ใครๆ ก็ว่าปี 61 เป็นปีเผาหลอก เพราะจะทำการเผาจริงในปี 62 แต่ดูท่าแล้วว่าจะเผาจริงหรือเผาหลอก!! ละครช่องก็เหมือนไม่แคร์ งัดกลยุทธ์ออกมาฟาดฟันกันชนิดที่ว่ามีเท่าไรก็ทุ่มหมดหน้าตัก เพราะในปีที่ผ่านมามักจะเกิดคำถามที่ว่า “คนไทยดูทีวีน้อยลงจริงเหรอ?”
เหตุด้วยทีวีบ้านเรามีหลายช่องเกิน แต่ละรายการหรือละครก็พล็อตซ้ำๆ กัน รวมไปถึงถ้าจะให้ดูสดเพื่อวัดเรตติ้ง บางคนก็อาจจะยังไม่ถึงบ้าน จึงทำให้ต้องดูผ่านช่องทางอื่นๆ แทน รวมไปถึงช่องทางใหม่ๆ อย่าง Netflix ที่มีซีรีส์หลากหลายเชื้อชาติให้เลือกสรร ชนิดที่ดูทีเดียวจบทั้งซีซัน ไม่ต้องรอแต่ละอาทิตย์กว่าจะออกมาแต่ละตอน โดยในปี 62 จะได้เห็นผลงานของคนไทยอย่างเรื่อง เคว้ง (The Stranded) ของผู้กำกับ “เอกชัย เอื้อครองธรรม” และ “อุบัติกาฬ (Shimmers)” ได้ “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” เป็นหนึ่งในผู้กำกับ รวมไปถึงแว่วๆ ว่าปี 62 “GDH-ช่องวัน” เตรียมรับจ้างผลิตให้อีกด้วย แต่สำหรับทีวีไทยในปี 62 ยังไงก็ไม่ได้ตาย!! เพราะแค่เริ่มต้นปีก็ครึกครื้นกันซะแล้ว
“7 สี” มีสะเทือน!! “เรตติ้งตก-ซุป'ตาร์ลาออก-แว่วๆ มีอีก 3 รายเตรียมยกเลิกสัญญา”
ถ้าย้อนกลับไปปี 2561 ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาก็ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ในตารางของเอลซี นีลเส็นเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และยากจะหาใครมาล้มแชมป์ แต่ก็ว่าไปเมื่อต้องเปลี่ยนระบบการออกอากาศจากแอนะล็อกมาเป็นระบบดิจิทัลเหมือนกับช่องอื่นๆ แล้ว สิ่งที่พิสูจน์ได้ตลอดทั้งปีคือเรตติ้งตกลง
เพราะถ้าค่าเฉลี่ยปีก่อนๆ หลังจากมาเป็นทีวีดิจิทัล ช่อง 7 จะมีเรตติ้งโดยรวมตลอดทั้งปีที่เลข 2 แต่ปีที่ผ่านมากลับตรงกันข้ามตกลงมาอยู่ที่ 1.9 กว่า บวกกับช่วงส่งท้ายปีเจอข่าวช็อก!! ทั้งรายการที่เรตติ้งอันดับต้นๆ อย่าง “กิ๊กดู๋สงครามเพลง” ก็สู้ไม่ไหวกับค่าเช่าเวลาที่สวนทางกับกำไรที่ได้น้อยลงจนต้องขอย้ายช่อง รวมไปถึงนางเอกระดับแม่เหล็ก “ขวัญ อุษามณี” ก็ต้องขอยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด เนื่องจากถูกพลังดูดของ pptv เข้าไป พร้อมแว่วๆ ว่ามีอีก 3 รายที่ต่อแถวเตรียมตัวเป็นนักแสดงอิสระในเร็วๆ นี้ด้วย
แม้ช่อง 7 จะได้การกลับมาของ “นุ่น วรนุช” ใน “สาปเสน่หา” (ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเอกสาวก็ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ว่าห้ามมาโผล่หน้าจอ 7 สีอีก (รวมไปถึงการเสริมทัพให้แข็งแกร่งของตัวแ
ม่ “อั้ม พัชราภา” และ “กบ สุวนันท์” ที่พร้อมใจจะมาช่วยช่องในยามที่เกิดวิกฤตเช่นนี้ แต่ก็คงไม่มีใครการันตีว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
