EBC 3 PASSES ภาระกิจพิชิตความกลัว
Everest Based Camp เป็นหนึ่งรายการใน bucket list ที่ต้องทำก่อนอายุ 45 ของป้า คิดไปเองว่า ถ้าเลยเถิดไปกว่านี้ ข้อเข่าอาจจะไม่พร้อมใช้งาน จากความฝันที่ว่าอยากจะไปเห็นความยิ่งใหญ่ของเอเวอเรสท์สักครั้งหนึ่งในชีวิต ครั้นจะปีนเองสังขารก็ไม่เอื้อ เงินก็ไม่มี งั้นเอาเป็นว่าขอเอาหน้าไปยื่นยืนอยู่ใกล้ๆ ตีนเขาก็พอ เมื่อตัดสินใจจะล่าฝันให้สำเร็จ ความกลัวก็ตามมาเป็นขบวนยาวเหยียด กลัวอะไรบ้างนะหรือ อย่างแรกกลัวที่สุด คือ กลัวหนาว เพราะเป็นคนขี้หนาวขั้นรุนแรง อย่างที่สอง กลัวเดินไม่ไหว เนื่องจากร่างที่เล็กล่ำต่ำเตี้ย กลัวว่าสภาพร่างจะไม่แกร่งพอ ครั้นจะซื้อ private guide ราคาแสนจะแพง เลยต้องซื้อทัวร์แบบจอยทริปไป ทีนี้เมื่อต้องเดินร่วมกับฝรั่ง มั่นใจตัวเองว่า ต้องเป็นตัวถ่วงแน่นอน โดนทิ้งแน่ๆ อย่างที่สาม กลัว AMS คือก็ไม่อยากตายอย่างเดียวดายท่ามกลางหุบเขาอันหนาวเหน็บ แล้วจะทำยังไงดี
อันดับแรก เราต้องเตรียมร่าง ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ทั้งวิ่ง ว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 ปี เต็ม จนน้ำหนักลดไป 4 โล วิ่งวันละ 5 กิโล ทุกเช้า จากที่ไม่เคยวิ่งเลยเป็นเวลา 20 ปี จริงจังใช่มั๊ย
ต่อมาหาเสื้อผ้ากันหนาว อันนี้เครียดไปอี๊ก เพราะมันก็แพง เราต้องลดต้นทุนโดยการหาแบบที่ made in China กับ Made in Nepal ขอบอกว่า ของแพงไม่เคยใช้ แต่ของราคาแค่นี้ใช้งานได้ ป้าว่าก็โอเค
และแล้วโชคเข้าข้างทางบริษัทฯ ทัวร์แจ้งว่า ไม่มีใครจอยทริป เจ้าของบริษัททัวร์บอกว่า ก็เลือก Trail ยาก (ขอบคุณค่ะที่ชม) ไม่มีใครไปด้วย คุณต้องไปกะไกด์และลูกหาบนะ เดินกันไปเลย 3 คน (รู้ว่าประชดแต่ก็ยินดีค่ะ) ก็เลยโล่งใจสุด ๆ Trail นี้เป็นของป้าแต่เพียงผู้เดียว (หัวเราะใหญ่มาก)
หลายคนถามว่า ทำไมถึงเลือก Trail ยากสุด อันนี้ก็ขอตอบตรงๆเลยว่า ตอนเลือกอ่ะ มั่ว พอดีมีเวลา ก็กะว่า อยากจะเดินชิวๆ นานๆ ตอนแรกจะเลือก 25 วัน แหม แพงไป เอาอันนี้แหละกลางๆ คือบอกเลยว่า เลือกแบบไม่มีข้อมูลอะไรใดๆ ในหัวทั้งสิ้น ไม่ได้อ่านรีวิวด้วย ผลมันก็ออกมามึนๆ แบบนี้แหละ
Itinerary
ระยะเวลา 15 วัน ระยะทาง 130 กิโลเมตร
Day 01 Fly to Lukla (2810m) and Trek to Phakding (2610m)
Day 02 Trek to Namche Bazaar (3445m).
