ขอโทษที่จำเป็นต้องตั้งเป็นกระทู้คำถามค่ะ

แก้ไขการเว้นวรรคเนื่องจากเนื้อยาว แก้ไขเนื้อหาในกระทู้บางจุดและแก้ไขการใช้คำให้คล้องกันและเหมาะสม


      สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาเล่าเกี่ยวกับเรื่องการทำแท้งของตัวเจ้าของกระทู้เองค่ะ อาจจะลงรายละเอียดของช่วงแรกได้ไม่มากนักนะคะเนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานพอควร
 

      จขกท.เป็นลูกคนสุดท้องของที่บ้านนะคะ ขอเกริ่นก่อน ที่บ้านของจขกท. เรามีสังคมและความเป็นอยู่ของครอบครัวที่ปกติดีค่ะ ฐานะในบ้านอยู่ในรูปแบบชักหน้าไม่ถึงหลังบ่อยครั้ง
 

      เริ่มเลยคือจขกท.โดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆว่าการทำแท้งนั้นเป็นการทำบาปหนักถือเป็นการพรากชีวิตผู้อื่นโดยที่เขาไม่มีความผิดและไม่รู้เรื่องอะไร
ที่บ้านเป็นลูกผู้หญิงกันหมดเลย แม่ของจขกท.มีลูกก่อนหน้านี้ 2 คนแต่ทำแท้งไปทั้งคู่โดยที่จขกท.ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจนกระทั่งโต และอีก 1 คนเป็นเพศชายแต่ครั้งนี้แม่ไม่ทราบว่าตัวเองกำลังตั้งท้องเนื่องจากอายุที่มากแล้วท่านเลยคิดว่าอาจจะใกล้หมดประจำเดือนเนื่องจากมีเลือดแต่ว่าน้อยมาก จึงได้กินยาสตรีได้น่าจะไม่ถึง 1 สัปดาห์ อยู่ๆวันหนึ่งก็ทรุดไปจนตรวจเจอว่าท้องแต่น้องไม่สามารถอยู่ได้แล้วจึงขูดมดลูกและพักพื้นที่รพ. 1 วัน พ่อกับแม่ค่อนข้างเสียใจพอสมควรเนื่องจากท่านอยากมีลูกชายกันมากค่ะ


      จขกท.ก็ใช้ชีวิตอยู่ปกติทั่วไปเหมือนกับหลายๆคนค่อยๆโตขึ้นมีเพื่อนมีสังคมและเริ่มมีแฟนปกติ
จุดเปลี่ยนอยู่ที่ว่าม.ปลายจขกท.ได้คบกับผู้ชายคนหนึ่งและจขกท.ก็พลาดท้อง ด้วยความชะล่าใจและไม่รอบคอบของตัวเองทั้งๆที่เป็นหลักง่ายๆที่ควรคำนึงถึงตลอดว่าไม่มีอะไรคุมกำเนิดได้ 100% จึงพลาดท้องค่ะ
ตอนนั้นจขกท.ฉีดยาคุมเพิ่งฉีดได้ประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งคุณหมอท่านก็ได้แจ้งว่าการฉีดยาคุมนั้นจะทำให้ประจำเดือนน้อยมากหรือไม่มาเลยนะ และจขกท.อยู่ในกรณีที่สองค่ะ คือประจำเดือนหายไปเลยหลังฉีดยาคุม
และระหว่างที่ท้องไม่มีอาการใดๆที่ทำให้รู้สึกเลยว่ากำลังท้องในตอนนั้นและยาคุมถึงกำเนิดฉีดอีกครั้งใน 2 เดือนหน้า
แต่ถ้าคิดย้อนกลับไปจากตอนนี้ก็พอจับผิดตัวเองตอนนั้นได้หลายอาการ
ตั้งแต่เด็กๆจขกท.เป็นคนเมารถเมาเรือหนักมากค่ะยาอะไรก็เอาไม่อยู่ ตอนที่ท้องตอนนั้นจะอาเจียนเฉพาะตอนนั่งรถแต่อาจจะมากและบ่อยกว่าเดิมหน่อย หลักๆเลยจะมีแค่เรื่องอารมณ์ที่ขึ้นลงเหมือนรถไฟเหาะ แต่ก็ยังเฉยๆเรื่องจากเจอเรื่องเครียดกับการสอบและเรียนในช่วงนั้นและประจำเดือนไม่มาก็ไม่ได้เอะใจค่ะเพราะที่หมอได้บอกไว้ตอนนั้น


