เมื่อวานมีหนังเข้าใหม่ใน Netflix ครับ ผมเพิ่งดูจบมาสดๆร้อนๆ นั่นคือ...
"Christine" หรือ "นักข่าวสาว ฉาวช็อกโลก"
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังเรื่อง "เก๋งปีศาจ" ที่เปิดตัวเมื่อปีค.ศ.1983 นะครับ (ผมอยากพูดให้เคลียร์เนื่องจากชื่อของหนังทั้งสองเรื่องนี้มีชื่อว่า "Christine" เหมือนกันเป๊ะ)
<<<คำเตือนสปอยล์>>>
เนื่องจากหนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงซึ่งผมจำเป็นต้องพูดถึงตอนจบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ากลัวสปอยล์โปรดข้ามบทความนี้ไปครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คุณเคยผิดหวังที่เจ้านายไม่เลื่อนตำแหน่งให้คุณ ทั้งๆที่คุณทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถแล้วหรือไม่?
ในขณะที่คุณทุ่มเททำงาน เพื่อนร่วมงานบางคนที่คุณรู้สึกว่าเขาหรือเธอไม่ได้ทุ่มเทเท่าคุณ แต่เขาหรือเธอกลับได้เลื่อนตำแหน่ง
คุณเคยมีทัศนคติเกี่ยวกับงานที่ไม่ตรงกับหัวหน้างานไหม?
คุณเคยถูกหัวหน้างานเกลียดขี้หน้าไหม แบบทำอะไรก็ผิดไปหมด?
คุณเคยมีอาการซึมเศร้าจนคิดอยากฆ่าตัวตายไหม?
วันนี้ผมไม่ได้จะมาชวนคุยเรื่อง HR หรือชวนระบายปัญหาในออฟฟิศ แต่ผมจะมาเล่าเรื่องราวของ "คริสทีน" ให้ฟัง
"คริสทีน" คือใคร?
เช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 1974 ช่วงเวลาแปดโมงกว่าๆเกือบเก้าโมง ในขณะที่ชาวอเมริกันกำลังดูทีวีข่าวเช้าช่อง WXLT-TV อยู่นั้น
ผู้ประกาศข่าวสาว “คริสทีน ชับบัค” ซึ่งเป็นพิธีกรรายการ “ซันโคสท์ไดเจสท์” ได้บอกเพื่อนร่วมงานของเธอว่า เธอได้รับมอบหมายให้อ่านข่าวเช้า ก่อนเข้ารายการ “ซันโคสท์ไดเจสท์” (ซึ่งปกติ ผังของรายการนี้จะเริ่มตอนเก้าโมงตรง)
เพื่อนร่วมงานของเธอค่อนข้างสับสนกับสิ่งที่เธอบอก เนื่องจากตามปกติ เธอไม่เคยมีหน้าที่ในการอ่านข่าวเช้ามาก่อน
ในขณะที่แขกรับเชิญในรายการ “ซันโคสท์ไดเจสท์” ได้นั่งรอคริสทีนอยู่ในสตูดิโอนั้น คริสทีนก็นั่งลงที่เก้าอี้ในตำแหน่งผู้ประกาศข่าวเพื่อเล่าข่าวเช้า
ในช่วงแปดนาทีแรก คริสทีนได้เล่าข่าวในประเทศทั้งหมดเป็นจำนวนสามข่าว และข่าวการยิงกันในร้านอาหาร “บีฟแอนด์บอทเทิล” ที่สนามบินซาราโซต้า-บราเดนตั้น
ระหว่างที่เธออ่านข่าวสุดท้าย จู่ๆม้วนฟิล์มวีดีโอที่ใช้ประกอบเนื้อหาข่าวการยิงกันในร้านอาหารเกิดติดในม้วนและขัดข้อง
ทันใดนั้น คริสทีนได้พูดต่อหน้ากล้องที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ว่า “นี่คือการสนับสนุนนโยบายการออกอากาศข่าวที่รุนแรงของช่องนี้ จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตคนที่ได้เห็นคนฆ่าตัวตายออกทีวีแบบสดๆ”
หลังจากพูดจบคริสทีนก็ทำในสิ่งที่คนทั้งเมืองที่กำลังชมรายการต้องตกตะลึงนั่นก็คือ เธอล้วงปืนขึ้นมาจากใต้โต๊ะและลั่นไกไปที่ศีรษะของเธอเอง!
