เพื่อนคือศัตรูที่ร้ายที่สุด

สวัสดีคะ
เรามีเรื่องทุกข์ใจเรื่องเพื่อนคนนึ่งค่ะ
เราขอตั้งนามสมมุตินะคะ
Aแทนเรา Bแทนเพื่อน
เมื่อ6-7 ปีที่แล้ว เราได้เข้าเรียนวิทยาลัยแห่งนึ่ง ซึ่งได้ไปพบกับBนี้แหละ แรกเราไม่รู้หรอกว่าต้องวางตัวกับเพื่อนใหม่ยังไง ห้องเราเป็นห้องที่มีนักศึกษาประชากรน้อยคะ
ประมาน10 น่าจะได้ ในห้องมีB ที่มีครอบครัวแล้ว
ส่วนตัวเราก็มีแฟนเหมือนกัน โอเคเข้าเรื่องที่เริ่มทะเลาะกันเลยดีกว่าเนาะ
ปีแรกที่วิลัยเขาบังคับให้เด็กเปิดบัญชีฝากเงิน ซึ่งเราไม่รู้ขั้นตอนการทำ ผิดด้วยหรอที่เราถามพี่ๆเขาว่า ทำยังไงบ้างคะ Bพูดแทรกขึ้นมาว่า "ก็แหกตาดูซิว่าเขาทำยังไงกัน"
ส่วนตัวเราก็เป็นคนไม่ยอมคนอยู่แล้ว ด้วยความที่โมโหเพื่อนที่เพื่อนพูดกับเราไม่ดี เราจึงตอบไปว่า "ถ้ากูรู้แล้วกูจะถามไหมล่ะอิควาย"
ผ่านไปเราก็ไม่ได้สนใจอะไร เพื่อนคนอื่นเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรต่อ
เช้าวันต่อมา เพื่อนทั้ง 10 ไม่มีใครพูดกับเราเลย จนเราก็คิดพิจารณาตัวเอง เราผิดที่เราไปพูดแบบนั้นกับB จึงทำให้เพื่อนทั้งห้องไม่พูดกับเราด้วย
เราจึงตัดสิ้นใจไปขอโทษB
ต่อมายังอยู่ในช่วงปีนึ่ง เพื่อนB เราเนี่ย เขาเป็นแดนเซอร์ ตอนนั้นน่าจะขาดคนเต้นมั่ง เลยชวนเพื่อนมีนามสมมุติว่าC
C ก็เป็นแดนเซอร์เหมือนกันแต่ว่าอยู่คนละวงการ BและC ไปเต้นด้วยกันเป็นวงดนตรีของB
ต่อมาB มาชวนเราไปเต้นด้วยกันไหม เราปฏิเสธไปก่อนว่าไม่ เราให้เหตุผลว่าเรากลัวแฟนว่า เราไม่แน่ใจตอนนั้นว่า B เป็นคนเสนอไปขอแฟนเราเอง หรือว่าเราขอร้องให้Bไปพูดกับเราเพื่อนที่จะได้เป็นเต้นแล้วมีเงินใช้
ผ่านมาแฟนให้เราไปเต้น เราได้เข้าวงการไปใหม่ๆแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนอื่นๆ
ผ่านไปเต้นได้ไม่กี่งาน เราเริ่มงอแงแล้ว อ่อนเพลีย ไม่อยากเต้นแล้ว เพราะงานแดนเซอร์เป็นงานตอนกลางคืนกว่างานตะเลิกก็ราวๆตี1 เช้ามาต้องไปเรียนเช้าอีก หลายคืนๆติดต่อกันเข้าแล้ว ก็เริ่มงอแง ลืมบอกไปว่าบางคืนก็ต้องนอนที่บ้าน B ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุผลอะไร แต่บ้านที่B อยู่ไม่ใช่บ้านของBเอง เป็นบ้านของแฟนเขา
คืนไหนมีงานแดนเซอร์แต่เราไม่อยากไป นั้นแหละB ไม่พอใจเราแล้ว อาจเป็นเพราะB กลัวเสียชื่อเสียงด้วยแหละมั่ง พาเพื่อนมาเต้นแต่เต้นได้ไม่เท่าไหร่ก็ไม่มา มาบ้างไม่มาบ้าง นี้ก็คงเป็นเพื่อนสาเหตุนึ่งที่ทำให้B ไม่ชอบเรา เราก็ไม่ได้ถือสาอะไร เราก็คิดว่าเพื่อนกันไม่อะไรหรอก แต่เราเห็นBเขาไม่ได้คิดแบบที่เราคิด เราคิดว่าB เป็นคนประเภทแบบถ้าเขาไม่พอใจเพื่อนคนไหน เขาจะไปพูดไปเป่าหูเพื่อนคนอื่นให้ไม่พูดด้วย ไม่เล่นด้วย
อะไรที่ทำให้เราคิดแบบนั้นคือ มีอยู่ครั้งนึ่งC ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้B ไม่พอใจ
