หลายคนคงเคยผ่านตารายการสารคดี เกี่ยวกับปูแดง ที่เดินข้ามเกาะกันเป็นล้านๆตัว มาบ้าง ถ้าเคยผ่านตามาก็ คือที่นี่หละครับ Christmas Island ในมหาสมุทร อินเดีย ซึ่งเป็นของประเทศ ออสเตรเลีย แต่ทว่า มันไม่ได้ไกลไปถึง ออสเตรเลีย อะไร เลยนะครับ เดินทางจากเมืองไทย ก็ไม่ไกลมากนัก
แถมอยู่ time zone เดียวกับบ้านเราด้วย
เอาเรื่องภูมิศาสตร์ก่อน
เกาะ Christmas Island นี่อยู่ ใต้ อินโดลงมานิดเดียว บินจาก จาการ์ต้านี่ แค่ 1 ชม เท่านั้นเอง ในขนาดที่ บินจาก Perth นี่ ใช้เวลา 4 ชม
ตัวเกาะเองก็ไม่ได้ใหญ่โตมาก จาก เหนือสุดลงใต้สุดน่าจะสัก 20 กิโลกว่าๆ เป็นเกาะทีมีเขาแต่ไม่สูงมาก เป็นป่าซะเกือบหมด เกาะนี้ อังกฤษมายึดครองไว้
นานพอสมควร ไว้ทำเหมือง phosphate แล้วในที่สุดก็ยกให้ ออสเตรเลียต่อ ตอนนี้เหมือง โดนสั่งห้ามขยาย เพราะ 70% กว่าๆของเกาะตอนนี้เป็น อุทยานไปแล้ว ห้ามมีการทำลายป่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากบนเกาะเป็นที่อยู่ของสัตว์ ใกล้สูญพันธ์ หรือสัตว์หายากเยอะพอควร ทั้งเกาะมีประชากร ประมาณ 1800 คน เมื่อก่อน คนบนเกาะ 60-70% ทำงานเหมือง แต่เดี๋ยวนี้ ไม่ถึง 10% ทำงานเหมือง คนบนเกาะไม่มีคนพื้นเมืองนะครับ มีก็คน ออส ฝรั่งมั่ง จีนมั่ง มาเลย์ ก็เยอะ มีพี่คนไทย อย่างน้อย 2 คนหละที่อยู่ทำงานบนเกาะที่ผมเจอ
จะมาเกาะนี้ ง่ายสุดสองวิธี คือบิน จาก จาการ์ต้า หรือ บินจาก Perth นะครับ จาก จาการ์ต้ามี chartered flight ของ Garuda ทุกวันเสาร์ จาก Perth มี อาทิตย์ละ 2 วัน โดย Virgin Airline แล้วเห็นแวปๆว่า Malindo Airline บินจามาเลย์ ก็มี แต่เห็นว่า บินแค่ ทุกสองอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะเป็น cargo มากกว่า ผู้โดยสารไม่เยอะ
ผมเอง บิน การูด้า นะครับ ง่ายดี จาก กทม ออกเช้าตรู่วันเสาร์ มา จาการ์ต้ารอต่อเครื่องตอนบ่ายมาถึงเกาะได้เลย แต่ ขากลับ ต้องค้าง จาการ์ต้าคืนนึง
จริงๆ ถ้าบินป้าม่วงกลับ กทม ไฟล์สุดท้าย พอมีลุ้น แต่ต้องวิ่งเริ้ด แต่โอกาศตกเครื่องบินเยอะ เลยไม่อยากเสี่ยง
ถ้าบินการูด้า ไม่ต้อง ไปหาตั๋วในเวป การูด้าหรือ โทรหาสายการบินที่ กทม นะครับ หาไม่เจอแน่ ต้องให้ เอเยนต์ทาง เกาะเขาจองให้
