กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่อยากลองเขียนดูค่ะ ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะคะ มาเริ่มกันเลยค่ะ
จุดประสงค์ของการไปทริปนี้จริงๆแล้วคือ อยากไปดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้ แต่ก็คิดว่าไหนๆก็ไปแล้วก็เลยอยากลองไปสถานที่อื่นดูด้วย สุดท้ายจึงสรุปมาสองเมืองคือปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เราเดินทางช่วง 30 ธันวาคม 61 ถึง 6 มกราคม 62 ช่วงปีใหม่พอดีค่ะ
ขั้นตอนแรก คือทำการขอวีซ่าจีนก่อนค่ะ ขอไม่ยากเลยและใช้เวลาไม่นานก็ได้เล่มคืนแล้วค่ะ ประมาณไม่เกิน 3 วัน (อันนี้ขอข้ามเรื่องการขอวีซ่าไปนะคะ น่าจะมีกระทู้รีวิวเรื่องนี้บ้างแล้ว)
ขั้นตอนที่สองคือ ซื้อตั๋วเครื่องบินและจองที่พัก
ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 4 คน โดยเราแลกไมล์โดยสารกับทางการบินไทยไปกลับลงเซี่ยงไฮ้ ส่วนการเดินทางไปปักกิ่งเรานั่งเครื่องภายในประเทศของ China Eastern ค่ะ ตกราคาไปกลับอยู่ที่ 6,621 บาท/คน โดยการจองตั๋วเครื่องบินเราจองผ่านเว็บ trip.com ค่ะ ใช้งานง่ายและน่าเชื่อถือ
ถ้าใครไม่อยากนั่งเครื่องก็สามารถจองรถไฟความเร็วสูงจากเซี่ยงไฮ้ไปปักกิ่งได้เหมือนกัน แต่ขอแนะนำนิดนึงว่าบางช่วงราคาตั๋วเครื่องบินกับรถไฟไม่ต่างกันมาก การไปเครื่องบินจะประหยัดเวลาไปได้ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ
การจองที่พัก เราจองผ่าน booking.com ค่ะ โดยจะแยกเป็นพักที่ปักกิ่ง 3 คืนและเซี่ยงไฮ้ 4 คืน
ที่พักปักกิ่ง: เราพักที่โรงแรม Beijing Prime Hotel คืนละประมาณ 2,500 บาท โรงแรมถือว่าดีอยู่นะค่ะ ห้องพักกว้าง สะอาด พนักงานก็ดีพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ติดตรงทำเลแถวโรงแรมไม่มีร้านอาหารหรือร้านขายของสักเท่าไหร่ เวลาหิวดึกๆอาจจะลำบากหน่อย ส่วนเรื่องการเดินทางถ้ามาจากสนามบินปักกิ่งก็ต้องต่อรถไฟ 2 ต่อค่ะ ซึ่งพวกเรากระเป๋าหลายใบก็ค่อนข้างลำบาก แต่ถ้านั่ง Taxi ก็จะสบายค่ะเร็วด้วย (แต่เราเข็ดกับ Taxi เนื่องจากเจอของดีตั้งแต่วันแรกที่ลงเซี่ยงไฮ้ไปต่อสนามบินในประเทศอีกที่ เจอ Taxi ไม่กดมิเตอร์ โดนไป 450 หยวน ประมาณสองพันบาทไทย เลยลาขาดกับ Taxi ไปเลยค่ะทริปนี้)
ขอแนะนำการเลือกที่พักที่ปักกิ่งนิดนึงค่ะ เนื่องจากตอนแรกที่จองไม่คิดว่าการต่อรถไฟอีกสายนึงของที่นี่ช่างแตกต่างจากญี่ปุ่นนัก การเชื่อมไปสายอื่นต้องเดินค่อนข้างไกล แนะนำจองที่พักแถวรถไฟใต้ดินสายสีแดง (Line 1) สามารถไปยังจัตุรัสเทียนอันเหมินและย่าน Shopping Wangfujing/Xidan ได้สะดวกค่ะ สามารถลองโหลดแอปของรถไฟใต้ดินที่ปักกิ่งมาลองศึกษาดูก่อนได้ค่ะ ชื่อแอป Beijing Subway
