 ฝาก content linkรวมของฮ่องกงที่เคยทำไว้ก่อนนะ ตามอ่านกันเลย
--> https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0vkJUB2Q2ueYNnc1wquNZ6ZPQ8tLYZLXhb8oT3VMwGVnMiTNCMZL3FSDYirYgZ5ctl&id=100067927634840&mibextid=qC1gEa
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่