ผมบินไปกลับ Christmas Island-Jakarta นี ซื้อนํ้าหนักเพิ่มด้วยเป็น 40kg นี่ประมาณ สองหมื่นบาทนิดๆ เวลาไปเช็คอิน ที่ จาการ์ต้านี่ ก็ไปตรง
International check in counter ของสายการบินปกติ แต่เขาจะมีป้ายแยกเค้าเตอร์สำหรับ Christmas Island ไว้เลยไม่ต้องไปเข้าแถวรวมกับ flight อื่นๆ
เอาไปถึงเกาะ สิ่งที่ควรมีคือ เช่ารถ เพราะ เดินไม่ไหวแน่ ใบขับขี่เมืองไทย ที่มีภาษาอังกฤษบนใบขับขี่ด้วยใช้ได้เลย ไม่ต้องอินเตอร์ ค่าเช่าตกวันละ $55 aud ได้ Toyota RAV4 เก่าๆ มาคัน ที่พัก มีให้เลือกพอควร ส่วนใหญ่ อยู่ใน Flying Fish Cove หรือแถวๆนั้นดูตามแผนที่ได้ ผมพักที่
Sunset Lodge
http://www.thesunset.cx/
ก็โอเคใกล้ร้านดำนํ้าใกล้ร้านอาหาร มี ซุเปอร์ ปั้มนํ้ามันไม่ไกล ในห้องมี เตาไมโครเวฟ ให้ บนเกาะเขาไม่ให้ นำอาหารเข้ามาเองนะครับ
อาหารบนเกาะเกือบ 100% ต้องส่งมาจาก อินโด มาเล หรือจาก ออสเอง มีฟารม จิ๊ดนึง บนเกาะ การเพาะปลูกแทบไม่มีเลย เพราะ ฉะนั้น อาหารแพงมากๆ ร้านฝรั่ง main course ประมาณ $40AUD สลัด $30AUD แต่มีร้านจีนค่อนข้างอร่อยเลย สั่งแบบจานเล็ก ตกประมาณ $20AUD นิดๆ (ผมไปนี่ ๅ1 AUD นี่ 23บาทกว่าๆ)
ก๊วยเตี๋ยว จานขนาดกลางผมกินไม่หมด ส่วน มื้อเย็น สามคน สั่ง จานเล็กสี่อย่าง แบ่งกันกิน เกือบๆจุก เขาบอกบนเกาะ ถูกแต่ เหล้ากะบุหรี่
เอา เรื่องเด่นของเกาสะก่อน คือ ปูเดินข้ามเกาะ หรือ Red Crab migration
อันนี้จะเกิดขึ้นปลายปี เมื่อมีฝนตก ปูก็เดินข้ามเกาะ ปกติอยู่ในป่ากลางเกาะ
ปูจะเดินลงมาที่ชายหาด ผสมพันธ์ ลงรูฝักไข่ แล้วก็มาปล่อยไข่ที่ริมนํ้า (spawning) แล้วสี่อาทิตย์ต่อมา ลูกปูก็กลับจากทะเล ขึ้นบก
เพราะฉะนั้นถ้าอยากดูปู เลือกดูก่อนว่า อยากดูอะไร ปูเดิน ข้ามถนนข้ามเมือง ลงหาด หรือ ปูปล่อยไข่ หรือ ลูกปูกลับเข้าฝั่ง
ของผม จริงๆคือ จะไปดำนํ้ากะไป ดูนก (เดี๋ยวค่อยเล่าตรงนี้) เลยถือว่า ปูเป็นเรื่องแถม ไม่ได้เน้นนัก
เวลาที่จะมา ก็คือ ดู เวลาก่อน ปูจะปล่อยไข่ในนํ้า 3-5 วันก่อน แรม 15 คํ่าเสมอ คือ 3-5 วันก่อน เดือนมืดสนิท แต่เป็นได้ทั้งในของเดือน ตค พย หรือ ธค
ขึ้นกับว่า ฝน มาไวแค่ไหน ตรงนี้แหละที่ยาก ถ้าฝนมาปุ๊ป ปูก็จะเริ่มเดิน ปกติควรจะมีเวลา 2-3 อาทิตย์ในการเดิน มาจนถึงหาดเพื่อกินนํ้า