ที่พักเซี่ยงไฮ้: เราพักที่ Seventh Heaven Hotel 3 คืน และพัก Disney Resort Hotel 1 คืน
- Seventh Heaven Hotel อยู่ในย่านถนนช้อปปิ้ง Nanjing Road ซึ่งเป็นที่นิยมของคนไทยเลยค่ะ ร้านค้าต่างๆมากมาย ร้านอาหารก็เยอะ การเดินทางสะดวกอยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี People's Square ซึ่งสามารถต่อรถไฟไปสถานที่อื่นได้สะดวก ราคาประมาณคืนละ 2,500 บาท แต่ห้องจะค่อนข้างเล็กกว่าที่ปักกิ่งค่ะ ชั้นนึงจะมีอยู่ 5 ห้อง โดยด้านล่างของโรงแรมจะเป็น Shop Giordano ตัวโรงแรมจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไปค่ะ ที่พักที่นี่มีอาหารเช้าให้ด้วยค่ะ
พอดีไม่ได้ถ่ายรูปในห้องไว้ ถ่ายแต่รูปวิวที่มองจากในห้องออกมา 55+
- Disney Resort Hotel อยู่ในแถวเดียวกันกับ Disney Land Shanghai ที่พักจะมีให้เลือกห้องแบบที่มองเห็น Park ที่เป็นสวนสนุก และที่เป็นวิวสวน วิวทะเลสาบค่ะ ซึ่งราคาจะแตกต่างกัน เราเลือกห้องที่มองไปเห็นสวนสนุกค่ะ ตกคืนละ 14,800 บาท/คืน พักได้ 4 คน
ตัวโรงแรมจะไม่สามารถเดินไปยังสวนสนุกได้ จะต้องนั่งรถบัสรับส่งจากโรงแรมไปค่ะ ขามาก็เหมือนกันลงสถานี Disney Resort แล้วก็ต้องเดินมารอบัสแถวสถานีรถไฟเพื่อไปยังโรงแรม จะไม่เหมือนญี่ปุ่นที่จะมีสถานีรถไฟของ Disney เองเลยที่สามารถลงที่ Disney Resort และ Park ได้เลย
ปล. รถบัสของโรงแรมรับส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนะจ๊ะ
ขั้นตอนที่สาม การวางแพลนเที่ยวของเรา ซึ่งมีทั้งหมด 8 วันด้วยกัน โดยเราวางแพลนไว้ประมาณนี้ค่ะ
Day 1 - เดินทางถึงเซี่ยงไฮ้ ต่อเครื่องไปลงปักกิ่ง จะถึงปักกิ่งช่วงสี่โมงเย็น ก็จะเดินเที่ยวแถวย่าน Shopping หาของกินกันก่อน
Day 2 - ซื้อ One Day Trip ไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน
Day 3 - เที่ยวจัตุรัสเทียนอันเหมิน และพระราชวังต้องห้าม
Day 4 - เดินทางกลับไปเซี่ยงไฮ้ เที่ยวตึก World Financial Building หอไข่มุกและ The Bund
Day 5 - เมืองน้ำโบราณ JUJIAJIAO แล้วก็ย่าน Xintiandi
Day 6 - Disney Land Shanghai
Day 7 - สวนอี้หยวน เดินเล่นแถว Nanjing Road
Day 8 - วัด Jing'an Temple และสนามบิน
ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ก่อนไป:
1. เวลา เวลาที่จีนต่างจากเมืองไทย 1 ชั่วโมง ช่วงที่เราไปเป็นหน้าหนาว สี่โมงฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
