ผบ.ทร.สั่งการ! ส่ง เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือบัญชาการลอยน้ำ รับมือพายุปาบึก


ผบ.ทร.สั่งการ! ส่ง เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือบัญชาการลอยน้ำ รับมือพายุปาบึก
เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 3 ม.ค. พายุโซนร้อน “ปาบึก” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 500 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือที่ละติจูด 6.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 104.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนลงอ่าวไทยในวันนี้ (3 ม.ค. 2562) และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงค่ำของวันที่ 4 ม.ค. 2562 จะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. 2562 ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

ที่มา https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_2042018

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กองทัพเรือตั้งหมู่เรือ ฉก.บรรเทาสาธารณภัยทางทะเล รับมือ "พายุปาบึก"

กองทัพเรือ ได้จัดตั้งหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากพายุโซนร้อนปาบึก โดยมี รล.อ่างทอง และ รล.มกุฎราชกุมาร พร้อมเฮลิคอปเตอร์ เตรียมไปเมืองคอนได้ภายใน 15 ชม....

วันนี้ 3 ม.ค. 62 ที่ท่าเรือแหลมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กองทัพเรือ ได้จัดตั้งหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล โดยมอบหมายให้ เรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวงมกุฎราชกุมาร พร้อมอากาศยาน จำนวน 2 ลำ ชุดปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 28 นาย และชุดแพทย์สนาม โดยมี พลเรือตรี ชวิน เวียงวิเศษ เป็นผู้บังคับหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล (ผบ.มรภ.ทร.) เพื่อเตรียมความพร้อมของเรือ กำลังพล ยุทโธปกรณ์ และทีมแพทย์ สำหรับการออกไปช่วยเหลือประชาชนกรณีหากเกิดภัยพิบัติ เกิดผลกระทบจากวาตภัย และอุทกภัย ในพื้นที่ภาคใต้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้เตือนภัยพายุ “ปาบึก” (PABUK) ซึ่งเป็นพายุโซนร้อนบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็ว 6 นอต คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านปลายแหลมญวนเข้าสู่อ่าวไทย ในช่วงวันที่ 3-4 ม.ค.62 และขึ้นฝั่งระหว่าง จ.สุราษฎร์ธานี กับ จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงวันที่ 4-5 ม.ค.62 ก่อนที่จะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามันต่อไป


สำหรับเรือหลวงอ่างทอง โดยมี นาวาโท ภานุชา ลุขะรัง เป็นผู้บังคับการเรือ ซึ่งจะเป็นเรือหลักในการให้ความช่วยเหลือในทะเลและบนฝั่งที่ได้รับผลกระทบ จัดเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ประเภท LPD (Landing Platform Dock) เป็นเรือในชั้น Endurance Class เข้าประจำการที่กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.2555 มีกำลังพลประจำเรือ จำนวน 151 นาย มีระวางขับน้ำปกติ 7,600 ตัน มีความยาว 141 เมตร กว้าง 21 เมตร กินน้ำลึก 4.6 เมตร มีความสูงถึง 9 ชั้น ถ้าเทียบขนาดของเรือหลวงอ่างทอง ถือว่ามีความใหญ่เป็นอันดับสามรองจาก เรือหลวงสิมิลัน และเรือหลวงจักรีนฤเบศร สามารถทำความเร็วสูงสุดมากกว่า 17 นอต และมีระยะปฏิบัติการมากกว่า 5,000 ไมล์ทะเล ที่ความเร็ว 12 นอต สามารถปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 45 วัน และถูกออกแบบมาให้มีความคงทนทะเลในระดับ Sea State 6 (มีตั้งแต่ Sea State 0-9) ซึ่งสามารถทนระดับความสูงของคลื่นได้ประมาณ 4-6 เมตร



นอกจากเรือหลวงอ่างทองที่มีภารกิจหลักในการสนับสนุนการยกพลขึ้นบกให้กับกำลังนาวิกโยธินในการเคลื่อนกำลังพลจากทะเลสู่ฝั่ง (โจมตีโฉบฉวย สะเทินน้ำสะเทินบก) การขนส่งลำเลียงทางทะเล รวมไปถึงการลำเลียงขนส่งทางอากาศด้วยอากาศยาน อีกทั้งยังเป็นเรือบัญชาการฐานปฏิบัติการในทะเล รวมถึงภารกิจการสนับสนุนการฝึกต่างๆ รวมทั้งการลำเลียงระยะไกล สำหรับภารกิจในยามปกติ ก็สามารถใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การส่งอาหารและยาเวชภัณฑ์ทางอากาศ รวมถึงการช่วยเหลืออพยพประชาชนออกจากพื้นที่ภัยพิบัติจากฝั่งเข้ามาสู่อู่ลอยของเรือได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลที่กำลังเกิดคลื่นลมแรง

อาจกล่าวได้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นทั้งฐานลอยน้ำและฐานบินเคลื่อนที่สำหรับรับ-ส่งผู้ประสบภัยกลางทะเล รวมไปถึงเป็นโรงพยาบาลเคลื่อนที่สำหรับการปฐมพยาบาล และใช้ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยได้อีกด้วย ที่ผ่านมา เรือหลวงอ่างทอง ได้เคยร่วมช่วยเหลือในสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ในห้วง ม.ค.60 นับว่าเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงหนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เรือหลวงอ่างทอง ถือได้ว่าเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติในทะเลและอุกทกภัยในพื้นที่รับผิดชอบนั้น เรือหลวงอ่างทอง พร้อมที่จะออกเรือจากท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อเดินทางเข้าพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชภายใน 15 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนทันที.

ที่มา https://www.thairath.co.th/content/1460879
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่