พออิ่มหายหิวนํ้า ก็หาตัวเมีย ขุดโพรง บนดินขึ้นจากหาดมาหน่อย จู๋จี๋กันเสร็จ คุณตัวผ็ก็เดินกลับ ป่า คุณตัวเมียลงโพรง 2 อาทิตย์ ช่วงนี้ ปูจะหายหมด ไม่เจอ อะไร เลย 2 อาทิตย์ แล้ว คุณตัวเมีย ก็จะมาปล่อยไข่ลงทะเล แล้วก็เดินกลับบ้าน ปูจะปล่อยไข่พร้อมๆกัน ทั่วหาด รอบเกาะในวันเดียวกันเลย
เพราะฉะนั้น นับวันเลย ประมาณ 5-6 อาทิตย์ ก่อน แรม 15 คํ่า เดือน ตค พย หรือ ธค แล้ววัดดวงเอาว่า migration มันจะเริ่มเมื่อไหร่
ปกติ เขาว่า ธค จะปลอดภัยสุด คือ ถ้า ฝนมาเร็ว ปูเดินแล้วปล่อยไข่ เดือน พย ถ้ามา ธค ช่วงใกล้ แรม 15 คํ่า คือ อีก 4 อาทิตย์หลังจากนั้น อย่างน้อยก็ได้ดู ลูกปูเดินกลับขึ้นฝั่ง อะไรแบบนั้น แต่ถ้าฝนมาเร็วมาก แบบ 2 ปีก่อน ปูเดิน แล้วปล่อยไข่เดือน ตค ก็อด
แต่ปีนี้ อากาศแห้งมาก มีฝนมาเดือน พย นิดนึง แต่มาช้า ปูเลยสับสนมากๆ คือ ตกน้อย แล้ว ดันมาตก ประมาณแค่ ไม่ถึง
3 อาทิตย์ ก่อน แรม 15 คํ่า ปูมีเวลาเดิน แค่ ประมาณ 5 วัน ก็เลยมีปูเดินข้ามเกาะน้อยมาก ที่ Flying Fish Cove นี่มีหาดใหญ่อันนึงซึ่งปกติจะมีปูเยอะมาก เขาบอกว่า ปีนี้ ไม่มีปูไปปล่อยไข่ที่นั่นเลยเดือน พย มีแต่หาดเล็กๆทางฝั่ง ตะวันออกที่มี spawning บ้าง ทีนี้เป็นโชคดีของผม ที่ ดันมีฝนตกรอบสอง
อีกหน่อย นึง ปูที่ งงกับฝนรอบแรก เลย ออกมาเดินกันมั่ง เป็น migration รอบที่สองของปี ซึ่งปกติจะไม่มี ฉายสองรอบแบบนี้ ผมไปถึง กลาง ธค นี่ ทัน
ปลายๆ migration รอบสอง ตอนปูถึง หาด มากินนํ้าพอดี แต่ก็ไม่ได้เยอะมากๆ แบบที่เห็นในทีวี แต่ ก็หยวนๆเหอะว่า ได้เห็นบ้าง
เห็นอยู่สองวันแรก แล้ว ปูก็ลงรู หรือ เดินกลับป่าหมด ไม่เจออีกเลย เฉียดฉิวมากๆ
ถ้าใครไป Christmas Island ช่วงหลังปีใหม่ นี่ มีโอกาศได้เห็น spawning รอบสอง พร้อมๆกับ ลูกปูจาก spawning ครั้งแรกกลับเข้าฝั่งพอดี น่าอิจฉามาก
เขาว่า
นอกจาก ปูแดงแล้ว บนเกาะมีปูอีกหลายชนิดเลยนะครับ
Blue crab พวกนี้ ก็เดินเหมือนกัน แต่เดิน ตามลำธารเล็กๆในป่ามาปล่อยบไข่ในทะเล ไม่ได้ มีเยอะมาก แบบปูแดง