Day 03 Accimatization day at Namche Bazar
Day 04 Trek to Tengboche (3860m)
Day 05 Trek to Dingboche (4390m)
Day 06 Trek to Chhukung (4730m)
Day 07 Cross the Kongmala Pass (5535m) to Lobuche (4925m)
Day 08 Trek to Ghorekshep (5180m) - EBC (5360m) –Ghorekshep
Day 09 Trek to Kalapathar for sunrise and trek to Dzonghla (4830m)
Day 10 Cross Chola pass (5420m) and trek down to Dragnag (4700m)
Day 11 Trek to Gokyo and visit to fifth lake and back to Gokyo (4790m)
Day 12 Cross Renjo pass (5360m) down to Lungden (4370m)
Day 13 Trek to Thame village (3820m) and visit Thame monastery
Day 14 Trek down to Namche (3445m)
Day 15 Trek down to Lukla (2830m)
Day 16 Fly back to Kathmandu
เสื้อผ้าและอุปกรณ์
- เสื้อแห้งเร็วแขนยาว 3 ตัว
- ลองจอน 2 ชุด
- กางเกงเทรค แบบกันน้ำ กันลม กันหนาว 1 ตัว
- ถุงเท้าหนา ไว้ใส่เดิน 6 คู่
- ถุงเท้าลองจอน 2 คู่ ไว้ใส่นอน
- แจ็คเก็ตกันฝน 1 ตัว
- ถุงมือ กันหนาว 1 คู่
- ถุงมือนิ่ม 1 คู่
- รองเท้าเทรค 1 คู่ ควรจะต้องคุ้นเคยกันอย่างดีก่อนออกเดินทาง
- ถุงนอน –25 องศา
- ไม้เท้า
- ชุดชั้นใน เอาไปอย่างละ 8 ใส่ชุดละ 2 วัน
- เสื้อฮีทเทค 1 ตัว
- เสื้อดาวน์แจ็คเก็ต 1 ตัว
- เสื้อคอเต่า 1 ตัว
- หมวกไหมพรมกันหนาว 1 ใบ ใส่เดิน ใส่นอน
- หมวกกันแดด 1 ใบ
- ผ้าบลัฟ 4 ผืน
- ของใช้ส่วนตัวอื่น แล้วแต่ละบุคคล แต่ไม่ต้องเอาขวดใหญ่ไป อย่างละ 50 ml ก็พอละ ใช้วิธีบริหารทรัพยากรเอา ลิปมัน ครีมกันแดดทาหน้าและทามือ สำคัญกว่าทาตัว สำหรับคุณผู้หญิง แผ่นอนามัย จำเป็นมากค่ะ
- Camprons กรณีจะต้องผ่าน Chola pass ซื้อได้ที่ทาเมล คู่ละ 500-700 RS
- ทิชชู่เปียก/แห้ง สำคัญมาก เตรียมไปให้พอ ถ้าไปซื้อ Numche แพงใจหาย
- กระป๋องน้ำ (สำคัญมาก ทั้งเวลาเดินและเวลานอน จะคอแห้ง ต้องจิบน้ำ ในเวลากลางคืน ใส่น้ำร้อนแล้วใส่ไว้ในถุงนอน ฟินขั้นสุดคือราวกับมีฮีทเตอร์ส่วนตัว ตื่นมา เอามากินต่อได้
- แว่นตากันแดด
กลางคืนใส่ ฮีทเทค ลองจอน ทับด้วยเสื้อดาวน์ยูนิโคล่ มุดเข้าถุงนอน อุ่นสบาย (แต่มีแค่ 2 คืนที่เอาไม่อยู่ ได้แก่ Ghorekchep และ Kokyo คือหนาวมาก หนาวทะลุประตู ผ่านถุงนอน ผ่านลองจอน ผ่านคอเต่า ผ่านฮีทเทค เข้ามากระทบเนื้อทะลุเข้ากระดูก)