      จขกท.ทราบว่าตัวเองท้องตอนที่แม่ทักค่ะ
วันนั้นจำได้แม่นเลยว่าแม่ท่านถามว่า มีอะไรกับแฟนรึยัง? จขกท.ตกใจมากค่ะแต่ก็ให้คำตอบท่านไปตามตรง ท่านเลยถามอีกว่าเคยตรวจท้องไหม? เราก็ตอบไป จนสุดท้ายของการคุยมีประโยคหนึ่งที่สะเทือนใจจขกท.มากคือแม่พูดว่า ถ้าท้องให้รีบบอก ถ้าท้องกูไม่เอาลูกไว้แน่
ในตอนที่แม่พูดนั้นรู้สึกเสียใจและตกใจกับแม่ของตัวเองมากค่ะ คล้ายกับการที่เราอยู่กับคนๆหนึ่งทุกวันแต่เพิ่งจะรู้จักเขาเอาวันนี้ เราทราบว่าท่านเคยผ่านเรื่องการทำแท้งมาแต่เราไม่คิดว่าท่านจะแสดงออกมาเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติ
ตัวจขกท.เริ่มเอะใจแล้วนะคะ เลยแอบแม่ตรวจค่ะและก็เจอว่าท้องจริงๆ ตอนนั้นมือไม้สั่น ร้องไห้เงียบๆและคุยแต่กับเพื่อนที่ไว้ใจได้จริงๆเท่านั้นเลยค่ะ ไม่แสดงอาการหรือปริปากบอกใครเลยสักนิด
 

      ถ้ามีใครที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วบังเอิญมาเจอกระทู้นี้คงจะพอเข้าใจในจุดนั้นตอนที่ทุกอย่างมันตีกันไปหมดทั้งหลักความถูกต้องและสถานการณ์ในชีวิตจริง ไม่รู้จะหันหน้าไปบอกกับใคร และไม่กล้าบอกพี่สาวของตัวเอง ไม่คิดที่จะบอกแม่ได้แต่เก็บคิดคนเดียวเงียบๆและบอกแฟน ไม่รู้ว่าควรขอบคุณเหตุการณ์ร้ายๆในตอนนั้นดีไหมเพราะในตอนนั้นทำให้เห็นตัวตนความคิดของเขาจริงๆทั้งๆที่ก็คบกันได้ปีกว่า เป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ตกใจในคำพูดแม่วันที่แม่ถามเลยค่ะ เขาแสดงอาการและคำพูดออกมาค่อนข้างชัดว่าไม่โอเคและไม่อยากรับตรงนี้
 
      จขกท.เข้าพันทิปบ่อยมากๆในหัวข้อเกี่ยวกับการทำแท้ง ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นต่อเรื่องการทำแท้งหรือชีวิตหลังการทำแท้งและอีกมากมาย คิดกับตัวเองอยู่นานทั้งตอนนั้นที่กดดันมากๆด้วยเพราะความคิดมากของตัวเองที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เคยเว้นได้สักวินาที แม่ที่กดดันเราเข้ามาเรื่อยๆเพื่อต้องการสังเกตเราว่าเราเป็นอะไร
จขกท.ตัดสินใจทำแท้งในอายุครรภ์ 4 เดือนปลายด้วยเหตุผลจากการประเมินตัวเองและคนที่เกี่ยวข้อง ประเมินแฟน และจากคำพูดของแม่ในวันนั้น

      ประเมินตัว เนื่องจากเป็นโรคซึมเศร้าตลอดหลายปีเข้าขั้นหนักสาเหตุจากครอบครัวเป็นหลักค่ะและไม่ได้รับความร่วมมือจากทางบ้านในการรักษา

      ประเมินคนรอบข้าง หากมาถึงตรงนี้จากการที่อ่านจุดแรกมาแล้วหลายท่านคงเข้าใจ แต่จขกท.ขอไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับความคิด นิสัยและทัศนคติของคนในครอบครัวค่ะ เรารู้เพียงว่าเราคงรับไม่ได้หากตัวเราแย่แล้วไปพาลแย่ใส่เด็ก ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อเขาเกิดมาเจอคนไล่ มีคนดูถูก

     ประเมินแฟนในตอนนั้น ตั้งแต่ในตอนแรกที่เขาได้รู้และระหว่างคุยแก้ไขปัญหาทำให้เราได้เห็นเขาที่เป็นเขาจริงๆและเราตัดสินใจแล้วว่าคนนี้ต้องปล่อยไปอย่าอยู่กัคนที่บั่นทอนจิตใจเรา สุขภาพจิตเรา และมีแต่คำพูดมาทำร้ายจิตใจเราเลยค่ะ

