ทริปลุยเดี่ยวตามความฝันชมฟุตบอลที่แอนฟิลด์ พร้อมเที่ยว 4 เมือง ลอนดอน - เอดินบะระ - แมนเชสเตอร์ - ลิเวอร์พูล

ความฝันสูงสุดสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลอย่างผมคือ การได้เข้าไปชมเกมที่สนามแอนฟิลด์สักครั้งในชีวิต ผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลตั้งแต่อายุ 13 ปี ช่วงนั้นในวันสุดสัปดาห์ที่ลิเวอร์พูลมีโปรแกรมลงเตะ ผมจะติดตามการแข่งขันของทีมรักผ่านทางรายงานสดฟุตบอลจากทางวิทยุ เนื่องจากตอนนั้นทางบ้านของผมไม่ได้ติดตั้งเคเบิ้ลทีวีที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แต่บางนัดในรายการฟุตบอลยุโรปที่มีการถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวี ผมก็จะตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อตื่นมาเชียร์ทีมรักลงเตะ ไม่ว่ามันจะดึกแค่ไหนก็ตาม ก็ใจมันรักไปแล้วนิ 5555
ผมยังจำเกมนัดชิงยูฟ่าคัพ 2001 ที่ดอร์ทมุนด์ ซึ่งลิเวอร์พูลเอาชนะอลาเบสในช่วงต่อเวลาพิเศษ (โกลเด้นโกลด์ในตอนนั้น) 5-4 จนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ และจำเกมแห่งปฏิหารย์ที่อิสตันบูลในการดวลจุดโทษขนะเอซีมิลาน คว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่ของยุโรปสมัยที่ 5 มาวันนี้ผมจึงขอแบ่งปันประสบการณ์เดินทางลุยเดี่ยวคนเดียวครั้งแรกในอังกฤษ เพื่อทำตามความฝันที่ผมรอคอยมานานและหวังว่าประสบการณ์นี้จะเป็นแรงบันดาลใจในการตามล่าความฝันของแฟนบอลลิเวอร์พูลอีกหลายๆคนที่ต้องการไปชมเกมที่แอนฟิลด์สักครั้งในชีวิตนะครับ
โดยทริปนี้อยู่ระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2561 เริ่มจากวันเดินทางวันแรกในเวลา 00.55 น. ของวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ บินตรงไปยังสนามบินฮีทโธรว์ ลอนดอน
นั่งเครื่องบิน 12 ชั่วโมงก็ถึงลอนดอน เวลาประมาณ 7 โมงเช้าของที่อังกฤษ เมื่อผ่านด่านตม. แล้ว เป้าหมายแรกของผมคือการมุ่งหน้าสู่สถานี Victoria Coach Station เนื่องจากคืนนี้ผมจะเดินทางด้วยรถบัสรอบดึกที่สถานีนี้ ไปเมืองเอดินบะระ สก็อตแลนด์ จึงนั่งรถไฟlสาย Piccadilly จากสนามบินไปลงสถานี Earls Court และต่อรถไฟอีกสายไปสถานี Victoria เมื่อถึงสถานี Victoria เดินประมาณ 10 นาทีก็จะถึง Victoria Coach Station โดยที่สถานีมีบริการรับฝากสัมภาระ ผมจึงฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี เพราะตั้งใจว่าวันนี้จะเดินเที่ยวในลอนดอนและจะกลับมาที่สถานีตอนค่ำ เพื่อเดินทางด้วยรถบัสรอบดึกประมาณสี่ทุ่มไปเมืองเอดินบะระ
เมื่อออกจากสถานีก็เดินเท้าไปเรื่อยๆ ในอากาศกำลังเย็นสบายอุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาทีก็จะถึงหอนาฬิกาบิกเบน ซึ่งน่าเสียดายที่หอนาฬิกาอยู่ระหว่างการปรับปรุง แต่ก็ยังได้เซลฟี่กับบิกเบนเก็บมาฝาก โดยนักท่องเที่ยวจะยืนเซลฟี่กันเยอะมาก
ถัดไปใกล้ๆกับบิกเบนก็จะเป็นสะพาน Westminster และ Houses of Parliament เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งจะเป็นชิงช้าสวรรค์ London Eye เมื่อมาถึงลอนดอนทั้งทีก็ขอขึ้นชิงช้าสวรรค์เพื่อชมวิวกรุงลอนดอนสักหน่อย ค่าขึ้นชิงช้งสวรรค์ชมวิวประมาณ 28 ปอนด์ เสร็จจากจากการนั่งชิงช้าสวรรค์ก็มาขึ้นเรือที่ท่าเรือ Westminster เพื่อล่องเรือชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำเทมส์ ซึ่งบนเรือจะมีวิทยากรบรรยายถึงรายละเอียดสถานที่ต่างๆ ของสองฝั่งแม่น้ำเทมส์ นั่งเรือสักพักก็จะถึงท่าเรือ Tower Pier จึงเก็บภาพสะพาน Tower Bridge อันเปรียบเสมือนแลนมาร์กของลอนดอน ก่อนลงที่ท่าเรือนี้เพื่อแวะเดินเที่ยวชมสินค้าตามร้านค้าบริเวณใกล้กับท่าเรือ
เดินเที่ยวประมาณ 40 นาที ก็มาขึ้นเรือกลับไปยังท่าเรือ Westminster จากท่าเรือเดินเท้าอีกสักพักก็ถึงบริเวณหน้าพระราชวังบัคคิงแฮม แต่เนื่องจากตอนนั้นแบตโทรศัพท์หมดพอดี เลยไม่ได้เก็บภาพสวยๆ ของพระราชวัง เมื่อถึงเวลาประมาณ 18.00 น. ผมจึงเดินจากพระราชวังบัคคิงแฮมกลับไปยังสถานี Victoria Coach Station ถึงสถานีแล้วก็รับกระเป๋าที่ฝากไว้คืนมาและชาร์จแบตโทรศัพท์จากพาวเวอร์แบงค์ที่อยู่ในกระเป๋า จากนั้นก็ซื้อแซนวิชในร้านค้าของสถานีทานมื้อเย็นวันนี้และรอเวลาอีกประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ซึ่งเป็นเวลาที่รถบัสกลางคืนออกจากสถานีเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์
ขออนุญาตไปทำธุระก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่