คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ลองเหวี่ยงแหไปเลยก็ได้ครับ ยิ่งเรารู้สึกไร้ค่าเท่าไหร่ แต่ยังไม่ทำอะไรสักอย่าง มันจะยิ่งรู้สึกหนักขึ้นนะ ถ้ายังเลือกไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไร ก็ไม่ต้องเลือกมันครับ ทำมันให้หมดทุกอย่างนั่นแหละ แต่ต้องวางแผนลำดับก่อนหลังนิดนึง ตอนนี้ยังเลือกงานได้ ก็เลือกงานไปก่อนก็ได้ (เชื่อว่าถึงจุดๆ หนึ่ง สถานกาณ์จะบังคับให้เราจำใจต้องอดทนให้ได้เพื่อความอยู่รอดไปเอง) ในการเหวี่ยงแหไปนั้น มันจะต้องมีอะไรสักอย่างให้ยึดจับได้บ้างแหละ แล้วหลายข้อยังสามารถทำไปพร้อมๆ กันได้ด้วย แล้วถ้ามันเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นมาแม้สักเล็กน้อย ก็จงมองเห็นมัน อย่าละเลยมันเพียงเพราะมันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เพราะมันจะสร้างกำลังใจให้รู้สึกว่าตัวเองทำได้มากขึ้นเยอะครับ
เรื่องหางานลองทิ้งประวัติไว้ในเว็บ แล้วระบุรายละเอียดลักษณะของงานที่ต้องการให้ชัดเจนดู ถ้ามีคนสนใจเดี๋ยวก็คงติดต่อเรียกตัวไปสัมภาษณ์เองครับ (ส่วนความอดทนนี่ ต้องฝึกตัวเองอย่างเดียวเลยครับ อาจต้องใช้กำลังใจหน่อย เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องใช้ความอดทน ขนาดแค่อยู่บ้านเฉยๆ ก็ต้องใช้ความอดทนแล้ว อย่างน้อยๆ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรกับใครเลย ก็ต้องอดทนกับความเบื่อหน่ายแหละครับ 555)
แล้วก็อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเป็นบรรทัดฐานของเราครับ ในขณะเดียวกันก็ใช้ตัวเราเองไปเป็นบรรทัดฐานของคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน ไม่ว่าเรา หรือเขาจะประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ตาม เพราะเราต่างคนต่างมีบทบาทต่างกัน เติบโตมาไม่เหมือนกัน จากสายตาเรา เราอาจจะเห็นว่าเค้ามีความสุข ชีวิตดี๊ดี แต่ถ้าลองนับวันดูแล้ว เชื่อได้ว่า 365 วัน/ปี เค้ามีโอกาสแบบนั้นไม่ถึง 100 วันหรอกครับ ส่วนวันที่เหลือมากกว่าครึ่งปี เค้าอาจจะต้องสู้กับอะไรที่หนักหนากว่าเราหลายเท่าก็ได้ กว่าที่เค้าจะได้มีโอกาสได้ชีวิตดี๊ดีแบบนั้นสัก 1 ครั้ง เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกครับ เราต้องทำอะไรก็ตามที่เราสามารถทำได้ ลดอีโก้ในตัวเองลงนิดนึง ยอมรับความจริงว่าบางทีถ้าความสามารถเรายังไม่เข้าตาในงานที่เราอยากทำ เราก็เริ่มจากอะไรเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยไต่ขึ้นไปหามัน (แต่ไม่แน่อาจจะติดใจในอะไรเล็กๆ เหล่านั้น จนสามารถต่อยอดให้มันกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็ได้นะ ^^) รึจะลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้นะ เริ่มจากเงินแค่ 1 บาท แกล้งเอามันไปซ่อน แล้วทำเป็นเจอก็ได้ ไม่ก็อาจจะเก็บได้จากเครื่องซักผ้าก็ได้ ถ้ามันเป็นเงินที่หามาได้เองล่ะก็ เอาไปให้แม่เลย แล้วบอกว่าต่อไปหนูจะหาให้ได้มากกว่านี้ ให้ 1 บาทนี้เป็นหลักฐานว่าหนูก็หาเงินได้ พอเรารู้วิธีหาเงินบาทแรกแล้ว บาทที่ 2 3 4 5 ไปจนถึงหลักล้านก็ไม่ใช่ปัญหา จะใช้วิธีเดิม หรือจะคิดค้นวิธีใหม่ก็ได้ เพราะยังไงไม่ว่าจะเป็นกระต๊อบ หรือตึกที่สูงที่สุดในโลก มันก็ต้องก่อสร้างขึ้นมาจากฐานรากครับ อย่าเอาชีวิตคนอื่นมากดดันตัวเองเลยนะครับ ใครมีรถ ก็ปล่อยเค้าขับรถไป ใครวิ่งไหวก็ปล่อยให้เขาวิ่งไป ถ้าเราไม่มีกำลังขนาดนั้น เราก็เดินเอาก็ได้ มันอาจจะช้าไปสักหน่อย แต่ยังไงวันนึงก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน เพียงแต่แค่จุดหมายมันอาจจะไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง แถมยังปลอดภัยกว่าด้วยนะ (ถ้าไม่มีรถคันไหนวิ่งมาสอยร่วงไปซะก่อน 55555)
ที่สำคัญที่สุดเลย คือเรื่องที่อยากฆ่าตัวตาย โอเค มันไม่ผิดหรอก ที่มันอาจจะมีบางช่วงที่มันอาจจะรู้สึกว่ามันหนัก เรามันไร้ค่า จนมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา ผมยอมรับเลยว่าสำหรับผมแล้ว โลกที่มีมนุษย์แบบที่เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นยังไงใบนี้มันแทบจะไม่ได้น่าอยู่เลยสักนิด แล้วที่ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะแค่ไม่อยากให้คนที่รักผมต้องเสียใจ หากผมจากไปโดยที่ทิ้งพวกเขาให้ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่มีผม บอกตรงๆ ว่าหากไม่มีครอบครัวผม ผมก็ไม่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่บนโลกที่รู้สึกว่าตัวผมเองไม่เหมาะกับมันไปเพื่ออะไร แต่ผมอยากบอกว่า จากมุมมองของผมแล้ว จขกท. ไม่ได้ไร้ค่าเลยนะครับ จขกท. ก็แค่อาจจะยังไม่เจอสิ่งที่ตัวเองทำได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอะไรที่ จขกท. ทำได้เลยนะ กลับกัน ผมคิดว่า จขกท. ทำดีมากๆ แล้ว ที่อดทนมาได้ถึงขนาดนี้ แค่เสี้ยววินาทีที่ความคิดว่าต้องทำะไรสักอย่างที่มันเกิดประโยชน์ขึ้นมา นับตั้งแต่วินาทีนั้นไปจนวันตาย ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ชีวิตก็ไม่ไร้ค่าแล้วครับ อยู่ต่อไปเพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองได้เห็นว่าตัวเองไม่ได้ไร้ค่าเถอะนะครับ เอาให้แบบถึงวันที่เราแก่จนใกล้จะตาย จนเห็นญาติผู้ล่วงลับมายืนรออยู่ปลายเตียงแล้ว เราสามารถบอกกับทั้งตัวเอง และพวกเค้าได้ว่า "เห็นมั้ย.. หนู/เราไม่ได้ไร้ค่าจริงๆ นะ" เป็น Dying Message เลยก็ดีครับ ^^