2. รถไฟ รถไฟใต้ดินที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้สะดวกสบาย ใช้ง่ายมีภาษาอังกฤษกำกับตามสถานี และตู้ซื้อตั๋วเลือกภาษาอังกฤษได้ การต่อรถไฟข้ามสายค่อนข้างจะเดินไกลนิดนึง ราคาเริ่มต้นที่ 3 หยวน (ประมาณ 15 บาท) เวลาขึ้นรถไฟเค้าจะไม่เหมือนบ้านเราตอนที่ขึ้นและลงนะจ๊ะ เค้าจะไม่รอให้คนข้างในรถออกก่อนแต่จะพุ่งตัวเข้ามาเลย อันนี้ก็แอบบงงๆนิดนึง
3. Taxi จะบอกว่าไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ ไม่กดมิเตอร์จ้า คือถ้าเราเรียกเองก็จะคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง โดนโก่งราคาไปแบบแพงมากมาย แต่ถ้าให้โรงแรมเรียกให้กรณีต้องไปสนามบิน พนักงานเค้าจะมีแอปที่ใช้เรียกแล้วชำระเงินให้เลย แล้วเราก็เอาเงินให้พนักงานอีกที อันนี้ชัวร์ว่าจะไม่โดนโก่งราคา
4. สภาพอากาศ เนื่องจากเราไปช่วงหน้าหนาว ก่อนไปก็มีแต่คนบอกว่าเมืองจีนหน้าหนาว หนาวมากกกก ซึ่งพอไปถึงก็จริงตามนั้นเลย ที่ปักกิ่งเราเจอติดลบตลอด -12 บ้าง -17 บ้างแล้วแต่วัน คืออยากบอกว่าปักกิ่งมันหนาวมากจริงๆ
หนาวแบบเข้าไปในกระดูกเลยT-T ส่วนที่เซี่ยงไฮ้ไม่ติดลบแต่ก็เจอเลขตัวเดียวตลอด 4-7 องศา บางวันที่ฝนตกก็โคตรหนาวเลย
5. ค่าเงิน ค่าเงินตอนที่เราแลกไป 1 หยวน = 4.73 บาท จะบอกว่าที่จีนเค้าไม่ค่อยใช้เงินสดกันเท่าไหร่ จะใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์แทน โดยใช้พวก wechat และ Alipay
6. การซื้อซิมโทรศัพท์ เราใช้ของ Ais (Sim 2 Fly) ส่วนอีกสามคนใช้ True (Sim Asia) ประสบการณ์หลังจากใช้ขอบอกว่าซื้อ AIS เถอะค่ะ คือ True สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หายบ้าง เป็น Edge บ้างขึ้น 4G นี่น้อยมาก แต่ AIS ขึ้น 4G ตลอด จนเราต้องแชร์ Hotspot ให้คนในทริป -*-
7. อาหาร อาหารส่วนมากจะน้ำมันค่อนข้างเยอะ และจากที่ทานมาเค้าจะเน้นกินหมาล่ากันอย่างแพร่หลาย อาหารทุกร้านจะต้องมีหมาล่า ไม่ว่าจะเป็นผัดแห้ง ต้มยำต่างๆ แต่เค้าก็นิยมกินพวกอาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่นอยู่นะเห็นมีหลายร้านเลย แต่ขอบอกว่าอาหารเมืองจีนไม่ถูกนะจ๊ะ แอบแพง บ้างมื้อเรากินแพงกว่าญี่ปุ่นอีกจ้าาา มื้อละพันบาทอัพ นี่แทบจะไม่ได้ซื้ออะไรหมดไปกับค่ากินล้วนๆ
8. ข้อนี้นี่คือต้องไปถึงจะรู้นะจ๊ะ ที่นีตรวจกระเป๋า สแกนสิ่งของกันหนักหน่วงมาก ไม่รู้ว่าเนื่องจากเป็นประเทศคอมมิวนิสต์รึเปล่า แต่ตรวจเข้มมาก ตั้งแต่สนามบินจะออกจะเข้าสแกนแล้วสแกนอีกไม่ต่ำกว่าสามรอบ จะขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินก็สแกนจะเข้าออกประตูไหนโดนหมดทุกประตู สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งต้องสแกน เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้าม (คนจะต่อแถวสแกนค่อนข้างเยอะ ควรเผื่อเวลาตรงส่วนนี้ด้วย) อีกส่วนนึงก็คงเรื่องความปลอดภัยของคนในประเทศเค้าอ่ะแหละ แต่แค่เรารู้สึกว่ามันเยอะไปนิดนึงสำหรับเรา บางทีของเราค่อนข้างเยอะแล้วต้องมาสแกนบ่อยๆ ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ที่เจอมาคือให้เปิดกระเป๋าเดินทางออกเพื่อเข้าเครื่องสแกนด้วย สุดยอดไปเลย 55+
9. ห้องน้ำ ดีกว่าที่คิดไว้มาก คือบางที่สะอาด บางทีอาจจะสกปรกบ้างแต่ก็พอเข้าได้นะ ห้องน้ำจะมีแบบที่เป็นนั่งยองแล้วก็ไปแบบโถส้วม แต่บางที่จะเน้นนั่งยองนะจ๊ะ (ระวังข้อเข่านิดนึง)
10. การแซงคิว อันนี้เจอบ้างประปราย ส่วนมากจะเป็นผู้ใหญ่หน่อย แต่คนในประเทศเค้าก็เฉยๆกันนะไม่มีใครว่าอะไรกัน
11. ภาษา ที่ปักกิ่งคนพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากๆ ไม่เหมือนที่เซี่ยงไฮ้คนพูดภาษาอังกฤษได้เยอะมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจด้วย บางทีเราก็ใช้ภาษามือชี้ๆเอา
12. การ
น้ำลาย เจอได้ทุกที่ อันนี้ต้องระวังเวลาจะนั่งหรือเดินอาจจะเหยียบได้
เดี๋ยวมาต่อ (Day 1) กันต่อนะขอพักแปป *-*
เที่ยวเมืองจีน First Time #เที่ยวจีนไม่ไปไม่รู้ [ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้]
จุดประสงค์ของการไปทริปนี้จริงๆแล้วคือ อยากไปดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้ แต่ก็คิดว่าไหนๆก็ไปแล้วก็เลยอยากลองไปสถานที่อื่นดูด้วย สุดท้ายจึงสรุปมาสองเมืองคือปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เราเดินทางช่วง 30 ธันวาคม 61 ถึง 6 มกราคม 62 ช่วงปีใหม่พอดีค่ะ
ขั้นตอนแรก คือทำการขอวีซ่าจีนก่อนค่ะ ขอไม่ยากเลยและใช้เวลาไม่นานก็ได้เล่มคืนแล้วค่ะ ประมาณไม่เกิน 3 วัน (อันนี้ขอข้ามเรื่องการขอวีซ่าไปนะคะ น่าจะมีกระทู้รีวิวเรื่องนี้บ้างแล้ว)
ขั้นตอนที่สองคือ ซื้อตั๋วเครื่องบินและจองที่พัก
ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 4 คน โดยเราแลกไมล์โดยสารกับทางการบินไทยไปกลับลงเซี่ยงไฮ้ ส่วนการเดินทางไปปักกิ่งเรานั่งเครื่องภายในประเทศของ China Eastern ค่ะ ตกราคาไปกลับอยู่ที่ 6,621 บาท/คน โดยการจองตั๋วเครื่องบินเราจองผ่านเว็บ trip.com ค่ะ ใช้งานง่ายและน่าเชื่อถือ
ถ้าใครไม่อยากนั่งเครื่องก็สามารถจองรถไฟความเร็วสูงจากเซี่ยงไฮ้ไปปักกิ่งได้เหมือนกัน แต่ขอแนะนำนิดนึงว่าบางช่วงราคาตั๋วเครื่องบินกับรถไฟไม่ต่างกันมาก การไปเครื่องบินจะประหยัดเวลาไปได้ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ
การจองที่พัก เราจองผ่าน booking.com ค่ะ โดยจะแยกเป็นพักที่ปักกิ่ง 3 คืนและเซี่ยงไฮ้ 4 คืน
ที่พักปักกิ่ง: เราพักที่โรงแรม Beijing Prime Hotel คืนละประมาณ 2,500 บาท โรงแรมถือว่าดีอยู่นะค่ะ ห้องพักกว้าง สะอาด พนักงานก็ดีพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ติดตรงทำเลแถวโรงแรมไม่มีร้านอาหารหรือร้านขายของสักเท่าไหร่ เวลาหิวดึกๆอาจจะลำบากหน่อย ส่วนเรื่องการเดินทางถ้ามาจากสนามบินปักกิ่งก็ต้องต่อรถไฟ 2 ต่อค่ะ ซึ่งพวกเรากระเป๋าหลายใบก็ค่อนข้างลำบาก แต่ถ้านั่ง Taxi ก็จะสบายค่ะเร็วด้วย (แต่เราเข็ดกับ Taxi เนื่องจากเจอของดีตั้งแต่วันแรกที่ลงเซี่ยงไฮ้ไปต่อสนามบินในประเทศอีกที่ เจอ Taxi ไม่กดมิเตอร์ โดนไป 450 หยวน ประมาณสองพันบาทไทย เลยลาขาดกับ Taxi ไปเลยค่ะทริปนี้)
ขอแนะนำการเลือกที่พักที่ปักกิ่งนิดนึงค่ะ เนื่องจากตอนแรกที่จองไม่คิดว่าการต่อรถไฟอีกสายนึงของที่นี่ช่างแตกต่างจากญี่ปุ่นนัก การเชื่อมไปสายอื่นต้องเดินค่อนข้างไกล แนะนำจองที่พักแถวรถไฟใต้ดินสายสีแดง (Line 1) สามารถไปยังจัตุรัสเทียนอันเหมินและย่าน Shopping Wangfujing/Xidan ได้สะดวกค่ะ สามารถลองโหลดแอปของรถไฟใต้ดินที่ปักกิ่งมาลองศึกษาดูก่อนได้ค่ะ ชื่อแอป Beijing Subway
ที่พักเซี่ยงไฮ้: เราพักที่ Seventh Heaven Hotel 3 คืน และพัก Disney Resort Hotel 1 คืน
- Seventh Heaven Hotel อยู่ในย่านถนนช้อปปิ้ง Nanjing Road ซึ่งเป็นที่นิยมของคนไทยเลยค่ะ ร้านค้าต่างๆมากมาย ร้านอาหารก็เยอะ การเดินทางสะดวกอยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี People's Square ซึ่งสามารถต่อรถไฟไปสถานที่อื่นได้สะดวก ราคาประมาณคืนละ 2,500 บาท แต่ห้องจะค่อนข้างเล็กกว่าที่ปักกิ่งค่ะ ชั้นนึงจะมีอยู่ 5 ห้อง โดยด้านล่างของโรงแรมจะเป็น Shop Giordano ตัวโรงแรมจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไปค่ะ ที่พักที่นี่มีอาหารเช้าให้ด้วยค่ะ
พอดีไม่ได้ถ่ายรูปในห้องไว้ ถ่ายแต่รูปวิวที่มองจากในห้องออกมา 55+
- Disney Resort Hotel อยู่ในแถวเดียวกันกับ Disney Land Shanghai ที่พักจะมีให้เลือกห้องแบบที่มองเห็น Park ที่เป็นสวนสนุก และที่เป็นวิวสวน วิวทะเลสาบค่ะ ซึ่งราคาจะแตกต่างกัน เราเลือกห้องที่มองไปเห็นสวนสนุกค่ะ ตกคืนละ 14,800 บาท/คืน พักได้ 4 คน
