แชร์ประสบการณ์ Work and Traval in New York USA ไปอเมริกาทั้งที ต้องเอาให้คุ้ม!!!!!

สวัสดีคะ เพื่อนๆทุกคน
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์
การไปWork & Travel in Luna Park, Brooklyn, New York, USA

    ต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกในการเขียนเล่าประสบการณ์ในพันทิปของเรา ภาษาที่ใช้อาจจะไม่แข็งแรงออกไปทางวิบัตินิดหน่อย แต่เราจะพยายามเขียนให้ถูกนะ อย่าด่าเรา เราแค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ให้หลายๆคนฟังจริงๆที่เราพบเจอทั้งช่วงก่อนไปเวิร์ค และไปเวิร์คที่อเมริกา

         ก่อนอื่นหลายคนมักคิดเสมอว่า คนไปเวิร์คอเมริกาได้ ต้องเก่งภาษามากๆ เมื่อก่อนเราก็คิดงั้น แล้วก็หันมาประเมินตัวเองว่า "คนอย่างฉันภาษาอังกฤษกากๆเนี่ยนะ จะไปใช้ชีวิตในเมกาตั้ง 3 เดือนรอดเหรอ?" แค่คิดก็หนาวละ ไออยากไปเราก็อยากไปแต่แบบภาษาไม่ได้จะอยู่ยังไงให้รอด
หลายๆคนคิดงี้ใช้ไหมละ เราจะบอกว่า
        อย่าคิดอย่างนั้น อย่าเพิ่งสิ้นหวังตั้งคำถาม? ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แค่ลุยไปถามใจตัวเอง เราอยากไปไหม ถ้าอยากไป ก็ลุยดิ!! แค่นั้นพอ
        ขอเท้าความก่อน เราเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งโตมาจากเมืองชนบทติดขอบชายแดน เรียนโรงเรียนแถวบ้าน เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจริงจังตอนป. 4 เคยเรียนภาษาอังกฤษที่มหาลัยแบบไม่คิดเกรดคือเค้าให้ปรับพื้นภาษา เพราะคะแนนสอบโอเน็ตภาษาอังกฤษที่ต่ำเตี้ยเลี่ยดิน เรียกได้ว่าตกเกณฑ์มาตราฐานคนทั้งประเทศแบบทิ้งห่างคนปกติไปไกลเกินเยียวยา จึงทำให้เราได้เรียนภาษาอังกฤษแบบไม่คิดเกรดคือมหาลัยให้เรียนแบบมีแค่ผ่านกับไม่ผ่าน พอผ่านอังกฤษตัวนี้ไปจึงจะได้เรียนวิชาอังกฤษ1 ของมหาลัยได้ (พูดแล้วก็อาย เราโง่ถึงเพียงนี้เชียวละ ทุกคนเอยยย 555) นั้นละเราไม่ของบรรยายความโง่ภาษาของเราให้อายไปมากกว่านี้ละกัน
         นั่นละคนกากๆภาษาอ่อนด้อย แบบเรายังไปเวิร์คได้ ทำไมทุกคนจะไปไม่ได้
อันนี้คือรูปเรา ถ่ายที่ Time Square หาใช่ชิบูยา แต่อย่างใดนะ 5555

