สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชาแนล Who Askk นะครับ ตอนนี้คุณอยู่กับผมอีกครั้ง ลัก ครับ
แจกเงิน 500 ว่าโหดแล้ว แจกเงิน 6,000 กิโลนี่โหดกว่า เชื่อว่าแทบทุกคนบนโลกนี้แหละที่อยากจะรวยล้นฟ้า มีเงินมีทองให้ใช้จ่ายได้แบบสุขสบาย ไม่งั้นเราคงไม่มานั่งทำงานหาเช้ากินค่ำกันแบบนี้หรอก จริงป่ะ ถ้ามีเงินสักหน่อยจะพาตัวเองไปเที่ยวเกาะ ขับเฟอร์รารี่ ซื้ออ่างอาบน้ำจากุชชี่ หรือซื้อบัตรจับมือ BNK สัก 30 40 ใบก็ยังได้ เหมือนอย่างเรื่องราวของกษัตริย์ที่เราจะพาไปรู้จักกันในวันนี้ ที่ได้ขึ้นชื่อว่ารวยล้นฟ้า ขนาดชนิดที่ว่า โปรยเงินเล่นได้ตลอดทางกว่า 6,000 กิโลแบบชิลๆ ก็คนมันเหลืออะค้าบบบ
.
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านสามารถดูคลิปแทนได้เลยน้าาา : )
.
โดยกษัตริย์คนนี้แกชื่อว่า King Mansa Musa เป็นกษัตริย์ของชาวแอฟริกา ซึ่งถูกขนานนามและยกย่องว่าให้เป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาลตลอดกาลแบบไม่มีทางล้มล้างได้ รวยชนิดที่ว่าซื้อประเทศได้แบบสบายๆ ไม่ต้องเขียนเช็ก เอาเงินสดพี่ไปได้เลย เพราะนิตยสารระดับโลกอย่าง Time เค้าได้มีการศึกษาเกี่ยวกับคนที่รวยที่สุดในโลกเนี่ยแหละครับ แล้วไปสะดุดพบเจอกับกษัตริย์รายนี้เข้า ซึ่งความรวยแบบเวอร์วังอลังการงานสร้างของเค้านี่แบบ Time ยังขอยอมแพ้ เพราะมันรวยมากจนระบุตัวเลขความรวยไม่ได้ จะใส่ 0 ตามหลังกี่ตัวก็ยังดูน้อยไป
.
ทั้งวอเรน บัฟเฟต ทั้งบิล เกตส์ หรืออีลอน มัสก์ หมาเศราฐีที่รวยที่สุดในโลกในสมัยนี้เรียกว่าเป็นเด็กๆ ไปได้เลย ซึ่งความรวยของ King Mansa Musa นั้นไม่ได้มาจากการค้าน้ำมันแบบเศรษฐีดูไบ ไม่ได้มาจากการค้ายาแบบปาโบล แต่มาจากทรัพย์สินในท้องพระคลังที่มันล้ำค่ามหาศาลแบบชนิดที่ว่า ไวเบรเนียม ในวากานด้า กลายเป็นเศษธุลีดินแบบเทียบไม่ติด
.
เพราะเค้าเป็นกษัตริย์ผู้ครอบครองจักรวรรดิ Mali ในช่วงศตวรรษที่ 14 ซึ่งในดินแดนของพี่แกดันมีเหมืองทองคำมหาศาลที่แบบเยอะมากๆๆๆๆ แถมไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงแย่งชิงได้อีกต่างหาก เพราะในยุคที่แกกำลังขึ้นครองราชย์เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองที่นับไม่ถ้วนเหล่านี้ รอบๆ ตัวพวกคนที่คิดจะแย่งชิงเค้าก็ไม่ได้มีเวลามาสนใจแกเท่าไหร่ เพราะฝ่ายยุโรปกำลังติดพันทำสงครางกลางเมืองกันอยู่ ทำให้แอฟริกาที่สงบสุขนี้ใช้จ่ายสิ่งต่างๆ ได้แบบสบายใจไม่ต้องกลัวจะมีใครรุกราน
.
และในช่วงที่แกปกครองอยู่เนี่ย ก็ได้มีการขยายขอบเขตดินแดนออกไปไกลมาก รุกรานซื้อพื้นที่ต่างๆ ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ทั้งเข้ายึดเมือง Timbuktu ทั้งวางฐานอำนาจไว้ในก Gao ซึ่งกินพื้นที่กว่า 2,000 ไมล์ หรือ คิดแบบภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆ คือ 3,200 กิโลเมตร หรือเท่ากับประเทศไทยทั้งประเทศ 2 อันวางต่อกัน โหดสัสรัสเซียโคลัมเบียร์พิกเจอร์จริงๆ ครับความรวยนี้
.
