สวัสดีค่ะ อาจจะฟังดูเกลื่อนหน่อย แต่นี่คือการสมัครสมาชิกและมาตั้งกระทู้เป็นครั้งแรก
เท้าความมาก่อนว่าเราเป็นผู้หญิง อายุวัยรุ่นตอนปลายคือ 25 แล้ว และเป็น 25 ปีที่เติบโตมาแบบไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเดียว
ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดเรื่องเกิดเราที่เราตีกันเองอยู่ในตอนนี้ก็ได้
เราเคยอ่านเรื่องของผู้หญิงโลกส่วนตัวสูงมาเยอะ และผู้หญิงที่เป็นโสดและมีความสุขกับการอยู่คนเดียวแบบสบายสบายมาเยอะ และแน่นอนว่าเราคาดหวังจะให้ตัวเองเป็นผู้หญิงแบบนั้นได้ และเราก็คงความเรียบเฉยของการอยู่คนเดียวของตัวเองมาได้ยาวนาน
แต่ ความจริงมักอยู่หลังคำว่าแต่ เราก็ยังคงมีเรื่องเพศตรงข้ามหรือแม้แต่เพศเดียวกันวนเวียนเข้ามาให้ทำความรู้จักในฐานะ "คนคุย" เสมอ
ซึ่งทุกครั้งและแน่นอนกับทุกคน มักจบลงแค่ตรงคำว่า "คนคุย" หรือ "คนสนิทที่คุยกันมากกว่าคนอื่น" เท่านั้นเอง
และต่อมา เราได้เรียบเรียงสาเหตุต่างๆ ของตัวเอง นั่งพินิจพิเคราะห์จนมองเห็น 'แค่ในมุมของเรา' ว่า
เรากลายเป็นคนสองแบบ เมื่อเรามีใครสักคนที่เข้ามาชอบ หรือไปชอบ และในปัจจุบัน ที่ทั้งเราและเขาต่างชอบซึ่งกันและกัน
แน่นอนแหละ ตอนที่เราชอบใครฝ่ายเดียว หรือเขามาชอบเราอยู่ฝ่ายเดียว เรื่องที่เป็นคนสองบุคลิกมันไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเราจะรู้สึกตัวเองว่า ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นไปถึงได้แค่คนคุยกันทุกวัน สักวันหนึ่ง เมื่อเรารู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากจะใส่ใจเสียแล้ว เราก็จะเดินออกมาเอง และมาเสพย์การอยู่คนเดียวกับตัวเองเรื่อยเรื่อย ฟังเพลง ดูหนัง ไปงานดนตรี ไปดูงานศิลป์คนเดียวได้สบายสบายแบบไม่ต้องแคร์ใคร
แต่ทว่า พอมาเป็นคนที่เขาชอบเราและเราก็ชอบเขา เราก็เป๋มาก เป๋กว่าทุกครั้ง เหมือนคนเป็นไบโพลาร์แต่เป็นไม่สุด เรารู้สึกว่าอยากไปต่อ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ช่างเบื่อหน่ายที่ตัวเองเป็นคนที่อยากไปต่อ ทั้งทั้งที่เขาใส่ใจเราทุกอย่าง ชัดเจนทุกเรื่อง เข้าหาพ่อกับแม่เรา หรือแม้แต่คนใกล้ตัวที่รู้จัก เขาก็เปิดเผย และเขาน่ารักและให้เกียรติกับเรามาก เคารพการตัดสินใจของเราจนเราบอกได้เลยว่า เป็นผู้ชายที่ดีกับเรามากที่สุดตั้งแต่ที่มีคนเคยมาจีบเรา และระหว่างเรากับเขาก็กลายเป็นเหมือนละครน้ำเน่าเคล้าแสงจันทร์ที่มีผู้เขียนบทบอกว่า เป็นการพบการของคนสองคน