หลังจากผลด่วนออกมาสองรอบ
1 ในผู้ลุ้นคามิ 7 ตอนนี้ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ
ซึ่งเป็นบททดสอบครั้งสำคัญ ของลูกพี่และเหล่าลูกน้อง
เจนนิษฐ์ที่ต้องแบกรับคำครหามากมายในช่วงหลังๆที่ผ่านมา
ทั้งบอกว่าไม่เหมาะจะอยู่ใน 4 เทพ ความนิยมตก รวมถึงการปั่นกระแสดราม่าต่างๆ
ท่ามกลางคำพูดเหล่านั้น มาดูกันว่า เจนนิษฐ์ผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะถึงจุดนี้
เริ่มต้นเจนนิษฐ์เป็นแฟนคลับวงต่างๆ รวมถึงวง AKB48 ด้วย โดยมีการเข้าร่วมงาน we need you งานที่ประกาศว่าจะมี BNK48 ในประเทศไทย เจนนิษฐ์เป็นหนึ่งในผู้โชคดีได้รับรางวัลในงานนั้น อย่างไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะกลายมาเป็นเมมเบอร์ของวงในภายหลัง
เจนนิษฐ์เข้าออดิชั่น พร้อมกับได้รับเลือก โดยในวันที่เซ็นสัญญา ได้มีการเชิญผู้ปกครองมาร่วมประชุม เพื่อทำความเข้าใจข้อตกลงและกฎต่างๆ รวมไปถึงค่าตอบแทนที่จะได้รับ โดยจ๊อบซังให้เวลากลับบ้านไปคิดก่อน แต่คนแรกที่เข้ามาเซ็นสัญญาทันทีหลังจากการประชุมจบลง คือ เจนนิษฐ์ โดยคุณแม่บอกว่าคุยกันมาแล้ว และนี่คือความฝันของน้อง
ด้วยความสามารถตอนนั้น เจนนิษฐ์ได้รับเลือกเป็นตัวแทนในงานของวงหลายอย่าง และที่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด คือการเป็นเซนเตอร์เพลง 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ
เจนนิษฐ์ได้รับเลือกเป็นมีเดียเซม เดินสายโปรโมทงานในช่วงแรก ทำให้ความนิยมพุ่งขึ้นสูงเป็นอันดับต้นๆของวง ประกอบกับคาแรกเตอร์ที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยความเป็นลูกพี่ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการใช้คำศัพท์ภาษาไทยที่ถูกต้อง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อประกาศตั้งทีมบีทรี เจนนิษฐ์ยังได้รับเลือกให้เป็นรองกัปตันทีม ซึ่งนับว่าเป็นบทพิสูจน์ความไว้ใจของอฟชต่อเจนนิษฐ์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามกระแสเจนนิษฐ์เริ่มคงที่ หลังความนิยมของเพลงคุกกี้เสี่ยงทายเพิ่มมากขึ้นไม่หยุด แต่เป็นช่วงเดียวกับที่เจนนิษฐ์ได้รับโอกาสทางการแสดงพอดี ประกอบกับเกิดกระแสข่าวที่โจมตีเข้ามา ทำให้เริ่มหายๆไป มากไปกว่านั้นเรื่องความเป็นลูกพี่และการใช้ภาษาไทย กลับย้อนมาทำร้ายตัวน้องเอง จนเกิดเป็นดราม่าขึ้น ซึ่งรอบนี้คนนอกโดดมาร่วมวงด้วยเลยทีเดียว
จากเรื่องราวทั้งหมดประกอบกับการความเป็นตัวเองของเจนนิษฐ์ ไม่อ้อน ไม่ตกแฟนคลับ ภาพลักษณ์ที่ดูแข็งๆ ทำให้ความนิยมหลายๆคนเริ่มแซงเจนนิษฐ์ไป จากที่เคยอยู่แถวหน้า ก็เริ่มถอยมาอยู่แถวหลัง ไม่ติดพรีเซนเตอร์บางตัว จนเกิดเป็นคำถามตลอดมาว่า ตกลงเจนนิษฐ์ยังสมควรเป็น4เทพอยู่มั้ย