วันนึ่งมาเรียนปกติ นั่งสนทนาพาเพลินกันปกติ C บอกจะลงไปซื้อของที่สหกรณ์มีใครจะฝากซื้ออะไรไหม ทุกคนก็บอกไม่ ยกเว้นB  แล้วC ก็ไปหลังจากที่Cไปแล้ว Bมีพฤติกรรมพูดน้าวโน้มให้เพื่อนคนอื่นไม่พูดด้วยกับ C พูดต่างๆนาๆอย่างงั้นอย่างงี้ ซึ่งเพื่อนทุกคนก็ไม่รู้หรอกว่าที่Bพูดอ่ะเรื่องจิงรึป่าว
พอC กลับเข้ามาในห้องเรียน C งง ว่าก่อนไปซื้อของเพื่อนๆทุกคนยังโอเคกับC อยู่เลย พอกลับมา ทำไมทุกคนเงียบ
ซึ่งตอนนั้นเราก็เป็นไปกับเขาด้วย ไม่คุยกับCเฉยเลย ทั้งๆที่Cก็ไม่ได้ทำไรให้เรานะ ช่วงที่เรียนวิลัยปี1ปี2 ยอมรับว่าห้องเราร้ายมากดื้อมาก ทั้งเรื่องโดนเรียน เรื่องเที่ยว เรื่องผู้ชาย จนอาจารย์ที่ปรึกษาเอ่ยปากว่าจะไม่เอาพวกเราแล้ว จะให้อาจารย์คนอื่นเป็นที่ปรึกษาแทน
ทุกคนในห้องมีแฟนกันหมดเลย แฟนที่ว่านี้ก็คือผัวนั้นแหละ มีผัวกันตั้งแต่เด็กๆ ความที่ยังเป็นก็มีทะเลาะกับแฟนบ้าง แล้วก็มาเล่าปัญหาให้เพื่อนๆฟัง ซึ่งB นี้แหละ จะวงการทุกการ ยุแยงให้เลิกอย่างงั้นอย่างงี้ พอเวลาผ่าน ในวัยเด็กอะเนาะ รักครั้งแรกอ่ะ หัวอ่อน เพื่อนก็จะฟัง แฟนก็ยังรัก ผ่านไปหลังจากที่เล่าให้เพื่อนฟังแล้ว กลับบ้านไปก็ดีกันกับแฟน B รู้ว่าคนนี้ดีกับแฟน B เริ่มมีอาการ เริ่มไม่พูดด้วย แล้วคนไหนที่โดนB ไม่พูดด้วย ก็จะโดนเพื่อนคนอื่นไม่พูด้วยเช่นกัน ความสัมพันธ์ของการเป็นเพื่อนวนเวียนอยู่อย่างงี้2ปี พอเข้าปีที่3 เพื่อนๆเริ่มหาย ก็คือเรียนไม่จบนั้นแหละ เหลือตัวหลักๆเลย คือเราA แล้วก็ B C เพิ่มD มาอีกตัว
เข้าสู้ปี3 มีการฝึกงาน ทุกต้องออกฝึกงาน1ปี โดยฝึกงาน5วัน เข้ามาเรียน2วัน เรียนจัน-อัง ส่วนวันที่เหลือฝึกงาน
ภายใน1ปี เราใช้ที่ฝึกงานไป3สถานที่ โดยเป็นอะไรที่แย่มาก ไม่ขอเอ่ยสถานที่ฝึกงาน ที่แรก ฝึกงานเหนื่อยมาก ในความที่เป็นเด็ก ไม่ค่อยอดทน ขยันเท่าไหร่ พี่ๆเข้าก็เริ่มไม่ชอบเรา ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร ส่วนตัวเป็นคนนิสัยห้าว ไม่ยอมใคร ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้ม จำได้แค่ว่าในหัวมัเรื่ิองให้คิดมากมาย ทั่งเรื่องแฟน เรื่องเพื่อน เลยทำให้ไม่มีสมาธิในการฝึกงานสักเท่าไหร่ กลัวเพื่อนไม่เล่นด้วย เพราะเรารู้เหตุการณ์กลัวB ไม่เล่นด้วย กลัวมากเลย ไม่รู้ว่าต้องแคร์อะไรขนาดนั้น อาจเป็นเพราะเราโดนมากเยอะที่สุดในกลุ่มมั้ง แล้วเราก็คิดว่าเราอยู่เบื้องหลังกับB มากที่สุดเช่นเดียวกัน มันเลยเกิดเป็นความกลัว นานๆเข้าแล้ว เรารู้สึกโมโห ว่าทำไมเราต้องแคร์กับสิ่งพวกนี้ด้วย บางครั้งเรายังไม่รู้ตัวเลยอ่ะว่าทำไรให้Bไม่พอใจ เราเลยปล่อยเลยตามเลย จากที่เคยง้อ เคยถามว่าโกรธอะไรกูรึป่าว เราก็ไม่ถามแล้ว เราเหนื่อย เราไม่พูด เราเริ่มเฉย เราคิดว่าโตๆกันแล้ว จัน-อัง เราเจอเพื่อนครั้งนึ่ง เราเริ่มไม่ทักเพื่อนแล้ว จากที่เคยเป็นคนทักเพื่อนก่อนเสมอ ผ่านไปเป็นแบบนี้ตลอด
