ตอนนี้เครียดมากครับ...

ปัญหาของผมตอนนี้คือ ผมมีงานประจำอยู่แล้วครับ แต่อยู่ไปก็มองไม่เห็นถึงอนาคต เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางโตขึ้น หรือได้รับอะไรที่มากกว่านี้อีกแล้ว...

เนื่องจากผมได้รับทุนการศึกษาในระดับอนุปริญญา เพื่อเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัย... แต่มีข้อตกลงว่า เราต้องทำงานตอบแทนทุนเขาเป็นเวลา 5 ปี

ตอนนี้ผมได้งานใหม่ครับ จะได้เริ่มงานวันที่ 3 มกราคม พ.ศ 2562 นี้ แต่ผมยังมีสัญญาติดอยู่กับที่ทำงานเก่า เงื่อนไขมีอยู่ว่า ถ้าหากผมต้องการที่จะออก ผมต้องหาเงินก้อนมาชดใช้คืนทั้งหมด 150,000 บาท เพราะเพิ่งทำได้แค่ 1 ปี 6 เดือน โดยประมาณ โดยตอนนี้ผมยังรอคำตอบอยู่ว่าทางบริษัทจะยอมให้ผมผ่อนจ่ายหรือเปล่า?

งานใหม่ที่ผมได้รับเป็นงานเกี่ยวกับแบรนด์รถยนต์ยี่ห้อหนึ่งที่มีชื่อเสียง อย่างน้อยที่นั่นก็มีค่าตอบแทนที่ดีขึ้น และยังมีสวัสดิการอะไรต่างๆ ให้กับพนักงานอีกด้วย ซึ่งมันสามารถทำให้เราดูมีความมั่นคงที่ดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากงานปัจจุบันที่ผมกำลังทำอยู่ ด้วยเงินเดือนเพียง 11,300 บาท ซึ่งหลักจากที่หักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้ว เงินที่เหลือใช้ได้เพียงแค่เดือนชนเดือนเท่านั้น แล้วการวางแผนชีวิตให้มีความมั่นคง มันจะมีได้อย่างไร...

แน่นอนว่าทุกบริษัทต่างต้องการความมั่นคง แต่ชีวิตของพนักงานที่เป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้บริษัทเดินต่อไปข้างหน้าได้ เขาเหล่านั้นก็ต้องการความมั่นคงให้กับชีวิต และคนที่เขารักเหมือนกัน หากบริษัทดีและเอาใจใส่พนักงาน ก็คงไม่มีใครเขาอยากออกไปหางานที่อื่นทำ ปัจจุบันผมได้รับเพียงแค่เงินเดือน ไร้สวัสดิการ ไร้เบี้ยขยัน โบนัสที่บริษัทให้ ก็เพียงแค่ 1 เดือน แล้วแบบนี้ใครอยากจะทนอยู่ต่อไป เพราะทุกคนก็อยากเลือกเส้นทางที่ดีให้กับชีวิตกันทั้งนั้น และรู้อยู่แล้วว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไป อนาคตจะเป็นอย่างไร...

เรื่องที่ทำให้ผมเครียดมากคือ ผมจะหาเงินจากที่ไหนมาคืนเขา เขาจะยอมให้ผมผ่อนจ่ายหรือเปล่า หรือผมจะยอมโดนฟ้องแล้วตกลงการผ่อนจ่ายว่าจะได้จ่ายเท่าไหร่ ผมไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วครับ เพราะผมและทางบ้านของผมก็เพียงแค่หาเช้ากินค่ำไปวันๆ ผมเป็นลูกคนโต ภาระหน้าที่เลยมาตกอยู่ที่ผม และผมอยากให้เขาเหล่านั้นได้รับความสุขจากผม ก่อนที่เขาหรือผมจะจากกัน ทั้งพ่อแม่และน้องที่ผมรัก...

