กู้คอนโดกับ ธ.กรุงเทพ BBL มา ยอดรวมประมาณ 4 ล้านบาท ปกติตัดบัญชีอัตโนมัติทุกวันที่ 30

ช่วงปลายเดือน พ.ย. ถึงต้นเดือน ธ.ค. ไปเที่ยวต่างประเทศ เลยเติมเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ ช้าไป 2 วัน คือเติมเงินคืนวันที่ 1 ธ.ค. แล้วระบบก็ตัดเงินไปวันที่ 2 ธ.ค. หลังตัดไม่พอไปสองวัน (ปกติไม่ได้ใช้บัญชีออมทรัพย์ BBL เลย เอาไว้เก็บค่าเช่าแล้วเติมเงินผ่อนคอนโดอย่างเดียว)

ก็ไม่เอะใจอะไร เพราะผ่อนมาปีกว่าๆ เคยจ่ายสายไป 1-2 ครั้งเหมือนกัน ไม่มีปัญหาอะไร

กลับมาทำงาน กลางเดือน ธ.ค. มีเจ้าหน้าที่สินเชื่อของ ธ. ที่ธุรกิจส่วนตัวของผมใช้บริการอยู่ โทรมาแจ้งว่า เครดิตบูโรมีปัญหา จากสินเชื่อ BBL ค้างชำระ ทำให้ไม่น่าจะยื่นกู้สินเชื่อธุรกิจผ่านในตอนนี้

ตกใจมาก ปกติจ่ายครบทุกเดือน มี excel บันทึกและเก็บใบเสร็จทุกครั้ง

เลยยื่นขอตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง พบว่า สถานะ "10-ปกติ" ทุกสินเชื่อที่มี

แต่มียอดของ BBL ที่ขึ้นสถานะ 10-ปกติ แต่บันทึกยอดค้างจ่ายไว้

ซึ่งเทียบกับสินเชื่อบ้าน SCB ที่ยื่นกู้พร้อมกัน ตัดเงินอัตโนมัติทุกวันที่ 30 เหมือนกัน แถมบางเดือนก็จ่ายช้าเหมือนๆ กัน อันนี้ขึ้นสถานะ "10-ปกติ" เหมือนกัน แต่ไม่บันทึกยอดค้างจ่ายในรอบนี้

เข้าใจว่าเป็นสิทธิของทางธนาคารกรุงเทพ ที่จะบันทึกยอดค้างชำระเกินกำหนดในวันที่ 30 พ.ย. เพราะผมมียอดค้างในวันดังกล่าวจริง แถมเคยจ่ายช้า 1-2 วันแบบนี้สองสามครั้งแล้วเหมือนกัน (เดินทาง + งานยุ่ง) อาจจะมองผมเป็นลูกค้าชั้นเลว ก็เป็นสิทธิของธนาคาร

แต่นโยบายบันทึกขึ้นเครดิตบูโรทั้งๆ ที่ยังจ่ายสายไม่เกิน 30 วันแบบนี้ สร้างความเสียหายให้กับลูกค้าโดยไม่จำเป็น เพราะการเกินกำหนดไม่กี่วัน ไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งบอกการเบี้ยวหนี้หรืออะไร เมื่อเทียบกับนโยบายธนาคารอื่นๆ ที่อลุ่มอล่วยได้ ก็ถือว่า ธ.กรุงเทพใจดำมากครับ

ถ้านโยบายเป็นแบบนี้จริง ใครมีตัวเลือกในการกู้สินเชื่อบ้าน ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยง ธ. กรุงเทพ ดีกว่าครับ โปะก็ยาก จ่ายผ่านแอปก็ไม่ได้

ผมลงทุน หมุนเงินทุนบ่อยๆ จากประสบการณ์แนะนำ SCB ครับจ่ายง่ายรวมวงเงินก้อนเดียว โปะผ่านแอพได้ ถ้ารองลงมาหน่อยก็ KBank กับ ธนชาต ครับ จ่ายง่ายเหมือนกัน

ของ BBL ลาขาด ครบ 3 ปีเมื่อไหร่จะไป refinance : (

ถ้ากระทู้นี้ผ่านสายตาผู้เกี่ยวข้อง ฝากชี้แจงหรือปรับปรุงนโยบาย ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