ปัง!!!!!! เสียงปืนดังขึ้น ร่างของคริสทีนล้มลงที่พื้นพร้อมๆไปกับการตัดภาพของสถานี
คริสทีนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนโดยจีน รีด (เพื่อนร่วมงานของเธอ) แพทย์ได้ทำการช่วยเหลือเธออย่างเต็มความสามารถ แต่ทว่าไม่สามารถยื้อชีวิตเธอไว้ได้
คริสทีนจากไปหลังจากถูกนำส่งโรงพยาบาล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 14 ชั่วโมง
เทปรายการในขณะที่เธอยิงตัวเองนั้นถูกครอบครัวของเธอยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อห้ามผู้ใดนำไปเผยแพร่และห้ามทำสำเนา ซึ่งว่ากันว่านี่คือภาพเหตุการณ์ที่ไม่มีใครได้ดูนอกจากผู้ที่ได้รับชมข่าวในขณะที่คริสทีนยิงตัวเองเท่านั้น
ทำไมคริสทีนถึงยิงตัวตาย?
ผมต้องย้อนกลับไป ณ จุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้
คริสทีน ชับบัคเป็นผู้ประกาศข่าวสาววัย 29 ปีที่ทำงานที่เมืองแซราโซตา
เธอมักจะมีปัญหากับไมเคิล เนลสัน เจ้านายผู้ซึ่งต้องการให้เธอสนใจข่าวอาชญากรรมมากกว่าข่าวทั่วไปที่เธอนำเสนอ
ในขณะเดียวกัน คริสทีนได้ตกหลุมรักจอร์จ ปีเตอร์ ไรอัน เพื่อนร่วมงานของเธอ
ต่อมา คริสทีนมีอาการปวดท้อง เมื่อเธอไปพบแพทย์ เธอพบว่าตัวเองอาจต้องถูกตัดรังไข่เพื่อทำการรักษา ทำให้โอกาสที่เธอจะมีลูกนั้นลดน้อยลง เธอจึงตัดสินใจที่จะยังไม่รักษาในเวลานั้น
ต่อมาบ็อบ แอนเดอร์สัน เจ้าของสถานี ได้มาที่สถานีและเสนอให้มีการย้ายพนักงานบางส่วนในสถานีไปทำงานที่เมืองบัลติมอร์
คริสทีนยอมทำตามคำแนะนำของไมเคิล (เจ้านายของเธอ) เพื่อให้เธอเองได้รับโอกาสในการย้ายงานนั้น เธอจึงใช้เครื่องดักฟังสัญญาณของตำรวจเพื่อหาข่าวมาส่งเจ้านาย
ถึงแม้ว่าผลงานของเธอจะได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน แต่ไมเคิลกลับบอกเธอว่า ข่าวที่เธอหามานั้นยังไม่ดีพอ
คริสทีนพยายามทำข่าวที่มีเนื้อหาแนวใหม่ แต่ไมเคิลกลับปฏิเสธข่าวนั้นและตัดสินใจใช้ข่าวของจีน รีด เพื่อนร่วมงานของเธอแทน ทำให้คริสทีนโมโหและตวาดใส่ไมเคิลต่อหน้าทุกคน
หลังจากลางานกว่าสัปดาห์ คริสทีนกลับไปทำงานและได้รับคำเชิญจากจอร์จ (เพื่อนร่วมงานที่เธอหลงรัก) ให้มาทานอาหารเย็นร่วมกัน
ในขณะที่ทานอาหารเย็นกันอยู่นั้น คริสทีนบอกจอร์จว่า เธอมักสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อกันคนอื่นๆออกจากชีวิตของเธอ
จอร์จเลยพาเธอไปที่โรงเรียนเก่าที่เขาเคยเรียนแล้วบอกเธอว่า เขาเคยเป็นนักกีฬาแต่ต้องเลิกไปเพราะอาการบาดเจ็บและติดยา
