ผมเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ไปเจอรูปเมื่อปีสองปีที่แล้วถ่ายไว้เยอะมาก เห็นแล้วเลยเสียดายของ เอามาทำ Review ดีกว่า แต่ก็มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังอยากแชร์ประสบการณ์อยู่ดี 555+
"เมืองปากเซ" เป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากจังหวัดอุบลราชธานีของไทย แต่การเที่ยวของผมนั้นจะเป็นแบบวันสองวัน 555+ ครั้งนี้ก็ได้ 2 วัน 1 คืน (เสาร์ - อาทิตย์) ไปเช้าเสาร์กลับคืนวันอาทิตย์ครับ ลองตามมากันครับ
การเดินทางครั้งนี้ผมใช้บริการของสายการบินนกแอร์ ครับ มีเที่ยวบินตรงตามที่ต้องการพอดี คือ ไป 7 โมงเช้า วันเสาร์ กลับถึง กทม. 5 ทุ่มวันอาทิตย์ ไปลงที่อุบลราชธานีครับ
ลงเครื่องเสร็จ เวลาจะอยู่ที่ 8:45 น. รีบวิ่งมาเรียกแท็กซี่หน้าสนามบินเลยครับ บอกไป "สถานีขนส่ง" จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที (ผมไม่ได้โหลดกระเป๋านะครับเลยไม่ได้รอรับ ไม่งั้นอาจไม่ทันรถเที่ยวเช้า)
เมื่อไปถึงสถานีขนส่งอุบลฯ ให้ไปซื้อตั๋วรถทัวร์ อุบลฯ-ปากเซ ที่ช่องบริษัทขนส่งฯ (200 บาท) รอบ 09:30 น.
เมื่อได้ตั๋วแล้ว มานั่งรอที่ "ชานชาลารถโดยสารระหว่างประเทศ" ตามรูปด้านล่าง
ไม่นานรถทัวร์หน้าตาประมาณนี้ก็จะเข้ามาจอดเทียบ เราก็ขึ้นไปนั่งรอข้างบนได้เลยครับ (ตามเลขที่นั่ง) รอถึงเวลา รถก็ออกเลยครับ ตรงเวลาดี
รถวิ่งไปประมาณ ชั่วโมงกว่า ก็จะมาถึง จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก มีสถาปัตยกรรมสวยงาม 555+
เอกสารที่ใช้ในการเดินทางและระยะเวลาท่องเที่ยวใน สปป.ลาว มี 2 แบบให้เลือก
แบบที่ 1. หนังสือเดินทาง (Passport) + ค่าธรรมเนียมฉบับละ 20 บาท สามารถอยู่ใน สปป.ลาว ได้ 30 วัน และสามารถเดินทางไปเที่ยวยังเมืองอื่นๆได้ (ผมเลือกแบบนี้ครับ ดูไม่ยุ่งยากดี)
แบบที่ 2. ในกรณีไม่มีหนังสือเดินทางมาด้วย ต้องทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว หรือ บัตรชั่วคราว + ค่าธรรมเนียมในการทำในเวลาราชการ อีก 50 บาท สามารถเที่ยวในแขวงจำปาสัก ได้เท่านั้น และกำหนดเวลาเพียง 3 วัน 2 คืน
ในกรณีขอหนังสือผ่านแดน สามารถติดต่อขอได้ที่ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08:30 น. – 16:30 น. หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 045-255505 , 045-254218 หรือที่อีเมลล์ : ubon_prov@hotmail.com
เอกสารและหลักฐานที่ใช้ในการจัดทำหนังสือผ่านแดน
1. ภาพถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 3 ภาพ สวมชุดสุภาพ ไม่ใส่แว่นตาดำ
2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ พร้อมรับรองสำเนา
