รับการรักษามา 5 ปี จาก เด็กพิเศษ สู่สายตาคนภายนอกที่ใครก็ดูว่าปกติ

สืบเนื่องจาก กระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/32396067 และ http://ppantip.com/topic/33263961 และ https://ppantip.com/topic/35645534

หายไปนานประมาณ ปีกว่าๆ
วันนี้มา update ว่า น้องๆ เป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากผ่านพ้น ป.1 ขึ้น ป.2 ครั้งนี้ผมไม่ไสามารถให้เรียน summer ได้ เนื่องจาก ความไม่พร้อมในการรับส่ง ช่วงปิดเทอมก็เที่ยวเล่นตามประสาเด็กๆ ทั่วไป แต่ผมก็สังเกตว่า เขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น การพูดจา

จำได้ว่า วันแรกที่เปิดเทอม ผมก็ทำอย่างเดิมไป แอบตามไป รร.หลังส่งขึ้นรถตู้แล้ว ผลปรากฎว่า ครั้งนี้ รู้ห้องนะครับ จากเดิมที่เรียนชั้น 3 (ป.1) ต้องขึ้นไปเรียนชั้น 4 (ป.2) เรียนรู้ดีครับ และพอขึ้นไปห้องเรียน ได้สักพักผม ก็ปรากฎตัว ลูกเห็นก็มีอาการเกร็ง เหมือนกลัวว่าเราจะมาฟ้องอะไรคุณครู แต่ทุกครั้งที่เปิดเทอม ผมจะไปหาคุณครูทุกครั้งเพื่อแจ้งให้ครูทราบว่า ลูกผมพิเศษ กว่า คนอื่นๆ ซึ่งคุณครูประจำชั้นก็รับปากรับคำเป็นอย่างดี ตอนเย็นเช่นกัน ผมก็แอบไปดู ว่าจะกลับไปขึ้นรถตู้ถูกไหม สรุป ว่า วิ่งปรู้ด ไปขึ้นรถตู้ได้อย่างถูกคัน

หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือน ผมก็มาครูเรียนสอบถาม ก็ได้ความว่า สามารถทำงานที่มอบหมายได้เสร็จและเรียบร้อย
มีความตั้งใจเรียน ไม่ค่อยคุยและเล่น ครูพูดว่า เขาเรียบร้อยกว่า เด็กปกติอีกค่ะ เราก็ตกใจ และไม่ค่อยเชื่อ จึงมาตอนเย็นและแอบขออนุญาต ขึ้นห้องเรียน ไป และแอบสังเกต

มันเป็นความโชคดี ที่ห้องเรียนลูก ติดบันได และ ลูกนั่งเรียนแถวหน้า ซึ่งผมสังเกตพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน ปรากฎว่าเรียบร้อยดังที่ครูกล่าวไว้
งานที่มอบหมายที่จะต้องทำหรือว่า ต้องเตรียมอุปกรณ์ไป โรงเรียน ลูกมาบอกได้ว่า ต้องเตรียมของไป แต่บอกไม่ได้ว่าต้องเอาอะไรไป
ซึ่งผมถือว่า ก็ยังดีที่จำได้ ว่า ต้องเตรียมของวิชาอะไร และต้องขอบใจ Line ที่ทำให้เราสื่อสารกับ ผปค คนอื่นๆ ได้

ป.2 เป็นปี ที่ชิวๆมาก ลูกผมไม่มีงานค้างเลยนะครับ ซึ่งผมตกใจมาก ส่วนผลการเรียนที่ออกมาก็กลางๆ ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังว่าต้องเลิศเลอ แค่นี้สำหรับผผมและภรรยาก็ดีมากแล้ว

ป.3 เป็นปีที่เปลี่ยนตึกเรียน ปรากฎว่า ก็ไปไดุ้ถูกห้องอีกเช่นกัน ก็คิดว่า น่าจะเป็นความคุ้นเคยที่โรงเรียน ที่วิ่งไปมา จนทะลุปรุโปร่ง ป.3 ผ่านมาครึ่งเทอมก็ ไม่มีอะไรน่าห่วงมากนัก ลูกผมก็เรียนได้กลางๆ และไม่มีงานค้าง ผมทำเหมือน ป.2 ไปหาครู แต่ครูบอกว่า เรียบร้อยมาก ดูแล้วไม่น่าเป็น

ผ่าน ป.2 และ ป.3 มาครึ่งเทอม ก็ อย่างว่า มันต้องมีการตามเพื่อนบ้าง ผมก็รู้ว่า ลูกมีพูดพยาบบ้าง (บางทีหลุด)  รวมถึง ชูนิ้วกลาง เวลาโกรธ แต่พฤติกรรมทั้งหมดเป็นกับเพื่อน ไม่ได้ทำกับพ่อแม่นะครับ ซึง ผมมองเป็นเรื่องปกติ สำหรับสังคม ผมไม่ใช่คนโลกสวย ที่ลูกต้องพูกครับ ผม คุณ
ดังนั้น เมื่อเขาอยู่กลุ่มเพื่อน เขาก็จะเป็นแบบที่เขาเป็น เขาอยู่กับพ่อแม่เขาก็จะเป็นแบบที่เขาเป็นในระดับหนึ่ง แต่พฤติกรรมทั้งคู่ไม่ได้เลยเถิดไปจนถึงการก้าวร้าว ผมและภรรยารับได้ เวลาอยู่กับ พ่อแม่ เขาเป็นตัวของตัวเองมากหน่อย ดื้อซน ตามสภาพ ส่วนอยู่กับสังคม เพื่อนก็อีกบุคคลิก อยู่กับผู้ใหญ่ก็อีกบุคคลิก ซึ่งผมมองว่า ok ก็เหมือนเราอยู่ในบริบทต่างกัน

ลืมไป ก่อนขึ้น ป. 3 มีนัดหาหมอ ก็ พบแพทย์ หมอก็แจ้งว่า น่าจะสัก 80-90% แล้ว ถ้าอีกสักระยะน่าจะลดยาลงได้

อาจารย์หมอลองให้แพทย์ฝึกหัดมา test ดู ปรากฎว่า แพทย์ฝึกหัด บอกดูแล้ว น้องเหมือนเด็กปกติมาก
อาจารย์หมอบอกว่า นี่คือ พัฒนาการที่เกิดขึ้น และการติดตามการรักษา หมอบอกว่าไม่น่าห่วงอะไรแล้ว
แต่ก็ยังทานยา เรสเพอราโดนครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน กับ ริทาลิน 1 เม็ด เช้า บ่าย
แต่เรื่อง ริทาลิน บางครั้งก็ไม่ได้ทาน ลองสังเกตแล้ว ผลไม่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด

และด้วยอายุที่เรามากขึ้น ทำงานมากขึ้น รวมถึงความจำที่แย่ลงจากอายุที่มากขึ้น ว่าจะเตรียมตัวไปหาหมอ ในวันที่ 15 มค เพื่อประเมินพัฒนาการ
ผลปรากกฎว่า เลยวันนัด หมอนัดวันที่ 8 มค ที่ผ่านมา ต้องนัดหมอใหม่อีกครั้ง และหากได้วันนัดและ พบหมอแล้วจะมาเล่าให้ฟัง

ผมมาแชร์ประสบการณ์ หวังว่า คงพอเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
ไว้ว่างๆ จะมา update ใหม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่