ตัวโรงแรมจะไม่สามารถเดินไปยังสวนสนุกได้ จะต้องนั่งรถบัสรับส่งจากโรงแรมไปค่ะ ขามาก็เหมือนกันลงสถานี Disney Resort แล้วก็ต้องเดินมารอบัสแถวสถานีรถไฟเพื่อไปยังโรงแรม จะไม่เหมือนญี่ปุ่นที่จะมีสถานีรถไฟของ Disney เองเลยที่สามารถลงที่ Disney Resort และ Park ได้เลย
ปล. รถบัสของโรงแรมรับส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนะจ๊ะ
ขั้นตอนที่สาม การวางแพลนเที่ยวของเรา ซึ่งมีทั้งหมด 8 วันด้วยกัน โดยเราวางแพลนไว้ประมาณนี้ค่ะ
Day 1 - เดินทางถึงเซี่ยงไฮ้ ต่อเครื่องไปลงปักกิ่ง จะถึงปักกิ่งช่วงสี่โมงเย็น ก็จะเดินเที่ยวแถวย่าน Shopping หาของกินกันก่อน
Day 2 - ซื้อ One Day Trip ไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน
Day 3 - เที่ยวจัตุรัสเทียนอันเหมิน และพระราชวังต้องห้าม
Day 4 - เดินทางกลับไปเซี่ยงไฮ้ เที่ยวตึก World Financial Building หอไข่มุกและ The Bund
Day 5 - เมืองน้ำโบราณ JUJIAJIAO แล้วก็ย่าน Xintiandi
Day 6 - Disney Land Shanghai
Day 7 - สวนอี้หยวน เดินเล่นแถว Nanjing Road
Day 8 - วัด Jing'an Temple และสนามบิน
ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ก่อนไป:
1. เวลา เวลาที่จีนต่างจากเมืองไทย 1 ชั่วโมง ช่วงที่เราไปเป็นหน้าหนาว สี่โมงฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
2. รถไฟ รถไฟใต้ดินที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้สะดวกสบาย ใช้ง่ายมีภาษาอังกฤษกำกับตามสถานี และตู้ซื้อตั๋วเลือกภาษาอังกฤษได้ การต่อรถไฟข้ามสายค่อนข้างจะเดินไกลนิดนึง ราคาเริ่มต้นที่ 3 หยวน (ประมาณ 15 บาท) เวลาขึ้นรถไฟเค้าจะไม่เหมือนบ้านเราตอนที่ขึ้นและลงนะจ๊ะ เค้าจะไม่รอให้คนข้างในรถออกก่อนแต่จะพุ่งตัวเข้ามาเลย อันนี้ก็แอบบงงๆนิดนึง
3. Taxi จะบอกว่าไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ ไม่กดมิเตอร์จ้า คือถ้าเราเรียกเองก็จะคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง โดนโก่งราคาไปแบบแพงมากมาย แต่ถ้าให้โรงแรมเรียกให้กรณีต้องไปสนามบิน พนักงานเค้าจะมีแอปที่ใช้เรียกแล้วชำระเงินให้เลย แล้วเราก็เอาเงินให้พนักงานอีกที อันนี้ชัวร์ว่าจะไม่โดนโก่งราคา
4. สภาพอากาศ เนื่องจากเราไปช่วงหน้าหนาว ก่อนไปก็มีแต่คนบอกว่าเมืองจีนหน้าหนาว หนาวมากกกก ซึ่งพอไปถึงก็จริงตามนั้นเลย ที่ปักกิ่งเราเจอติดลบตลอด -12 บ้าง -17 บ้างแล้วแต่วัน คืออยากบอกว่าปักกิ่งมันหนาวมากจริงๆ
หนาวแบบเข้าไปในกระดูกเลยT-T ส่วนที่เซี่ยงไฮ้ไม่ติดลบแต่ก็เจอเลขตัวเดียวตลอด 4-7 องศา บางวันที่ฝนตกก็โคตรหนาวเลย