“ช่อง 3” มีหนาว “ผู้จัดสมองไหล-นักแสดงล้นช่อง-ผู้บริหารทยอยลาออก”
แม้ช่วงที่ผ่านมา “บุพเพสันนิวาส” จะช่วยกู้หน้าให้ช่องได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นภาพโดยรวมของช่อง 3 ก็ยังอยู่ในช่วงลุ่มๆ ดอนๆ ทรงๆ ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา ทั้งทีมผู้บริหารต่างทยอยลาออกกันไป รวมไปถึงนักแสดงตัวแม่เหล็ก เด็กหน้าใหม่มีมากมายล้นช่อง แต่ก็ยังไม่ช่วยให้ช่องฝ่าวิกฤตนี้ไปได้
นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวลือว่าผู้จัดที่อยู่กับช่องมานาน เตรียมยกหีบไปเป็นฟรีแลนซ์ตามช่องต่างๆ ที่พร้อมจะจ่ายและซัปพอร์ตในทุกๆ เรื่องอีกต่างหาก
“PPTV” เจ้าพ่อพลังดูด “เสียเงินไม่ว่า ต้องได้หน้ากลับมา”
กลายเป็นน้องใหม่ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งช่อง เพราะได้ 2 เรือใหญ่แห่งวงการทีวีอย่าง “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” อดีตหัวหอกของวิกพระราม 4 มานั่งแท่นบริหาร พร้อมทีมงานละครจากช่อง 3 อีกเพียบ รวมไปถึงยังได้ “หน่อง พลากร สมสุวรรณ” ที่ก่อนหน้านี้ได้ฉายาว่าทายาท “คุณแดง” ก็มาเสริมทัพให้ PPTV ในยุค 2019 ที่แฟนละครต้องจับตามอง
เพราะนอกจากเงินหนา พร้อมจะดูดใครหรือรายการอะไรก็ได้แล้ว เช่น “เดอะวอยซ์, เดอะเฟซแมน” แล้ว ก็ยังใจป้ำดึง “กิ๊กดู๋สงครามเพลง” มาโผล่หน้าจอของตัวเองได้เป็นที่สำเร็จ โดยเป้าหมายของ PPTV ในปีนี้คือจะต้องเป็นช่องที่แมส เข้าถึงคนทุกกลุ่มไม่ต่างอะไรกับช่อง 3 หรือช่อง 7 ซึ่งถ้าดูโดยรวมก็น่าจะมาจากบารมีของ “สุรินทร์-พลากร” นั่นเอง
“ช่องวัน” มีเซอร์ไพรส์!! “ลดซิตคอม-เพิ่มเวลาละคร-ตั้งเป้าปี 62 กำไรทะลุ 100 ล้าน”
“เมีย 2018” ถือได้ว่าสร้างความฟีเวอร์ไปทั่วประเทศกับสตอรีที่เหมือนจริง ใกล้ตัว ดูแล้วอินสะใจ เอาใจเมียหลวงยืนหนึ่ง จนทำให้เรตติ้งทะลุทะลวงเป็นแชมป์ติดต่อกันหลายสัปดาห์ที่ออนแอร์
แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ช่องวันจะประสบความสำเร็จ ซึ่ง “ป้อน นิพนธ์ ผิวเณร” บอสใหญ่ของช่องก็กล่าวว่าถือว่าคุ้มค่าสำหรับปี 61 เพราะแม้ “กบ สุวนันท์-ปู ไปรยา” จะไม่ได้เรตติ้งสมหวังตามที่ต้องการ แต่ก็ถือว่าช่องวันมาถูกทาง
รวมไปถึงแนวทางปี 62 ที่เผยว่าจะมีละครกว่า 30 เรื่อง เน้นไปทางด้านดรามา รวมไปถึงแฟนตาซีเพิ่มมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “แก้วขนเหล็ก” ที่ได้ “ซี ศิวัฒน์” มาเล่นละครอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวเป็นนักแสดงอิสระ หรือจะเป็น “ฤกษ์สังหาร, ภาตุฆาต” ที่จ่อคิวออนแอร์ปีนี้
รวมไปถึงซีรีส์เรือนตามสไตล์ช่องวัน ก็ยังมีให้ได้แซบๆ คันๆ อีกด้วย พร้อมผู้จัดหน้าใหม่ “เมย์ เฟื่องอารมย์” กับละครแนวถนัดพีเรียด