แล้วผมก็เชื่อว่า การที่ จขกท. มาตั้งกระทู้นี้ น่าจะหมายความว่า จขกท.ได้ปล่อยให้ตัวเองจมลงมาถึงก้นบึ้งของความรู้สึกตัวเองแล้ว อาจฟังดูเหมือนแย่ แต่ไม่เลยครับ เพราะนั่นหมายถึงว่า จขกท. เจอพื้นที่ที่จะถีบตัวเองขึ้นมาได้แล้ว ขอแค่มีสติไว้ แหงนหน้าขึ้นมา รับรู้สัมผัสที่เท้าของตัวเองไว้ให้ดี แล้วออกแรงถีบมันขึ้นมาเท่านั้นครับ บางที จขกท. อาจจะรู้สึกเหมือนผมก็ได้นะ ว่าชีวิตที่ได้สัมผัสกับแสงแดดอบอุ่น (เอ่อ.. อาจจะเข้าขั้นร้อนระอุนิดๆ) บนโลกนี้ มันก็เข้าท่าดีเหมือนกัน หากเราสามารถทำอะไรให้ใครสักคนได้บ้าง แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ผมเชื่อในตัว จขกท. นะ พยายามเข้านะครับ ^^
เรื่องหางานลองทิ้งประวัติไว้ในเว็บ แล้วระบุรายละเอียดลักษณะของงานที่ต้องการให้ชัดเจนดู ถ้ามีคนสนใจเดี๋ยวก็คงติดต่อเรียกตัวไปสัมภาษณ์เองครับ (ส่วนความอดทนนี่ ต้องฝึกตัวเองอย่างเดียวเลยครับ อาจต้องใช้กำลังใจหน่อย เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องใช้ความอดทน ขนาดแค่อยู่บ้านเฉยๆ ก็ต้องใช้ความอดทนแล้ว อย่างน้อยๆ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรกับใครเลย ก็ต้องอดทนกับความเบื่อหน่ายแหละครับ 555)
แล้วก็อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาเป็นบรรทัดฐานของเราครับ ในขณะเดียวกันก็ใช้ตัวเราเองไปเป็นบรรทัดฐานของคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน ไม่ว่าเรา หรือเขาจะประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ตาม เพราะเราต่างคนต่างมีบทบาทต่างกัน เติบโตมาไม่เหมือนกัน จากสายตาเรา เราอาจจะเห็นว่าเค้ามีความสุข ชีวิตดี๊ดี แต่ถ้าลองนับวันดูแล้ว เชื่อได้ว่า 365 วัน/ปี เค้ามีโอกาสแบบนั้นไม่ถึง 100 วันหรอกครับ ส่วนวันที่เหลือมากกว่าครึ่งปี เค้าอาจจะต้องสู้กับอะไรที่หนักหนากว่าเราหลายเท่าก็ได้ กว่าที่เค้าจะได้มีโอกาสได้ชีวิตดี๊ดีแบบนั้นสัก 1 ครั้ง เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกครับ เราต้องทำอะไรก็ตามที่เราสามารถทำได้ ลดอีโก้ในตัวเองลงนิดนึง ยอมรับความจริงว่าบางทีถ้าความสามารถเรายังไม่เข้าตาในงานที่เราอยากทำ เราก็เริ่มจากอะไรเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยไต่ขึ้นไปหามัน (แต่ไม่แน่อาจจะติดใจในอะไรเล็กๆ เหล่านั้น จนสามารถต่อยอดให้มันกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็ได้นะ ^^) รึจะลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้นะ เริ่มจากเงินแค่ 1 บาท แกล้งเอามันไปซ่อน แล้วทำเป็นเจอก็ได้ ไม่ก็อาจจะเก็บได้จากเครื่องซักผ้าก็ได้ ถ้ามันเป็นเงินที่หามาได้เองล่ะก็ เอาไปให้แม่เลย