แต่ตัวตนน้องเป็นคนแข็งๆไม่สนใจอะไรจริงหรอ เด็กที่ร้องไห้แทนเพื่อนสนิทในวันที่เพื่อนได้เป็นเซนเตอร์ เด็กที่ไปไล่ตามถ่ายรูปโปรเจควันเกิดที่แฟนๆทำให้ เด็กที่ไปไล่เตะประตูที่หนีบพี่เนย เด็กที่ไปปลอบใจแฟนคลับที่ร้องไห้ตอนเจอตัวเอง เด็กที่มีแต่พัฒนาตัวเองมากขึ้นทุกๆวัน น้องปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่พลาดไป แล้วกำลังเป็นเจนนิษฐ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆในแบบที่เป็นตัวเอง ในเมื่อน้องกำลังพัฒนาตัวเองแบบนี้ เหล่าลูกน้องจะหยุดได้อย่างไร
เจนนิษฐ์ไม่เคยขออะไรจากแฟนคลับเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนเวิลด์เซม หรือบัตรทูชอต น้องบอกแค่อย่างเดียวคือ เก็บเงินไว้เลือกตั้ง นั่นแสดงให้เห็นว่านี่คือความฝันของน้องจริงๆ ในฐานะที่น้องเป็นแฟนคลับวงพี่มาก่อน น้องน่าจะเข้าใจดีว่าการแข่งขันครั้งนี้สำคัญขนาดไหน น้องเป็นเด็กมีความสามารถอย่างแน่นอน ไม่มีใครเถียงข้อนี้ได้ น้องขาดแค่โอกาส ที่จะไปยืนอยู่ตรงนั้น ได้แสดงความสามารถให้ทุกคนเห็น
ถึงเวลาแล้วรึยัง ที่เราจะทำความฝันของลูกพี่ให้เป็นจริง โอกาสที่เราสร้างให้น้องได้ บทพิสูจน์ความสามารถของลูกพี่และเหล่าลูกน้อง ไม่ให้ใครมาตั้งคำถามได้อีกว่าเจนนิษฐ์เหมาะสมหรือไม่ที่จะอยู่ตรงนี้
ขอพูดถึงเจนนิษฐ์สักหน่อย
1 ในผู้ลุ้นคามิ 7 ตอนนี้ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ
ซึ่งเป็นบททดสอบครั้งสำคัญ ของลูกพี่และเหล่าลูกน้อง
เจนนิษฐ์ที่ต้องแบกรับคำครหามากมายในช่วงหลังๆที่ผ่านมา
ทั้งบอกว่าไม่เหมาะจะอยู่ใน 4 เทพ ความนิยมตก รวมถึงการปั่นกระแสดราม่าต่างๆ
ท่ามกลางคำพูดเหล่านั้น มาดูกันว่า เจนนิษฐ์ผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะถึงจุดนี้
เริ่มต้นเจนนิษฐ์เป็นแฟนคลับวงต่างๆ รวมถึงวง AKB48 ด้วย โดยมีการเข้าร่วมงาน we need you งานที่ประกาศว่าจะมี BNK48 ในประเทศไทย เจนนิษฐ์เป็นหนึ่งในผู้โชคดีได้รับรางวัลในงานนั้น อย่างไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะกลายมาเป็นเมมเบอร์ของวงในภายหลัง
เจนนิษฐ์เข้าออดิชั่น พร้อมกับได้รับเลือก โดยในวันที่เซ็นสัญญา ได้มีการเชิญผู้ปกครองมาร่วมประชุม เพื่อทำความเข้าใจข้อตกลงและกฎต่างๆ รวมไปถึงค่าตอบแทนที่จะได้รับ โดยจ๊อบซังให้เวลากลับบ้านไปคิดก่อน แต่คนแรกที่เข้ามาเซ็นสัญญาทันทีหลังจากการประชุมจบลง คือ เจนนิษฐ์ โดยคุณแม่บอกว่าคุยกันมาแล้ว และนี่คือความฝันของน้อง
ด้วยความสามารถตอนนั้น เจนนิษฐ์ได้รับเลือกเป็นตัวแทนในงานของวงหลายอย่าง และที่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด คือการเป็นเซนเตอร์เพลง 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ
