[CR] แชร์ประสบการณ์ทำเลสิก รีวิวทำเลสิก

กระทู้รีวิว
#เลสิก #แชร์ประสบการณ์ทำเลสิก #รีวิวทำเลสิก



(Part 1) มาแล้ววว …. แชร์ประการณ์ทำเลสิก  
การตัดสินใจทำเลสิกมาจากปัญหาหลักๆ เลยคือ  ใส่คอนแทคเลนส์มาหลายปี จนเริ่มเจ็บตา
สายตาสั้น ซ้าย-250 ขวา-275
ใส่แว่นไม่โอเคเพราะไม่เหมาะกับ  ไลฟสไตล์ เพราะชอบออกกำลังกาย  ด้วยการวิ่ง และเล่นเวท แว่นกับเหงื่อ และการกระแทกนั้นเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันมากๆ  หลักๆก็ใส่คอนแทคเลนส์ทุกวัน วันละ 8-12 ชม.  จนหลังๆเจ็บตามาก และตาสู้แสงไม่ได้ แค่แสงไฟในห้องก็น้ำตาไหล  แสบตามาก ตัดสินใจทำเลสิก
ขั้นแรกเริ่มจากหาข้อมูลก่อน ว่าเลสิกมีกี่แบบ แต่ละวิธี การทำและรักษาต่างกันยังไง รวมถึงค่าใช้จ่ายและการพักฟื้น
สรุปแบบเข้าใจง่ายอย่างงี้
1.  PRK  เป็นการฉายเลเซอร์รักษาโดยผ่านกระจกตาเข้าไปเลย(ไม่ต้องผ่าตัดเปิดกระจกตา (ราคาจะถูกสุด)
2. Laser Lasik  คือ เปิดกระจกตาด้วยใบมีด(อาศัยฝีมือหมอเป็นหลัก) หลังจากนั้น ฉายเลเซอร์รักษา  และปิดกระจกตาไว้เหมือนเดิม  กระจกตาจะไม่ถูกทำร้าย
3. Femto Lasik  คือ เปิดกระจกตาเช่นกัน กระจกตาจะไม่ถูกทำร้าย แต่เปิดด้วยเลเซอร์ ปลอดภัยแม่นยำสุด ( ราคาก็แพงสุดเช่นกัน)

ซึ่งถ้าเป็นเคสปกติราคาค่ารักษาขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือก #ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่กับค่าสายตาสั้นเท่าไหร่ก็ทำได้ถ้ากระจกตาปกติ
รู้วิธีและความแตกต่างแล้ว ทีนี่ จากข้อมูลที่ได้ ต่อไปก็ต้องเลือก รพ. ว่าจะทำที่ไหนดี  ก็เลยต้องศึกษาแต่ละรพ. ว่าที่ราคามันต่างกันมากเป็นเพราะอะไร  หรือจะเป็นเพราะเครื่องที่ใช้  ก็เลยไปหาข้อมูลว่า รพ.ไหน ใช้เครื่องเลเซอร์รุ่นไหน  ความเร็วเท่าไหร่  ซึ้งข้อมูลที่ได้นั้นก็คือ  เกือบทุก รพ. ใช้เครื่องสเปคใกล้เคียงกันมาก  ดังนั้น  ที่บางคนเคยพูดมาว่า รพ. ที่รักษา ราคาถูกกว่า  จะใช้เครื่องมือคุณภาพไม่ดี อันนี้ก็ตัดไปเลย   คิดว่าราคาต่ำ-หรือสูง นอกจากความทันสมัยของเครื่องมือแล้ว(ซึ่งเกือบทุก รพ . เครื่องมือแบบเดียวกัน) น่าจะเป็นความมีชื่อเสียงหรือค่าตัวของหมอแต่ละ รพ.ด้วย   ตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่า  รพ.ที่ราคาถูกกว่า ก็ใช้เครื่องรุ่นเดียวกันกับ รพ.แพงๆ  แล้วจะจ่ายแพงกว่าทำไม?  ที่เหลือก็น่าจะดูข้อมูลความพึงพอใจในการรับบริการของแต่ละ รพ.  และประสบการณ์ของแพทย์ที่ให้การรักษา  
ส่วนตัวเลือกไว้ 2 ที่  ที่จะลองไปคุยกับหมอก่อน  คือที่  เวชธานี http://www.chakshustan.com/  
และ ปิยะเวท http://www.piyavate.com/promotion/frontend/promotion_detail/id/111    ทั้ง 2 ที่ ราคาใกล้เคียงกัน