และต่างฝ่ายต่างติดตรึงใจกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เขาเพิ่งมาสารภาพกับเราว่า เขาชอบเราตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเมื่อปีที่แล้ว และตัวเราเอง ก็ชอบ (ในหน้าตาและบุคลิกภายนอก) ของเขาตั้งแต่แรกเจอเหมือนกัน แต่ทั้งนี้เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดานะ ไม่ได้ดีซะโอโห นิยาย เขาก็ทั่วไป มีเรื่องดื่ม เรื่องเที่ยว เรื่องนิสัยไม่ดีปกติ ซึ่งเราก็รับรู้ รับได้ และรับฟังตลอด เราต่างเปิดตัวตนจริงๆ ให้ต่างฝ่ายได้รู้ แล้วเราก็ต่างโอเคต่อมุมนั้นๆ ของกันและกัน แต่ในหัวเราก็มีคำบอกที่ก้องวนไปมา ว่า ไม่รู้ดิ กับคนนี้ก็ไม่รู้ดิ ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ ถามว่าเขาใช่สำหรับเราไหม เขาใช่นะ เป็นคนที่ใช่ และในเวลาที่ใช้ด้วย ใช่ทุกอย่าง มาถึงตรงนี้อ่านแล้วงงกันไหม ใช่ เราก็งง นี่แหละ ความสองบุคลิกทึ่เราก็อยากฟาดตัวเองแรงๆ จนกว่าประเทศไทยจะหนาวเหมือนกัน... เราไม่รู้ว่า เราอยากไปต่อ แต่ตัวตนของเรานี่มันนิสัยเสียมาก เสียจริงๆ และตัวเราเองอยากซ่อมส่วนที่เสียตรงนี้ให้กลับมาดี แต่เราก็มองตัวเองไม่เห็นตรงจุดนี้เลย. เลยเป็นต้นเหตุให้มาตั้งกระทู้มีนมีนแบบนี้แหละ.
ตอนที่นี้ที่บ้านเราเปิดไฟเขียวให้เขาแล้ว และเขาเองก็เปิดเผยกับครอบครัวเขา ว่าเราคือคนที่เขาชอบ และอยากให้พ่อกับแม่เขารู้จัก
เราดีใจนะ ดีใจมาก
แต่เราอีกคนกลับนิ่งเฉย... นิ่งเสียจนเรากลัวตัวเอง ว่าวันไหนหากเกิดติสท์ขึ้นมา แล้วทำการเทเขา เหมือนคนก่อนๆ ที่เคยเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์แนวนี้กับเรา ทำร้ายความรู้สึกคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ้อ และเราไม่ได้เป็นคนที่มีอดีตที่ไม่ดีเกี่ยวกับความรักอะไรหรอกนะ และเราไม่ได้ติดใจอะไรกับคนคุยคนไหน รวมไปถึงตัวเราเองก็พร้อมที่จะเปิดใจให้กับใครสักคน ด้วยการงานที่ลงตัว ครอบครัวที่โอเค อายุที่พอเหมาะ ความรับผิดชอบต่างๆ ที่ไปได้สวย ชีวิตเราราบรื่นมาก รวมถึงความสัมพันธ์กับคนคนนี้ด้วย
ตอนนี้เราอยากให้มีคนที่มองเห็นมุมอื่นที่เราเข้าไม่ถึงตัวเองมาก มองเห็น แล้วตบกะโหลกเราสักครั้ง ว่าอะไรที่มันพอดี ธรรมดา เหมาะสม และไม่หวือหวาแบบนี้ที่เราต้องการ แต่เรากลับ คิดอยู่เสมอว่า ตัวเราเองนี่แหละ ที่จะเป็นปีศาจที่น่ากลัวที่สุด และทำลายมันลงด้วยสองมือของตัวเอง
แล้วพอตั้งกระทู้เสร็จ เราว่าเราไปนั่งสมาธิเพื่อเรียกสติของเรากลับมาดีกว่า
ขอบคุณ และสวัสดี.