แล้วบอกว่าต่อไปหนูจะหาให้ได้มากกว่านี้ ให้ 1 บาทนี้เป็นหลักฐานว่าหนูก็หาเงินได้ พอเรารู้วิธีหาเงินบาทแรกแล้ว บาทที่ 2 3 4 5 ไปจนถึงหลักล้านก็ไม่ใช่ปัญหา จะใช้วิธีเดิม หรือจะคิดค้นวิธีใหม่ก็ได้ เพราะยังไงไม่ว่าจะเป็นกระต๊อบ หรือตึกที่สูงที่สุดในโลก มันก็ต้องก่อสร้างขึ้นมาจากฐานรากครับ อย่าเอาชีวิตคนอื่นมากดดันตัวเองเลยนะครับ ใครมีรถ ก็ปล่อยเค้าขับรถไป ใครวิ่งไหวก็ปล่อยให้เขาวิ่งไป ถ้าเราไม่มีกำลังขนาดนั้น เราก็เดินเอาก็ได้ มันอาจจะช้าไปสักหน่อย แต่ยังไงวันนึงก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน เพียงแต่แค่จุดหมายมันอาจจะไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง แถมยังปลอดภัยกว่าด้วยนะ (ถ้าไม่มีรถคันไหนวิ่งมาสอยร่วงไปซะก่อน 55555)
ที่สำคัญที่สุดเลย คือเรื่องที่อยากฆ่าตัวตาย โอเค มันไม่ผิดหรอก ที่มันอาจจะมีบางช่วงที่มันอาจจะรู้สึกว่ามันหนัก เรามันไร้ค่า จนมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา ผมยอมรับเลยว่าสำหรับผมแล้ว โลกที่มีมนุษย์แบบที่เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นยังไงใบนี้มันแทบจะไม่ได้น่าอยู่เลยสักนิด แล้วที่ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะแค่ไม่อยากให้คนที่รักผมต้องเสียใจ หากผมจากไปโดยที่ทิ้งพวกเขาให้ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่มีผม บอกตรงๆ ว่าหากไม่มีครอบครัวผม ผมก็ไม่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่บนโลกที่รู้สึกว่าตัวผมเองไม่เหมาะกับมันไปเพื่ออะไร แต่ผมอยากบอกว่า จากมุมมองของผมแล้ว จขกท. ไม่ได้ไร้ค่าเลยนะครับ จขกท. ก็แค่อาจจะยังไม่เจอสิ่งที่ตัวเองทำได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอะไรที่ จขกท. ทำได้เลยนะ กลับกัน ผมคิดว่า จขกท. ทำดีมากๆ แล้ว ที่อดทนมาได้ถึงขนาดนี้ แค่เสี้ยววินาทีที่ความคิดว่าต้องทำะไรสักอย่างที่มันเกิดประโยชน์ขึ้นมา นับตั้งแต่วินาทีนั้นไปจนวันตาย ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ชีวิตก็ไม่ไร้ค่าแล้วครับ อยู่ต่อไปเพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองได้เห็นว่าตัวเองไม่ได้ไร้ค่าเถอะนะครับ เอาให้แบบถึงวันที่เราแก่จนใกล้จะตาย จนเห็นญาติผู้ล่วงลับมายืนรออยู่ปลายเตียงแล้ว เราสามารถบอกกับทั้งตัวเอง และพวกเค้าได้ว่า "เห็นมั้ย.. หนู/เราไม่ได้ไร้ค่าจริงๆ นะ" เป็น Dying Message เลยก็ดีครับ ^^