ปู Robber crab อันนี้ปูตัวโต ขนาดลูกฟุตบอล ชอบกินมะพร้าว ถ้าไม่มีมะพร้าวตกอยู่บนพื้น ก็สามารถปีนต้นมะพร้าวไปเด็ดมะพร้าวเองได้เลย เขาว่าอร่อยมาก แต่ ตัวละ $5000AUD อะ ถ้าเขาจับได้ว่า แอบกิน นี่ค่าปรับต่อตัวนะ
ปูอะไร ไม่รู้มาโดด ดึ๋งๆ ริมหาดให้ดูหน่อย
นอกจากปู ก็มีนก ที่ดังมากๆ ที่นี่ ที่ดังสุดก็คงตัวนี้
Abbott Boobie นกทะเลที่เกาะมีเหลืออยู่ประมาณ 2000 คู่ เยอะสุดในโลกแล้ว ถ้าไม่ดูที่นี่ เขาว่า Reunion Island ในมหาสมุทรอินเดีย แถว แอฟริกา มีอีก แต่แค่เป็น สิบๆคู่ แล้วก็เป็น สาเหตุที่ ออสเตรเลียไม่ให้ ขยาย เหมือง แล้วเพราะต้องเก็บป่าไว้ให้นกพวกนี้ทำรัง
Christmas Island Frigatebird อันนี้เจอเฉพาะที่นี่ ใกล้สูญพันธ์ เหมือนกัน มาเร็วไปนิด เดิน มค นี่ ถุงแดงๆใต้คอตัวผู้จะโต พองขึ้นเยอะ ไว้จีบตัวเมีย
อันนี้ golden bosun ยังมีเยอะ จริงๆ เป็นกลายพันธ์ ของ White Tailed tropicbird ที่เป็นสีขาวแต่ที่เกาะนี้ มันดันเป็นสีออกทองๆ เห็นง่ายมาก ทองอ่อนๆเห็นแต่ไกล แต่มัน ไม่ชอบคนมากๆ ไม่ค่อยจะบินเข้ามาใกล้คนเลย แล้วบินสูง บินเร็วมากๆ
Silver Bosun อันนี้ มีหลายที่ แต่ปีนี้บนเกาะ ไม่รู้หายไปไหนหมด โชคดี ไกด์นกบนเกาะมาบอก อยากเห็นเหรอ หน้า รร ยูนั่นแหละ 11โมงเช้า ถึงเที่ยงกว่าๆ มันจะมาบินแถวๆนั้นห้าหกตัวไม่ต้องไปวิ่งทั่วเกาะให้เหนื่อย
พวก greater กะ lesser frigatebird มีให้ดูเยอะแยะจนเบื่อ
อีกเรื่องที่จะมาก็คือดำนํ้า ปกติที่นี่ จะดังมากเรื่อง ประการังแข็งที่มีเยอะ และอุดมสมบูณณ์มากๆ
แต่ว่า 3-4 ปีก่อน เจอ El Nino ประการังเสียไปส่วนนึงแล้วที่งอนหน่อย เพื่อน ที่เคยมาบอกว่า ฝั่งตะวันออกมีจุดสวยมากๆ
มีปลาฝูงเยอะ ฉลามเยอะ แต่มาหนนี้ เนื่องจากฝนไม่มี ทะเลด้านเหนือเลยเรียบสุด เขาเลยพาไปดำด้านเหนือ ซะหมด
ซึ่งผมไม่ตื่นเต้นมากนัก
น่าเบื่อหน่อย เอา fisheye ลองไปถ่าย ประการัง คุณ silky sharks 2 ตัวดันมาว่ายวนไปๆมาๆ
อยู่ด้วยร่วมครึ่งชม แต่ไม่เข้าใกล้มาก ถ่ายมาได้ตัวเท่าจิ่งจก กะมี ฉลามหัวฆ้อนผ่านมาอีกตัว แห้วอีก
แถมโลมา ผ่านมาอีกฝูง แต่ เซ็งเขาว่า ฝูงนี้ ไม่ค่อนเล่นกับคน หนีตอบด มีอีกฝูงที่จะไม่คอ่ยกลัวคนเท่าไหร่ แต่ไม่เจอ ฝูงนั้นนะ
จบหละครับ ใครมีอะไรอยากถามอะไร ถ้าผมตอบได้ ก็ยินดีนะครับ