3. ทำการเขียนคำร้อง ตามแบบที่กำหนด ยื่นที่ศาลากลางจังหวัดอุบลฯ (ค่าคำร้อง ใบละ 30 บาท)
เมื่อเสร็จเรื่อง ตม. ที่ฝั่งไทยแล้ว ก็ข้ามฝั่งไปเขียนคำร้องขอเข้าประเทศที่ฝั่งลาว พร้อมเสียค่าธรรมเนียม เท่านี้เราก็ออกนอกประเทศไทยแล้ว 555+
จากนั้นรถทัวร์จะจอดรอเราอยู่ ก็ขึ้นไปนั่งจนคนขึ้นมาจนครบ แล้วก็ออกเดินทางต่อครับ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะมาถึง สะพานข้ามแม่น้ำโขง แล้วครับ กว้างสุดๆ ไปเลย
ฝั่งนู้น ที่เราเห็นคือ "ตัวเมืองปากเซ" ครับ วันนี้ฟ้าสลัวๆ มัวๆ หม่นๆ ยังไงไม่รู้ 555+
ไม่นานรถทัวร์ก็พามาส่งที่ Bus terminal ปากเซ ครับ
(ตอนนี้ !!! รถจากประเทศไทยไปจอดที่ Bus Terminal KM 2 แล้วนะครับ จะอยู่ใกล้กว่าที่นี้เยอะครับ และให้ทำการจองตั๋วรถทัวร์ปากเซ กลับ อุบล ไว้ตั้งแต่ลงรถตอนมาได้เลยนะครับ)
ขอบคุณข้อมูลจากท่านพี่ ID: ไปซะ ก่อนจะไปไม่ไหว ด้วยครับ
แต่ผมจะขอเล่าในส่วนของผมต่อนะครับ 555+ ของผมรถไปจอดที่ Bus KM 8 ไกลโขเลย ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เลยไปยืมภาพจ่าย www.hotsia.com มาให้ดูประกอบครับ ผมตามรอยท่านนี้อยู่ (แต่ภาพเก่านิดนึงนะครับ 5-6 ปีเลยทีเดียว)
สามารถต่อรถจากที่นี้ไปยังเมืองต่างๆ ได้เลยครับ เป็นจุดเชื่อมต่อใหญ่ของประเทศทีเดียว (ปัจจุบันเป็นคอนกรีตหมดแล้วนะครับ ตอนผมไปกำลังทำเลย)
ส่วนเรานั้น ต้องหาทางเข้าเมืองเพื่อไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์ก่อนครับ เดินออกมาด้านหน้าเลยจะมีคนรออยู่เยอะครับ (ขอบคุณภาพจาก feelthai.blogspot.com)
จากนั้นก็เดินทางด้วยรถสามล้อแบบในรูปล่างครับ พี่แกซิ่งน่าดู 555+
จริงๆ เข้าเมืองมันก็ไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ หลายกิโลทีเดียว ดังนั้นอย่าเสียดายเงินครับ 50-100 บาทเอง (ขึ้นอยู่กับการต่อรอง 555+)
ไม่นานก็มาถึงจุดเช่ามอเตอร์ไซต์ มีหลายร้านมากครับ เลือกตามสะดวกเลย ส่วนใหญ่ก็ 24 ชม. ราคามีตั้งแต่ 60,000- 100,000 กีบ (250-400 บาท) ขึ้นอยู่กับประเภทรถครับ (ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมาเช่นเดินครับ ยืมรูปตามเคย 555+)
ได้รถมาแล้ว ขณะนี้ก็เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ สามารถหาโรงแรมที่พักแถวนั้นได้เลย ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย เลยไม่ได้เอาลงให้ดูนะครับ
(จริงๆ ผมตามรอยพี่ท่านนี้ครับ เข้าไปดูได้เลยครับ
https://ppantip.com/topic/33628024)
เมื่อได้ที่พักแล้วก็เก็บกระเป๋า ออกเดินทางกันเลยครับ หมวกแว่น เสื้อพร้อม ลุยได้ 555+
จุดแรกที่ผมจะไปคือน้ำตกที่เขาว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ของลาวเลย คือ น้ำตกตาดเยือง และน้ำตกตาดฟาน ครับ จะอยู่ใกล้ๆ กัน เราจะไปถึงน้ำตกตาดฟาน ก่อนตามแผนที่เลยครับ
เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงครับ เสียค่าเข้าชม 5,000 กีบ กับค่าจอดรถ 3,000 กับ ครับ
เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปได้เลยครับ ไปถึงก็งงๆ ไม่ได้ยินเสียงน้ำตกเลย ที่ไหนได้ตัวน้ำตกอยู่ไกลมากครับ อยู่หน้าผาของเขาตรงข้าม เป็นลำธารที่ไหลลงหุบเหวลึกครับ สวยดีครับ
มาถ่ายมุมมหาชนเสียหน่อย (กับป้าย 555+)
ถัดจากน้ำตกตาดฟาน เราจะไปที่ น้ำตกตาดเยือง กันต่อครับ ไม่ไกลกันมาก ขี่มอเตอร์ไซต์ 10 นาทีก็ถึงครับ
เมื่อมาถึงก็จ่ายเงินค่าเข้าชม 10,000 กีบ ค่าจอดรถ 5,000 กีบ (เออ ทำไมแพงกว่าน้ำตกนู่น 555+)
พอเดินเข้าไปถึงได้รู้ว่าทำไมแพงกว่า เพราะมัน...... แบบนี้นี่เอง แต่..คือ..เดินไกลพอสมควรเลยครับ กว่าจะมาเจอน้ำตก ได้ยินเสียงน้ำตกดังมาแต่ไกล ก็มาชะโงกดู เห็นคนตัวเท่ามด ที่เราต้องเดินลงไปเหรอ 555+
เดินอ้อมมาให้พอจะเห็นตัวน้ำตก ก็สวยดีแฮะ คุ้มค่าที่จะลงไป
ก็พยายามเดินลงไป มีราวให้จับตลอดครับ ความ Slope โหดเอาเรื่องเลย
ยังครับ ยังไม่ถึง แต่มีศาลาให้นั่งพักก่อนได้ สำหรับขาลงเรายังไม่เหนื่อยครับ เอาไว้พักตอนเดินขึ้น 55+
จากศาลาในรูปด้านบน มองด้านซ้ายจะเห็นน้ำตก เป็นมุมที่มองน้ำตกสวยอีกหนึ่งมุมครับ
จากนั้นก็เดินลงไปต่อครับ มีราวกันตกให้ตลอด ปลอดภัยครับ
บริเวณสะพาน ถ่ายรูปไปยังน้ำตกจะได้วิวนี้ครับ อลังการ สวยงามมาก (แต่ผมถ่ายมาไม่ค่อยสวย 55+)
สามารถลงไปถึงพื้น จุดต่ำสุดด้านหน้าน้ำตกได้เลยครับ ถ่ายหาน้ำตกแบบตรงๆ ได้เลย
ยืมชม นั่งชม เดินชม อยู่ซักพัก จนอิ่มใจ (หายเหนื่อย) แล้ว ก็เตรียมตัวเดินกลับขึ้นไปครับ แค่มองทางขึ้นก็เหนื่อยแล้วครับ 555+ อันนี้ผมถ่ายมุมเงยประมาณ 30 องศา (นี่คือเงยแล้วนะครับ 555+)
และแล้วก็เดินขึ้นมาถึงด้านบน เล่นเอาหอบพอสมควร เลยลองเดินไปดูเหนือน้ำตกบ้าง เป็นลำธารเล็กๆ เองครับ ก่อนจะไหลลงหน้าผาลงไป
มีสะพานข้ามไปชมบรรยากาศด้วย ผมข้ามมาถึงตรงนี้แล้วก็ข้ามกลับแล้วครับ 555+
ที่น้ำตก มีร้านค้า ร้านอาหารด้วย มาน้ำตกอาหารที่เหมาะเลยคือส้มตำ พร้อมข้าวผัดกับหมูแดดเดียว ทั้ง Set ประมาณ 70,000 กีบเองครับ
จากนั้นก็ขี่รถกลับโรงแรม อาบน้ำอาบท่า หาข้าวกิน หาเบียร์เบาๆ ดื่มที่ร้านริมโขง เมืองปากเซ ที่นี้ตกดึก เมืองจะเงียบมากครับ คิดจะทำอะไรต้องรีบออกแต่หัวค่ำนะครับ ก่อน 5 ทุ่มควรรีบกลับโรงแรมนอน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน 555+
***** จบวันแรก*****
ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่
Blog :
https://goalonetravel.blogspot.com/
FB Page :