โดยช่องวันยึดหลักว่า “ถ้าคอนเทนต์ดี ก็จะนำพาผู้จัดที่ดี นักแสดงที่ดี บทที่ดี ซึ่งทุกคนก็จะอยากมาร่วมงานกับเราเอง” ส่วนซิตคอมที่พักหลังๆ หายไปจากหน้าจอ เหลือเพียง “เป็นต่อ, เสือ ชะนี เก้ง, สุภาพบุรุษสุดซอย” เนื่องจากบางเรื่องเรตติ้งไม่ขึ้นและเทรนด์ซิตคอมของโลกก็เปลี่ยนไปแล้ว
ปีที่ผ่านมาช่องวันฟันกำไรไปกว่า 45 ล้าน ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 100 ล้าน
พร้อมเซอร์ไพรส์ในปี 62 ที่จะได้นางเอกตัวแม่ระดับประเทศที่ยังโด่งดังอยู่มาประดับบารมีที่ช่อง โดยในระหว่างนี้อยู่ในช่วงของการคุยเรื่องบทกันอยู่
“GMM25-อัมรินทร์ทีวี” รุกหนัก!! ภายใต้บังเหียนของ “เจ๊ฉอด ณ เช้นจ์ 2561”
หลังจากตั้ง “เช้นจ์ 2561” ขึ้นมาดูเหมือนว่า “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” จะเวิลด์ไวด์มากกว่าตอนนั่งแท่นบริษัทช่องซะอีก เพราะถือสโลแกนที่ว่าบริษัทนี้แม้จะเป็นบริษัทลูกของจีเอ็มเอ็มชาแนลเทรดดิ้ง ซึ่งเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์รับจ้างผลิตคอนเทนต์ให้กับลูกค้าและพันธมิตรทั่วไป
พูดง่ายๆ ใครจ้างให้ผลิตอะไรก็ทำ และด้วยความสำเร็จและบารมีของ “เจ๊ฉอด” จึงไม่แปลกใจว่าทำไมช่องดิจิทัลอย่าง “อัมรินทร์ ทีวี” ที่ภายในปีนี้ก็จะรุกมาลงสนามผลิตละครกับเขาบ้าง จึงเลือก “เช้นจ์ 2561” เป็นหนึ่งในพันธมิตรพร้อมเปิดกล้องละคร 2 เรื่อง โดยได้ว่าที่คุณพ่อ “ศรราม เทพพิทักษ์” มาประเดิมจออีกครั้ง
รวมไปถึงเช้นจ์ฯ ยังเปิดผังละครที่จะผลิตให้อีกหลายช่อง ไม่ว่าจะเป็น gmm25 บ้านหลังเดิมก็เตรียมเปิดอีก 5 เรื่อง โดยหนึ่งในนั้นจะได้พระเอกหน้าเก่าที่เตรียมจะผันตัวมาเป็นนักแสดงอิสระเร็วๆ นี้ เพื่อจะมาแกรนด์โอเพนนิ่งในซีรีส์ระดับตำนาน “คลับฟรายเดย์ เดอะซีรีส์” อีกด้วย หรือจะเป็น pptv ก็พร้อมเปิดตัวอีก 1 เรื่อง
รวมไปถึงช่องวันก็มีอีก 1 เรื่อง ได้ “พุฒิ พุฒิชัย” ประกบกับ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” รวมไปถึงยังได้ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มาร่วมงานในพาสของ SHOWBIZ กับคอนเสิร์ต The Real NADECH Concert คิดดูซิว่าเช้นจ์ฯ ในปี 62 นี้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน
สมรภูมิทีวีปี 62 เดือดแน่! “ช่อง 3-7” มีแววระส่ำ เรตติ้งตกต่อเนื่อง, “PPTV-อัมรินทร์” ดาวรุ่งจอมดูดมาแรง
ใครๆ ก็ว่าปี 61 เป็นปีเผาหลอก เพราะจะทำการเผาจริงในปี 62 แต่ดูท่าแล้วว่าจะเผาจริงหรือเผาหลอก!! ละครช่องก็เหมือนไม่แคร์ งัดกลยุทธ์ออกมาฟาดฟันกันชนิดที่ว่ามีเท่าไรก็ทุ่มหมดหน้าตัก เพราะในปีที่ผ่านมามักจะเกิดคำถามที่ว่า “คนไทยดูทีวีน้อยลงจริงเหรอ?”