เขาพาคริสทีนไปที่โรงยิมที่มีกลุ่มคนที่มารวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ (ลักษณะคล้ายกลุ่มบำบัดทางจิต) แล้วบอกเธอว่าเขาต้องการช่วยเธอ
ในระหว่างกิจกรรมการจับคู่เปิดใจของกลุ่มบำบัดทางจิตนี้ คริสทีนได้จับคู่กับหญิงสาวคนหนึ่งและเธอยอมเปิดใจบอกหญิงสาวคนนั้นว่าตัวเธอเองยังเป็นสาวบริสุทธิ์ และเธออยากมีครอบครัวที่มีความสุข
หลังจากนั้น จอร์จพาคริสทีนกลับไปส่งที่บ้าน เขาบอกเธอว่าเขากำลังจะย้ายไปทำงานที่บัลติมอร์ (แปลว่าเขาได้เลื่อนขั้นหรือมีความก้าวหน้าในสายงานข่าว) และบอกกับเธอว่า ขนาดคนไม่ได้เรื่องอย่างเขายังได้ย้ายงานเลย เธอเก่งแบบนี้ เธอต้องทำได้แน่ จอร์จพยายามพูดให้กำลังใจเธอ
หลังจากจอร์จขับรถออกไป คริสทีนขับรถของเธอไปที่บ้านของบ็อบ (เจ้าของสถานี) โดยทำทีเป็นว่ารถของเธอยางแตก บ็อบจึงเชิญเธอเข้าไปใช้โทรศัพท์ในบ้านของเขา
ทั้งสองจึงได้พูดคุยกันเรื่องการย้ายพนักงานของสถานีไปบัลติมอร์ ทำให้คริสทีนรู้ว่าจอร์จเป็นคนชวนแอนเดรีย ผู้ประกาศข่าวอีกคนไปด้วย แต่เขากลับไม่ได้ชวนเธอไป
เมื่อเธอกลับมาทำงานในเช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 1974 ก็เกิดเหตุโศกนาฏกรรมนี้ขึ้น
อ้างอิงแหล่งที่มา:
https://en.wikipedia.org/wiki/Christine_Chubbuck
https://th.wikipedia.org/wiki/คริสทีน_นักข่าวสาว_ฉาวช็อคโลก
ผมได้ข้อคิดอะไรจากหนังเรื่องนี้?
หนังเรื่องนี้พูดถึงอาการของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างชัดเจน
มีฉากนึงที่จีนไปพบนักจิตบำบัดในช่วง2-3อาทิตย์ก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตาย แต่เธอไม่ค่อยรับฟังนักจิตบำบัดคนนี้เท่าไรนัก
นอกจากนี้ ในปี ค.ศ.1970 เธอยังมีประวัติในการพยายามกินยาให้ตายแต่ทำไม่สำเร็จ ส่วนแม่ของเธอตัดสินใจที่จะไม่บอกที่ทำงานเรื่องที่เธอพยายามกินยาตายเพราะกลัวลูกสาวโดนไล่ออก
ความคิดเห็นของผมคือ ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็น (คุณสามารถทำแบบประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้โดยหาได้ทั่วไปในกูเกิ้ล)
ถ้าผลประเมินออกมาว่ามีความเสี่ยงและแนะนำให้ไปพบแพทย์ ผมแนะนำให้คุณไปพบนักจิตบำบัดก่อนเพื่อประเมินอาการ เนื่องจากถ้าคุณไปพบจิตแพทย์ก่อน จิตแพทย์บางท่านใช้วิธีจ่ายยาต้านเศร้าให้ทานอย่างเดียว โดยไม่ใช้วิธีอื่นรักษา
แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นในระดับรุนแรง ผมเห็นด้วยกับการรักษาด้วยการใช้ยาเป็นหลัก แต่ถ้าคุณเป็นในระดับเบาถึงปานกลาง การใช้ยาอย่างเดียวอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