ค่ารักษาที่เวชธานี ดังนี้
1. PRK 28,000
2. Laser Lasik 33,000
3. Femto Lasik 59,000
ส่วนที่ปิยะเวทจะแพงกว่า ประมาณ 5,000 บาท  

ก็โทรไปปรึกษาที่เวชธานีก่อน   ซึ่งต้องตรวจก่อนหมอจึงจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ ก็ตกลงนัดวันตรวจ
วันตรวจต้องมีคนพาไป  เพราะต้องหยอดขยายม่านตา  การมองเห็นจะเปลี่ยนไปประมาณ 4-6  ชม. ทำให้ขับรถเองไม่ได้  แต่ถ้าจะนั่งแท็กซี่ก็ต้องมีคนพาไปอยู่ดี  
ตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ 5 ขั้นตอน  จากนั้นจึงไปพบแพทย์  คุยกับหมอแล้ว เราถือเป็นเคสปกติ ความแห้งของตาไม่มากเกินไป ความหนาของกระจกตาดี ความกว้างของรูม่านตาก็ดี  ไม่มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ  นั่นหมายถึงว่า จะเลือกทำวิธีในก็ได้ทั้ง 3 วิธี   (พญ. อารีนันท์)  โดยหมอให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในการรักษาแต่ละวิธีดังนี้
1. PRK  เป็นการฉายเลเซอร์รักษาโดยผ่านกระจกตาเข้าไปเลย ไม่ต้องผ่าตัดเปิดกระจกตา เหมาะสำหรับผู้ตาแห้งมาก กระจกตาบางมาก  ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยสุด ราคาถูกสุด  แต่ใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งจะเจ็บตา เคืองตา และมองเห็นไม่ชัด ต้องใส่แว่นกันแดดทุกครั้งที่ออกแดด หมอบอกว่าวิธีนี้เหมือนเราเดินทางโดยนั่งรถไป  ความเสี่ยงต่ำ ปลอดภัย  ไปถึงเหมือนกันแต่แต่เสียเวลามาก (ค่ารักษา 28,000 บาท)
2. Laser Lasik  คือ เปิดกระจกตาด้วยใบมีด(อาศัยฝีมือหมอเป็นหลัก) หลังจากนั้น ฉายเลเซอร์รักษา  และปิดกระจกตาไว้เหมือนเดิม  กระจกตาจะไม่ถูกทำร้าย  ใช้เวลาพักแค่ 2 วัน หลักจากนั้น มองเห็นเป็นปกติ ต้องใส่แว่นกันแดดทุกครั้งที่ออกแดด  หมอบอกว่าวิธีนี้เหมือนเราเดินทางโดยนั่งเครื่องบิน  รวดเร็ว มีความเสี่ยง(แต่ผิดพลาดน้อยมาก) (เครื่องบินปกติ)  (ค่ารักษา 33,000 บาท)
3. Femto Lasik    คือ เปิดกระจกตาเช่นกัน กระจกตาจะไม่ถูกทำร้าย แต่เปิดด้วยเลเซอร์ ปลอดภัยแม่นยำสุด (ราคาก็แพงสุดเช่นกัน) หมอบอกว่าวิธีนี้เหมือนเราเดินทางโดยนั่งเครื่องบิน รวดเร็ว มีความเสี่ยง(แต่ผิดพลาดน้อย) (เครื่องบินลำใหญ่ ชั้นเฟริสคลาส)   (ค่ารักษา 59,000 บาท)