เจนนิษฐ์ได้รับเลือกเป็นมีเดียเซม เดินสายโปรโมทงานในช่วงแรก ทำให้ความนิยมพุ่งขึ้นสูงเป็นอันดับต้นๆของวง ประกอบกับคาแรกเตอร์ที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยความเป็นลูกพี่ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการใช้คำศัพท์ภาษาไทยที่ถูกต้อง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อประกาศตั้งทีมบีทรี เจนนิษฐ์ยังได้รับเลือกให้เป็นรองกัปตันทีม ซึ่งนับว่าเป็นบทพิสูจน์ความไว้ใจของอฟชต่อเจนนิษฐ์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามกระแสเจนนิษฐ์เริ่มคงที่ หลังความนิยมของเพลงคุกกี้เสี่ยงทายเพิ่มมากขึ้นไม่หยุด แต่เป็นช่วงเดียวกับที่เจนนิษฐ์ได้รับโอกาสทางการแสดงพอดี ประกอบกับเกิดกระแสข่าวที่โจมตีเข้ามา ทำให้เริ่มหายๆไป มากไปกว่านั้นเรื่องความเป็นลูกพี่และการใช้ภาษาไทย กลับย้อนมาทำร้ายตัวน้องเอง จนเกิดเป็นดราม่าขึ้น ซึ่งรอบนี้คนนอกโดดมาร่วมวงด้วยเลยทีเดียว
จากเรื่องราวทั้งหมดประกอบกับการความเป็นตัวเองของเจนนิษฐ์ ไม่อ้อน ไม่ตกแฟนคลับ ภาพลักษณ์ที่ดูแข็งๆ ทำให้ความนิยมหลายๆคนเริ่มแซงเจนนิษฐ์ไป จากที่เคยอยู่แถวหน้า ก็เริ่มถอยมาอยู่แถวหลัง ไม่ติดพรีเซนเตอร์บางตัว จนเกิดเป็นคำถามตลอดมาว่า ตกลงเจนนิษฐ์ยังสมควรเป็น4เทพอยู่มั้ย
แต่ตัวตนน้องเป็นคนแข็งๆไม่สนใจอะไรจริงหรอ เด็กที่ร้องไห้แทนเพื่อนสนิทในวันที่เพื่อนได้เป็นเซนเตอร์ เด็กที่ไปไล่ตามถ่ายรูปโปรเจควันเกิดที่แฟนๆทำให้ เด็กที่ไปไล่เตะประตูที่หนีบพี่เนย เด็กที่ไปปลอบใจแฟนคลับที่ร้องไห้ตอนเจอตัวเอง เด็กที่มีแต่พัฒนาตัวเองมากขึ้นทุกๆวัน น้องปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่พลาดไป แล้วกำลังเป็นเจนนิษฐ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆในแบบที่เป็นตัวเอง ในเมื่อน้องกำลังพัฒนาตัวเองแบบนี้ เหล่าลูกน้องจะหยุดได้อย่างไร
เจนนิษฐ์ไม่เคยขออะไรจากแฟนคลับเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนเวิลด์เซม หรือบัตรทูชอต น้องบอกแค่อย่างเดียวคือ เก็บเงินไว้เลือกตั้ง นั่นแสดงให้เห็นว่านี่คือความฝันของน้องจริงๆ ในฐานะที่น้องเป็นแฟนคลับวงพี่มาก่อน น้องน่าจะเข้าใจดีว่าการแข่งขันครั้งนี้สำคัญขนาดไหน น้องเป็นเด็กมีความสามารถอย่างแน่นอน ไม่มีใครเถียงข้อนี้ได้ น้องขาดแค่โอกาส ที่จะไปยืนอยู่ตรงนั้น ได้แสดงความสามารถให้ทุกคนเห็น
ถึงเวลาแล้วรึยัง ที่เราจะทำความฝันของลูกพี่ให้เป็นจริง โอกาสที่เราสร้างให้น้องได้ บทพิสูจน์ความสามารถของลูกพี่และเหล่าลูกน้อง ไม่ให้ใครมาตั้งคำถามได้อีกว่าเจนนิษฐ์เหมาะสมหรือไม่ที่จะอยู่ตรงนี้