วิธีอื่นที่ผมพูดถึงในการรักษาโรคซึมเศร้า เช่น การออกกำลังกายเบาๆ กินให้อิ่ม นอนให้หลับ และปรับวิธีคิด เป็นต้น
นอกจากนี้ การเอาตัวเราเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ได้ดีกว่าเราในทุกๆเรื่องเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเราไม่มีความสุข
อ้างอิงแหล่งที่มา:
https://www.youtube.com/watch?v=pSpvwjnL2zo (Youtube ปลดล็อกกับหมอเวช)
มาถึงการให้คะแนนหนังเรื่องนี้บ้างครับ
เนื้อหาของหนังค่อนข้างซีเรียส แทบจะไม่มีมุขตลกในหนังอยู่เลย เนื่องจากหนังถูกสร้างจากเรื่องจริง การไม่มีมุขตลกทำให้เราจมไปกับความซึมเศร้าของตัวละคร และความเครียด ผมไม่แนะนำให้คนที่มีอาการซึมเศร้าดูหนังเรื่องนี้ครับ
แต่ถ้าพูดถึงภาพรวม ผมให้ 7/10 เพราะนักแสดงสาว “รีเบคก้า ฮอล” ที่แสดงเป็นคริสทีน เธอแสดงได้ดีมากครับ ผมลืมพูดถึงพระเอก Dexter ไมเคิล ซี ฮอล ก็แสดงเรื่องนี้ด้วยครับ (เขาดูเจ้าเนื้อขึ้นจาก Dexter season สุดท้ายพอสมควร น้ำหนักตัวของเขาในเรื่องนี้น่าจะพอๆกับใน series เรื่อง Safe นะ)
แหล่งที่มาของบทความนี้
https://www.blockdit.com/articles/5c235d0668dad517d1e8c6be
Netflix Addict รีวิว "Christine"
"Christine" หรือ "นักข่าวสาว ฉาวช็อกโลก"
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังเรื่อง "เก๋งปีศาจ" ที่เปิดตัวเมื่อปีค.ศ.1983 นะครับ (ผมอยากพูดให้เคลียร์เนื่องจากชื่อของหนังทั้งสองเรื่องนี้มีชื่อว่า "Christine" เหมือนกันเป๊ะ)
<<<คำเตือนสปอยล์>>>
เนื่องจากหนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงซึ่งผมจำเป็นต้องพูดถึงตอนจบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ากลัวสปอยล์โปรดข้ามบทความนี้ไปครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คุณเคยผิดหวังที่เจ้านายไม่เลื่อนตำแหน่งให้คุณ ทั้งๆที่คุณทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถแล้วหรือไม่?
ในขณะที่คุณทุ่มเททำงาน เพื่อนร่วมงานบางคนที่คุณรู้สึกว่าเขาหรือเธอไม่ได้ทุ่มเทเท่าคุณ แต่เขาหรือเธอกลับได้เลื่อนตำแหน่ง
คุณเคยมีทัศนคติเกี่ยวกับงานที่ไม่ตรงกับหัวหน้างานไหม?
คุณเคยถูกหัวหน้างานเกลียดขี้หน้าไหม แบบทำอะไรก็ผิดไปหมด?
คุณเคยมีอาการซึมเศร้าจนคิดอยากฆ่าตัวตายไหม?
วันนี้ผมไม่ได้จะมาชวนคุยเรื่อง HR หรือชวนระบายปัญหาในออฟฟิศ แต่ผมจะมาเล่าเรื่องราวของ "คริสทีน" ให้ฟัง
"คริสทีน" คือใคร?