IG :: Annbomi
เพจ :: Road Trip - ท่องเที่ยว
เค้าฝากหน่อยน้าทุกคน

          ขั้นตอนการเตรียมตัว
Step 1 :  เลือกงาน เลือกรัฐ เลือกเอเจนซี่

          สเต็ปที่ 1 จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อเพือนๆตัดสินใจแน่วแน่ไม่แก้ไขแล้วว่าจะไปWork and travel ที่อเมริกา ดังนั้นเดินหน้าเลือกเอเจนซี่โลดทุกคน ตอนนั้นเราไม่ได้คิดไรมาก เนื่องจากเราเป็นเด็กเชียงใหม่ จะจบ 3 ปีครึ่งทำให้ตัวเลือกเราไม่มากนักเพราะเอเจนซี่ที่รับเด็กเรียนจบ 3ปีครึ่งแน่ๆ ไปเวิร์คมีน้อยมากในเชียงใหม่ ผนวกกับความขี้เหนียวไม่อยากมาเลือกหรือติดต่อเอเจนซี่ที่กทม. ทำให้เราตัดสินใจจับมือกับเพื่อนเดินดุ่มๆไปเอเจนซี่รายหนึ่ง ชื่อนำหน้าตัว C......  ที่พี่เค้าบอกว่าเด็ก จบ 3ปีครึ่งก็ไปได้ พี่ไม่เทหนูแน่ๆลูก
    แต่…เดียวก่อนเราจะบอกว่าจริงๆเพื่อนๆไม่ควรทำแบบเรา การตัดสินใจเลือกเอเจนซี่ในการไปเวิร์คก็เป็นเรื่องสำคัญนะ ก่อนอื่นเราควรถามตัวเองก่อนว่า……วัตถุประสงค์ในการไปเวิร์คครั้งนี้ของเราคืออะไร?
ไปเก็บเงิน หอบเงินกลับบ้านเป็นแสนๆ  (ซึ่งมักจะไม่ค่อยมีใครทำได้ 555)
ไปฝึกภาษา ไปหาประสบการณ์ใหม่ กลับมาฉันจะต้องภาษาแข็งแรงขึ้น (อันนี้ทำได้จริง ถ้าไม่อยู่กะแก๊งค์คนไทย)
ไปเที่ยว ไปแอ๊วผู้ เอาประสบการณ์ อยากโตขึ้นหลุดออกจากกรอบ กล้าทำอะไรเอง หวัดเอาแค่ประสบการณ์ (ซึ่งอันนี้ละจุดประสงค์หลักในการไปของเรา 555)

         หลังจากเพื่อนๆรู้จุดประสงค์หลักของการไปเวิร์คของตัวเองแล้ว จะได้ตีกรอบความคิดตัวเองได้ง่ายขึ้น ต่อไปก็ดูความชอบ อยากทำงานอะไร รัฐไหน เอเจนซี่ไหน มีงานอะไร รัฐไหนบ้างที่ตรงตามความต้องการเรา
         ชอบภูเขาก็ไปเมืองภูเขา ชอบทะเลก็ไปเมืองติดขอบทะเลอยากอยู่บนเกาะก็เลือกฮาวาย หรือชอบเมือง ก็เลือกรัฐในเมืองอย่าง ชิคาโก้ นิวยอร์ค พอเลือกเมืองเลือกงานได้คราวๆ ก็ เข้า Google map เสิร์ชดูเลยว่าแต่ละเมืองที่เราเลือกเป็นไง เราอยู่ได้ไหม ที่ทำงานจะเป็นยังไง นั่งอ่านรีวิวดีๆ ก่อนตัดสินใจ แล้วค่อยเลือกเอเจนซี่  จากประสบการณ์ของเรานะ แนะนำเลยสำหรับคนจะไปเก็บเงิน เพื่อนเราที่ไปรัฐชนบทหน่อยๆ  ที่พักถูกๆถึงค่าแรงไม่สูงมากมักจะมีเงินเก็บกลับมาเป็นกอบเป็นกำเลยละ แต่ปล.หากเลือกรัฐชนบทเกินเหตุ อาจจะหา Second job ยากนิดหนึ่งนะ
แต่สำหรับเราแล้ว อย่างที่บอกจุดประสงค์หลักเราคือเน้นประสบการณ์ เน้นลั่นล้า ชิวๆชีวิตหลังเรียนจบ เราจึงเลือกมหานคร นิวยอร์ก อารมณ์ประมาณฉันจะไปเป็นสาวนิวยอร์กเกอร์แบบพี่ปูไปรยาสวยเริศเชิดหรูกลางมหานคร 5555
(Time Square)