เรื่องกล้อง ผมเอา Nikon D850, Z7 ไป ใต้นํ้าใช้ 8-15mm fisheye นกใช้ 500/5.6PF ปู ส่วนใหญ่ 500/5.6PF นี่แหละมี 70-200/2.8e FL
บ้างนิดหน่อย
เที่ยวดูนก ดูปู ดำนํ้า ออสเตรเลียแบบ ใกล้กว่าที่คิด ที่ Christmas Island
แถมอยู่ time zone เดียวกับบ้านเราด้วย
เอาเรื่องภูมิศาสตร์ก่อน
เกาะ Christmas Island นี่อยู่ ใต้ อินโดลงมานิดเดียว บินจาก จาการ์ต้านี่ แค่ 1 ชม เท่านั้นเอง ในขนาดที่ บินจาก Perth นี่ ใช้เวลา 4 ชม
ตัวเกาะเองก็ไม่ได้ใหญ่โตมาก จาก เหนือสุดลงใต้สุดน่าจะสัก 20 กิโลกว่าๆ เป็นเกาะทีมีเขาแต่ไม่สูงมาก เป็นป่าซะเกือบหมด เกาะนี้ อังกฤษมายึดครองไว้
นานพอสมควร ไว้ทำเหมือง phosphate แล้วในที่สุดก็ยกให้ ออสเตรเลียต่อ ตอนนี้เหมือง โดนสั่งห้ามขยาย เพราะ 70% กว่าๆของเกาะตอนนี้เป็น อุทยานไปแล้ว ห้ามมีการทำลายป่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากบนเกาะเป็นที่อยู่ของสัตว์ ใกล้สูญพันธ์ หรือสัตว์หายากเยอะพอควร ทั้งเกาะมีประชากร ประมาณ 1800 คน เมื่อก่อน คนบนเกาะ 60-70% ทำงานเหมือง แต่เดี๋ยวนี้ ไม่ถึง 10% ทำงานเหมือง คนบนเกาะไม่มีคนพื้นเมืองนะครับ มีก็คน ออส ฝรั่งมั่ง จีนมั่ง มาเลย์ ก็เยอะ มีพี่คนไทย อย่างน้อย 2 คนหละที่อยู่ทำงานบนเกาะที่ผมเจอ
จะมาเกาะนี้ ง่ายสุดสองวิธี คือบิน จาก จาการ์ต้า หรือ บินจาก Perth นะครับ จาก จาการ์ต้ามี chartered flight ของ Garuda ทุกวันเสาร์ จาก Perth มี อาทิตย์ละ 2 วัน โดย Virgin Airline แล้วเห็นแวปๆว่า Malindo Airline บินจามาเลย์ ก็มี แต่เห็นว่า บินแค่ ทุกสองอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะเป็น cargo มากกว่า ผู้โดยสารไม่เยอะ
ผมเอง บิน การูด้า นะครับ ง่ายดี จาก กทม ออกเช้าตรู่วันเสาร์ มา จาการ์ต้ารอต่อเครื่องตอนบ่ายมาถึงเกาะได้เลย แต่ ขากลับ ต้องค้าง จาการ์ต้าคืนนึง
จริงๆ ถ้าบินป้าม่วงกลับ กทม ไฟล์สุดท้าย พอมีลุ้น แต่ต้องวิ่งเริ้ด แต่โอกาศตกเครื่องบินเยอะ เลยไม่อยากเสี่ยง
ถ้าบินการูด้า ไม่ต้อง ไปหาตั๋วในเวป การูด้าหรือ โทรหาสายการบินที่ กทม นะครับ หาไม่เจอแน่ ต้องให้ เอเยนต์ทาง เกาะเขาจองให้
ผมบินไปกลับ Christmas Island-Jakarta นี ซื้อนํ้าหนักเพิ่มด้วยเป็น 40kg นี่ประมาณ สองหมื่นบาทนิดๆ เวลาไปเช็คอิน ที่ จาการ์ต้านี่ ก็ไปตรง