เช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 1974 ช่วงเวลาแปดโมงกว่าๆเกือบเก้าโมง ในขณะที่ชาวอเมริกันกำลังดูทีวีข่าวเช้าช่อง WXLT-TV อยู่นั้น
ผู้ประกาศข่าวสาว “คริสทีน ชับบัค” ซึ่งเป็นพิธีกรรายการ “ซันโคสท์ไดเจสท์” ได้บอกเพื่อนร่วมงานของเธอว่า เธอได้รับมอบหมายให้อ่านข่าวเช้า ก่อนเข้ารายการ “ซันโคสท์ไดเจสท์” (ซึ่งปกติ ผังของรายการนี้จะเริ่มตอนเก้าโมงตรง)
เพื่อนร่วมงานของเธอค่อนข้างสับสนกับสิ่งที่เธอบอก เนื่องจากตามปกติ เธอไม่เคยมีหน้าที่ในการอ่านข่าวเช้ามาก่อน
ในขณะที่แขกรับเชิญในรายการ “ซันโคสท์ไดเจสท์” ได้นั่งรอคริสทีนอยู่ในสตูดิโอนั้น คริสทีนก็นั่งลงที่เก้าอี้ในตำแหน่งผู้ประกาศข่าวเพื่อเล่าข่าวเช้า
ในช่วงแปดนาทีแรก คริสทีนได้เล่าข่าวในประเทศทั้งหมดเป็นจำนวนสามข่าว และข่าวการยิงกันในร้านอาหาร “บีฟแอนด์บอทเทิล” ที่สนามบินซาราโซต้า-บราเดนตั้น
ระหว่างที่เธออ่านข่าวสุดท้าย จู่ๆม้วนฟิล์มวีดีโอที่ใช้ประกอบเนื้อหาข่าวการยิงกันในร้านอาหารเกิดติดในม้วนและขัดข้อง
ทันใดนั้น คริสทีนได้พูดต่อหน้ากล้องที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ว่า “นี่คือการสนับสนุนนโยบายการออกอากาศข่าวที่รุนแรงของช่องนี้ จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตคนที่ได้เห็นคนฆ่าตัวตายออกทีวีแบบสดๆ”
หลังจากพูดจบคริสทีนก็ทำในสิ่งที่คนทั้งเมืองที่กำลังชมรายการต้องตกตะลึงนั่นก็คือ เธอล้วงปืนขึ้นมาจากใต้โต๊ะและลั่นไกไปที่ศีรษะของเธอเอง!
ปัง!!!!!! เสียงปืนดังขึ้น ร่างของคริสทีนล้มลงที่พื้นพร้อมๆไปกับการตัดภาพของสถานี
คริสทีนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนโดยจีน รีด (เพื่อนร่วมงานของเธอ) แพทย์ได้ทำการช่วยเหลือเธออย่างเต็มความสามารถ แต่ทว่าไม่สามารถยื้อชีวิตเธอไว้ได้
คริสทีนจากไปหลังจากถูกนำส่งโรงพยาบาล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 14 ชั่วโมง
เทปรายการในขณะที่เธอยิงตัวเองนั้นถูกครอบครัวของเธอยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อห้ามผู้ใดนำไปเผยแพร่และห้ามทำสำเนา ซึ่งว่ากันว่านี่คือภาพเหตุการณ์ที่ไม่มีใครได้ดูนอกจากผู้ที่ได้รับชมข่าวในขณะที่คริสทีนยิงตัวเองเท่านั้น
ทำไมคริสทีนถึงยิงตัวตาย?
