ได้อ่านข่าวเด็กอายุ17ปี โดนกระทืบตายที่สนามฟุตบอลแล้วสะท้อนใจ อยากเล่าถึงสถานการณ์ยาเสพติดในหมู่บ้านของตนให้ฟัง เผื่อมันจะดังไปถึงหูผู้มีหน้าที่รับผิดชอบและออกมาทำอะไรเพื่อจะแก้ไขบ้าง
ตอนนี้ผมอายุสามสิบกว่าๆ เมื่อ3-4ปีที่แล้วผมได้ลาออกจากงานกลับมาอยู่ที่บ้านนอก(อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์) เพื่อดูแลแม่ บ้านของผมอยู่ติดกับรร.ขยายโอกาสซึ่งมีเปิดสอนตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น พอมาอยู่บ้านมันทำให้ผมได้เห็นปัญหาต่างๆในหมู่บ้านมากมาย ซึ่งช่วงผมเป็นวัยรุ่นปัญหาแบบเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้น และหมดไปในยุคที่รัฐไทยประกาศสงครามกับยาเสพติด ตอนนั้นผมยอมรับว่ายาเสพติดมันได้หายไปจากหมู่บ้านจริงๆ แต่ตอนนี้มันกลับมาแล้ว หนักกว่าเดิม ยาเสพติดได้ระบาดแทรกซึมเข้าไปแทบทุกพื้นที่ของหมู่บ้าน มันระบาดเข้าไปในโรงเรียน เด็กๆติดยาเริ่มรู้จักยาบ้าตั้งแต่ป.4 รู้จักเดินยาและเสพตอนป.5 ยาบ้ามีขายโดยทั่วไปในราคาที่ไม่แพง เม็ดละ80-120บาท เทียบกับเมื่อก่อนหน้าประกาศสงครามกับยาเสพติด ราคายาบ้าก็อยู่ที่ 90-110 บาทแต่อย่าลืมว่าตอนนั้นค่าแรงขั้นต่ำของไทยอยู่ที่100-120บาท เทียบกับตอนนี้อยู่ที่300บาท ถือว่ายาบ้าตอนนี้ถูกมาก หาซื้อง่าย คนขายรายย่อยส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ม.1 - ม.5 ใช่ครับอ่านไม่ผิด ม.1-ม.5 คนซื้อก็มีตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน ถามว่าตำรวจรู้ไหม รู้ครับ ช่วงก่อนหน้านี้ลงพื้นที่บ่อยมาก ตอนปฏิบัตการฟ้าแดดสงยางกวาดล้างยาเสพติด แต่ตำรวจไม่ค่อยจะสนใจจับรายย่อยที่เป็นเยาวชนครับ อาจจะเพราะ จับไปก็ไม่ติดคุก ไม่มีผลงาน หรืออะไรก็แล้วแต่ เลยทำให้เด็กๆย่ามใจ มันก็ขายกันเป็นล่ำเป็นสัน ส่วนแบ่งก็แบ่งๆกันใปในหมู่เพื่อนฝูง แบ่งกันสูบแบ่งกันเสพ หาลูกค้ารายใหม่ซึ่งก็เป็นเยาวชนในหมู่บ้าน แรกๆก็จะให้สูบฟรีครับ พอติด ก็ต้องซื้อ ถ้าไม่มีเงินซื้อก็ต้องขอผู้ปกครอง หรือก่อเหตุลักทรัพย์ เรื่องขโมยขึ้นบ้านนี่มีบ่อยมาก ยิ่งถ้าเป็นช่วงดำนาเกี่ยวข้าว มีข่าวโจรขโมยแทบทุกวัน บางทีเด็กเหล่านั้นก็ไปงัดห้องเก็บนมโรงเรียน เพื่อเอาไปขายโดยจะโกหกว่า ครูแจกแต่ตนเองไม่กิน เด็กๆเหล่านี้ไม่ค่อยจะกลัว เพราะเขารู้ว่า เขายังเป็นเยาวชน แม้นโดนตำรวจจับยาบ้าไป สุดท้ายก็มักจะโดนปล่อยตัว บางคนถูกจับหลายครั้ง ถูกส่งไปสถานพินิจบ้าง สองสามอาทิตย์ กลับมาเลิกไหม ไม่เลิก ครับ ทำต่อเหมือนเดิม บางคนก็โดนเรียกตัวไปเข้าค่ายฝึกของทหาร 10-12 วัน ถามว่าเข็ดไหม ไม่เข็ดครับ พอเด็กๆคนอื่นเห็นแบบนี้ ถามว่ามันกลัวไหม ไม่กลัวครับ สำหรับครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะหน่อย ก็จะส่งลูกไปเรียนในเมืองครับ อย่างเช่นหลานๆของผม ค่ำมากลับบ้านนอน ต้องดูแลค่อนข้างใกล้ชิด แต่สำหรับหลายๆครอบครัวที่หาเช้ากินต่ำ ก็ปล่อยตามมีตามเกิด เด็กๆก็อยู่ในวังวนนี้จากรุ่นสู่รุ่น นับวันอายุยิ่งขยับต่ำลงมาเรื่อยๆ ผมกล้าพูดได้เลยว่า เด็กๆในรร.