Step 2 : เตรียมตัว
           เมื่อเลือกงาน เลือกเอเจนซี่ได้แล้ว ก็เตรียมตัว บางเอเจนซี่จะต้องมีการสอบวัดระดับภาษากันก่อน ก็คือสอบสัมภาษณ์วัดระดับภาษากับพี่พนักงานในเอเจนซี่ที่เราเลือกนั่นละ ยิ่งระดับสูงก็จะเลือกงานได้เยอะ เรทค่าแรงดีๆ แพงๆ
แต่สัมภาษณ์กับเอเจนซี่ผ่านก็ใช่ว่าจะสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับนายจ้างผ่านซะหน่อย ดังนั้นการเตรียมตัวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก  เนื่องจากเราตัดสินใจจะไปเวิร์คช้า ประกอบกับช่วงจะไปสัมภาษณ์งานเราก็เป็นช่วงหลังสอบไฟนอลไม่กี่วัน ทำให้เราไม่มีเวลาเตรียมภาษามากนัก เราใช้กลโกง เอ้ยทางลัดตัดสินใจยกโน๊ตบุ๊ค เปิดเทพเจ้าที่เราบูชาเป็นอย่างสูง เทพเจ้า Google  อากู๊ผู้รู้ทุกเรื่อง นั่งเซิร์ทเลย นั่งlistคำถาม คำตอบว่านายจ้างจะถามอะไร เราต้องตอบอะไรถึงจะดี ต้องเฮฮาเฟรนลี่ยังไง นายจ้างจะประทับใจ ให้เค้าเลือกเรา
ถามว่าต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ก็ใช่สิ เราไม่เก่งไง ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ ไม่เตรียมตัว ให้ไปด่นสดตอนเค้าสัมภาษณ์ในห้องสัมภาษณ์ก็จบเห่สิ คงตอบได้แค่ yes, no ,ok แถมเบตรงให้ด้วยอะ ดังนั้นเราแนะนำเลยนะใครไม่เก่งภาษาแบบเรานั่ง list คำถาม คำตอบเลย เซิร์ทกูเกิ้ลหาคำถามเกี่ยวกับการไปwork and travel อะไรก็ว่าไป พอได้คำถาม ยิ้มคิดคำตอบไม่ออกอีกแบบเราก็ให้เพื่อนที่เก่งๆภาษาอังกฤษอะลองร่างคำตอบให้แล้วเราก็นั่งท่องเตรียมตัว ก่อนนอนก็ลองแอ๊บฝันๆว่าตอนสัมภาษณ์นายจ้างจะถามคำถามแบบนี้ เราจะตอบแบบนี้ สุดท้ายก็อย่าลืมมโนในฝันด้วยนะว่า “เย้ฉันได้งานที่นี่แล้ว 5555” เพื่อเป็นการจำลองสถานการณ์ก่อนออกหน้างานจริงจะได้ไม่ตื่นตะหนกทำอะไรไม่ถูกตอบเงอะๆงะๆ
Step 3 :  เพิ่งดวง
          ด้วยความที่รู้ว่าภาษาเรากาก แต่ฉันเป็นคนไทยฉันเชื่อเรื่องดวง บนเท่านั้นที่จะช่วยท่านได้ เรางี้ก่อนจะไปสัมภาษณ์ 1 วันขับรถไปหน้ามอเลยจ้า ครูบาจ๋าช่วยลูกด้วย เราถือคติภาษาไม่เจ๋งแต่ดวงน้องเฮง น้องต้องได้งาน และสุดท้าย เราก็ได้งานจริงๆ ได้แบบงงๆ มึนๆกับเพื่อนจับมือกระโดดโลดเต้น เย้ๆเราจะไปแรดๆกันที่อเมริกาแล้ว ได้งานแบบงงๆ แถมเรทค่าแรงสูง ในเมืองใหญ่อีกตะหาก เห็นม่ะเราบอกแล้วเรามากับดวง (งานที่เราได้คืองาน Ride Operator ที่ Luna park, Brooklyn,Newyork เรทตอนนั้นอยู่อยู่ที่ 11.5 ดอลล่าร์ ต่อชั่วโมง OT 14.5 ดอลล่าร์ต่อชั่วโมง แต่ปีนี้ เรทเพิ่มขึ้นเป็น 15 ดอลล่าร์ต่อชั่วโมงมั้ง OMG!!!!
Luna Park ที่ทำงานเค้าเอง