แต่อย่างว่าถ้าคนเราอยู่เฉยๆ แล้วรวยอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง มันจะไปดังได้ยังไง จริงป่ะ มันก็ต้องสร้างวีรกรรมให้โลกจดจำไม่รู้ลืมกันหน่อย โดยความรวยนี้ถูกเผยแพร่ออกมาสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกเมื่อตอนที่แกเดินทางมาแสงบุญเนี่ยแหละครับ ซึ่งตลอดระยะทางกว่า 6,400 กิโลเมตรสู่นครเมกกะเนี่ย แกไม่ได้เดินทอดน่องมาแบบชิลๆ แต่แกโปรยเงินมาด้วยตลอดทางเลย คือแจกเงินกันยับชนิดที่ว่า แจกเงิน 500 คสช กลายเป็นผงธุลีของความขี้ประติ๋วไปเลย แต่แกก็แจกเงินตัวเองนะ ไม่ได้เอาเงินประชาชนไปแจก อุ๊ปส์....
.
มาๆๆๆ กลับมาสู่เรื่องความรวยต่อ ก่อนจะโดนหิ้วช่องหิ้วเพจไป ซึ่งมันมีคนบันทึกการเดินทางครั้งนี้เอาไว้ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายเลยครับ เป็นหลักฐานความร่ำรวยแบบมหากาพย์ ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางที่ฟุ่มเฟือยที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์เลยดีกว่า เพราะพี่กษัตริย์คนนี้แกจ้างขบวนคาราวานเดินตามกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา หัวแถวอยู่ไทย ปลายแถวอยู่ไกลไปแมนฮัตตั้นอะไรประมาณนั้น
.
แถมยังมีทหารเดินตามกันไปอีกเป็นหมื่นๆ คน ไหนจะพวกประชาชนที่รอเก็บเงิน ไหนจะพวกทาสอีก แล้วทั้งขบวนนี่เต็มไปด้วยทองคำ อูฐเอิฐพี่แกจับเลี่ยมทองหมด นี่ถ้าเปลี่ยนจากอูฐเป็นรถนะรับรองมีแรปทองทั้งคันแน่ๆ
.
ซึ่งกว่าจะเดินแสงวงบุญได้ครบตามใจอยากก็ต้องผ่านเมืองนั้นเมืองนี้ ผ่านแต่ละทีก็เหมือนค่าผ่านทาง เพราะพี่แกแจกยับแบบไม่กลัวลูกหลานจะอดตาย ให้เงินทั้งคนยากจนในแต่ละเมืองแบบเสวยสุขกันได้สบายๆ จากที่เมือง Cairo ใกล้จะล่มจมเพราะเศรษฐกิจพัง กษัตริย์เดินกำตังค์ผ่านไปคืนเดียวเศรษฐกิจคึกคักกลับมาฟื้นตัวกันเลยจ้า แหม อยากให้มาเดินผ่านแถวบ้านเราจัง
.
และเพื่อนๆ คนไหนที่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจ้อจี้ที่แต่งขึ้นมาด้วยความโม้แหลกแจกโค้กให้มวยก็ต้องบอกว่าคิดผิดแล้วล่ะครับ เพราะหลักฐานอย่างดีที่ฟ้องให้เห็นถึงความรวยนี้คือ พี่แกถูกสลักเรื่องราวลงในแผนที่สำคัญของประศาสตร์ยุโรปอย่าง Catalan Atlas ด้วย
.
และแน่นอนว่าด้วยความใจบุญนี้ทุกเมืองที่แกผ่านไปก็ได้มีการสร้างพวกสถานที่เรียนรู้ ทั้งมหาวิทยาลัย รวมถึงสถานศึกษาของศาสนาต่างๆ เอาไว้มากมาย ที่เลื่องชื่อหน่อยก็เห็นจะเป็นมัสยิด Djinguereber นี่แหละ
.
หลังจาก King Musa Keita ขึ้นครองราชย์ใช้เงินใช้ทองกันแบบสุขกายสบายใจไปได้ 25 ปี ก็สวรรนคตไปในปี 1337 ฝากร่องรอยของการใช้เงินและความร่ำรวยระดับพระเจ้าเอาไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้อิจฉาตาร้อนผ่าว แค่ได้ฟังยังจินตนาการยากเลยนะว่าพี่แกรวยมากถึงขั้นไหนกันแน่
.
แล้วถ้าเป็นเราอ่ะ รวยขนาดนี้จะเอาเงินไปทำอะไรก่อนดี คอมเมนท์เข้ามาบอกกันทีนะ เดี๋ยวผมจะเข้าไปอ่านทุกอันแน่นอน!!!
