อยู่ดีไม่ว่าดี เพจของ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่ตั้งป้อมรบกับ เพจของเสริมสุข กษิติประดิษฐ์
อันว่าด้วยเรื่อง “คนหาย” ก็เกิดบานปลาย
เพราะดันไปขุดเอาเรื่อง การรายงานข่าวรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิร้าว
ฉะกลับคนปูดข่าว หวังเป็นหมัดเด็ดน็อคคาเวที
แต่ไม่รู้กุนซือ หรือมือปืนที่รับจ๊อบมา จะความจำเสื่อมหรือเมาหมัด
เพราะกลายเป็นว่าเรื่องที่ขุดมาฉะกลับนักข่าวอาวุโส
ดันวกกลับเป็น “บูมเมอแรง” มาประจานรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เอง
ยังไงน่ะเหรอ กรณีนี้ทั้งตอกย้ำถึงพฤติกรรมแทรกแซงสื่อ
เพราะหลังจาก “เสริมสุข”เสนอข่าวปัญหารันเวย์ร้าวของสนามบินสุวรรณภูมิไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2548
จนทำคนในรัฐบาลไม่พอใจ และสั่งการให้ภาครัฐฟ้องร้อง นสพ. จนต้นสังกัดต้องตัดสินใจไล่ออก
ปรากฎว่าภายหลังศาลฎีกายืนตามศาลแรงงานชั้นต้น เห็นว่าการเลิกจ้าง “เสริมสุข” ของ นสพ.บางกอกโพสต์
เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ของคนทำงานสื่อสารมวลชน
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น พอไปขุดเรื่องรันเวย์ร้าวขึ้นมาให้สังคมไทยได้ระลึกถึง ก็กลายเป็นสะกิดต่อมความทรงจำ
ความเลวทรามของมหากาพย์โกงที่สนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาด้วย
เพราะสนามบินสุวรรณภูมิไม่เพียงเป็นสนามบินที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุด 46 ปี
แต่ยังเป็นสนามบินที่รันเวย์ร้าวเร็วที่สุด และเป็นอนุสรณ์สถานประจานคอร์รัปชัน
ล่าสุดบริษัทการท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีแผนซ่อมรันเวย์และแท็กซี่เวย์ในปี 2562 อีก
ทั้งหมด 700,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท
นี่คือผลพวงของการโกงบูรณาการทำให้โครงการออกมาไร้มาตรฐาน
โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ยังเอื้อประโยชน์ให้คนในครอบครัว แจ้งเกิด “จอมหักหัวคิว” ที่รู้จักกันดีคือ “เจ๊ ด.”
ตัวละครเดียวกันกับที่ป.ป.ช.กำลังรื้อคดีจีทูจี จำนำข้าวล็อต 2ก็เคยเข้าไปทำมาหากินเกี่ยวกับรถเข็นสัมภาระผู้โดยสารสูญหายถึง 1 ใน 3
หรือประมาณ 2,000 คัน โดยผู้รับเหมาคือ บริษัท ไทย แอร์พอร์ตส กราวนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ TAGS ที่ได้ค่าจ้างดูแลรถเข็น 532 ล้านบาท
แต่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย แถมยังได้งานสัมปทานงานในสนามบินสุวรรณภูมิเกือบ 10 สัญญา มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทด้วย
โดยมีการพบพิรุธมากมายเกี่ยวกับโครงสร้างของบริษัทดังกล่าว ตั้งแต่มีการเซ็นเช็คโอนเงินในวันหยุดทำการ 31 ธ.ค.2548
ไปยังสิงคโปร์จำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาก็มีกลุ่มทุนจากสิงคโปร์คือบริษัท โฟร์บิเซอร์ ทีพีซี จำกัด เข้ามาถือหุ้น 48.5%
ท่ามกลางข้อครหาว่า เจ๊ ด.มีนอมินีถือหุ้นแทนอยู่ในบริษัทนี้
และนอกจากปัญหา โครงการ “ซีทีเอ็กซ์” ที่ทำให้ รัฐบาลทักษิณ 2 ต้องปรับ ครม.หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทั้งที่เพิ่งเลือกตั้งมาได้ไม่ถึง 6 เดือนแล้ว สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สั่งตรวจสอบ ประกอบด้วย
-โครงการถมทรายรันเวย์ตะวันออก มูลค่า 1,500 ล้านบาท-โครงการติดตั้งระบบสารสนเทศด่านตรวจคนเข้าเมือง 169 ล้านบาท
-โครงการวางท่อร้อยสายไฟอาคารผู้โดยสาร 2,000 ล้านบาท
-โครงการครัวการบิน (การบินไทย) ผลตอบแทน 116 ล้านบาท
-โครงการคาร์โก 400 ล้านบาท -โครงการบริการอุปกรณ์บริการภาคพื้นและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการซ่อมบำรุง
-ตรวจสอบการให้คิงเพาเวอร์ได้รับการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอาคารผู้โดยสาร
โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ “ทักษิณ” คุยนักคุยหนาว่าสร้างเสร็จสร้างสนามบิน 7 ชั่วโคตรสำเร็จ
แต่ก็เต็มไปด้วยปัญหาการทุจริต ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของคนในครอบครัว
หนีการตรวจสอบจากฝ่ายค้านด้วยการปรับครม. และลุแก่อำนาจ แทรกแซงสื่อ
คนที่ “พานทองแท้” ต้องเรียกร้องให้ออกมาขอโทษประเทศไทย ไม่ใช่ “เสริมสุข”หรอก
