มีเหตุการณ์นึงเกิดขึ้นกับตัวหนูเองโดยตรงค่ะ หนูเป็นนักเรียน กศน.ชั้นม.ปลายค่ะ ที่ที่หนูเรียนจะแบ่งเป็น2ระดับ มีระดับ ม.ต้น กับ ม.ปลายค่ะ เมื่อก่อนจะมีประถมด้วย เข้าเรื่องเลยนะคะ หนูเรียนจบชั้นม.3ในโรงเรียนสายสามัญมาค่ะ เริ่มเรียนต่อม.4 แต่เรียนไม่จบเพราะตอนม.4 แม่อนุญาตให้ขับรถไปรร.เอง เลยมีการถเลถไลบ้าง กลับบ้านค่อนข้างมืดในบ้างวัน จนทะเลาะกับแม่ค่อนข้างหนูเลยตัดสินใจออกรร.ค่ะ แล้วหลังจากแม่ก็พามาสมัครเรียน กศน.แทน เรียนเทอมเเรกเทอมสองก็ปกติไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ แต่มาเทอมที่สาม มีงานแข่งกีฬาสี กศน.ขึ้น แล้วก็ต้องมีการคัดนักกีฬากับคนเดินพาเหรดใช่มั้ยค่ะ อยู่ๆครู ก.(ขอแทนคุณครูที่สอนว่า ครู ก.นะคะ)ก็ไลน์มาบอกครูกับเพื่อนๆอีกหลายคนว่าให้ไปที่ กศน.อำเภอ ในวันนี้ เวลานี้น่ะ แต่ไม่บอกว่าให้ไปทำอะไร พอถามก็บอกว่า ให้ไปก่อน หนูก็ไปค่ะ พอไปถึงก็มีเด็กกศน.อื่นอยู่หลายคน สรุปคือเค้าคัดคนเดินพาเหรดกันค่ะ หนูก็ได้เป็นคนถือของดีประจำตำบลแบบงงๆ แล้วเค้าก็ให้ไปวัดชุดวัดตัวอะไรเสร็จก็ให้กลับบ้าน พอกลับบ้านมาหนูก็มาบอกแม่ว่าครูให้ไปเดินพาเหรดค่าชุดกับค่าแต่งหน้าประมาณ 1500-2000 สำหรับชุดของหนู (ราคาไม่เท่ากันนะคะบางคนอาจแพงหรือถูกกว่าแล้วแต่ชุด) มีงบ กศน.ออกให้คนล่ะประมาณ500ค่ะ ซึ่งสำหรับหนูว่ามันแพงมากเลยค่ะสำหรับคนที่ยังขอเงินแม่อยู่อีกอย่างไม่ได้อยากทำด้วยค่ะ ถูกมัดมือชก (ร้องให้) นี้แหละน่าาาา ที่เค้าบอกว่าของที่อยากได้ถึงไม่จำเป็นแพงก็นี้ก็จ่ายได้ แหะๆ สรุปหนูไม่อยากเดิน แล้วแม่ก็ไม่อยากให้เดินเหมือนกันค่ะ พอวันเปิดเรียนหนูก็ไปบอกครูว่า ไม่เดินได้มั้ยค่ะ ครูก.ก็บอกว่าไม่ได้ วัดชุดอะไรเสร็จหมดแล้ว (ไรแว้ ก็มัดมือชกกันนี้น่าาา ) หนูก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วกลับมานั่งเรียน พอกลับบ้านมาก็บอกแม่ว่า ต้องเดินเพราะครูว่าวัดชุดเสร็จแล้ว เเม่ : เดินพลือ เป็นภูมิเเพ้ (อันนี้เนื่องจากถ้าเดินต้องแต่งหน้าตั้งแต่22:00 ของก่อนวันที่จะเดินเพราะทุกกศน.ตำบลจะมาแต่งที่เดียวกันคนเลยเยอะกลัวแต่งไม่ทัน เหมาช่างมาคนเดียวมั้งเนาะ แต่งซะข้ามวันเชียว แต่งเสร็จก็นั่งรถไปตั้งแถวเดินที่กศน.จังหวัดเดินทางอย่างต่ำก็2ชม.กว่า ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่ได้พักผ่อนเลย สำหรับคนเป็นภูมิแพ้เเบบหนูทำอย่างนั้นไม่ได้แน่นอนค่ะ ภูมิต้านทานจะต่ำ ไปเดินตากแดดอีกอาจล้มป่วยได้เลย แม่เป็นห่วงเรื่องนี้เลยไม่อยากให้เดินค่ะ)