เหตุด้วยทีวีบ้านเรามีหลายช่องเกิน แต่ละรายการหรือละครก็พล็อตซ้ำๆ กัน รวมไปถึงถ้าจะให้ดูสดเพื่อวัดเรตติ้ง บางคนก็อาจจะยังไม่ถึงบ้าน จึงทำให้ต้องดูผ่านช่องทางอื่นๆ แทน รวมไปถึงช่องทางใหม่ๆ อย่าง Netflix ที่มีซีรีส์หลากหลายเชื้อชาติให้เลือกสรร ชนิดที่ดูทีเดียวจบทั้งซีซัน ไม่ต้องรอแต่ละอาทิตย์กว่าจะออกมาแต่ละตอน โดยในปี 62 จะได้เห็นผลงานของคนไทยอย่างเรื่อง เคว้ง (The Stranded) ของผู้กำกับ “เอกชัย เอื้อครองธรรม” และ “อุบัติกาฬ (Shimmers)” ได้ “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” เป็นหนึ่งในผู้กำกับ รวมไปถึงแว่วๆ ว่าปี 62 “GDH-ช่องวัน” เตรียมรับจ้างผลิตให้อีกด้วย แต่สำหรับทีวีไทยในปี 62 ยังไงก็ไม่ได้ตาย!! เพราะแค่เริ่มต้นปีก็ครึกครื้นกันซะแล้ว
“7 สี” มีสะเทือน!! “เรตติ้งตก-ซุป'ตาร์ลาออก-แว่วๆ มีอีก 3 รายเตรียมยกเลิกสัญญา”
ถ้าย้อนกลับไปปี 2561 ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาก็ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ในตารางของเอลซี นีลเส็นเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และยากจะหาใครมาล้มแชมป์ แต่ก็ว่าไปเมื่อต้องเปลี่ยนระบบการออกอากาศจากแอนะล็อกมาเป็นระบบดิจิทัลเหมือนกับช่องอื่นๆ แล้ว สิ่งที่พิสูจน์ได้ตลอดทั้งปีคือเรตติ้งตกลง
เพราะถ้าค่าเฉลี่ยปีก่อนๆ หลังจากมาเป็นทีวีดิจิทัล ช่อง 7 จะมีเรตติ้งโดยรวมตลอดทั้งปีที่เลข 2 แต่ปีที่ผ่านมากลับตรงกันข้ามตกลงมาอยู่ที่ 1.9 กว่า บวกกับช่วงส่งท้ายปีเจอข่าวช็อก!! ทั้งรายการที่เรตติ้งอันดับต้นๆ อย่าง “กิ๊กดู๋สงครามเพลง” ก็สู้ไม่ไหวกับค่าเช่าเวลาที่สวนทางกับกำไรที่ได้น้อยลงจนต้องขอย้ายช่อง รวมไปถึงนางเอกระดับแม่เหล็ก “ขวัญ อุษามณี” ก็ต้องขอยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด เนื่องจากถูกพลังดูดของ pptv เข้าไป พร้อมแว่วๆ ว่ามีอีก 3 รายที่ต่อแถวเตรียมตัวเป็นนักแสดงอิสระในเร็วๆ นี้ด้วย
แม้ช่อง 7 จะได้การกลับมาของ “นุ่น วรนุช” ใน “สาปเสน่หา” (ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเอกสาวก็ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ว่าห้ามมาโผล่หน้าจอ 7 สีอีก (รวมไปถึงการเสริมทัพให้แข็งแกร่งของตัวแม่ “อั้ม พัชราภา” และ “กบ สุวนันท์” ที่พร้อมใจจะมาช่วยช่องในยามที่เกิดวิกฤตเช่นนี้ แต่ก็คงไม่มีใครการันตีว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