แต่เป็นทักษิณ ชินวัตร นั่นต่างหาก เวรกรรมจริงๆ
“ทักษิณ” ต้องตีปาก “โอ๊ค” ขุดมรดกโกงสนามบินสุวรรณภูมิ
อันว่าด้วยเรื่อง “คนหาย” ก็เกิดบานปลาย
เพราะดันไปขุดเอาเรื่อง การรายงานข่าวรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิร้าว
ฉะกลับคนปูดข่าว หวังเป็นหมัดเด็ดน็อคคาเวที
แต่ไม่รู้กุนซือ หรือมือปืนที่รับจ๊อบมา จะความจำเสื่อมหรือเมาหมัด
เพราะกลายเป็นว่าเรื่องที่ขุดมาฉะกลับนักข่าวอาวุโส
ดันวกกลับเป็น “บูมเมอแรง” มาประจานรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เอง
ยังไงน่ะเหรอ กรณีนี้ทั้งตอกย้ำถึงพฤติกรรมแทรกแซงสื่อ
เพราะหลังจาก “เสริมสุข”เสนอข่าวปัญหารันเวย์ร้าวของสนามบินสุวรรณภูมิไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2548
จนทำคนในรัฐบาลไม่พอใจ และสั่งการให้ภาครัฐฟ้องร้อง นสพ. จนต้นสังกัดต้องตัดสินใจไล่ออก
ปรากฎว่าภายหลังศาลฎีกายืนตามศาลแรงงานชั้นต้น เห็นว่าการเลิกจ้าง “เสริมสุข” ของ นสพ.บางกอกโพสต์
เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ของคนทำงานสื่อสารมวลชน
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น พอไปขุดเรื่องรันเวย์ร้าวขึ้นมาให้สังคมไทยได้ระลึกถึง ก็กลายเป็นสะกิดต่อมความทรงจำ
ความเลวทรามของมหากาพย์โกงที่สนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาด้วย
เพราะสนามบินสุวรรณภูมิไม่เพียงเป็นสนามบินที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุด 46 ปี
แต่ยังเป็นสนามบินที่รันเวย์ร้าวเร็วที่สุด และเป็นอนุสรณ์สถานประจานคอร์รัปชัน
ล่าสุดบริษัทการท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีแผนซ่อมรันเวย์และแท็กซี่เวย์ในปี 2562 อีก
ทั้งหมด 700,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท
นี่คือผลพวงของการโกงบูรณาการทำให้โครงการออกมาไร้มาตรฐาน
โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ยังเอื้อประโยชน์ให้คนในครอบครัว แจ้งเกิด “จอมหักหัวคิว” ที่รู้จักกันดีคือ “เจ๊ ด.”
ตัวละครเดียวกันกับที่ป.ป.ช.กำลังรื้อคดีจีทูจี จำนำข้าวล็อต 2ก็เคยเข้าไปทำมาหากินเกี่ยวกับรถเข็นสัมภาระผู้โดยสารสูญหายถึง 1 ใน 3
หรือประมาณ 2,000 คัน โดยผู้รับเหมาคือ บริษัท ไทย แอร์พอร์ตส กราวนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ TAGS ที่ได้ค่าจ้างดูแลรถเข็น 532 ล้านบาท
แต่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย แถมยังได้งานสัมปทานงานในสนามบินสุวรรณภูมิเกือบ 10 สัญญา มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทด้วย
โดยมีการพบพิรุธมากมายเกี่ยวกับโครงสร้างของบริษัทดังกล่าว ตั้งแต่มีการเซ็นเช็คโอนเงินในวันหยุดทำการ 31 ธ.ค.2548
ไปยังสิงคโปร์จำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาก็มีกลุ่มทุนจากสิงคโปร์คือบริษัท โฟร์บิเซอร์ ทีพีซี จำกัด เข้ามาถือหุ้น 48.5%
ท่ามกลางข้อครหาว่า เจ๊ ด.มีนอมินีถือหุ้นแทนอยู่ในบริษัทนี้
และนอกจากปัญหา โครงการ “ซีทีเอ็กซ์” ที่ทำให้ รัฐบาลทักษิณ 2 ต้องปรับ ครม.หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทั้งที่เพิ่งเลือกตั้งมาได้ไม่ถึง 6 เดือนแล้ว สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สั่งตรวจสอบ ประกอบด้วย
-โครงการถมทรายรันเวย์ตะวันออก มูลค่า 1,500 ล้านบาท-โครงการติดตั้งระบบสารสนเทศด่านตรวจคนเข้าเมือง 169 ล้านบาท
-โครงการวางท่อร้อยสายไฟอาคารผู้โดยสาร 2,000 ล้านบาท
-โครงการครัวการบิน (การบินไทย) ผลตอบแทน 116 ล้านบาท
-โครงการคาร์โก 400 ล้านบาท -โครงการบริการอุปกรณ์บริการภาคพื้นและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการซ่อมบำรุง
-ตรวจสอบการให้คิงเพาเวอร์ได้รับการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอาคารผู้โดยสาร
โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ “ทักษิณ” คุยนักคุยหนาว่าสร้างเสร็จสร้างสนามบิน 7 ชั่วโคตรสำเร็จ
แต่ก็เต็มไปด้วยปัญหาการทุจริต ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของคนในครอบครัว
หนีการตรวจสอบจากฝ่ายค้านด้วยการปรับครม. และลุแก่อำนาจ แทรกแซงสื่อ
คนที่ “พานทองแท้” ต้องเรียกร้องให้ออกมาขอโทษประเทศไทย ไม่ใช่ “เสริมสุข”หรอก
แต่เป็นทักษิณ ชินวัตร นั่นต่างหาก เวรกรรมจริงๆ