Step 4 : วีซ่าจ๋าผ่านให้หนูเถอะ
สัมภาษณ์วีซ่า ก็เสต็ปเดิมนั่ง listคำถามนั่งท่อง ตอบไปแบบงูๆปลาๆสุดท้ายผ่านแบบงงๆเงิบๆ บอกแล้วเราเพิ่งดวงความเก่งไม่ต้องใช้ คือก่อนจะสัมภาษณ์เรากังวลมากๆ กังวลว่าจะสัมภาษณ์ไม่ผ่านเค้าจะไม่ให้เราไป ต่างๆนานๆ นั่งท่องlist คำถาม เตรียมตัวเยอะมาก แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันไปได้ เราเชื่อนะว่าถ้าเพื่อนๆตั้งใจยังไงก็ได้ไป อีกอย่างบอกแล้วเราดวงเฮง     

Let’s Go America ฉันจะไปหาเธอแล้วนะ อเมริกา

    เอาละได้เวลาออกไปท่องโลกกว้างกัน รูปอาจจะไม่ค่อยเยอะเพราะ
เพราะเมมโมรี่กล้องแสนรักของเราหาย รู้สึกเงิบ รูปที่กะทำรีวงรีวิว หายหมด เพราะรูปหายเนี่ยละ จึงเป็นสาเหตุให้เราไม่ได้ทำรีวิวซะที จนผ่านเลยเวลามาเป็นปี 555 คือเราเวิร์คแอนทราเวิลมาตั่งแต่ปี 2017 ซึ่งตอนนั้นมันผ่านมาปีกว่าๆ แล้ว ข้อมูลอาจจะไม่อัพเดทมากก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยน้า
ลาแล้วนะจ๊ะ ไทยแลนด์แดนสมายด์ พี่จะไปเที่ยวอเมริกาแล้ว จำได้ว่าเราออกเดินทางวันที่ 17 พฤษภาคม  พร้อมกับเพื่อนเราอีก3 คน โดยจะมีเพื่อนอีก 2คนบินตามไปสมทบตอนสิ้นเดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เด็กเวิร์คเริ่มออกเดินทางกันเป็นจำนวนมากเลยละ ทั้งไฟท์คนไทยเยอะมาก เด็กเวิร์คทั้งนั้น เราเลือกเดินทางกับสายการบิน เจแปนแอร์ไลน์ แอร์สวยมากเวอร์ เพื่อนเรายังแอบถ่ายแอร์มาอยู่เลย 555
มีความแอบถ่ายแอร์เบาๆ 555

ไวท์ก็มีให้ลองเด้อ ก็ต้องจัดซักหน่อย หมายถึงเพื่อนเรานะจัดอะ 555

          หลังจากนั้นก็นั่งเครื่องยาวไปเลยจ้า จำไม่ได้ว่านั่งเครื่องกี่ชั่วโมงน่าจะ 17 ชมไม่ก็ 20 ชั่วโมงมีแวะพักเปลี่ยนเครื่องนิดหน่อยที่ ญี่ปุ่นแล้วก็นอนยาว เพื่อนเรานิดูหนังบนเครื่องจบไป 4-5 เรื่องแต่เรานอนตายอย่างเดียวเลยค่า เรามันสายหมู (กินแล้วนอน) ตื่นมาอีกทีอ้าว JFK แล้วเตรียมพาสปอร์ตพร้อมโดยตม. สัมภาษณ์ เหรอ? เดียวอันนี้คือข้อผิดพลาดของเราเอง บอกแล้วไงตั่งแต่ตอนแรกว่าเราเป็นคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง นั่นไงตอนครูสอนไม่ตั้งใจ แล้วดันลืมเตรียมตัวไง เล่นเอาเกือบไม่ผ่านตม.เลยละ 555 แต่ด้วยความหน้าตาโง่ๆในแบบฉบับเรา ผนวกกับใบรีเฟอร์จากนายจ้างว่าเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน J1 มาทำงานกับเค้า จึงผ่านมันมาได้อย่างหวุดหวิด
พอผ่านตม.มาได้สิ่งสำคัญต่อไปคือ จะไปบ้านยังไง??