เป็นคนมีสองบุคลิกเมื่อเริ่มมีความ(เกือบ)รัก.
เท้าความมาก่อนว่าเราเป็นผู้หญิง อายุวัยรุ่นตอนปลายคือ 25 แล้ว และเป็น 25 ปีที่เติบโตมาแบบไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเดียว
ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดเรื่องเกิดเราที่เราตีกันเองอยู่ในตอนนี้ก็ได้
เราเคยอ่านเรื่องของผู้หญิงโลกส่วนตัวสูงมาเยอะ และผู้หญิงที่เป็นโสดและมีความสุขกับการอยู่คนเดียวแบบสบายสบายมาเยอะ และแน่นอนว่าเราคาดหวังจะให้ตัวเองเป็นผู้หญิงแบบนั้นได้ และเราก็คงความเรียบเฉยของการอยู่คนเดียวของตัวเองมาได้ยาวนาน
แต่ ความจริงมักอยู่หลังคำว่าแต่ เราก็ยังคงมีเรื่องเพศตรงข้ามหรือแม้แต่เพศเดียวกันวนเวียนเข้ามาให้ทำความรู้จักในฐานะ "คนคุย" เสมอ
ซึ่งทุกครั้งและแน่นอนกับทุกคน มักจบลงแค่ตรงคำว่า "คนคุย" หรือ "คนสนิทที่คุยกันมากกว่าคนอื่น" เท่านั้นเอง
และต่อมา เราได้เรียบเรียงสาเหตุต่างๆ ของตัวเอง นั่งพินิจพิเคราะห์จนมองเห็น 'แค่ในมุมของเรา' ว่า
เรากลายเป็นคนสองแบบ เมื่อเรามีใครสักคนที่เข้ามาชอบ หรือไปชอบ และในปัจจุบัน ที่ทั้งเราและเขาต่างชอบซึ่งกันและกัน
แน่นอนแหละ ตอนที่เราชอบใครฝ่ายเดียว หรือเขามาชอบเราอยู่ฝ่ายเดียว เรื่องที่เป็นคนสองบุคลิกมันไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเราจะรู้สึกตัวเองว่า ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นไปถึงได้แค่คนคุยกันทุกวัน สักวันหนึ่ง เมื่อเรารู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากจะใส่ใจเสียแล้ว เราก็จะเดินออกมาเอง และมาเสพย์การอยู่คนเดียวกับตัวเองเรื่อยเรื่อย ฟังเพลง ดูหนัง ไปงานดนตรี ไปดูงานศิลป์คนเดียวได้สบายสบายแบบไม่ต้องแคร์ใคร
แต่ทว่า พอมาเป็นคนที่เขาชอบเราและเราก็ชอบเขา เราก็เป๋มาก เป๋กว่าทุกครั้ง เหมือนคนเป็นไบโพลาร์แต่เป็นไม่สุด เรารู้สึกว่าอยากไปต่อ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ช่างเบื่อหน่ายที่ตัวเองเป็นคนที่อยากไปต่อ ทั้งทั้งที่เขาใส่ใจเราทุกอย่าง ชัดเจนทุกเรื่อง เข้าหาพ่อกับแม่เรา หรือแม้แต่คนใกล้ตัวที่รู้จัก เขาก็เปิดเผย และเขาน่ารักและให้เกียรติกับเรามาก เคารพการตัดสินใจของเราจนเราบอกได้เลยว่า เป็นผู้ชายที่ดีกับเรามากที่สุดตั้งแต่ที่มีคนเคยมาจีบเรา และระหว่างเรากับเขาก็กลายเป็นเหมือนละครน้ำเน่าเคล้าแสงจันทร์ที่มีผู้เขียนบทบอกว่า เป็นการพบการของคนสองคน