“ช่อง 3” มีหนาว “ผู้จัดสมองไหล-นักแสดงล้นช่อง-ผู้บริหารทยอยลาออก”
แม้ช่วงที่ผ่านมา “บุพเพสันนิวาส” จะช่วยกู้หน้าให้ช่องได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นภาพโดยรวมของช่อง 3 ก็ยังอยู่ในช่วงลุ่มๆ ดอนๆ ทรงๆ ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา ทั้งทีมผู้บริหารต่างทยอยลาออกกันไป รวมไปถึงนักแสดงตัวแม่เหล็ก เด็กหน้าใหม่มีมากมายล้นช่อง แต่ก็ยังไม่ช่วยให้ช่องฝ่าวิกฤตนี้ไปได้
นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวลือว่าผู้จัดที่อยู่กับช่องมานาน เตรียมยกหีบไปเป็นฟรีแลนซ์ตามช่องต่างๆ ที่พร้อมจะจ่ายและซัปพอร์ตในทุกๆ เรื่องอีกต่างหาก
“PPTV” เจ้าพ่อพลังดูด “เสียเงินไม่ว่า ต้องได้หน้ากลับมา”
กลายเป็นน้องใหม่ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งช่อง เพราะได้ 2 เรือใหญ่แห่งวงการทีวีอย่าง “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” อดีตหัวหอกของวิกพระราม 4 มานั่งแท่นบริหาร พร้อมทีมงานละครจากช่อง 3 อีกเพียบ รวมไปถึงยังได้ “หน่อง พลากร สมสุวรรณ” ที่ก่อนหน้านี้ได้ฉายาว่าทายาท “คุณแดง” ก็มาเสริมทัพให้ PPTV ในยุค 2019 ที่แฟนละครต้องจับตามอง
เพราะนอกจากเงินหนา พร้อมจะดูดใครหรือรายการอะไรก็ได้แล้ว เช่น “เดอะวอยซ์, เดอะเฟซแมน” แล้ว ก็ยังใจป้ำดึง “กิ๊กดู๋สงครามเพลง” มาโผล่หน้าจอของตัวเองได้เป็นที่สำเร็จ โดยเป้าหมายของ PPTV ในปีนี้คือจะต้องเป็นช่องที่แมส เข้าถึงคนทุกกลุ่มไม่ต่างอะไรกับช่อง 3 หรือช่อง 7 ซึ่งถ้าดูโดยรวมก็น่าจะมาจากบารมีของ “สุรินทร์-พลากร” นั่นเอง
“ช่องวัน” มีเซอร์ไพรส์!! “ลดซิตคอม-เพิ่มเวลาละคร-ตั้งเป้าปี 62 กำไรทะลุ 100 ล้าน”
“เมีย 2018” ถือได้ว่าสร้างความฟีเวอร์ไปทั่วประเทศกับสตอรีที่เหมือนจริง ใกล้ตัว ดูแล้วอินสะใจ เอาใจเมียหลวงยืนหนึ่ง จนทำให้เรตติ้งทะลุทะลวงเป็นแชมป์ติดต่อกันหลายสัปดาห์ที่ออนแอร์
แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ช่องวันจะประสบความสำเร็จ ซึ่ง “ป้อน นิพนธ์ ผิวเณร” บอสใหญ่ของช่องก็กล่าวว่าถือว่าคุ้มค่าสำหรับปี 61 เพราะแม้ “กบ สุวนันท์-ปู ไปรยา” จะไม่ได้เรตติ้งสมหวังตามที่ต้องการ แต่ก็ถือว่าช่องวันมาถูกทาง รวมไปถึงแนวทางปี 62 ที่เผยว่าจะมีละครกว่า 30 เรื่อง เน้นไปทางด้านดรามา รวมไปถึงแฟนตาซีเพิ่มมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “แก้วขนเหล็ก” ที่ได้ “ซี ศิวัฒน์” มาเล่นละครอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวเป็นนักแสดงอิสระ หรือจะเป็น “ฤกษ์สังหาร, ภาตุฆาต” ที่จ่อคิวออนแอร์ปีนี้ รวมไปถึงซีรีส์เรือนตามสไตล์ช่องวัน ก็ยังมีให้ได้แซบๆ คันๆ อีกด้วย พร้อมผู้จัดหน้าใหม่ “เมย์ เฟื่องอารมย์” กับละครแนวถนัดพีเรียด