แจกเงิน 500 หลบไป กษัตริย์รวยที่สุดในจักรวาล โปรยเงินเล่นตลอด 6,000 กิโล!!!
แจกเงิน 500 ว่าโหดแล้ว แจกเงิน 6,000 กิโลนี่โหดกว่า เชื่อว่าแทบทุกคนบนโลกนี้แหละที่อยากจะรวยล้นฟ้า มีเงินมีทองให้ใช้จ่ายได้แบบสุขสบาย ไม่งั้นเราคงไม่มานั่งทำงานหาเช้ากินค่ำกันแบบนี้หรอก จริงป่ะ ถ้ามีเงินสักหน่อยจะพาตัวเองไปเที่ยวเกาะ ขับเฟอร์รารี่ ซื้ออ่างอาบน้ำจากุชชี่ หรือซื้อบัตรจับมือ BNK สัก 30 40 ใบก็ยังได้ เหมือนอย่างเรื่องราวของกษัตริย์ที่เราจะพาไปรู้จักกันในวันนี้ ที่ได้ขึ้นชื่อว่ารวยล้นฟ้า ขนาดชนิดที่ว่า โปรยเงินเล่นได้ตลอดทางกว่า 6,000 กิโลแบบชิลๆ ก็คนมันเหลืออะค้าบบบ
.
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านสามารถดูคลิปแทนได้เลยน้าาา : )
.
โดยกษัตริย์คนนี้แกชื่อว่า King Mansa Musa เป็นกษัตริย์ของชาวแอฟริกา ซึ่งถูกขนานนามและยกย่องว่าให้เป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาลตลอดกาลแบบไม่มีทางล้มล้างได้ รวยชนิดที่ว่าซื้อประเทศได้แบบสบายๆ ไม่ต้องเขียนเช็ก เอาเงินสดพี่ไปได้เลย เพราะนิตยสารระดับโลกอย่าง Time เค้าได้มีการศึกษาเกี่ยวกับคนที่รวยที่สุดในโลกเนี่ยแหละครับ แล้วไปสะดุดพบเจอกับกษัตริย์รายนี้เข้า ซึ่งความรวยแบบเวอร์วังอลังการงานสร้างของเค้านี่แบบ Time ยังขอยอมแพ้ เพราะมันรวยมากจนระบุตัวเลขความรวยไม่ได้ จะใส่ 0 ตามหลังกี่ตัวก็ยังดูน้อยไป
.
ทั้งวอเรน บัฟเฟต ทั้งบิล เกตส์ หรืออีลอน มัสก์ หมาเศราฐีที่รวยที่สุดในโลกในสมัยนี้เรียกว่าเป็นเด็กๆ ไปได้เลย ซึ่งความรวยของ King Mansa Musa นั้นไม่ได้มาจากการค้าน้ำมันแบบเศรษฐีดูไบ ไม่ได้มาจากการค้ายาแบบปาโบล แต่มาจากทรัพย์สินในท้องพระคลังที่มันล้ำค่ามหาศาลแบบชนิดที่ว่า ไวเบรเนียม ในวากานด้า กลายเป็นเศษธุลีดินแบบเทียบไม่ติด
.
เพราะเค้าเป็นกษัตริย์ผู้ครอบครองจักรวรรดิ Mali ในช่วงศตวรรษที่ 14 ซึ่งในดินแดนของพี่แกดันมีเหมืองทองคำมหาศาลที่แบบเยอะมากๆๆๆๆ แถมไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงแย่งชิงได้อีกต่างหาก เพราะในยุคที่แกกำลังขึ้นครองราชย์เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองที่นับไม่ถ้วนเหล่านี้ รอบๆ ตัวพวกคนที่คิดจะแย่งชิงเค้าก็ไม่ได้มีเวลามาสนใจแกเท่าไหร่ เพราะฝ่ายยุโรปกำลังติดพันทำสงครางกลางเมืองกันอยู่ ทำให้แอฟริกาที่สงบสุขนี้ใช้จ่ายสิ่งต่างๆ ได้แบบสบายใจไม่ต้องกลัวจะมีใครรุกราน
.
และในช่วงที่แกปกครองอยู่เนี่ย ก็ได้มีการขยายขอบเขตดินแดนออกไปไกลมาก รุกรานซื้อพื้นที่ต่างๆ ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ทั้งเข้ายึดเมือง Timbuktu ทั้งวางฐานอำนาจไว้ในก Gao ซึ่งกินพื้นที่กว่า 2,000 ไมล์ หรือ คิดแบบภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆ คือ 3,200 กิโลเมตร หรือเท่ากับประเทศไทยทั้งประเทศ 2 อันวางต่อกัน โหดสัสรัสเซียโคลัมเบียร์พิกเจอร์จริงๆ ครับความรวยนี้
.