ส่วนฝึกงานเรา เราเริ่มอยู่ไม่ได้ เราเลยขอย้าย แต่อาจารย์บอกครั้งนี้ให้หาเอง ส่วน BและC ฝึกงานอยู่ที่เดียวกัน ลืมเล่าไปเหตุการณ์นึ่ง สถานที่ฝึกงาน มีเราที่สถานที่ฝึกงานให้เงินเยอะสุด เราคิดว่าB เป็นคนขี้อิจฉาอ่ะ เห็นเราได้เงินเยอะ เลยแบบมีอาการที่เคยบอกไปอ่ะ แต่งานหนักนะ เงินเยอะงานหนัก
ส่วนBและC งานเบาเงินน้อย หลังจากที่เราได้ขอย้าย เราเลยไปขอความช่วยเหลือจากB ว่าให้ช่วยพูดกับร้านของB ให้เราหน่อย ปรากฏว่าB ช่วย จนเราได้ทำงาน เราเข้าไปก็มีเรื่องต่างๆนาๆที่B เล่าให้เราฟัง แต่เป็นเรื่องไม่ดีนะ นินทาคนในร้านให้เราฟังว่าคนนั้นอย่างงั้น คนนี้อย่างงี้ แต่เราก็เห็นB ไปเล่นไปคุยกับคนทุกคน ซึ่งมันขัดจากที่Bเล่าให้เราฟัง เราก็คิดว่า เราต้องยอมรับมัน B เล่าเรื่องคนอื่นเสียๆหายๆให้เราฟังได้ B ก็คงจะเอาเรื่องของเราไปพูดแบบนี้เช่นกัน ซึ่งตอนที่เราเป็นแดนเซอร์ก็แบบนี้แหละ ร้านของ B สังคมยิ้มมาก เราอยู่ไม่ได้อีกตามเคย ช่วงฝึกงานร้านเดียวB ก็เหมือนตอนเรียนเลย นางอยากคุยนางก็มาคุย นางไม่อยากคุย นางก็เฉย เหมือนไม่เห็นเราอ่ะ เราเริ่มนิ่ม เริ่มเฉย จนที่คนมาเล่าให้เราฟัง ไม่ขอเอ่ยนามว่าB พูดนินทาเราอย่างงั้นอย่างงี้ ในใจเราคิดว่า มันก็เรื่องของเราไม๊ว่ะ จะเอาไปพูดเพื่ออะไร เราเริ่มท้อ งานไม่ไปฝึก อันนี้ยอมรับเกิดจากความขี้เกียดของเรา จนสถานที่ฝึกงานโทรมาบอกเราว่า ไม่ต้องฝึกงานแล้ว ซึ่งB เองก็คงไม่พอใจแหละ ว่าทำนางเสียชื่อ เราหาที่ฝึกงานใหม่ แห่งนี้เป็นแฟนเราที่ช่วยหา ได้ทำอะไรเรียบร้อย แต่เกิดปัญหาคือ ทะเลาะกะแฟนบ่อยมาก เป็นที่ๆแฟนมาระรานได้ง่ายมาก จนเราบอกเจ้าของร้านว่า เราไม่ทำแล้ว แล้วเราก็หายไปเลย เจ้าของร้านไม่พอใจไปฟ้องอาจารย์ที่วิลัย เราใจร้อนเกิดไปเถียงกะอาจารย์อีก จนวิชานั้นได้0ไป ต้องลงแก้อีก ภายใน1ปี เปลี่ยนสถานที่ฝึกงานไป4 ร้าน
ร้านที่4นี้แหละ อยู่ทนจนจบเทอม และร้านที่4เป็น ทำให้เราได้ชีวิตใหม่ เราเลิกกับแฟนคนเก่าได้คนใหม่ที่ร้านที่4 แน่นอน B เริ่มมีอาการ เราพอดูรู้ แฟนคนนี้ทำให้เราดีขึ้น มีงานที่ดี มีเงินใช้ เรียนเก่งขึ้น เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเรา โตกว่าเรา5-6ปี มีทองใส่ แน่นอนB เริ่มมีอาการ คือชีวิตดีขึ้นอ่ะ จนเพื่อนยอมรับ เรียนเก่ง เพื่อนก็เริ่มสนใจเรา เราค่อนข้างจะอวดด้วยแหละ ก็คนมันมีความสุขอะเนาะ มันก็ธรรม เราทำเราไม่ได้คิดอวดเพื่อนว่าเรามั่งมี เราทำเพราะเรามีความสุข แต่B มีอาการ หาว่าเราอวด เราหยิ่ง เราอย่างงั้น เราอย่างงี้ เป็นแบบนี้จน จบ ปวช.3
เดี๋ยวมาต่อนะ ยังมีเยอะเกี่ยวกับB หลังๆมีอาการมากกว่านี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่