นี้ ม.1-ม.3 คนที่ติดยาเสพติดหรือเสพติดถ้าเป็นเด็กผู้ชายน่าเสพราว60-70%ได้เด็กผู้หญิงก็มีบางคนนะครับ แต่อาจจะน้อยกว่าเด็กผู้ชาย นับวันเด็กหน้าใหม่ที่ติดยาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแรกๆเขาให้เสพฟรีครับ พอติดก็ต้องจ่าย มีเด็กม.3คนหนึ่งซึ่งเคยเป็นเด็กดี มาร้านผมทุกวันตั้งแต่ม.1 จนวันนี้ม.3 เริ่มเปลี่ยนไปผมก็สืบถามๆจากเพื่อนๆถึงได้รู้ว่าน้องเริ่มเสพยาบ้าตามเพื่อนๆตั้งแต่เปิดเรียนเทอมสอง ผมเอาเรื่องนี้ไปถามน้อง น้องยอมรับและบอกจะเลิก แต่ก็นะครับ ไม่เลิกหรอก จากเด้กที่ไม่เคยโกหกเริ่มโกหก ผมเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่เด็ก เพราะไม่อยากให้อนาคตเขาพังเพราะเรื่องนี้ แต่พ่อแม่คือคนหาเช้ากินค่ำ เช้าก็ออกไปรับจ้าง เข้าบ้านตอนฟ้ามืด ก็ไม่รู้จะดูแลได้ดีแค่ไหน ส่วนผมก็คงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว อยากให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ทำตามหน้าที่ของท่านบ้างเถอะ เด็กๆขายยาบ้าเหมือนขายขนมขายลูกอม หาซื้อได้ง่ายทั่วไป มียืนประจำเป็นจุดๆในหมู่บ้าน หน้าศาลาประชาคมบ้าง หน้ารร.บ้าง ยิ่งช่วงค่ำๆยืนกันเป็นสิบ ยิ่งตอนนี้มีมือถือมีโซเซียลยิ่งขายง่าย โทรซื้อขายกัน นัดส่งยา โอนเงินให้ก่อน ขับรถผ่านแล้วทิ้งยาที่จุดนัด เด็กๆก็ชอบรวมกลุ่มคุยฟุ้งกันว่า สีส้มเสพไม่ดี สีเขียวเสพดีกว่า แต่ตอนนี้มีสีชมพูเข้ามา และตอนนี้เริ่มพูดถึงยาไอส์กันบ้างและ ถ้าไม่ติดว่ามันแพงคงระบาดหนักกว่านี้ ฝากด้วยนะครับ ก่อนอนาคตของชาติจะไม่เหลือ
พอได้อ่านข่าวเด็ก17ปีอยากระบายเรื่องปัญหายาเสพติดที่ระบาดหนักในหมู่บ้าน
ตอนนี้ผมอายุสามสิบกว่าๆ เมื่อ3-4ปีที่แล้วผมได้ลาออกจากงานกลับมาอยู่ที่บ้านนอก(อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์) เพื่อดูแลแม่ บ้านของผมอยู่ติดกับรร.ขยายโอกาสซึ่งมีเปิดสอนตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น พอมาอยู่บ้านมันทำให้ผมได้เห็นปัญหาต่างๆในหมู่บ้านมากมาย ซึ่งช่วงผมเป็นวัยรุ่นปัญหาแบบเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้น และหมดไปในยุคที่รัฐไทยประกาศสงครามกับยาเสพติด ตอนนั้นผมยอมรับว่ายาเสพติดมันได้หายไปจากหมู่บ้านจริงๆ แต่ตอนนี้มันกลับมาแล้ว หนักกว่าเดิม ยาเสพติดได้ระบาดแทรกซึมเข้าไปแทบทุกพื้นที่ของหมู่บ้าน มันระบาดเข้าไปในโรงเรียน เด็กๆติดยาเริ่มรู้จักยาบ้าตั้งแต่ป.4 รู้จักเดินยาและเสพตอนป.5 ยาบ้ามีขายโดยทั่วไปในราคาที่ไม่แพง เม็ดละ80-120บาท เทียบกับเมื่อก่อนหน้าประกาศสงครามกับยาเสพติด ราคายาบ้าก็อยู่ที่ 90-110 บาทแต่อย่าลืมว่าตอนนั้นค่าแรงขั้นต่ำของไทยอยู่ที่100-120บาท เทียบกับตอนนี้อยู่ที่300บาท ถือว่ายาบ้าตอนนี้ถูกมาก หาซื้อง่าย คนขายรายย่อยส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ม.1 - ม.5 ใช่ครับอ่านไม่ผิด ม.1-ม.5 คนซื้อก็มีตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน ถามว่าตำรวจรู้ไหม รู้ครับ ช่วงก่อนหน้านี้ลงพื้นที่บ่อยมาก