https://www.facebook.com/คนเดียวก็ไปเที่ยวได้-1238634139627858/
[CR] ปากเซ ลาวใต้ 2 วัน 1 คืน คนเดียวในวันที่ฟ้าหม่น
"เมืองปากเซ" เป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากจังหวัดอุบลราชธานีของไทย แต่การเที่ยวของผมนั้นจะเป็นแบบวันสองวัน 555+ ครั้งนี้ก็ได้ 2 วัน 1 คืน (เสาร์ - อาทิตย์) ไปเช้าเสาร์กลับคืนวันอาทิตย์ครับ ลองตามมากันครับ
การเดินทางครั้งนี้ผมใช้บริการของสายการบินนกแอร์ ครับ มีเที่ยวบินตรงตามที่ต้องการพอดี คือ ไป 7 โมงเช้า วันเสาร์ กลับถึง กทม. 5 ทุ่มวันอาทิตย์ ไปลงที่อุบลราชธานีครับ
ลงเครื่องเสร็จ เวลาจะอยู่ที่ 8:45 น. รีบวิ่งมาเรียกแท็กซี่หน้าสนามบินเลยครับ บอกไป "สถานีขนส่ง" จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที (ผมไม่ได้โหลดกระเป๋านะครับเลยไม่ได้รอรับ ไม่งั้นอาจไม่ทันรถเที่ยวเช้า)
เมื่อไปถึงสถานีขนส่งอุบลฯ ให้ไปซื้อตั๋วรถทัวร์ อุบลฯ-ปากเซ ที่ช่องบริษัทขนส่งฯ (200 บาท) รอบ 09:30 น.
เมื่อได้ตั๋วแล้ว มานั่งรอที่ "ชานชาลารถโดยสารระหว่างประเทศ" ตามรูปด้านล่าง
ไม่นานรถทัวร์หน้าตาประมาณนี้ก็จะเข้ามาจอดเทียบ เราก็ขึ้นไปนั่งรอข้างบนได้เลยครับ (ตามเลขที่นั่ง) รอถึงเวลา รถก็ออกเลยครับ ตรงเวลาดี
รถวิ่งไปประมาณ ชั่วโมงกว่า ก็จะมาถึง จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก มีสถาปัตยกรรมสวยงาม 555+
เอกสารที่ใช้ในการเดินทางและระยะเวลาท่องเที่ยวใน สปป.ลาว มี 2 แบบให้เลือก
แบบที่ 1. หนังสือเดินทาง (Passport) + ค่าธรรมเนียมฉบับละ 20 บาท สามารถอยู่ใน สปป.ลาว ได้ 30 วัน และสามารถเดินทางไปเที่ยวยังเมืองอื่นๆได้ (ผมเลือกแบบนี้ครับ ดูไม่ยุ่งยากดี)
แบบที่ 2. ในกรณีไม่มีหนังสือเดินทางมาด้วย ต้องทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว หรือ บัตรชั่วคราว + ค่าธรรมเนียมในการทำในเวลาราชการ อีก 50 บาท สามารถเที่ยวในแขวงจำปาสัก ได้เท่านั้น และกำหนดเวลาเพียง 3 วัน 2 คืน
ในกรณีขอหนังสือผ่านแดน สามารถติดต่อขอได้ที่ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08:30 น. – 16:30 น. หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 045-255505 , 045-254218 หรือที่อีเมลล์ : ubon_prov@hotmail.com
เอกสารและหลักฐานที่ใช้ในการจัดทำหนังสือผ่านแดน
1. ภาพถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 3 ภาพ สวมชุดสุภาพ ไม่ใส่แว่นตาดำ
2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ พร้อมรับรองสำเนา
3. ทำการเขียนคำร้อง ตามแบบที่กำหนด ยื่นที่ศาลากลางจังหวัดอุบลฯ (ค่าคำร้อง ใบละ 30 บาท)