จริงๆ ควรจะมีกางเกงฮีทเทคอีกตัวนะ แต่ป้าไม่มี ทางแก้คือ ซื้อน้ำร้อน ใส่กระป๋องนั่นแหละ วางไว้ตรงน่อง ตอนกลางคืนฟิน
Day 1 วันแห่งความกลัว
เวลา 6.30 น. นัดเจอกันที่ บริษัททัวร์ เพื่อไปขึ้นเครื่งบินเล็กกระจิ๊ดริดไปยัง Lukla ทุกคนใน group ที่ไปด้วยกัน รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น คือทุกคนทั้งตื่นเต้นและกลัว เมื่อเข้าเครื่องเอกซเรย์แล้ว รอออกตั๋ว ต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋า รวมทุกอย่างสิ่ง กระเป๋าเล็กระเป๋าน้อย ต้องไม่เกิน 15 กิโลกรัม เพื่อนร่วมไฟลท์ เจอชาร์จเพิ่มไป 2 ท่าน น้ำหนักส่วนเกินกิโลละ 10,000 RS นะ (จัดกระเป๋าอย่างเครียด) ส่วนป้ารอด เกินมา 2 ขีด ปัดทิ้ง ได้ขึ้นเครื่อง 9.30 น. กว่าเครื่องจะขึ้น จ่อรอคิวบินนานนม ป้าก็ลุ้น กลัวค่ะ บอกตามตรง แต่พอเครื่องสตาร์ท วิ่งเข้ารันเวย์แค่นั้นแหละ เฮ้ย มันส์ๆ เร็วอีกๆ หลังจาก เครื่องเทคออฟ บินไป ชมวิว เทือกเขาหิมาลัยไปอยากเพลินเพลิน เครื่องบินเข้าช่องเขา เครื่องแกว่ง สั่นพั่บๆ แล้วก็เทซ้าย เทขวา สองสามที ใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม ผู้โดยสารมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่สุดท้ายก็ลงจอดที่สนามบิน Lukla ได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัย
ไกด์พร้อมลูกหาบมารออยู่แล้วที่สนามบิน ไกด์ของเราในทริปนี้ชื่อ เดนิส ส่วนลูกหาบสุดหล่อ ชื่ิอ ทิรา เนื่องจากเครื่องถึง Lukla ประมาณ 11.00 น. เดนิสเลยบอกว่า กินข้าวเที่ยงเลยละกัน จะได้ไม่ต้องไปกินระหว่างทาง หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ได้เวลาออกเดินกันแล้ว
วันนี้เราจะเดินไป Phakding ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชม. วันแรก เดินอย่างสบาย ความยาก เบอร์ ศูนย์ จาก 10 เบอร์ ยากสุดก็ตรงเดินหลบอี๊ จั๊บเข้ เนี่ยแหละ แต่กระนั้น ทุกครั้งที่หยุดพัก ทิราก็จะหันมามองหน้าประมาณว่า ป้าไหวจริงป่ะเนี่ย ก็จะบอกไปว่า บอกว่าไหวก็ไหว แล้วทุกครั้งที่เดินสามารถแซงทิราได้ ก็จะมีการเบิ้ลเครื่องใส่กันเล็กๆ ตลอดทาง คือก็ไม่รู้จะภูมิใจอะไรนักหนา น้องเค้าแบก 20 กิโล ป้านี่มีแค่กระป๋องน้ำ 1 ลิตร
ถึง Phakding ประมาณบ่ายสอง ขออาบน้ำร้อนก่อนก่อนจะไม่ได้อาบอีกเป็นสิบวัน
อันนี้ว่าเล็กแล้ว มองไปด้านขวายังจะมีเล็กกว่าอีก