ผมต้องย้อนกลับไป ณ จุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้
คริสทีน ชับบัคเป็นผู้ประกาศข่าวสาววัย 29 ปีที่ทำงานที่เมืองแซราโซตา
เธอมักจะมีปัญหากับไมเคิล เนลสัน เจ้านายผู้ซึ่งต้องการให้เธอสนใจข่าวอาชญากรรมมากกว่าข่าวทั่วไปที่เธอนำเสนอ
ในขณะเดียวกัน คริสทีนได้ตกหลุมรักจอร์จ ปีเตอร์ ไรอัน เพื่อนร่วมงานของเธอ
ต่อมา คริสทีนมีอาการปวดท้อง เมื่อเธอไปพบแพทย์ เธอพบว่าตัวเองอาจต้องถูกตัดรังไข่เพื่อทำการรักษา ทำให้โอกาสที่เธอจะมีลูกนั้นลดน้อยลง เธอจึงตัดสินใจที่จะยังไม่รักษาในเวลานั้น
ต่อมาบ็อบ แอนเดอร์สัน เจ้าของสถานี ได้มาที่สถานีและเสนอให้มีการย้ายพนักงานบางส่วนในสถานีไปทำงานที่เมืองบัลติมอร์
คริสทีนยอมทำตามคำแนะนำของไมเคิล (เจ้านายของเธอ) เพื่อให้เธอเองได้รับโอกาสในการย้ายงานนั้น เธอจึงใช้เครื่องดักฟังสัญญาณของตำรวจเพื่อหาข่าวมาส่งเจ้านาย
ถึงแม้ว่าผลงานของเธอจะได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน แต่ไมเคิลกลับบอกเธอว่า ข่าวที่เธอหามานั้นยังไม่ดีพอ
คริสทีนพยายามทำข่าวที่มีเนื้อหาแนวใหม่ แต่ไมเคิลกลับปฏิเสธข่าวนั้นและตัดสินใจใช้ข่าวของจีน รีด เพื่อนร่วมงานของเธอแทน ทำให้คริสทีนโมโหและตวาดใส่ไมเคิลต่อหน้าทุกคน
หลังจากลางานกว่าสัปดาห์ คริสทีนกลับไปทำงานและได้รับคำเชิญจากจอร์จ (เพื่อนร่วมงานที่เธอหลงรัก) ให้มาทานอาหารเย็นร่วมกัน
ในขณะที่ทานอาหารเย็นกันอยู่นั้น คริสทีนบอกจอร์จว่า เธอมักสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อกันคนอื่นๆออกจากชีวิตของเธอ
จอร์จเลยพาเธอไปที่โรงเรียนเก่าที่เขาเคยเรียนแล้วบอกเธอว่า เขาเคยเป็นนักกีฬาแต่ต้องเลิกไปเพราะอาการบาดเจ็บและติดยา
เขาพาคริสทีนไปที่โรงยิมที่มีกลุ่มคนที่มารวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ (ลักษณะคล้ายกลุ่มบำบัดทางจิต) แล้วบอกเธอว่าเขาต้องการช่วยเธอ
ในระหว่างกิจกรรมการจับคู่เปิดใจของกลุ่มบำบัดทางจิตนี้ คริสทีนได้จับคู่กับหญิงสาวคนหนึ่งและเธอยอมเปิดใจบอกหญิงสาวคนนั้นว่าตัวเธอเองยังเป็นสาวบริสุทธิ์ และเธออยากมีครอบครัวที่มีความสุข
หลังจากนั้น จอร์จพาคริสทีนกลับไปส่งที่บ้าน เขาบอกเธอว่าเขากำลังจะย้ายไปทำงานที่บัลติมอร์ (แปลว่าเขาได้เลื่อนขั้นหรือมีความก้าวหน้าในสายงานข่าว) และบอกกับเธอว่า ขนาดคนไม่ได้เรื่องอย่างเขายังได้ย้ายงานเลย เธอเก่งแบบนี้ เธอต้องทำได้แน่ จอร์จพยายามพูดให้กำลังใจเธอ
หลังจากจอร์จขับรถออกไป คริสทีนขับรถของเธอไปที่บ้านของบ็อบ (เจ้าของสถานี) โดยทำทีเป็นว่ารถของเธอยางแตก บ็อบจึงเชิญเธอเข้าไปใช้โทรศัพท์ในบ้านของเขา
ทั้งสองจึงได้พูดคุยกันเรื่องการย้ายพนักงานของสถานีไปบัลติมอร์ ทำให้คริสทีนรู้ว่าจอร์จเป็นคนชวนแอนเดรีย ผู้ประกาศข่าวอีกคนไปด้วย แต่เขากลับไม่ได้ชวนเธอไป
เมื่อเธอกลับมาทำงานในเช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 1974 ก็เกิดเหตุโศกนาฏกรรมนี้ขึ้น
อ้างอิงแหล่งที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Christine_Chubbuck
https://th.wikipedia.org/wiki/คริสทีน_นักข่าวสาว_ฉาวช็อคโลก
ผมได้ข้อคิดอะไรจากหนังเรื่องนี้?