เมื่อเสร็จเรื่อง ตม. ที่ฝั่งไทยแล้ว ก็ข้ามฝั่งไปเขียนคำร้องขอเข้าประเทศที่ฝั่งลาว พร้อมเสียค่าธรรมเนียม เท่านี้เราก็ออกนอกประเทศไทยแล้ว 555+
จากนั้นรถทัวร์จะจอดรอเราอยู่ ก็ขึ้นไปนั่งจนคนขึ้นมาจนครบ แล้วก็ออกเดินทางต่อครับ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะมาถึง สะพานข้ามแม่น้ำโขง แล้วครับ กว้างสุดๆ ไปเลย
ฝั่งนู้น ที่เราเห็นคือ "ตัวเมืองปากเซ" ครับ วันนี้ฟ้าสลัวๆ มัวๆ หม่นๆ ยังไงไม่รู้ 555+
ไม่นานรถทัวร์ก็พามาส่งที่ Bus terminal ปากเซ ครับ
(ตอนนี้ !!! รถจากประเทศไทยไปจอดที่ Bus Terminal KM 2 แล้วนะครับ จะอยู่ใกล้กว่าที่นี้เยอะครับ และให้ทำการจองตั๋วรถทัวร์ปากเซ กลับ อุบล ไว้ตั้งแต่ลงรถตอนมาได้เลยนะครับ)
ขอบคุณข้อมูลจากท่านพี่ ID: ไปซะ ก่อนจะไปไม่ไหว ด้วยครับ
แต่ผมจะขอเล่าในส่วนของผมต่อนะครับ 555+ ของผมรถไปจอดที่ Bus KM 8 ไกลโขเลย ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เลยไปยืมภาพจ่าย www.hotsia.com มาให้ดูประกอบครับ ผมตามรอยท่านนี้อยู่ (แต่ภาพเก่านิดนึงนะครับ 5-6 ปีเลยทีเดียว)
สามารถต่อรถจากที่นี้ไปยังเมืองต่างๆ ได้เลยครับ เป็นจุดเชื่อมต่อใหญ่ของประเทศทีเดียว (ปัจจุบันเป็นคอนกรีตหมดแล้วนะครับ ตอนผมไปกำลังทำเลย)
ส่วนเรานั้น ต้องหาทางเข้าเมืองเพื่อไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์ก่อนครับ เดินออกมาด้านหน้าเลยจะมีคนรออยู่เยอะครับ (ขอบคุณภาพจาก feelthai.blogspot.com)
จากนั้นก็เดินทางด้วยรถสามล้อแบบในรูปล่างครับ พี่แกซิ่งน่าดู 555+
จริงๆ เข้าเมืองมันก็ไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ หลายกิโลทีเดียว ดังนั้นอย่าเสียดายเงินครับ 50-100 บาทเอง (ขึ้นอยู่กับการต่อรอง 555+)
ไม่นานก็มาถึงจุดเช่ามอเตอร์ไซต์ มีหลายร้านมากครับ เลือกตามสะดวกเลย ส่วนใหญ่ก็ 24 ชม. ราคามีตั้งแต่ 60,000- 100,000 กีบ (250-400 บาท) ขึ้นอยู่กับประเภทรถครับ (ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมาเช่นเดินครับ ยืมรูปตามเคย 555+)
ได้รถมาแล้ว ขณะนี้ก็เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ สามารถหาโรงแรมที่พักแถวนั้นได้เลย ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย เลยไม่ได้เอาลงให้ดูนะครับ
(จริงๆ ผมตามรอยพี่ท่านนี้ครับ เข้าไปดูได้เลยครับ https://ppantip.com/topic/33628024)
เมื่อได้ที่พักแล้วก็เก็บกระเป๋า ออกเดินทางกันเลยครับ หมวกแว่น เสื้อพร้อม ลุยได้ 555+
จุดแรกที่ผมจะไปคือน้ำตกที่เขาว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ของลาวเลย คือ น้ำตกตาดเยือง และน้ำตกตาดฟาน ครับ จะอยู่ใกล้ๆ กัน เราจะไปถึงน้ำตกตาดฟาน ก่อนตามแผนที่เลยครับ
เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงครับ เสียค่าเข้าชม 5,000 กีบ กับค่าจอดรถ 3,000 กับ ครับ
เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปได้เลยครับ ไปถึงก็งงๆ ไม่ได้ยินเสียงน้ำตกเลย ที่ไหนได้ตัวน้ำตกอยู่ไกลมากครับ อยู่หน้าผาของเขาตรงข้าม เป็นลำธารที่ไหลลงหุบเหวลึกครับ สวยดีครับ
มาถ่ายมุมมหาชนเสียหน่อย (กับป้าย 555+)
ถัดจากน้ำตกตาดฟาน เราจะไปที่ น้ำตกตาดเยือง กันต่อครับ ไม่ไกลกันมาก ขี่มอเตอร์ไซต์ 10 นาทีก็ถึงครับ
เมื่อมาถึงก็จ่ายเงินค่าเข้าชม 10,000 กีบ ค่าจอดรถ 5,000 กีบ (เออ ทำไมแพงกว่าน้ำตกนู่น 555+)
พอเดินเข้าไปถึงได้รู้ว่าทำไมแพงกว่า เพราะมัน...... แบบนี้นี่เอง แต่..คือ..เดินไกลพอสมควรเลยครับ กว่าจะมาเจอน้ำตก ได้ยินเสียงน้ำตกดังมาแต่ไกล ก็มาชะโงกดู เห็นคนตัวเท่ามด ที่เราต้องเดินลงไปเหรอ 555+
เดินอ้อมมาให้พอจะเห็นตัวน้ำตก ก็สวยดีแฮะ คุ้มค่าที่จะลงไป
ก็พยายามเดินลงไป มีราวให้จับตลอดครับ ความ Slope โหดเอาเรื่องเลย
ยังครับ ยังไม่ถึง แต่มีศาลาให้นั่งพักก่อนได้ สำหรับขาลงเรายังไม่เหนื่อยครับ เอาไว้พักตอนเดินขึ้น 55+
จากศาลาในรูปด้านบน มองด้านซ้ายจะเห็นน้ำตก เป็นมุมที่มองน้ำตกสวยอีกหนึ่งมุมครับ
จากนั้นก็เดินลงไปต่อครับ มีราวกันตกให้ตลอด ปลอดภัยครับ
บริเวณสะพาน ถ่ายรูปไปยังน้ำตกจะได้วิวนี้ครับ อลังการ สวยงามมาก (แต่ผมถ่ายมาไม่ค่อยสวย 55+)
สามารถลงไปถึงพื้น จุดต่ำสุดด้านหน้าน้ำตกได้เลยครับ ถ่ายหาน้ำตกแบบตรงๆ ได้เลย
ยืมชม นั่งชม เดินชม อยู่ซักพัก จนอิ่มใจ (หายเหนื่อย) แล้ว ก็เตรียมตัวเดินกลับขึ้นไปครับ แค่มองทางขึ้นก็เหนื่อยแล้วครับ 555+ อันนี้ผมถ่ายมุมเงยประมาณ 30 องศา (นี่คือเงยแล้วนะครับ 555+)
และแล้วก็เดินขึ้นมาถึงด้านบน เล่นเอาหอบพอสมควร เลยลองเดินไปดูเหนือน้ำตกบ้าง เป็นลำธารเล็กๆ เองครับ ก่อนจะไหลลงหน้าผาลงไป
มีสะพานข้ามไปชมบรรยากาศด้วย ผมข้ามมาถึงตรงนี้แล้วก็ข้ามกลับแล้วครับ 555+
ที่น้ำตก มีร้านค้า ร้านอาหารด้วย มาน้ำตกอาหารที่เหมาะเลยคือส้มตำ พร้อมข้าวผัดกับหมูแดดเดียว ทั้ง Set ประมาณ 70,000 กีบเองครับ
จากนั้นก็ขี่รถกลับโรงแรม อาบน้ำอาบท่า หาข้าวกิน หาเบียร์เบาๆ ดื่มที่ร้านริมโขง เมืองปากเซ ที่นี้ตกดึก เมืองจะเงียบมากครับ คิดจะทำอะไรต้องรีบออกแต่หัวค่ำนะครับ ก่อน 5 ทุ่มควรรีบกลับโรงแรมนอน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน 555+
***** จบวันแรก*****
ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่
Blog : https://goalonetravel.blogspot.com/
FB Page : https://www.facebook.com/คนเดียวก็ไปเที่ยวได้-1238634139627858/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น