จากราคาและระยะเวลาการพักฟื้น ก็เลือกวิธีที่ ( 2. Laser Lasik  คือ เปิดกระจกตาด้วยใบมีด)  เหมือนคนส่วนใหญ่  ไม่ได้ไปปรึกษาที่ ปิยะเวท เพราะรู้สึกโอเคกับที่นี่แล้ว   เพราะงั้น อีก 3 วัน นัดผ่าตัดเล้ยยย….. เดี๋ยวมาต่อ

_________________________________

(Part 2) มาต่อกันค่ะ
หลังจากวันตรวจ ถัดมาอีก 2 วันก็ถึงวันนัดผ่าตัดค่ะ  เตรียมตัวมาตามที่พยาบาลบอก มาถึงก็ล้างหน้า ใส่ชุดคลุม เก็บผม และหยอดยาชารอค่ะ  ระหว่างนี้มีพยาบาลมาให้คำแนะนำ และก่อนเข้าห้องผ่าคุณหมอก็จะมาคุยกับเราให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะเกิดอะไรในห้องผ่าตัดบ้าง และจะมีผลอย่างไรบ้าง เราจะได้ไม่เกรงเกินไป หรือตกใจกลัวค่ะ  
ครบเวลายาชา และห้องผ่าตัดพร้อมแล้วก็ไปขึ้นเตียงเลยค่ะ  ระหว่างนี้หมอก็จะคุยกับเราไปด้วยตลอดระยะเวลาผ่าตัด มีบอลยางให้กำมือคลายเครียด  

เริ่มทีละข้างค่ะ  ข้างขวาก่อน  ใช้เครื่องจุ๊บลูกตาขึ้นมาเพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือผ่าตัดได้  ช่วงที่จุ๊บลูกตาจะมืดสนิทค่ะ แต่แปปเดียวไม่กี่วินาที เมื่อเปิดกระจกตาแล้ว เราก็จะเห็นแสงลางๆ หมอเริ่มฉายเลเซอรค่ะ แค่ 11 วินาที เรียบร้อย ปิดกระจกตา  …จากนั้นมาที่ตาซ้ายค่ะ แบบเดียวกัน ตาซ้ายสั้นน้อยกว่า แค่ 10 วินาทีค่ะ  รวมๆระยะเวลาอยู่บนเตียง คิดว่า 10 กว่านาทีมั้ง

หลังจากนั้น หมอจะแปะที่ครอบตาให้ เป็นพลาสติกใส่ กันเราเผลอขยี้ตา ลุกมาจากเตียงรู้สึกเหมือนจะเห็นชัดขึ้นแล้ว แต่มีน้ำตาไหลนิดหน่อย ยังไม่แสบตาค่ะเพราะยังชาอยู่  จากนั้นก็ไปนั่งทานข้าวใน รพ.นั่นแหละ ประมาณ หนึ่งชั่วโมงเริ่มแสบตา น้ำตาไหล แต่ไม่มากค่ะ พอรับได้ ก็เดินทางกลับบ้าน ตอนนั่งในรถ น้ำตาไหลตลอด นิดหน่อย

ถึงบ้านก็ประมาณ บ่าย 2 บ่าย 3 ได้  ขึ้นห้องแล้วนอนเลยเพราะไม่รู้จะนั่งทนแสบตาทำไม ตื่นมาประมาณ 5 โมงเย็น ไม่ค่อยแสบตาแล้ว และไม่มีน้ำตา มองเห็นแล้วอ่ะ ดีใจ  คืนแรกใส่ที่ครอบตานอน กลัวเผลอขยี้ ล้างหน้าใช้วิธีเช็ดเอา ห้ามโดนน้ำ  ตื่นเช้ามาโอ้โห โลกสดใส ใส่แว่นดำสวยๆไปพบหมอเลยค่ะ  ต้องตรวจหลังวันผ่า  3 วัน  7 วัน และจากนั้นหมอจะนัดเป็นระยะ  ....ทุกวันนี้ รู้สึกแฮปปี้มากๆๆๆ  ^_____^
ชื่อสินค้า:   แชร์ประสบการณ์ทำเลสิก รีวิวทำเลสิก
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่