International check in counter ของสายการบินปกติ แต่เขาจะมีป้ายแยกเค้าเตอร์สำหรับ Christmas Island ไว้เลยไม่ต้องไปเข้าแถวรวมกับ flight อื่นๆ
เอาไปถึงเกาะ สิ่งที่ควรมีคือ เช่ารถ เพราะ เดินไม่ไหวแน่ ใบขับขี่เมืองไทย ที่มีภาษาอังกฤษบนใบขับขี่ด้วยใช้ได้เลย ไม่ต้องอินเตอร์ ค่าเช่าตกวันละ $55 aud ได้ Toyota RAV4 เก่าๆ มาคัน ที่พัก มีให้เลือกพอควร ส่วนใหญ่ อยู่ใน Flying Fish Cove หรือแถวๆนั้นดูตามแผนที่ได้ ผมพักที่
Sunset Lodge http://www.thesunset.cx/
ก็โอเคใกล้ร้านดำนํ้าใกล้ร้านอาหาร มี ซุเปอร์ ปั้มนํ้ามันไม่ไกล ในห้องมี เตาไมโครเวฟ ให้ บนเกาะเขาไม่ให้ นำอาหารเข้ามาเองนะครับ
อาหารบนเกาะเกือบ 100% ต้องส่งมาจาก อินโด มาเล หรือจาก ออสเอง มีฟารม จิ๊ดนึง บนเกาะ การเพาะปลูกแทบไม่มีเลย เพราะ ฉะนั้น อาหารแพงมากๆ ร้านฝรั่ง main course ประมาณ $40AUD สลัด $30AUD แต่มีร้านจีนค่อนข้างอร่อยเลย สั่งแบบจานเล็ก ตกประมาณ $20AUD นิดๆ (ผมไปนี่ ๅ1 AUD นี่ 23บาทกว่าๆ)
ก๊วยเตี๋ยว จานขนาดกลางผมกินไม่หมด ส่วน มื้อเย็น สามคน สั่ง จานเล็กสี่อย่าง แบ่งกันกิน เกือบๆจุก เขาบอกบนเกาะ ถูกแต่ เหล้ากะบุหรี่
เอา เรื่องเด่นของเกาสะก่อน คือ ปูเดินข้ามเกาะ หรือ Red Crab migration
อันนี้จะเกิดขึ้นปลายปี เมื่อมีฝนตก ปูก็เดินข้ามเกาะ ปกติอยู่ในป่ากลางเกาะ
ปูจะเดินลงมาที่ชายหาด ผสมพันธ์ ลงรูฝักไข่ แล้วก็มาปล่อยไข่ที่ริมนํ้า (spawning) แล้วสี่อาทิตย์ต่อมา ลูกปูก็กลับจากทะเล ขึ้นบก
เพราะฉะนั้นถ้าอยากดูปู เลือกดูก่อนว่า อยากดูอะไร ปูเดิน ข้ามถนนข้ามเมือง ลงหาด หรือ ปูปล่อยไข่ หรือ ลูกปูกลับเข้าฝั่ง
ของผม จริงๆคือ จะไปดำนํ้ากะไป ดูนก (เดี๋ยวค่อยเล่าตรงนี้) เลยถือว่า ปูเป็นเรื่องแถม ไม่ได้เน้นนัก
เวลาที่จะมา ก็คือ ดู เวลาก่อน ปูจะปล่อยไข่ในนํ้า 3-5 วันก่อน แรม 15 คํ่าเสมอ คือ 3-5 วันก่อน เดือนมืดสนิท แต่เป็นได้ทั้งในของเดือน ตค พย หรือ ธค
ขึ้นกับว่า ฝน มาไวแค่ไหน ตรงนี้แหละที่ยาก ถ้าฝนมาปุ๊ป ปูก็จะเริ่มเดิน ปกติควรจะมีเวลา 2-3 อาทิตย์ในการเดิน มาจนถึงหาดเพื่อกินนํ้า