และต่างฝ่ายต่างติดตรึงใจกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เขาเพิ่งมาสารภาพกับเราว่า เขาชอบเราตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเมื่อปีที่แล้ว และตัวเราเอง ก็ชอบ (ในหน้าตาและบุคลิกภายนอก) ของเขาตั้งแต่แรกเจอเหมือนกัน แต่ทั้งนี้เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดานะ ไม่ได้ดีซะโอโห นิยาย เขาก็ทั่วไป มีเรื่องดื่ม เรื่องเที่ยว เรื่องนิสัยไม่ดีปกติ ซึ่งเราก็รับรู้ รับได้ และรับฟังตลอด เราต่างเปิดตัวตนจริงๆ ให้ต่างฝ่ายได้รู้ แล้วเราก็ต่างโอเคต่อมุมนั้นๆ ของกันและกัน แต่ในหัวเราก็มีคำบอกที่ก้องวนไปมา ว่า ไม่รู้ดิ กับคนนี้ก็ไม่รู้ดิ ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ ถามว่าเขาใช่สำหรับเราไหม เขาใช่นะ เป็นคนที่ใช่ และในเวลาที่ใช้ด้วย ใช่ทุกอย่าง มาถึงตรงนี้อ่านแล้วงงกันไหม ใช่ เราก็งง นี่แหละ ความสองบุคลิกทึ่เราก็อยากฟาดตัวเองแรงๆ จนกว่าประเทศไทยจะหนาวเหมือนกัน... เราไม่รู้ว่า เราอยากไปต่อ แต่ตัวตนของเรานี่มันนิสัยเสียมาก เสียจริงๆ และตัวเราเองอยากซ่อมส่วนที่เสียตรงนี้ให้กลับมาดี แต่เราก็มองตัวเองไม่เห็นตรงจุดนี้เลย. เลยเป็นต้นเหตุให้มาตั้งกระทู้มีนมีนแบบนี้แหละ.
ตอนที่นี้ที่บ้านเราเปิดไฟเขียวให้เขาแล้ว และเขาเองก็เปิดเผยกับครอบครัวเขา ว่าเราคือคนที่เขาชอบ และอยากให้พ่อกับแม่เขารู้จัก
เราดีใจนะ ดีใจมาก
แต่เราอีกคนกลับนิ่งเฉย... นิ่งเสียจนเรากลัวตัวเอง ว่าวันไหนหากเกิดติสท์ขึ้นมา แล้วทำการเทเขา เหมือนคนก่อนๆ ที่เคยเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์แนวนี้กับเรา ทำร้ายความรู้สึกคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ้อ และเราไม่ได้เป็นคนที่มีอดีตที่ไม่ดีเกี่ยวกับความรักอะไรหรอกนะ และเราไม่ได้ติดใจอะไรกับคนคุยคนไหน รวมไปถึงตัวเราเองก็พร้อมที่จะเปิดใจให้กับใครสักคน ด้วยการงานที่ลงตัว ครอบครัวที่โอเค อายุที่พอเหมาะ ความรับผิดชอบต่างๆ ที่ไปได้สวย ชีวิตเราราบรื่นมาก รวมถึงความสัมพันธ์กับคนคนนี้ด้วย
ตอนนี้เราอยากให้มีคนที่มองเห็นมุมอื่นที่เราเข้าไม่ถึงตัวเองมาก มองเห็น แล้วตบกะโหลกเราสักครั้ง ว่าอะไรที่มันพอดี ธรรมดา เหมาะสม และไม่หวือหวาแบบนี้ที่เราต้องการ แต่เรากลับ คิดอยู่เสมอว่า ตัวเราเองนี่แหละ ที่จะเป็นปีศาจที่น่ากลัวที่สุด และทำลายมันลงด้วยสองมือของตัวเอง
แล้วพอตั้งกระทู้เสร็จ เราว่าเราไปนั่งสมาธิเพื่อเรียกสติของเรากลับมาดีกว่า
ขอบคุณ และสวัสดี.