บรรยากาศเมือง Lukla เป็นเมืองหน้าด่านที่มีชีวิตชีวามาก
ระหว่างทางจะมีร้านอาหารแบบนี้ตลอดเส้นทาง
และแล้วก็เจอสะพานแรกที่ต้องข้าม ขอบอกว่า สนุกมาก มันโยกเยกๆ
ก็จะเริ่มสวยละ
Day 2 ซ้อมใหญ่ก่อนวันจริง
วันนี้จะออกเดินจาก Phakding ไป Namche Bazaar เป็นการเดินขึ้นเขาวันแรก ร่างกายยังไม่ได้ปรับสภาพ เส้นทางไม่ได้เดินยากแต่เหนื่อยมาก ความยากเบอร์ 1 ความเหนื่อยเบอร์ 10 เรียกว่า เหนื่อยลากมาก ถึง Namche ประมาณ สี่โมง วันนี้ซักแห้ง กินข้าวเสร็จนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า เดินขึ้นเขาไปสวัสดีคุณเอเวอร์เรสท์ใกล้ๆ ก่อนเป็นการซ้อมใหญ่ ก่อนออกเดินกันแบบจริงจัง
งานสะพานก็มา
ระหว่างทางก็จะมีน้ำตกเล็กน้ำตกน้อย ได้แค่ดู เล่นไม่ได้ มันหนาววววว
มีความอินดี้ นั่งอาบแดดวาดรูป
มีความน่ารัก
Check Point ก่อนเข้า Namche คิวยาวๆ ไปค่ะ
ถึงแล้ว Namche เป็นอะไรที่ผิดคาด นึกว่าเป็นหมู่บ้าน
Day 3 ลองสนามวันแรก
ตื่นเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน ไปแบบไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น ชาจนถึงแกนสมอง เปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาทานอาหารเช้า แล้วเริ่มออกเดินกันเลยจ้า แค่เดินออกจากโรงแรมไปจุดเริ่มต้นยังอยากจะเรียกแปลสนาม แล้ว ต้องขึ้นไปบนโน้นนะ บอกตัวเอง ใจเย็น ๆ คนขึ้นไปเป็นร้อย เราก็ต้องทำได้ ค่อย ๆ เดิน มือกำไม้เท้าให้มั่นคง ยกขา หายใจ ในขณะที่กำลังจะขาดใจ อ้าว คุณตาชาวญี่ปุ่น เดินแซงไปหน้าตาเฉย โห แก่มากแล้วนะนั่น ด้วยความอยากเผือก ให้เดนิสไปปลูกเผือกมาได้ความว่า 80 ปี จ้า เดินตามคุณตาไป สุดท้าย เราก็ถึงจนได้ พอถึงข้างบนเท่านั้นแหละ โอ้ย ป้าลั้นลา ที่หอบเป็นหมาหอบแดด เมื่อกี้ หายหมดสิ้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ดูเอาเถิด โอ๊ยยยยย มันมีความฟินขั้นสุด เดนิสบอกว่า เดี๋ยวเดินไปวันหลังๆ จะสวยกว่านี้หลายเท่า โอ้ยย แค่นี้ก็กรี๊สจนจะไม่เป็นภาษาคนละ แทบจะรอไม่ไหว ขาขึ้นว่าทรมาน ขาลงหนักกว่าอี๊ก ลูกสะบ้าเข่าแทบจะหลุด ลากไม้เท้ากลับโรงแรม
ตื่นมาเจอแบบนี้จากหน้าต่างห้องกินข้าว มือไม้สั่นไปหมด (หนาว)
ของมันต้องมี อนุสาวรีย์เชอปาคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสท์
ถามว่า จะลงยังไง
หวายตั่ยแล้ว
เกร๋ๆ
[img]
https://f.ptcdn.info/752/061/000/pkpmua6r