หนู: นุ้ยกะไม่ใช่อยากเดิน แต่งหน้าตั้งแต่ตั้งแต่หัวค่ำ แต่งเสร็จต้องขับรถไป.....เล่า เมารถตาย (เป็นคนเมารถหนักมากนั่งไปไหนไกลๆจะอ้วกตลอด ทรมานเว่อร์)
แม่: ก็ไม่ต้องเดิน เอาเหอะ แม่ไปแหลงให้
หนู: เติ่นรู้เออะว่าครูก.คนไหน
แม่: เดียวค่อยไปดมๆเอา
แล้วเรื่องไม่เป็นเรื่องก็มาจากตรงนี้แหละ แม่ไปที่กศน.แต่ไม่พบครูก. ก็เลยฝากครูส.ไปบอกแทนว่า ลูกฉันเดินไม่ได้ เป็นภูมิแพ้ ถูกฝุ่นนิดนึงก็ไอก็จามแล้วส่วนเรื่องเงินถึงช่วงนี้ไม่มีก็หาให้ได้แต่ไม่อยากให้เดินเพราะลูกเป็นภูมิแพ้ แม่พูดคล้ายๆทำนองนี้ค่ะ สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปเดิน จนวันที่เราไปเรียน ครูก.ดูเหมือนจะไม่พอใจ เลยมาพูดกับเราทำนองว่า เป็นภูมิแพ้เหรอ เห็นแม่ฝากครูส.มาบอกครู แม่เธอว่าเงินเเค่นั้นหาได้แหละแต่ไม่อยากให้เดินเพราะลูกเป็นภูมิแพ้ แกก็พูดเสียงดังๆทำเสียงตัดพ้อต่างๆนา หนูก็เลยตอบไปว่าค่ะ
ครูก.:เออนั้นแหละเห็นแม่เธอมาว่าครู แล้วทำไมไม่บอกว่าเป็นภูมิแพ้ เห็นว่าไปใช้เธอให้ทำนู้นทำนี้ถูกฝุ่น เธอทำไม่ได้เหรอ(อันนี้มาทราบที่หลังว่าแม่พูดแต่ไม่ได้พูดแบบนี้ พูดแค่ว่าบางทีครูใช้ให้ทำอะไรพวกนี้เราก็ไม่กล้าบอกว่าทำไม่ได้ ถ้าฝุ่นไม่เยอะเราก็ทำได้ค่ะ แม่อาจจะพูดเกินจริงหรือหนูอาจจะมาเล่าแม่แล้วสื่อสารไม่ตรงกันก็ได้ อันนี้ผิดเอง)
หนูก็เงียบไม่พูดอะไรต่อเพราะพูดน้อยกับคนไม่สนิทอยู่แล้ว ส่วนครูก.แกก็พูดของแกไปค่ะเกินจริงบ้างตรงบ้างหนูก็เฉยๆ แต่แม่ไม่ชอบตรงประโยคที่พูดเหมือนกล่าวหาว่าแม่หนูพอได้(เป็นคนใต้ค่ะพอได้ความหมายคล้ายๆอวดเบ่ง หยิ่ง พูดจากดูอวดๆข่มคนอื่นประมานนี้ค่ะ ไม่ใช่พอได้ พอแข้นได้ ที่หมายความว่าพอใช้ อะไรแบบนี้นะคะ จะใช้ต่างกันต้องดูประโยคอื่นๆประกอบด้วยค่ะ) แกพูดว่า "ตางค์เท่านั้นหาได้แหละ แต่ไม่อยากให้ลูกเดิน ลูกเป็นภูมิแพ้" แกจะเน้นตรงภูมิแพ้นี้เป็นพิเศษค่ะ แกจะพูดเรื่องนี้อยู่บ่อยๆทั้งต่อหน้าและลับหลัง(เพื่อนที่เรียนคนล่ะวันกับหนูได้ยินเลยเอามาบอกค่ะ ว่าวันที่ม.ต้นมาเรียนแกก็พูดพูดแรงกว่านี้อีก) หนูก็ฟังแบบเงียบๆมาตลอด จนตอนนี้หนูเรียนเทอมที่5แล้วค่ะ (ปกติจะเรียน4เทอมก็ได้วุฒิค่ะ แต่หนูมีเหตุขัดข้องนิดหน่อยเลยจบเทอมที่5)ระยะเวลา7-8เดือนที่ทุกครั้งที่เห็นหนูแกจะพูดเรื่องขึ้นมาตลอด จนมีเหตุการณ์ที่หนูเหมือนจะไม่ไหวแล้วหนูต้องระบายออกมาบ้าง ที่ๆเลือกก็คือพันทิปนี้แหละค่ะ เมื่อวันที่3 ที่ผ่านมาแกได้มีการแซะหนักกว่าทุกครั้ง เนื่องจากเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายและกิจกรรมหนูยังเหลืออีกประมาณ 80ชม.(จาก200ชม.) แกก็เลยให้หนูจะชั้นว่างหนังสือกับกวาดห้องเรียนทุกครั้งที่มาเรียน แกจะให้ครั้งล่ะ5ชม. แต่ก็ไม่วายพูดเรื่องเดิม