5. ค่าเงิน ค่าเงินตอนที่เราแลกไป 1 หยวน = 4.73 บาท จะบอกว่าที่จีนเค้าไม่ค่อยใช้เงินสดกันเท่าไหร่ จะใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์แทน โดยใช้พวก wechat และ Alipay
6. การซื้อซิมโทรศัพท์ เราใช้ของ Ais (Sim 2 Fly) ส่วนอีกสามคนใช้ True (Sim Asia) ประสบการณ์หลังจากใช้ขอบอกว่าซื้อ AIS เถอะค่ะ คือ True สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หายบ้าง เป็น Edge บ้างขึ้น 4G นี่น้อยมาก แต่ AIS ขึ้น 4G ตลอด จนเราต้องแชร์ Hotspot ให้คนในทริป -*-
7. อาหาร อาหารส่วนมากจะน้ำมันค่อนข้างเยอะ และจากที่ทานมาเค้าจะเน้นกินหมาล่ากันอย่างแพร่หลาย อาหารทุกร้านจะต้องมีหมาล่า ไม่ว่าจะเป็นผัดแห้ง ต้มยำต่างๆ แต่เค้าก็นิยมกินพวกอาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่นอยู่นะเห็นมีหลายร้านเลย แต่ขอบอกว่าอาหารเมืองจีนไม่ถูกนะจ๊ะ แอบแพง บ้างมื้อเรากินแพงกว่าญี่ปุ่นอีกจ้าาา มื้อละพันบาทอัพ นี่แทบจะไม่ได้ซื้ออะไรหมดไปกับค่ากินล้วนๆ
8. ข้อนี้นี่คือต้องไปถึงจะรู้นะจ๊ะ ที่นีตรวจกระเป๋า สแกนสิ่งของกันหนักหน่วงมาก ไม่รู้ว่าเนื่องจากเป็นประเทศคอมมิวนิสต์รึเปล่า แต่ตรวจเข้มมาก ตั้งแต่สนามบินจะออกจะเข้าสแกนแล้วสแกนอีกไม่ต่ำกว่าสามรอบ จะขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินก็สแกนจะเข้าออกประตูไหนโดนหมดทุกประตู สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งต้องสแกน เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้าม (คนจะต่อแถวสแกนค่อนข้างเยอะ ควรเผื่อเวลาตรงส่วนนี้ด้วย) อีกส่วนนึงก็คงเรื่องความปลอดภัยของคนในประเทศเค้าอ่ะแหละ แต่แค่เรารู้สึกว่ามันเยอะไปนิดนึงสำหรับเรา บางทีของเราค่อนข้างเยอะแล้วต้องมาสแกนบ่อยๆ ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ที่เจอมาคือให้เปิดกระเป๋าเดินทางออกเพื่อเข้าเครื่องสแกนด้วย สุดยอดไปเลย 55+
9. ห้องน้ำ ดีกว่าที่คิดไว้มาก คือบางที่สะอาด บางทีอาจจะสกปรกบ้างแต่ก็พอเข้าได้นะ ห้องน้ำจะมีแบบที่เป็นนั่งยองแล้วก็ไปแบบโถส้วม แต่บางที่จะเน้นนั่งยองนะจ๊ะ (ระวังข้อเข่านิดนึง)
10. การแซงคิว อันนี้เจอบ้างประปราย ส่วนมากจะเป็นผู้ใหญ่หน่อย แต่คนในประเทศเค้าก็เฉยๆกันนะไม่มีใครว่าอะไรกัน
11. ภาษา ที่ปักกิ่งคนพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากๆ ไม่เหมือนที่เซี่ยงไฮ้คนพูดภาษาอังกฤษได้เยอะมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจด้วย บางทีเราก็ใช้ภาษามือชี้ๆเอา
12. การน้ำลาย เจอได้ทุกที่ อันนี้ต้องระวังเวลาจะนั่งหรือเดินอาจจะเหยียบได้
เดี๋ยวมาต่อ (Day 1) กันต่อนะขอพักแปป *-*