แล้วผมก็เชื่อว่า การที่ จขกท. มาตั้งกระทู้นี้ น่าจะหมายความว่า จขกท.ได้ปล่อยให้ตัวเองจมลงมาถึงก้นบึ้งของความรู้สึกตัวเองแล้ว อาจฟังดูเหมือนแย่ แต่ไม่เลยครับ เพราะนั่นหมายถึงว่า จขกท. เจอพื้นที่ที่จะถีบตัวเองขึ้นมาได้แล้ว ขอแค่มีสติไว้ แหงนหน้าขึ้นมา รับรู้สัมผัสที่เท้าของตัวเองไว้ให้ดี แล้วออกแรงถีบมันขึ้นมาเท่านั้นครับ บางที จขกท. อาจจะรู้สึกเหมือนผมก็ได้นะ ว่าชีวิตที่ได้สัมผัสกับแสงแดดอบอุ่น (เอ่อ.. อาจจะเข้าขั้นร้อนระอุนิดๆ) บนโลกนี้ มันก็เข้าท่าดีเหมือนกัน หากเราสามารถทำอะไรให้ใครสักคนได้บ้าง แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ผมเชื่อในตัว จขกท. นะ พยายามเข้านะครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
จะจัดการความรู้สึก "ไร้ค่า" ของตัวเองได้อย่างไร
ตอนนี้รู้สึกแย่กับตัวเองมาก เหมือนทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่างเลย ยังไม่ได้ทำงานตั้งแต่เรียนจบ สมัครไปหลาย บ. ก็ไม่ได้ (จบด้านศิลปะมา)
อยู่ที่บ้านก็โดนด่าโดนว่า จนรู้สึกสมเพชตัวเองมาก อยู่ไปก็ขวางหูขวางตาแม่ ชอบโดนโมโหใส่บ่อยๆ โดนแม่ด่าว่า ถ่อย รู้สึกว่าเราเป็นคน
ไม่เอาอะไรเลย ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ทั้งๆที่สมัยเรียนมหาลัยนี่ไฟแรงมากๆ โคตรขยัน ตอนทำทีสิสเราชอบงานตัวเองมากๆ (ทำ2D Animation)
แต่หลังจากทำทีสิสจบ เรียนจบ ก็ไม่รู้จะทำอะไร จริงๆตอนเรียนมีความสุขนะ ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ แต่พอตอนไปฝึกงานกับบอนึง กลับไม่แฮปปี้ ทำงานประจำ วันละ 8 ชั่วโมง ตื่นเช้าไปเบียดกับคนบนรถไฟฟ้าทุกวัน เหนื่อยหน่ายมาก เลยเกิดความรู้สึกว่า จบมาเราต้องใช้ชีวิตอย่างนี้หรอ นี่คือชีวิตหลังเรียนจบใช่มั้ย เลยเฟลมากๆ จบมาเลยไม่อยากทำงาน เลยไม่ทำ เป็นปีๆ ที่บ้านก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร บอกว่าบ้านเราไม่ได้ลำบาก แต่ตอนนี้อยากทำงานแล้ว มันจะเฉาตายเอา แต่ก็ยังหาไม่ได้ ตอนนี้ก็มีอยู่หลายทางเลือก คือ
1.จะต่อโท
2.มาช่วยที่บ้านทำธุรกิจคอร์ดแบต(แม่เสนอให้เราทำแต่เราต้องรับผิดชอบ เราก็อยากทำนะ แต่ยังกลัวๆอยู่ เงินลงทุนน่ะที่บ้านมี แต่กลัวว่า ถ้าทำไปแล้วไม่ชอบ หรือไม่อยากทำต่อขึ้นมา ที่ลงทุนไปเป็นสิบๆล้านก็จะสูญเปล่า)
3.เขียนคอมมิกลงเว็บ(ไม่รู้จะทำแล้วจะมีคนตามเยอะมั้ย)
4.เขียนคอมมิกไปเสนอสำนักพิมพ์เป็นนักเขียนไปเลย
5.ขายของออนไลน์
6.จำใจไปทำงานบอ
เรายอมรับว่าเราเลือกงาน เรายอมรับว่าเราเป็นคนความอดทนต่ำ คือถ้ามันฝืนตัวเองอ่ะ เราจะทำอะไรไม่ไหวจริงๆ ;[];
เราไม่อยากรู้สึกไร้ค่าไปมากกว่านี้แล้ว เราเห็นเพื่อนคนอื่นหลายคน มีชีวิตที่ดีในเฟส ลงรูปไปเรียนโทเมืองนอก โพสว่าทำงานบอโน้นบอนี้
โพสอวดชีวิตดี๊ดี เรานี่รู้สึกไร้ค่ามาก ;[]; บางทีก็เศร้ามากจนอยากฆ่าตัวตาย วางแผนแบบจริงๆจังๆหลายรอบละ แต่พอเห็นหน้าหมาที่บ้านก็ทำไม่ลง ; ;