พออิ่มหายหิวนํ้า ก็หาตัวเมีย ขุดโพรง บนดินขึ้นจากหาดมาหน่อย จู๋จี๋กันเสร็จ คุณตัวผ็ก็เดินกลับ ป่า คุณตัวเมียลงโพรง 2 อาทิตย์ ช่วงนี้ ปูจะหายหมด ไม่เจอ อะไร เลย 2 อาทิตย์ แล้ว คุณตัวเมีย ก็จะมาปล่อยไข่ลงทะเล แล้วก็เดินกลับบ้าน ปูจะปล่อยไข่พร้อมๆกัน ทั่วหาด รอบเกาะในวันเดียวกันเลย
เพราะฉะนั้น นับวันเลย ประมาณ 5-6 อาทิตย์ ก่อน แรม 15 คํ่า เดือน ตค พย หรือ ธค แล้ววัดดวงเอาว่า migration มันจะเริ่มเมื่อไหร่
ปกติ เขาว่า ธค จะปลอดภัยสุด คือ ถ้า ฝนมาเร็ว ปูเดินแล้วปล่อยไข่ เดือน พย ถ้ามา ธค ช่วงใกล้ แรม 15 คํ่า คือ อีก 4 อาทิตย์หลังจากนั้น อย่างน้อยก็ได้ดู ลูกปูเดินกลับขึ้นฝั่ง อะไรแบบนั้น แต่ถ้าฝนมาเร็วมาก แบบ 2 ปีก่อน ปูเดิน แล้วปล่อยไข่เดือน ตค ก็อด
แต่ปีนี้ อากาศแห้งมาก มีฝนมาเดือน พย นิดนึง แต่มาช้า ปูเลยสับสนมากๆ คือ ตกน้อย แล้ว ดันมาตก ประมาณแค่ ไม่ถึง
3 อาทิตย์ ก่อน แรม 15 คํ่า ปูมีเวลาเดิน แค่ ประมาณ 5 วัน ก็เลยมีปูเดินข้ามเกาะน้อยมาก ที่ Flying Fish Cove นี่มีหาดใหญ่อันนึงซึ่งปกติจะมีปูเยอะมาก เขาบอกว่า ปีนี้ ไม่มีปูไปปล่อยไข่ที่นั่นเลยเดือน พย มีแต่หาดเล็กๆทางฝั่ง ตะวันออกที่มี spawning บ้าง ทีนี้เป็นโชคดีของผม ที่ ดันมีฝนตกรอบสอง
อีกหน่อย นึง ปูที่ งงกับฝนรอบแรก เลย ออกมาเดินกันมั่ง เป็น migration รอบที่สองของปี ซึ่งปกติจะไม่มี ฉายสองรอบแบบนี้ ผมไปถึง กลาง ธค นี่ ทัน
ปลายๆ migration รอบสอง ตอนปูถึง หาด มากินนํ้าพอดี แต่ก็ไม่ได้เยอะมากๆ แบบที่เห็นในทีวี แต่ ก็หยวนๆเหอะว่า ได้เห็นบ้าง
เห็นอยู่สองวันแรก แล้ว ปูก็ลงรู หรือ เดินกลับป่าหมด ไม่เจออีกเลย เฉียดฉิวมากๆ
ถ้าใครไป Christmas Island ช่วงหลังปีใหม่ นี่ มีโอกาศได้เห็น spawning รอบสอง พร้อมๆกับ ลูกปูจาก spawning ครั้งแรกกลับเข้าฝั่งพอดี น่าอิจฉามาก
เขาว่า
นอกจาก ปูแดงแล้ว บนเกาะมีปูอีกหลายชนิดเลยนะครับ
Blue crab พวกนี้ ก็เดินเหมือนกัน แต่เดิน ตามลำธารเล็กๆในป่ามาปล่อยบไข่ในทะเล ไม่ได้ มีเยอะมาก แบบปูแดง
ปู Robber crab อันนี้ปูตัวโต ขนาดลูกฟุตบอล ชอบกินมะพร้าว ถ้าไม่มีมะพร้าวตกอยู่บนพื้น ก็สามารถปีนต้นมะพร้าวไปเด็ดมะพร้าวเองได้เลย เขาว่าอร่อยมาก แต่ ตัวละ $5000AUD อะ ถ้าเขาจับได้ว่า แอบกิน นี่ค่าปรับต่อตัวนะ