[CR] EBC 3 PASSES ภาระกิจพิชิตความกลัว
EBC 3 PASSES ภาระกิจพิชิตความกลัว
Everest Based Camp เป็นหนึ่งรายการใน bucket list ที่ต้องทำก่อนอายุ 45 ของป้า คิดไปเองว่า ถ้าเลยเถิดไปกว่านี้ ข้อเข่าอาจจะไม่พร้อมใช้งาน จากความฝันที่ว่าอยากจะไปเห็นความยิ่งใหญ่ของเอเวอเรสท์สักครั้งหนึ่งในชีวิต ครั้นจะปีนเองสังขารก็ไม่เอื้อ เงินก็ไม่มี งั้นเอาเป็นว่าขอเอาหน้าไปยื่นยืนอยู่ใกล้ๆ ตีนเขาก็พอ เมื่อตัดสินใจจะล่าฝันให้สำเร็จ ความกลัวก็ตามมาเป็นขบวนยาวเหยียด กลัวอะไรบ้างนะหรือ อย่างแรกกลัวที่สุด คือ กลัวหนาว เพราะเป็นคนขี้หนาวขั้นรุนแรง อย่างที่สอง กลัวเดินไม่ไหว เนื่องจากร่างที่เล็กล่ำต่ำเตี้ย กลัวว่าสภาพร่างจะไม่แกร่งพอ ครั้นจะซื้อ private guide ราคาแสนจะแพง เลยต้องซื้อทัวร์แบบจอยทริปไป ทีนี้เมื่อต้องเดินร่วมกับฝรั่ง มั่นใจตัวเองว่า ต้องเป็นตัวถ่วงแน่นอน โดนทิ้งแน่ๆ อย่างที่สาม กลัว AMS คือก็ไม่อยากตายอย่างเดียวดายท่ามกลางหุบเขาอันหนาวเหน็บ แล้วจะทำยังไงดี
อันดับแรก เราต้องเตรียมร่าง ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ทั้งวิ่ง ว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 ปี เต็ม จนน้ำหนักลดไป 4 โล วิ่งวันละ 5 กิโล ทุกเช้า จากที่ไม่เคยวิ่งเลยเป็นเวลา 20 ปี จริงจังใช่มั๊ย
ต่อมาหาเสื้อผ้ากันหนาว อันนี้เครียดไปอี๊ก เพราะมันก็แพง เราต้องลดต้นทุนโดยการหาแบบที่ made in China กับ Made in Nepal ขอบอกว่า ของแพงไม่เคยใช้ แต่ของราคาแค่นี้ใช้งานได้ ป้าว่าก็โอเค
และแล้วโชคเข้าข้างทางบริษัทฯ ทัวร์แจ้งว่า ไม่มีใครจอยทริป เจ้าของบริษัททัวร์บอกว่า ก็เลือก Trail ยาก (ขอบคุณค่ะที่ชม) ไม่มีใครไปด้วย คุณต้องไปกะไกด์และลูกหาบนะ เดินกันไปเลย 3 คน (รู้ว่าประชดแต่ก็ยินดีค่ะ) ก็เลยโล่งใจสุด ๆ Trail นี้เป็นของป้าแต่เพียงผู้เดียว (หัวเราะใหญ่มาก)
หลายคนถามว่า ทำไมถึงเลือก Trail ยากสุด อันนี้ก็ขอตอบตรงๆเลยว่า ตอนเลือกอ่ะ มั่ว พอดีมีเวลา ก็กะว่า อยากจะเดินชิวๆ นานๆ ตอนแรกจะเลือก 25 วัน แหม แพงไป เอาอันนี้แหละกลางๆ คือบอกเลยว่า เลือกแบบไม่มีข้อมูลอะไรใดๆ ในหัวทั้งสิ้น ไม่ได้อ่านรีวิวด้วย ผลมันก็ออกมามึนๆ แบบนี้แหละ
Itinerary
ระยะเวลา 15 วัน ระยะทาง 130 กิโลเมตร
Day 01 Fly to Lukla (2810m) and Trek to Phakding (2610m)
Day 02 Trek to Namche Bazaar (3445m).