ครูก.: ทำได้แหละน่ะ ไม่เป็นไรไช่มั้ยเรื่องภูมิแพ้ ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรครูไม่ได้บังคับ (น้ำเสียงและท่าทางถ้าหนูไม่คิดไปเองคือหาเรื่องชัดๆเลยค่ะ) หนูก็ทำค่ะ ระหว่างที่แกทิ้งนักเรียนและออกไปกินข้าวพักใหญ่หนูทำจนเสร็จ พอแกมาก็พูดอะไรนิดหน่อย แล้วปล่อยนักเรียนกลับ ก่อนหน้านั้นก็มีการแซะเบาๆโดยการใช้ให้พี่คนนึงจัดของหรือหาของนี้แหละ แล้วก็ต่อด้วยประโยคที่ว่า "ทำได้แหละน่ะ ไม่เป็นภูมิแพ้ใช่มั้ย"
oh my พระเจ้า จี๊ดเลยน๊าาครูน๊าาา โมโหค่ะ อารมณ์ตอนนั้น แต่ก็ทำเหมือนเดิมนั่งฟังเงียบๆ พอเด็กกลับจะหมด หนูก็บอกแกว่า จัดเสร็จแล้วค่ะ แกก็ปลายตามอง แล้วพูดว่า"แบบนี้ครูไม่เอา หนังสือยังล้มอยู่" ทำไงล่ะค่ะต้องจัดใหม่สิค่ะคุณ หนังสือไม่เต็มช่อง น้ำก็ท่วมหนังสือ หนังสือก็เลยพองจะให้มันตรงยังใงล๊าค๊าาา(กรีดร้องในใจ) จัดสักพักก็เสร็จ ระหว่างจัดก็เหมือนเดิมคุยกับป้าๆที่มาเรียนแล้วยังไม่กลับด้วยเรื่องของหนู สนุกสนานน้ำเสียงคิกคักมีความสุข สำหรับคนที่โดนไม่ได้มีความสุขเลยคุณป้าค่า คุณป้าก็มีลูกนี้น่า ถ้าลูกโดนแบบนี้บ้างล่ะ เห้อ!! พอจัดเสร็จก็ไปเรียกแกค่ะ แต่แกไม่ได้ยิน หรือแกล้งไม่ได้ยิน? พอยืนรอสักพักแฟนทนไม่ไหวเลยเรียกให้ แกก็หันมา หนูก็บอกว่าจัดเสร็จแล้ว "นั้น เสร็จแล้วเหรอ" แกพูด "ค่ะ" ตอบแค่นั้นแล้วหนูก็เดินไปที่รถกลับบ้านเลย ทนจะไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ หนูรู้ไม่รู้หนูผิดอะไรหนัก ถึงต้องทำขนาดนี้ เทอมที่แล้วก็เกรดลดเยอะมากทั้งๆที่งานก็ส่งครบ บางทีเรื่องนี้หนูอาจคิดไปเองแค่เรื่องอื่นๆ ไม่ได้คิดไปเองแน่นอนค่ะ พี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิปช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยค่ะ ว่าหนูควรทำยังใง หรืออ่านเรื่องทั้งหมดเห็นว่าหนูผิดตรงไหน ช่วยบอกหน่อยก็ได้ค่ะ เพราะอย่างน้อยถ้าหนูผิดจริงๆ ก็อาจจะทำใจยอมรับและอดทนกับมันได้ดีกว่านี้ค่ะ แล้วอีกอย่างหนูก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอาจจะมีทำผิดหรืออะไรไปบ้างแต่คงคิดว่ามันถูกอยู่ก็รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหนูจริงๆค่ะ (พิมพ์ตกหรือพิมพ์ผิดยังใงขออภัยด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่านมารับฟัง มาคอมเม้น หรือให้คำแนะนำล่วงหน้านะคะ สวัสดีค่ะ กราบบบ)
คนแบบนี้เหมาะสมที่จะเป็นครูมั้ยค่ะ??
