จากประสบการณ์จริง สู่ บทละครออนแอร์ให้คนดูในวันนี้

กระทู้สนทนา
"พ่อ...ข้าเหนื่อยแล้ว !!! "
มีคนบอกประทับใจในคำพูดนี้ของ "อูซาน" ในละคร "จ้าวสมิง" วันที่เขายืนพูดกับบิดาที่บนหน้าผา ก่อนที่จะพากันกลับบ้านที่เมืองเย

หลายคนคงไม่รู้ว่า นั่นคือ คำพูดที่เจ็บปวดที่สุดของคนเขียนบท ที่ถอดคำพูดนี้ออกมาจากปากของลูกชายผมเองในวันที่เขาเจ็บปวดที่สุด และท้อแท้ที่สุด เมื่อเกือบสองปีมาแล้ว ในวันที่ลูกป่วยหนักและต้องรับการรักษาเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ ลูกบอกกับพ่อในตอนนั้นว่า

"พ่อปล่อยผมไปเถอะ อย่ายื้ออีกเลย ผมเหนื่อยแล้ว..ยอมแล้ว"

วันนั้น คือวันที่พ่อสิ้นหวังที่สุดในชีวิต หมดแรงสู้ หมดแรงยื้อชีวิตลูก และหมดแรงที่จะเขียนบทละครเรื่อง "จ้าวสมิง" ที่กำลังเขียนค้างอยู่ จนทำให้สมองหยุดแล่น คิดไม่ออก หยุดเขียนงานไปนานถึงสองเดือน เพื่อทุ่มเทพลังกายที่มีทั้งหมดในชีวิต เพื่อลูก อยู่กับลูกทุกวัน ให้กำลังใจลูกว่า อย่าท้อ อย่ายอมแพ้ พ่อยังสู้ไหว เมื่อพ่อยังไหว พ่อจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกเป็นอะไรแน่นอน

ณ ตอนนั้น ผมจึงคิดที่จะเขียนนิยาย "จ้าวสมิง" ขึ้นมาจากบทละคร และพิมพ์ออกจำหน่าย เพื่อหาเงินก้อนหนึ่งมาช่วยลูก เพราะเราหมดกำลัง หมดเงิน และหมดกำลังใจจริงๆ

วันนั้น คือวันที่พ่อกลับมาบ้านและโพสเฟชบุ๊คขึ้นมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ให้ช่วยกันจองหนังสือนิยายเล่มนี้ และมีน้ำใจจากเพื่อนมากมายหลั่งไหลกันเข้ามาช่วยเรา

ละครเรื่อง "จ้าวสมิง" ถ่ายทอดความรักของพ่อที่มีต่อลูก ทุกคนเข้าใจถูกแล้วครับ พ่อที่ยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพื่อให้ลูกได้รอดชีวิต "พ่อ" ในละครเรื่องนี้ ถ่ายทอดความรักที่ผมมีต่อลูกผม ในช่วงที่ชีวิตกำลังวิกฤติตอนนั้น

"อากาพะโย" ก็คือ "ผม" และ "อูซาน" ก็คือ "ลูกชายผม" อากาพะโยอายุ 70 กว่าต้องเดินตามลูกในป่า อ้อนวอนให้ลูกกลับบ้าน เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่มีวันที่จะยอมทิ้งลูกไป เช่นเดียวกับผม ซึ่งป่วยหนักด้วยโรคเบาหวาน โรคไต แต่ผมก็ไม่เคยที่จะยอมแพ้และปริปากบอกลูกว่า "พ่อเหนื่อย" หรือ พ่อป่วยแค่ไหน ดังนั้น เมื่อวันที่ลูกบอกกับผมว่า "พ่อ ผมเหนื่อยแล้ว..." ประโยคนั้นแหละที่ผมถ่ายทอดออกมาสู่บทละครในคำพูดของอูซาน

ละครสะท้อนชีวิตของคนเราเสมอ อาจจะมาจากชีวิตของคนที่เรารู้จัก หรือบางครั้งก็มาจากส่วนหนึ่งในชีวิตเรา บทบาทของพ่อทุกคนในละคร "จ้าวสมิง" ถ่ายทอดความรักของผมที่มีต่อลูก ผ่านพวกเขา ยอมทำทุกอย่างได้ ยอมตายเพื่อลูกเหมือนอย่างที่ "เสือคล้อย" ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อให้ลูกที่โคตรเกเรของเขาได้มีชีวิตต่อไป

หลายครั้งที่มีคนก่นด่าพ่อแม่ของคนร้ายในคดีต่างๆ ว่าสอนลูกยังไงถึงได้เลวแบบนั้น พ่อแม่มันเลว แบบนี้นี่เอง ลุกมันถึงได้เลวแบบนั้น ผมเชื่อว่าคนที่ด่า ยังไม่มีลูกของตนเอง หรืออาจจะยังไม่ได้แต่งงาน เพราะถ้าคุณมีลูกแล้ว ลูกคุณโตพอที่จะห้าวเป้งแล้ว คุณจะไม่มีวันพูดแบบนี้แน่นอน เพราะคุณจะสัมผัสได้แล้วถึงความรักที่เรามีต่อลูกของเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนเช่นไร แต่เขาก็คือลูก เขาคือ "แก้วตาดวงใจ" ของเรา

ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกยิ่งใหญ่ สามารถแบกรับความเจ็บปวด ความทุกข์ทั้งหมดได้โดยที่จะไม่มีวันปริปากพูดออกมาให้ลูกได้ยิน คนที่ไม่เคยเป็นพ่อแม่ จะไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ

ละครเรื่อง "จ้าวสมิง" เขียนขึ้นมาในช่วงที่ชีวิตของลูกผมกำลังวิกฤติ ผมจึงสะท้อนชีวิตของเราออกมาผ่านละครเรื่องนี้ จึงทำให้มีหลายคนจับได้ สัมผัสได้ ถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อลูกผม ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่สามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่