        เรามาถึง JFK ตอนเกือบๆสี่ทุ่ม ตอนนั้นเหนื่อยมากคิดไรไม่ออกได้แต่บอกตัวเอง ตรูไม่สามารถแบกกระเป๋าหนักๆ  2ใบนี้ ลากมันขึ้นบันได Subway และนั่ง Subway ยาว 2-3ชั่วโมงเพื่อเข้าบ้านได้แน่ๆ ทำให้เรากับเพื่อนตัดสินใจจะเรียกอูเบอร์ไปที่พัก หลังจากตัดสินใจได้ว่าต้องเรียกอูเบอร์ แต่การจะเรียกอูเบอร์ได้ต้องมีซิมการ์ดเบอร์ที่อเมริกาก่อนไง  พวกเราตัดสินใจซื้อซิมการ์ดที่สนามบินตรงหน้าทางออกจากที่รับกระเป๋า ในราคาเกือบ100ดอล ใช่แล้วซิมห่าไรสามพัน ผีมากแค่มาวันแรกก็โดนหลอกแล้วจ้า อุส่าห์คุยกับมันตั่งนานสุดท้ายหลอกเด็กไทยตาดำๆอย่างฉันอยู่ดี อิผี คนอื่นซื้อซิมการ์ด 30-50ดอลล่าร์ อินิปาไป 100ดอลล่าร์ จ้าๆๆๆ ไม่พูดมาก รวยๆ มองบนแปป
ต่อมาก็จัดการเรียกอูเบอร์อิลุงตุงนังกันอยู่ซักพัก ไปๆมาๆก็ถึงที่พักได้แบบเฉียดตาย ในราคา 30กว่าดอล แต่กว่าจะคุยกับอูเบอร์ให้รู้เรื่องนิเล่นเอาเกือบตายเหมือนกัน
          และนี่เป็นสภาพบ้าน แบบ First Impression ของเรา OMG น้ำตาจะไหล ไม่ใด้ซึ้งใจอะไรเลย น้องแค่อึ้งเล็กน้อย กับราคาบ้าน 104 $/Week/person แล้วที่อึ้งไปกว่าบ้านก็คือ เจ้าของบ้าน นางจำผิด ว่าเรากับเพื่อนจะมาถึงวันไหน? คือนางคิดว่าเรามาถึงวันพน. เป็นไงละ? อึ้ง อึ้งไปเลยจ้า คือทุกคนคิดสภาพนะ มีแค่เรากับเพื่อนเป็นผู้หญิงเอเชีย 2คนตัวเล็กๆสูงไม่ถึง158 (เพือนผู้ชายพักอีกที่) ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์เก่าๆ ตอนดึก ในย่านคนดำ ชีวิตกลางคืนนิวยอร์กไม่ได้สวยงามอย่างในหนัง ข้างทางมีแต่ถุงขยะดำๆ สกปรกโคตรๆกลิ่นเหม็นๆ มีแต่เสียงรถวู้ว๊ออออ หนูวิ่งติดจั่น น้ำตาที่อดกลั้นไว้นั้นไหลอาบเลยจ้า เรารอเจ้าของบ้านประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า นางถึงมาเปิดบ้านให้เรา ด้านในบ้านประกอบด้วย ห้องนั่งเล่น โต๊ะกินข้าว 1ห้องครัว 1ห้องน้ำ กับประชากรในบ้าน 8คน

อันนี้คือภายในห้องนอนเรา เรานอนเตียงทางด้านซ้ายมือ หอพักนักศึกษาริป่าวเนี่ย?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่