หนู: นุ้ยกะไม่ใช่อยากเดิน แต่งหน้าตั้งแต่ตั้งแต่หัวค่ำ แต่งเสร็จต้องขับรถไป.....เล่า เมารถตาย (เป็นคนเมารถหนักมากนั่งไปไหนไกลๆจะอ้วกตลอด ทรมานเว่อร์)
แม่: ก็ไม่ต้องเดิน เอาเหอะ แม่ไปแหลงให้
หนู: เติ่นรู้เออะว่าครูก.คนไหน
แม่: เดียวค่อยไปดมๆเอา
แล้วเรื่องไม่เป็นเรื่องก็มาจากตรงนี้แหละ แม่ไปที่กศน.แต่ไม่พบครูก. ก็เลยฝากครูส.ไปบอกแทนว่า ลูกฉันเดินไม่ได้ เป็นภูมิแพ้ ถูกฝุ่นนิดนึงก็ไอก็จามแล้วส่วนเรื่องเงินถึงช่วงนี้ไม่มีก็หาให้ได้แต่ไม่อยากให้เดินเพราะลูกเป็นภูมิแพ้ แม่พูดคล้ายๆทำนองนี้ค่ะ สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปเดิน จนวันที่เราไปเรียน ครูก.ดูเหมือนจะไม่พอใจ เลยมาพูดกับเราทำนองว่า เป็นภูมิแพ้เหรอ เห็นแม่ฝากครูส.มาบอกครู แม่เธอว่าเงินเเค่นั้นหาได้แหละแต่ไม่อยากให้เดินเพราะลูกเป็นภูมิแพ้ แกก็พูดเสียงดังๆทำเสียงตัดพ้อต่างๆนา หนูก็เลยตอบไปว่าค่ะ
ครูก.:เออนั้นแหละเห็นแม่เธอมาว่าครู แล้วทำไมไม่บอกว่าเป็นภูมิแพ้ เห็นว่าไปใช้เธอให้ทำนู้นทำนี้ถูกฝุ่น เธอทำไม่ได้เหรอ(อันนี้มาทราบที่หลังว่าแม่พูดแต่ไม่ได้พูดแบบนี้ พูดแค่ว่าบางทีครูใช้ให้ทำอะไรพวกนี้เราก็ไม่กล้าบอกว่าทำไม่ได้ ถ้าฝุ่นไม่เยอะเราก็ทำได้ค่ะ แม่อาจจะพูดเกินจริงหรือหนูอาจจะมาเล่าแม่แล้วสื่อสารไม่ตรงกันก็ได้ อันนี้ผิดเอง)
หนูก็เงียบไม่พูดอะไรต่อเพราะพูดน้อยกับคนไม่สนิทอยู่แล้ว ส่วนครูก.แกก็พูดของแกไปค่ะเกินจริงบ้างตรงบ้างหนูก็เฉยๆ แต่แม่ไม่ชอบตรงประโยคที่พูดเหมือนกล่าวหาว่าแม่หนูพอได้(เป็นคนใต้ค่ะพอได้ความหมายคล้ายๆอวดเบ่ง หยิ่ง พูดจากดูอวดๆข่มคนอื่นประมานนี้ค่ะ ไม่ใช่พอได้ พอแข้นได้ ที่หมายความว่าพอใช้ อะไรแบบนี้นะคะ จะใช้ต่างกันต้องดูประโยคอื่นๆประกอบด้วยค่ะ) แกพูดว่า "ตางค์เท่านั้นหาได้แหละ แต่ไม่อยากให้ลูกเดิน ลูกเป็นภูมิแพ้" แกจะเน้นตรงภูมิแพ้นี้เป็นพิเศษค่ะ แกจะพูดเรื่องนี้อยู่บ่อยๆทั้งต่อหน้าและลับหลัง(เพื่อนที่เรียนคนล่ะวันกับหนูได้ยินเลยเอามาบอกค่ะ ว่าวันที่ม.ต้นมาเรียนแกก็พูดพูดแรงกว่านี้อีก) หนูก็ฟังแบบเงียบๆมาตลอด จนตอนนี้หนูเรียนเทอมที่5แล้วค่ะ (ปกติจะเรียน4เทอมก็ได้วุฒิค่ะ แต่หนูมีเหตุขัดข้องนิดหน่อยเลยจบเทอมที่5)ระยะเวลา7-8เดือนที่ทุกครั้งที่เห็นหนูแกจะพูดเรื่องขึ้นมาตลอด จนมีเหตุการณ์ที่หนูเหมือนจะไม่ไหวแล้วหนูต้องระบายออกมาบ้าง ที่ๆเลือกก็คือพันทิปนี้แหละค่ะ เมื่อวันที่3 ที่ผ่านมาแกได้มีการแซะหนักกว่าทุกครั้ง เนื่องจากเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายและกิจกรรมหนูยังเหลืออีกประมาณ 80ชม.(จาก200ชม.) แกก็เลยให้หนูจะชั้นว่างหนังสือกับกวาดห้องเรียนทุกครั้งที่มาเรียน แกจะให้ครั้งล่ะ5ชม. แต่ก็ไม่วายพูดเรื่องเดิม