Day 03 Accimatization day at Namche Bazar
Day 04 Trek to Tengboche (3860m)
Day 05 Trek to Dingboche (4390m)
Day 06 Trek to Chhukung (4730m)
Day 07 Cross the Kongmala Pass (5535m) to Lobuche (4925m)
Day 08 Trek to Ghorekshep (5180m) - EBC (5360m) –Ghorekshep
Day 09 Trek to Kalapathar for sunrise and trek to Dzonghla (4830m)
Day 10 Cross Chola pass (5420m) and trek down to Dragnag (4700m)
Day 11 Trek to Gokyo and visit to fifth lake and back to Gokyo (4790m)
Day 12 Cross Renjo pass (5360m) down to Lungden (4370m)
Day 13 Trek to Thame village (3820m) and visit Thame monastery
Day 14 Trek down to Namche (3445m)
Day 15 Trek down to Lukla (2830m)
Day 16 Fly back to Kathmandu
เสื้อผ้าและอุปกรณ์
- เสื้อแห้งเร็วแขนยาว 3 ตัว
- ลองจอน 2 ชุด
- กางเกงเทรค แบบกันน้ำ กันลม กันหนาว 1 ตัว
- ถุงเท้าหนา ไว้ใส่เดิน 6 คู่
- ถุงเท้าลองจอน 2 คู่ ไว้ใส่นอน
- แจ็คเก็ตกันฝน 1 ตัว
- ถุงมือ กันหนาว 1 คู่
- ถุงมือนิ่ม 1 คู่
- รองเท้าเทรค 1 คู่ ควรจะต้องคุ้นเคยกันอย่างดีก่อนออกเดินทาง
- ถุงนอน –25 องศา
- ไม้เท้า
- ชุดชั้นใน เอาไปอย่างละ 8 ใส่ชุดละ 2 วัน
- เสื้อฮีทเทค 1 ตัว
- เสื้อดาวน์แจ็คเก็ต 1 ตัว
- เสื้อคอเต่า 1 ตัว
- หมวกไหมพรมกันหนาว 1 ใบ ใส่เดิน ใส่นอน
- หมวกกันแดด 1 ใบ
- ผ้าบลัฟ 4 ผืน
- ของใช้ส่วนตัวอื่น แล้วแต่ละบุคคล แต่ไม่ต้องเอาขวดใหญ่ไป อย่างละ 50 ml ก็พอละ ใช้วิธีบริหารทรัพยากรเอา ลิปมัน ครีมกันแดดทาหน้าและทามือ สำคัญกว่าทาตัว สำหรับคุณผู้หญิง แผ่นอนามัย จำเป็นมากค่ะ
- Camprons กรณีจะต้องผ่าน Chola pass ซื้อได้ที่ทาเมล คู่ละ 500-700 RS
- ทิชชู่เปียก/แห้ง สำคัญมาก เตรียมไปให้พอ ถ้าไปซื้อ Numche แพงใจหาย
- กระป๋องน้ำ (สำคัญมาก ทั้งเวลาเดินและเวลานอน จะคอแห้ง ต้องจิบน้ำ ในเวลากลางคืน ใส่น้ำร้อนแล้วใส่ไว้ในถุงนอน ฟินขั้นสุดคือราวกับมีฮีทเตอร์ส่วนตัว ตื่นมา เอามากินต่อได้
- แว่นตากันแดด
กลางคืนใส่ ฮีทเทค ลองจอน ทับด้วยเสื้อดาวน์ยูนิโคล่ มุดเข้าถุงนอน อุ่นสบาย (แต่มีแค่ 2 คืนที่เอาไม่อยู่ ได้แก่ Ghorekchep และ Kokyo คือหนาวมาก หนาวทะลุประตู ผ่านถุงนอน ผ่านลองจอน ผ่านคอเต่า ผ่านฮีทเทค เข้ามากระทบเนื้อทะลุเข้ากระดูก)