ตอนปฏิบัตการฟ้าแดดสงยางกวาดล้างยาเสพติด แต่ตำรวจไม่ค่อยจะสนใจจับรายย่อยที่เป็นเยาวชนครับ อาจจะเพราะ จับไปก็ไม่ติดคุก ไม่มีผลงาน หรืออะไรก็แล้วแต่ เลยทำให้เด็กๆย่ามใจ มันก็ขายกันเป็นล่ำเป็นสัน ส่วนแบ่งก็แบ่งๆกันใปในหมู่เพื่อนฝูง แบ่งกันสูบแบ่งกันเสพ หาลูกค้ารายใหม่ซึ่งก็เป็นเยาวชนในหมู่บ้าน แรกๆก็จะให้สูบฟรีครับ พอติด ก็ต้องซื้อ ถ้าไม่มีเงินซื้อก็ต้องขอผู้ปกครอง หรือก่อเหตุลักทรัพย์ เรื่องขโมยขึ้นบ้านนี่มีบ่อยมาก ยิ่งถ้าเป็นช่วงดำนาเกี่ยวข้าว มีข่าวโจรขโมยแทบทุกวัน บางทีเด็กเหล่านั้นก็ไปงัดห้องเก็บนมโรงเรียน เพื่อเอาไปขายโดยจะโกหกว่า ครูแจกแต่ตนเองไม่กิน เด็กๆเหล่านี้ไม่ค่อยจะกลัว เพราะเขารู้ว่า เขายังเป็นเยาวชน แม้นโดนตำรวจจับยาบ้าไป สุดท้ายก็มักจะโดนปล่อยตัว บางคนถูกจับหลายครั้ง ถูกส่งไปสถานพินิจบ้าง สองสามอาทิตย์ กลับมาเลิกไหม ไม่เลิก ครับ ทำต่อเหมือนเดิม บางคนก็โดนเรียกตัวไปเข้าค่ายฝึกของทหาร 10-12 วัน ถามว่าเข็ดไหม ไม่เข็ดครับ พอเด็กๆคนอื่นเห็นแบบนี้ ถามว่ามันกลัวไหม ไม่กลัวครับ สำหรับครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะหน่อย ก็จะส่งลูกไปเรียนในเมืองครับ อย่างเช่นหลานๆของผม ค่ำมากลับบ้านนอน ต้องดูแลค่อนข้างใกล้ชิด แต่สำหรับหลายๆครอบครัวที่หาเช้ากินต่ำ ก็ปล่อยตามมีตามเกิด เด็กๆก็อยู่ในวังวนนี้จากรุ่นสู่รุ่น นับวันอายุยิ่งขยับต่ำลงมาเรื่อยๆ ผมกล้าพูดได้เลยว่า เด็กๆในรร.นี้ ม.1-ม.3 คนที่ติดยาเสพติดหรือเสพติดถ้าเป็นเด็กผู้ชายน่าเสพราว60-70%ได้เด็กผู้หญิงก็มีบางคนนะครับ แต่อาจจะน้อยกว่าเด็กผู้ชาย นับวันเด็กหน้าใหม่ที่ติดยาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแรกๆเขาให้เสพฟรีครับ พอติดก็ต้องจ่าย มีเด็กม.3คนหนึ่งซึ่งเคยเป็นเด็กดี มาร้านผมทุกวันตั้งแต่ม.1 จนวันนี้ม.3 เริ่มเปลี่ยนไปผมก็สืบถามๆจากเพื่อนๆถึงได้รู้ว่าน้องเริ่มเสพยาบ้าตามเพื่อนๆตั้งแต่เปิดเรียนเทอมสอง ผมเอาเรื่องนี้ไปถามน้อง น้องยอมรับและบอกจะเลิก แต่ก็นะครับ ไม่เลิกหรอก จากเด้กที่ไม่เคยโกหกเริ่มโกหก ผมเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่เด็ก เพราะไม่อยากให้อนาคตเขาพังเพราะเรื่องนี้ แต่พ่อแม่คือคนหาเช้ากินค่ำ เช้าก็ออกไปรับจ้าง เข้าบ้านตอนฟ้ามืด ก็ไม่รู้จะดูแลได้ดีแค่ไหน ส่วนผมก็คงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว อยากให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ทำตามหน้าที่ของท่านบ้างเถอะ เด็กๆขายยาบ้าเหมือนขายขนมขายลูกอม หาซื้อได้ง่ายทั่วไป มียืนประจำเป็นจุดๆในหมู่บ้าน หน้าศาลาประชาคมบ้าง หน้ารร.บ้าง ยิ่งช่วงค่ำๆยืนกันเป็นสิบ ยิ่งตอนนี้มีมือถือมีโซเซียลยิ่งขายง่าย โทรซื้อขายกัน นัดส่งยา โอนเงินให้ก่อน ขับรถผ่านแล้วทิ้งยาที่จุดนัด เด็กๆก็ชอบรวมกลุ่มคุยฟุ้งกันว่า สีส้มเสพไม่ดี สีเขียวเสพดีกว่า แต่ตอนนี้มีสีชมพูเข้ามา และตอนนี้เริ่มพูดถึงยาไอส์กันบ้างและ ถ้าไม่ติดว่ามันแพงคงระบาดหนักกว่านี้ ฝากด้วยนะครับ ก่อนอนาคตของชาติจะไม่เหลือ