     จากคำพูดของแม่ จากคำพูดของแม่ที่พูดกับเราในวันที่ท่านถามเราค่ะ
 
      และสังคมค่ะ ทั้งการที่เรารู้แล้วว่าเรานั้นไม่สามารถหาสังคมที่ดีและปลอดภัยพอให้เด็กได้ทั้งมีข่าวที่เด็กๆผู้หญิงโดนข่มขืน แม้กระทั่งเด็กประถมที่หลอกข่มขืนเพื่อนหรือน้องอนุบาลในรร.เดียวกัน ทั้งยังกลัวว่าลูกของตัวเองจะเป็นเจ้าตัวร้ายของคนรอบข้างซะเองสังคมที่โหดร้ายมากขึ้นในทุกวันทำให้คิดได้ว่าหากไม่มีความพร้อมที่มากพอจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเหยื่อของสังคมกลุ่มแย่ๆหรือเป็นภัยต่อคนอื่นก็ไม่ดีทั้งนั้น

 
      จขกท.ทำแท้งโดยการสั่งยาจากในเน็ตที่อ้างว่าเป็นคลินิกของแพทย์นั้น แพทย์นี้ ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ผิดมากนะคะ ไม่ควรเลยจริงๆนอกจากเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดแล้วยังเสี่ยงต่อชีวิตตัวเองมากๆ หากใครที่ไม่สามารถหาทางออกได้จริงๆแนะนำให้โทรไปสายด่วน 1663 นะคะ เจ้าหน้าที่จะช่วยแนะนำ ให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการท้องไม่พร้อมได้ดีมากๆและหากใครต้องการยุติการตั้งครรภ์จนท.จะมีคลินิกยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยแนะนำให้ด้วยนะคะ ไม่อยากให้คิดแก้ปัญหาเองแบบจขกท.นะคะ


      ตอนนั้นจำได้ว่าทรมานมากค่ะก่อนที่เด็กจะออกมา จขกท.ตื่นเพราะปวดท้องตั้งแต่ตี 1 กว่าๆและเด็กออกมาในตอนเช้าของถัดมา เป็นวันที่ 19 ส.ค ×× ตลอดช่วงระยะเวลานี้คนที่ทราบมีเพียงแฟนในตอนนั้น ตัวจขกท.เองและเพื่อนบางคนเท่านั้น หลังจากนั้นตัวจขกท.เองก็จมอยู่กับความเศร้า ความรู้ผิดและอีกหลายๆความรู้สึกด้านลบมากมาก

  
      หลังจากทำแท้งได้ประมาณ 3 เดือนจขกท.ตัดสินใจบอกเลิกแฟนไป วันนั้นเสียใจนะคะ ร้องไห้หนักมากด้วยเพราะความผูกพัน ด้วยตัวจขกท.เองไม่เคยคบใครนานขนาดนั้นมันเหมือนมีอะไรขาดหายไป โหวงๆ  แต่หลังจากเลิกไป เรามีสติแล้ว 


      ผ่านมานานมากแล้ว ระหว่างนี้จขกท.ได้พบกับสามีและตั้งท้องอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกครั้งแม้ว่าจะทานยาคุมกำเนิด แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจแต่ตอนที่รู้จขกท.กับสามีทั้งตกใจและดีใจ แต่ระหว่างนั้นจขกท.มีเหตุที่ต้องยุติการตั้งครรภ์ลง
จขกท.ก็คุยกับสามีและเลือกใช้วิธีการเหน็บยาเมื่อได้รับยามาน้องออกไปในวันที่ 2× ธ.ค ×× น้องก็ได้จากเราไป เป็นการแท้งครบสมบูรณ์ไม่ต้องขูดมดลูก


      กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาได้เพียงแต่ไม่กี่อาทิตย์นี้ปัจจุบันยังรู้สึกโหวงๆในใจยังตัดไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็นแต่เราก็ไม่อยากให้เขาที่อยู่โลกของเขาแล้วในตอนนี้ห่วงเราจนไปไหนไม่ได้ แต่เราหยุดคิดไม่ได้ว่าหากมาหรือไปด้วยการตัดสินใจของเรา ตัวเราเองนั้นได้ทำแท้งถึง 2 ครั้ง


     สำหรับคนที่อยากทราบว่าชีวิตหลังการทำแท้งเป็นยังไงจขกท.ขอตอบว่าปกติค่ะ ปกติในที่นี้คือจขกท.มีช่วงทุกข์ มีช่วงสุข และหมายถึงจขกท.พยายามลุกขึ้นเดินหน้าต่อจากวันนั้นมาถึงวันนี้ได้เพราะการเรียนรู้ที่จะรักตัวเองและอีกมายมาย แต่ยังหลุดจากความรู้สึกผิดและอดไม่ได้ที่จะโทษตัวเองในหลายครั้งแต่จะพยายามบอกตัวเองเสมอว่าให้มีสติ