จริงๆ ควรจะมีกางเกงฮีทเทคอีกตัวนะ แต่ป้าไม่มี ทางแก้คือ ซื้อน้ำร้อน ใส่กระป๋องนั่นแหละ วางไว้ตรงน่อง ตอนกลางคืนฟิน
Day 1 วันแห่งความกลัว
เวลา 6.30 น. นัดเจอกันที่ บริษัททัวร์ เพื่อไปขึ้นเครื่งบินเล็กกระจิ๊ดริดไปยัง Lukla ทุกคนใน group ที่ไปด้วยกัน รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น คือทุกคนทั้งตื่นเต้นและกลัว เมื่อเข้าเครื่องเอกซเรย์แล้ว รอออกตั๋ว ต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋า รวมทุกอย่างสิ่ง กระเป๋าเล็กระเป๋าน้อย ต้องไม่เกิน 15 กิโลกรัม เพื่อนร่วมไฟลท์ เจอชาร์จเพิ่มไป 2 ท่าน น้ำหนักส่วนเกินกิโลละ 10,000 RS นะ (จัดกระเป๋าอย่างเครียด) ส่วนป้ารอด เกินมา 2 ขีด ปัดทิ้ง ได้ขึ้นเครื่อง 9.30 น. กว่าเครื่องจะขึ้น จ่อรอคิวบินนานนม ป้าก็ลุ้น กลัวค่ะ บอกตามตรง แต่พอเครื่องสตาร์ท วิ่งเข้ารันเวย์แค่นั้นแหละ เฮ้ย มันส์ๆ เร็วอีกๆ หลังจาก เครื่องเทคออฟ บินไป ชมวิว เทือกเขาหิมาลัยไปอยากเพลินเพลิน เครื่องบินเข้าช่องเขา เครื่องแกว่ง สั่นพั่บๆ แล้วก็เทซ้าย เทขวา สองสามที ใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม ผู้โดยสารมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่สุดท้ายก็ลงจอดที่สนามบิน Lukla ได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัย
ไกด์พร้อมลูกหาบมารออยู่แล้วที่สนามบิน ไกด์ของเราในทริปนี้ชื่อ เดนิส ส่วนลูกหาบสุดหล่อ ชื่ิอ ทิรา เนื่องจากเครื่องถึง Lukla ประมาณ 11.00 น. เดนิสเลยบอกว่า กินข้าวเที่ยงเลยละกัน จะได้ไม่ต้องไปกินระหว่างทาง หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ได้เวลาออกเดินกันแล้ว
วันนี้เราจะเดินไป Phakding ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชม. วันแรก เดินอย่างสบาย ความยาก เบอร์ ศูนย์ จาก 10 เบอร์ ยากสุดก็ตรงเดินหลบอี๊ จั๊บเข้ เนี่ยแหละ แต่กระนั้น ทุกครั้งที่หยุดพัก ทิราก็จะหันมามองหน้าประมาณว่า ป้าไหวจริงป่ะเนี่ย ก็จะบอกไปว่า บอกว่าไหวก็ไหว แล้วทุกครั้งที่เดินสามารถแซงทิราได้ ก็จะมีการเบิ้ลเครื่องใส่กันเล็กๆ ตลอดทาง คือก็ไม่รู้จะภูมิใจอะไรนักหนา น้องเค้าแบก 20 กิโล ป้านี่มีแค่กระป๋องน้ำ 1 ลิตร
ถึง Phakding ประมาณบ่ายสอง ขออาบน้ำร้อนก่อนก่อนจะไม่ได้อาบอีกเป็นสิบวัน
อันนี้ว่าเล็กแล้ว มองไปด้านขวายังจะมีเล็กกว่าอีก
บรรยากาศเมือง Lukla เป็นเมืองหน้าด่านที่มีชีวิตชีวามาก