หนังเรื่องนี้พูดถึงอาการของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างชัดเจน
มีฉากนึงที่จีนไปพบนักจิตบำบัดในช่วง2-3อาทิตย์ก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตาย แต่เธอไม่ค่อยรับฟังนักจิตบำบัดคนนี้เท่าไรนัก
นอกจากนี้ ในปี ค.ศ.1970 เธอยังมีประวัติในการพยายามกินยาให้ตายแต่ทำไม่สำเร็จ ส่วนแม่ของเธอตัดสินใจที่จะไม่บอกที่ทำงานเรื่องที่เธอพยายามกินยาตายเพราะกลัวลูกสาวโดนไล่ออก
ความคิดเห็นของผมคือ ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็น (คุณสามารถทำแบบประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้โดยหาได้ทั่วไปในกูเกิ้ล)
ถ้าผลประเมินออกมาว่ามีความเสี่ยงและแนะนำให้ไปพบแพทย์ ผมแนะนำให้คุณไปพบนักจิตบำบัดก่อนเพื่อประเมินอาการ เนื่องจากถ้าคุณไปพบจิตแพทย์ก่อน จิตแพทย์บางท่านใช้วิธีจ่ายยาต้านเศร้าให้ทานอย่างเดียว โดยไม่ใช้วิธีอื่นรักษา
แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นในระดับรุนแรง ผมเห็นด้วยกับการรักษาด้วยการใช้ยาเป็นหลัก แต่ถ้าคุณเป็นในระดับเบาถึงปานกลาง การใช้ยาอย่างเดียวอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
วิธีอื่นที่ผมพูดถึงในการรักษาโรคซึมเศร้า เช่น การออกกำลังกายเบาๆ กินให้อิ่ม นอนให้หลับ และปรับวิธีคิด เป็นต้น
นอกจากนี้ การเอาตัวเราเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ได้ดีกว่าเราในทุกๆเรื่องเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเราไม่มีความสุข
อ้างอิงแหล่งที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=pSpvwjnL2zo (Youtube ปลดล็อกกับหมอเวช)
มาถึงการให้คะแนนหนังเรื่องนี้บ้างครับ
เนื้อหาของหนังค่อนข้างซีเรียส แทบจะไม่มีมุขตลกในหนังอยู่เลย เนื่องจากหนังถูกสร้างจากเรื่องจริง การไม่มีมุขตลกทำให้เราจมไปกับความซึมเศร้าของตัวละคร และความเครียด ผมไม่แนะนำให้คนที่มีอาการซึมเศร้าดูหนังเรื่องนี้ครับ
แต่ถ้าพูดถึงภาพรวม ผมให้ 7/10 เพราะนักแสดงสาว “รีเบคก้า ฮอล” ที่แสดงเป็นคริสทีน เธอแสดงได้ดีมากครับ ผมลืมพูดถึงพระเอก Dexter ไมเคิล ซี ฮอล ก็แสดงเรื่องนี้ด้วยครับ (เขาดูเจ้าเนื้อขึ้นจาก Dexter season สุดท้ายพอสมควร น้ำหนักตัวของเขาในเรื่องนี้น่าจะพอๆกับใน series เรื่อง Safe นะ)
แหล่งที่มาของบทความนี้ https://www.blockdit.com/articles/5c235d0668dad517d1e8c6be