“อนาคตคือสิ่งที่ตัวเราเลือกที่จะเดิน แต่เส้นทางที่เราอยากจะเดินนั้น กลับมีโซ่เส้นใหญ่ที่ล่ามเราไว้ ไม่ให้ไปไหนได้เลย”
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
คุณได้งานใหม่จากทุนการศึกษาของบริษัทที่คุณบอกว่าไม่ค่อยดีใช่ไหมครับ ....
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าใจเราไม่รักษาสัญญามั่น
แล้วไฉนไปรับเงินเขามาเล่าเรียน
5ปี ไม่นาน ผ่านไปชั่วลัดมือเดียว
มองสิ่งที่ดี ชีวิตมีแต่เรื่องดีดี

อย่าทำเหมือน เห็นเห็นหญิงใหม่ ดีกว่า เมียปัจจุบันที่ส่งเสียเรียนหนังสือ

ถ้าบริษัทใหม่ ได้รู้ทัศนคติของท่านต่อผู้มีอุปการะคุณ เขายังจะอยากได้ท่านรึเปล่า น้อ
ความคิดเห็นที่ 10
บรรยายซะเวอร์วัง ติดสัญญา 5 ปี บรรยายซะเหมือนสัญญาทาสต้องทำที่เดิมไปตลอดชีวิต

วุฒิที่ใช้สมัครงานใหม่ก็มาจากเงินบริษัทเก่าที่คุณว่าไม่ดีไม่มีอนาคตใช่ไหมครับ?

เหมือนพวกเบี้ยวกู้เรียน ตอนเซ็นแทบจะกราบเงื่อนไขอะไรได้หมดขอให้ได้เรียน พอได้ดีดันเล่นตัวมีเงื่อนไขเยอะซะงั้น
ความคิดเห็นที่ 31
แรกๆอ่านเห็นใจ หลังๆอ่านชักแววออก
พูดว่าอยู่ที่นี่แล้วรู้ว่าอนาคตเป็นยังไง ก็ต้องถามว่าถ้าไม่มีไอ้บริษัทเส็งเคร็งนี่ให้ทุน คุณจะเรียนอนุปริญญาได้มั้ย ถ้าไม่ได้เรียนแล้วคิดว่าตอนนี้ทำงานอะไร เงินเดือนหมื่นกว่าตอนนี้มีปัญญาหาได้มั้ย
เงินเดือนน้อยก็ไม่แปลกบริษัทต้องหักส่วนนึงคืนอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าตั้งกระทู้ถามเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจแล้วทำไม หาคนสนับสนุนเพื่อให้การกระทำตัวเองดูดีขึ้นหรือไง คิดว่าทุกคนจะเห็นด้วยหมด แล้วจะได้บอกตัวเองว่า เห็นมั้ย ใครๆก็ต้องทำแบบนี้เหรอ พอเจอคนเห็นต่างก็ขึ้น
ไม่พอใจก็จ่ายเขาไปแสนห้า ตามสัญญาที่คุณรับปากไว้ จะได้จบๆกันไป ไม่เป็นบุญคุณกัน
ส่วนเรื่องแสนห้าผ่อนได้มั้ย ส่วนตัวผมว่าต่อให้มีดอกเขาไม่ให้ผ่อนหรอก จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ใครจะไปเสียเวลานั่งทวงเงินคุณ กว่าจะครบอีก เอาเงินก้อนไปส่งคนอื่นเรียนแทนดีกว่า

ปล ในนี้ไม่มีใครเข้าใจคุณสักคนเดียว รวมถึงคนที่คุณเห็นดีเห็นงามในคำตอบเขาด้วย เพราะทุกคนไม่ใช่คุณ
ความคิดเห็นที่ 14
พารากราฟ ที่ 4กับ5 นี่ไม่จำเป็นต้องอ่าน ยืดยาว

คุณใช้ทุนเค้าเพื่อเรียน คุณก็ต้องทำตามสัญญาครับ
อย่าบ่นว่าเงินเดือนน้อย สวัสดิการไม่ดี บลาๆ
ก่อนรับทุน สัญญาต้องรู้อยู่แล้วไหม
กรณีนี้ไม่ต่างกับ หมอที่ใช้ทุนรัฐเรียน แล้วหนีการทำงานใช้ทุนคืน
ก็ขอให้เจรจาได้แล้วกันครับ  150,000 เมื่อทำงานที่ใหม่ที่คุณว่าดี คงหาได้ไม่ยาก
***โซ่เส้นใหญ่ที่ว่า คุณเต็มใจหามาคล้องเองครับ อย่างน้อยคุณต้องรู้บุญคุณนะครับ  คนรู้จักบุญคุณถึงจะเจริญ ***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่