ระหว่างทางจะมีร้านอาหารแบบนี้ตลอดเส้นทาง
และแล้วก็เจอสะพานแรกที่ต้องข้าม ขอบอกว่า สนุกมาก มันโยกเยกๆ
ก็จะเริ่มสวยละ
Day 2 ซ้อมใหญ่ก่อนวันจริง
วันนี้จะออกเดินจาก Phakding ไป Namche Bazaar เป็นการเดินขึ้นเขาวันแรก ร่างกายยังไม่ได้ปรับสภาพ เส้นทางไม่ได้เดินยากแต่เหนื่อยมาก ความยากเบอร์ 1 ความเหนื่อยเบอร์ 10 เรียกว่า เหนื่อยลากมาก ถึง Namche ประมาณ สี่โมง วันนี้ซักแห้ง กินข้าวเสร็จนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า เดินขึ้นเขาไปสวัสดีคุณเอเวอร์เรสท์ใกล้ๆ ก่อนเป็นการซ้อมใหญ่ ก่อนออกเดินกันแบบจริงจัง
งานสะพานก็มา
ระหว่างทางก็จะมีน้ำตกเล็กน้ำตกน้อย ได้แค่ดู เล่นไม่ได้ มันหนาววววว
มีความอินดี้ นั่งอาบแดดวาดรูป
มีความน่ารัก
Check Point ก่อนเข้า Namche คิวยาวๆ ไปค่ะ
ถึงแล้ว Namche เป็นอะไรที่ผิดคาด นึกว่าเป็นหมู่บ้าน
Day 3 ลองสนามวันแรก
ตื่นเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน ไปแบบไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น ชาจนถึงแกนสมอง เปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาทานอาหารเช้า แล้วเริ่มออกเดินกันเลยจ้า แค่เดินออกจากโรงแรมไปจุดเริ่มต้นยังอยากจะเรียกแปลสนาม แล้ว ต้องขึ้นไปบนโน้นนะ บอกตัวเอง ใจเย็น ๆ คนขึ้นไปเป็นร้อย เราก็ต้องทำได้ ค่อย ๆ เดิน มือกำไม้เท้าให้มั่นคง ยกขา หายใจ ในขณะที่กำลังจะขาดใจ อ้าว คุณตาชาวญี่ปุ่น เดินแซงไปหน้าตาเฉย โห แก่มากแล้วนะนั่น ด้วยความอยากเผือก ให้เดนิสไปปลูกเผือกมาได้ความว่า 80 ปี จ้า เดินตามคุณตาไป สุดท้าย เราก็ถึงจนได้ พอถึงข้างบนเท่านั้นแหละ โอ้ย ป้าลั้นลา ที่หอบเป็นหมาหอบแดด เมื่อกี้ หายหมดสิ้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ดูเอาเถิด โอ๊ยยยยย มันมีความฟินขั้นสุด เดนิสบอกว่า เดี๋ยวเดินไปวันหลังๆ จะสวยกว่านี้หลายเท่า โอ้ยย แค่นี้ก็กรี๊สจนจะไม่เป็นภาษาคนละ แทบจะรอไม่ไหว ขาขึ้นว่าทรมาน ขาลงหนักกว่าอี๊ก ลูกสะบ้าเข่าแทบจะหลุด ลากไม้เท้ากลับโรงแรม
ตื่นมาเจอแบบนี้จากหน้าต่างห้องกินข้าว มือไม้สั่นไปหมด (หนาว)
ของมันต้องมี อนุสาวรีย์เชอปาคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสท์
ถามว่า จะลงยังไง
หวายตั่ยแล้ว
เกร๋ๆ
[img]https://f.ptcdn.info/752/061/000/pkpmua6r
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้