แต่อย่างว่าถ้าคนเราอยู่เฉยๆ แล้วรวยอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง มันจะไปดังได้ยังไง จริงป่ะ มันก็ต้องสร้างวีรกรรมให้โลกจดจำไม่รู้ลืมกันหน่อย โดยความรวยนี้ถูกเผยแพร่ออกมาสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกเมื่อตอนที่แกเดินทางมาแสงบุญเนี่ยแหละครับ ซึ่งตลอดระยะทางกว่า 6,400 กิโลเมตรสู่นครเมกกะเนี่ย แกไม่ได้เดินทอดน่องมาแบบชิลๆ แต่แกโปรยเงินมาด้วยตลอดทางเลย คือแจกเงินกันยับชนิดที่ว่า แจกเงิน 500 คสช กลายเป็นผงธุลีของความขี้ประติ๋วไปเลย แต่แกก็แจกเงินตัวเองนะ ไม่ได้เอาเงินประชาชนไปแจก อุ๊ปส์....
.
มาๆๆๆ กลับมาสู่เรื่องความรวยต่อ ก่อนจะโดนหิ้วช่องหิ้วเพจไป ซึ่งมันมีคนบันทึกการเดินทางครั้งนี้เอาไว้ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายเลยครับ เป็นหลักฐานความร่ำรวยแบบมหากาพย์ ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางที่ฟุ่มเฟือยที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์เลยดีกว่า เพราะพี่กษัตริย์คนนี้แกจ้างขบวนคาราวานเดินตามกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา หัวแถวอยู่ไทย ปลายแถวอยู่ไกลไปแมนฮัตตั้นอะไรประมาณนั้น
.
แถมยังมีทหารเดินตามกันไปอีกเป็นหมื่นๆ คน ไหนจะพวกประชาชนที่รอเก็บเงิน ไหนจะพวกทาสอีก แล้วทั้งขบวนนี่เต็มไปด้วยทองคำ อูฐเอิฐพี่แกจับเลี่ยมทองหมด นี่ถ้าเปลี่ยนจากอูฐเป็นรถนะรับรองมีแรปทองทั้งคันแน่ๆ
.
ซึ่งกว่าจะเดินแสงวงบุญได้ครบตามใจอยากก็ต้องผ่านเมืองนั้นเมืองนี้ ผ่านแต่ละทีก็เหมือนค่าผ่านทาง เพราะพี่แกแจกยับแบบไม่กลัวลูกหลานจะอดตาย ให้เงินทั้งคนยากจนในแต่ละเมืองแบบเสวยสุขกันได้สบายๆ จากที่เมือง Cairo ใกล้จะล่มจมเพราะเศรษฐกิจพัง กษัตริย์เดินกำตังค์ผ่านไปคืนเดียวเศรษฐกิจคึกคักกลับมาฟื้นตัวกันเลยจ้า แหม อยากให้มาเดินผ่านแถวบ้านเราจัง
.
และเพื่อนๆ คนไหนที่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจ้อจี้ที่แต่งขึ้นมาด้วยความโม้แหลกแจกโค้กให้มวยก็ต้องบอกว่าคิดผิดแล้วล่ะครับ เพราะหลักฐานอย่างดีที่ฟ้องให้เห็นถึงความรวยนี้คือ พี่แกถูกสลักเรื่องราวลงในแผนที่สำคัญของประศาสตร์ยุโรปอย่าง Catalan Atlas ด้วย
.
และแน่นอนว่าด้วยความใจบุญนี้ทุกเมืองที่แกผ่านไปก็ได้มีการสร้างพวกสถานที่เรียนรู้ ทั้งมหาวิทยาลัย รวมถึงสถานศึกษาของศาสนาต่างๆ เอาไว้มากมาย ที่เลื่องชื่อหน่อยก็เห็นจะเป็นมัสยิด Djinguereber นี่แหละ
.
หลังจาก King Musa Keita ขึ้นครองราชย์ใช้เงินใช้ทองกันแบบสุขกายสบายใจไปได้ 25 ปี ก็สวรรนคตไปในปี 1337 ฝากร่องรอยของการใช้เงินและความร่ำรวยระดับพระเจ้าเอาไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้อิจฉาตาร้อนผ่าว แค่ได้ฟังยังจินตนาการยากเลยนะว่าพี่แกรวยมากถึงขั้นไหนกันแน่
.
แล้วถ้าเป็นเราอ่ะ รวยขนาดนี้จะเอาเงินไปทำอะไรก่อนดี คอมเมนท์เข้ามาบอกกันทีนะ เดี๋ยวผมจะเข้าไปอ่านทุกอันแน่นอน!!!