     ในหลักศาสนาในมุมความคิดของตัวจขกท.มองว่าเมื่อเจอเรื่องทุกข์จขกท.ไม่คิดโทษเด็กค่ะ เขาไม่รู้เรื่องของเขามาตั้งแต่เริ่มแล้วอยู่แล้ว อย่าไปโทษว่าเป็นเพราะเขาแค้นหรืออะไร เขาได้อยู่ในส่วนของเขาแล้วหลังจากออกจากเราไป
เวรกรรม จขกท.เชื่อว่ามีจริงจากการกระทำของเราค่ะ
เมื่อจขกท.เจอเรื่องทุกข์จขกท.มองว่ามันเกิดจากการกระทำของเราเอง มีเหตุก็ต้องมีผลตามมาถือเป็นเรื่องปกติของชีวิตด้วยค่ะ ไม่ได้ไปคิดว่าเพราะมีเด็กหรือสิ่งใดมาแกล้ง

      จขกท.ก็ยังพยายามทำบุญเพื่อความสบายใจและเพื่อส่งผลบุญไปถึงเด็กทั้งสองด้วยเช่นกันค่ะ จขกท.คงอธิบายเกี่ยวกับตรงนี้เพื่อให้หลายคนเข้าใจได้ไม่มากนักเนื่องจากเพิ่งเริ่มศึกษาได้ไม่นานแต่เมื่อจขกท.ได้ศึกษาดูจึงทำให้รู้ได้ว่าตัวจขกท.เองนั้นเมื่อทุกข์ก็ยังคิดวนตอกย้ำตัวเองให้ทุกข์อีก เมื่อเชื่อก็ตอกย้ำตัวเองให้เชื่ออีกหลายคนถึงขั้นงมงายจนส่งผลให้เกิดทุกข์ ทำให้ไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้

 
      อาจไม่ได้ไปวัดเป็นประจำ แต่จขกท.ได้ศึกษาวิธีการทำบุญเพิ่มเติมจากการที่อ่านพันทิปหัวข้อการทำแท้งในช่วงที่รู้สึกผิดบาปในใจและเสียใจมาก ก็ได้เจอกับคอมเม้นของท่านหนึ่งที่ได้เผยแพร่การทำบุญอย่างเข้าใจง่าย ขอแนะนำทุกคนต่อนะคะ


อานิสงค์ ของการสร้างบุญบารมี ( ทาน, ศีล, ภาวนา )

http://www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm


      ไม่ได้แฝงอะไรมานะคะแต่จขกท.อ่านแล้วรู้สึกเข้าใจอะไรมากขึ้นเกี่ยวกับศาสนาของเราจากที่เคยเข้าใจไปเองแบบผิดๆบ่อยๆเลยอยากให้หลายๆคนที่อาจจะคล้ายกับจขกท.ลองอ่านดูค่ะ


      หากเมื่อไหร่ที่ได้พลาดแล้วอยากให้ทุกคนมีสติ ค่อยๆคิดแนวทางต่างๆอย่างรอบคอบให้เวลากับตัวเองสักนิดเพราะสำหรับจขกท.นั้นเรื่องนี้ช่วยให้ย้ำให้จขกท.คิดได้ว่าเมื่อเราตัดสินใจอะไรไปแล้วเราเอากลับคืนมาไม่ได้ประเมินตัวเองอย่างมีสติว่าตัวเองนั้นสามารถไปต่อกับการเลี้ยงดูได้มากน้อยแค่ไหน


แต่เหนือสิ่งอื่นใดอยากให้คำนึงถึงการป้องกันเพื่อไม่ให้พลาดพลั้งมากที่สุดค่ะโดยเฉพาะเด็กๆวัยรุ่นในยุคที่โซเชียลเข้าถึงได้อย่างง่ายดายมากๆแบบนี้คิดถึงผลในระยะยาวกันให้มากๆนะคะ

 

      สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าผู้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดมีประสงค์ให้หลายคนที่เข้ามาอ่านได้ข้อคิดจากเรื่องที่ข้าพเจ้าได้บอกเล่าไป หากเป็นบุญเป็นกุศลขอให้บุญขอให้กุศลทั้งหมดจากการบอกเล่าครั้งนี้ข้าพเจ้าขออุทิศให้กับเด็กทั้งสองที่ข้าพเจ้าได้เบียดเบียนชีวิตไป ให้เด็กที่ข้าพเจ้าเบียดเบียนชีวิตไปนั้นขอให้พวกเขาได้อยู่ในส่วนของพวกเขาแบบสบาย
หากเมื่อถึงคราได้เกิดข้าพเจ้าขอให้พวกเขาได้เกิดในครอบครัวที่มีความพร้อมทั้งสังคม ฐานะ ความรัก เวลา ความรับผิดชอบ ขอเชิญเด็กทั้งสองและทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญนี้ด้วยกันนะคะ ขอบคุณทุกท่านค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่