ครูก.: ทำได้แหละน่ะ ไม่เป็นไรไช่มั้ยเรื่องภูมิแพ้ ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรครูไม่ได้บังคับ (น้ำเสียงและท่าทางถ้าหนูไม่คิดไปเองคือหาเรื่องชัดๆเลยค่ะ) หนูก็ทำค่ะ ระหว่างที่แกทิ้งนักเรียนและออกไปกินข้าวพักใหญ่หนูทำจนเสร็จ พอแกมาก็พูดอะไรนิดหน่อย แล้วปล่อยนักเรียนกลับ ก่อนหน้านั้นก็มีการแซะเบาๆโดยการใช้ให้พี่คนนึงจัดของหรือหาของนี้แหละ แล้วก็ต่อด้วยประโยคที่ว่า "ทำได้แหละน่ะ ไม่เป็นภูมิแพ้ใช่มั้ย"
oh my พระเจ้า จี๊ดเลยน๊าาครูน๊าาา โมโหค่ะ อารมณ์ตอนนั้น แต่ก็ทำเหมือนเดิมนั่งฟังเงียบๆ พอเด็กกลับจะหมด หนูก็บอกแกว่า จัดเสร็จแล้วค่ะ แกก็ปลายตามอง แล้วพูดว่า"แบบนี้ครูไม่เอา หนังสือยังล้มอยู่" ทำไงล่ะค่ะต้องจัดใหม่สิค่ะคุณ หนังสือไม่เต็มช่อง น้ำก็ท่วมหนังสือ หนังสือก็เลยพองจะให้มันตรงยังใงล๊าค๊าาา(กรีดร้องในใจ) จัดสักพักก็เสร็จ ระหว่างจัดก็เหมือนเดิมคุยกับป้าๆที่มาเรียนแล้วยังไม่กลับด้วยเรื่องของหนู สนุกสนานน้ำเสียงคิกคักมีความสุข สำหรับคนที่โดนไม่ได้มีความสุขเลยคุณป้าค่า คุณป้าก็มีลูกนี้น่า ถ้าลูกโดนแบบนี้บ้างล่ะ เห้อ!! พอจัดเสร็จก็ไปเรียกแกค่ะ แต่แกไม่ได้ยิน หรือแกล้งไม่ได้ยิน? พอยืนรอสักพักแฟนทนไม่ไหวเลยเรียกให้ แกก็หันมา หนูก็บอกว่าจัดเสร็จแล้ว "นั้น เสร็จแล้วเหรอ" แกพูด "ค่ะ" ตอบแค่นั้นแล้วหนูก็เดินไปที่รถกลับบ้านเลย ทนจะไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ หนูรู้ไม่รู้หนูผิดอะไรหนัก ถึงต้องทำขนาดนี้ เทอมที่แล้วก็เกรดลดเยอะมากทั้งๆที่งานก็ส่งครบ บางทีเรื่องนี้หนูอาจคิดไปเองแค่เรื่องอื่นๆ ไม่ได้คิดไปเองแน่นอนค่ะ พี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิปช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยค่ะ ว่าหนูควรทำยังใง หรืออ่านเรื่องทั้งหมดเห็นว่าหนูผิดตรงไหน ช่วยบอกหน่อยก็ได้ค่ะ เพราะอย่างน้อยถ้าหนูผิดจริงๆ ก็อาจจะทำใจยอมรับและอดทนกับมันได้ดีกว่านี้ค่ะ แล้วอีกอย่างหนูก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอาจจะมีทำผิดหรืออะไรไปบ้างแต่คงคิดว่ามันถูกอยู่ก็รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหนูจริงๆค่ะ (พิมพ์ตกหรือพิมพ์ผิดยังใงขออภัยด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่านมารับฟัง มาคอมเม้น หรือให้คำแนะนำล่วงหน้านะคะ สวัสดีค่ะ กราบบบ)