ปูอะไร ไม่รู้มาโดด ดึ๋งๆ ริมหาดให้ดูหน่อย
นอกจากปู ก็มีนก ที่ดังมากๆ ที่นี่ ที่ดังสุดก็คงตัวนี้
Abbott Boobie นกทะเลที่เกาะมีเหลืออยู่ประมาณ 2000 คู่ เยอะสุดในโลกแล้ว ถ้าไม่ดูที่นี่ เขาว่า Reunion Island ในมหาสมุทรอินเดีย แถว แอฟริกา มีอีก แต่แค่เป็น สิบๆคู่ แล้วก็เป็น สาเหตุที่ ออสเตรเลียไม่ให้ ขยาย เหมือง แล้วเพราะต้องเก็บป่าไว้ให้นกพวกนี้ทำรัง
Christmas Island Frigatebird อันนี้เจอเฉพาะที่นี่ ใกล้สูญพันธ์ เหมือนกัน มาเร็วไปนิด เดิน มค นี่ ถุงแดงๆใต้คอตัวผู้จะโต พองขึ้นเยอะ ไว้จีบตัวเมีย
อันนี้ golden bosun ยังมีเยอะ จริงๆ เป็นกลายพันธ์ ของ White Tailed tropicbird ที่เป็นสีขาวแต่ที่เกาะนี้ มันดันเป็นสีออกทองๆ เห็นง่ายมาก ทองอ่อนๆเห็นแต่ไกล แต่มัน ไม่ชอบคนมากๆ ไม่ค่อยจะบินเข้ามาใกล้คนเลย แล้วบินสูง บินเร็วมากๆ
Silver Bosun อันนี้ มีหลายที่ แต่ปีนี้บนเกาะ ไม่รู้หายไปไหนหมด โชคดี ไกด์นกบนเกาะมาบอก อยากเห็นเหรอ หน้า รร ยูนั่นแหละ 11โมงเช้า ถึงเที่ยงกว่าๆ มันจะมาบินแถวๆนั้นห้าหกตัวไม่ต้องไปวิ่งทั่วเกาะให้เหนื่อย
พวก greater กะ lesser frigatebird มีให้ดูเยอะแยะจนเบื่อ
อีกเรื่องที่จะมาก็คือดำนํ้า ปกติที่นี่ จะดังมากเรื่อง ประการังแข็งที่มีเยอะ และอุดมสมบูณณ์มากๆ
แต่ว่า 3-4 ปีก่อน เจอ El Nino ประการังเสียไปส่วนนึงแล้วที่งอนหน่อย เพื่อน ที่เคยมาบอกว่า ฝั่งตะวันออกมีจุดสวยมากๆ
มีปลาฝูงเยอะ ฉลามเยอะ แต่มาหนนี้ เนื่องจากฝนไม่มี ทะเลด้านเหนือเลยเรียบสุด เขาเลยพาไปดำด้านเหนือ ซะหมด
ซึ่งผมไม่ตื่นเต้นมากนัก
น่าเบื่อหน่อย เอา fisheye ลองไปถ่าย ประการัง คุณ silky sharks 2 ตัวดันมาว่ายวนไปๆมาๆ
อยู่ด้วยร่วมครึ่งชม แต่ไม่เข้าใกล้มาก ถ่ายมาได้ตัวเท่าจิ่งจก กะมี ฉลามหัวฆ้อนผ่านมาอีกตัว แห้วอีก
แถมโลมา ผ่านมาอีกฝูง แต่ เซ็งเขาว่า ฝูงนี้ ไม่ค่อนเล่นกับคน หนีตอบด มีอีกฝูงที่จะไม่คอ่ยกลัวคนเท่าไหร่ แต่ไม่เจอ ฝูงนั้นนะ
จบหละครับ ใครมีอะไรอยากถามอะไร ถ้าผมตอบได้ ก็ยินดีนะครับ
เรื่องกล้อง ผมเอา Nikon D850, Z7 ไป ใต้นํ้าใช้ 8-15mm fisheye นกใช้ 500/5.6PF ปู ส่วนใหญ่ 500/5.6PF นี่แหละมี 70-200/2.8e FL
บ้างนิดหน่อย