โดยช่องวันยึดหลักว่า “ถ้าคอนเทนต์ดี ก็จะนำพาผู้จัดที่ดี นักแสดงที่ดี บทที่ดี ซึ่งทุกคนก็จะอยากมาร่วมงานกับเราเอง” ส่วนซิตคอมที่พักหลังๆ หายไปจากหน้าจอ เหลือเพียง “เป็นต่อ, เสือ ชะนี เก้ง, สุภาพบุรุษสุดซอย” เนื่องจากบางเรื่องเรตติ้งไม่ขึ้นและเทรนด์ซิตคอมของโลกก็เปลี่ยนไปแล้ว
ปีที่ผ่านมาช่องวันฟันกำไรไปกว่า 45 ล้าน ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 100 ล้าน พร้อมเซอร์ไพรส์ในปี 62 ที่จะได้นางเอกตัวแม่ระดับประเทศที่ยังโด่งดังอยู่มาประดับบารมีที่ช่อง โดยในระหว่างนี้อยู่ในช่วงของการคุยเรื่องบทกันอยู่
“GMM25-อัมรินทร์ทีวี” รุกหนัก!! ภายใต้บังเหียนของ “เจ๊ฉอด ณ เช้นจ์ 2561”
หลังจากตั้ง “เช้นจ์ 2561” ขึ้นมาดูเหมือนว่า “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” จะเวิลด์ไวด์มากกว่าตอนนั่งแท่นบริษัทช่องซะอีก เพราะถือสโลแกนที่ว่าบริษัทนี้แม้จะเป็นบริษัทลูกของจีเอ็มเอ็มชาแนลเทรดดิ้ง ซึ่งเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์รับจ้างผลิตคอนเทนต์ให้กับลูกค้าและพันธมิตรทั่วไป
พูดง่ายๆ ใครจ้างให้ผลิตอะไรก็ทำ และด้วยความสำเร็จและบารมีของ “เจ๊ฉอด” จึงไม่แปลกใจว่าทำไมช่องดิจิทัลอย่าง “อัมรินทร์ ทีวี” ที่ภายในปีนี้ก็จะรุกมาลงสนามผลิตละครกับเขาบ้าง จึงเลือก “เช้นจ์ 2561” เป็นหนึ่งในพันธมิตรพร้อมเปิดกล้องละคร 2 เรื่อง โดยได้ว่าที่คุณพ่อ “ศรราม เทพพิทักษ์” มาประเดิมจออีกครั้ง
รวมไปถึงเช้นจ์ฯ ยังเปิดผังละครที่จะผลิตให้อีกหลายช่อง ไม่ว่าจะเป็น gmm25 บ้านหลังเดิมก็เตรียมเปิดอีก 5 เรื่อง โดยหนึ่งในนั้นจะได้พระเอกหน้าเก่าที่เตรียมจะผันตัวมาเป็นนักแสดงอิสระเร็วๆ นี้ เพื่อจะมาแกรนด์โอเพนนิ่งในซีรีส์ระดับตำนาน “คลับฟรายเดย์ เดอะซีรีส์” อีกด้วย หรือจะเป็น pptv ก็พร้อมเปิดตัวอีก 1 เรื่อง รวมไปถึงช่องวันก็มีอีก 1 เรื่อง ได้ “พุฒิ พุฒิชัย” ประกบกับ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” รวมไปถึงยังได้ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มาร่วมงานในพาสของ SHOWBIZ กับคอนเสิร์ต The Real NADECH Concert คิดดูซิว่าเช้นจ์ฯ ในปี 62 นี้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน