สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่านี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดอะไรขออภัยและพร้อมรับคำแนะนำค่ะ จขกท.เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนประเทศสหรัฐอเมริกา ไปแลกเปลี่ยนตอนม.4 เมื่อสามปีที่แล้วค่ะ ที่ตัดสินใจเขียนกระทู้นี้หลังจากอยากเขียนมานานแล้วเพราะว่าตอนนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัยและมีหลายส่วนที่รู้สึกว่าการไปแลกเปลี่ยนส่งผลที่ดีในชีวิตระยะยาวยิ่งกว่าที่คิด จากที่ปกติสนับสนุนน้องๆคนรู้จักให้ไปแลกเปลี่ยนอยู่แล้วก็อยากแชร์ประสบการ์ณให้หลายคนมากยิ่งขึ้นค่ะ
ps.กระทู้นี้จะไม่ได้เน้นถึงขั้นตอนการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือการใช้ชีวิตนี่นู่นเท่าไหร่นะคะ จะเป็นการแชร์สิ่งที่ได้จากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนึงมากกว่า
อันนี้เป็นโพสอธิบายนักเรียนแลกเปลี่ยนสั้นๆที่เคยเขียนไว้ตอนกลับมาใหม่ๆ ลองอ่านดูได้ค่ะ (ตรงที่ใช้ชื่อตัวเองตัดออกนะคะ อาจดูขัดๆกันบ้าง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
น้องๆและเพื่อนๆคนไหนที่กำลังสนใจอยากเดินทางไปต่างประเทศและเปลี่ยนมุมมองชีวิต อยากพัฒนาภาษาอังกฤษ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หาเพื่อนจากหลายประเทศทั่วโลกและพัฒนาตัวเอง โอกาสมาถึงแล้ว ลองอ่านบทความสั้นๆนี้ดูสิ
นักเรียนแลกเปลี่ยนคือใคร?
-นักเรียนแลกเปลี่ยนคือนักเรียนชั้นมัธยมที่เดินทางไปศึกษาภาษาและวัฒนธรรมในต่างประเทศเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี โดยที่จะเข้าไปเรียนในโรงเรียนตามหลักสูตรของประเทศนั้นๆและอาศัยอยู่กับโฮสแฟมิลี่หรือครอบครัวอุปถัมภ์ที่เป็นอาสาสมัครในการรับน้องๆเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
ต้องอยู่ระดับชั้นอะไรถึงจะไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้?
-กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น ม.3-ม.5
ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้วดียังไง?
-อันนี้เล่าจากประสบการณ์จริงเนื่องจาก..พึ่งกลับจากอเมริกาหลังจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลา10เดือนที่ดีที่สุดในชีวิตจริงๆ อยากแรกเลยคือการได้ภาษาที่ดีมากกลับมา ทั้งด้านสำเนียงแล้วก็การสื่อสารที่คล่องขึ้น มีโอกาสได้ทำกิจกรรมที่ท้าทายตัวเองหลายอย่างที่หาในประเทศไทยไม่ได้ ได้ประสบการณ์ในทุกๆด้านกลับมา ทั้งด้านกีฬา ดนตรี ความมั่นใจตัวเอง ฯลฯ แต่สิ่งที่..ชอบที่สุดคือการที่มีเพื่อนจากหลายประเทศไม่ใช่แค่คนอเมริกันแต่มีทั้งยุโรปและเอเชีย เพื่อนที่ถึงแม้จะอยู่ห่างกันแต่ยังติดต่อกันตลอด เพื่อนที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ว่าเราจะไปเที่ยวประเทศไหนเราก็จะมีเพื่อนในประเทศนั้นคอยต้อนรับและดูแลเรา
quoteสั้นๆก่อนเริ่มอ่านของเราคือ
"10 months of your exchange student’s life will be you forever"
So..what being an exchange student taught me?:
1)ความสามารถด้านภาษา ไม่ใช่แค่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการพรีเซ้นท์งาน การหาข้อมูลที่มากกว่าแหล่งในภาษาเดียว และการพูดคุยกับอาจาร์ยต่างชาติ เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง แน่นอนว่าในยุคสมัยนี้ในมหาวิทยาลัยมีการพลักดันให้นักศึกษาใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการศึกษาระบบใดก็ตาม การที่จขกทมีทักษะในด้านนี้ในระดับนึงอยู่แล้วรู้สึกว่าเป็นตัวช่วยในการเรียนที่ดีและทำให้สามารถโฟกัสได้กับสาขาที่เรียนได้มากขึ้น
2)การทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ บางคนอาจจะมีทักษะในการเข้ากับคนง่ายอยู่แล้วแต่สำหรับจขกท.ที่เมื่อก่อนเป็นเด็กขี้อายมาก การไปแลกเปลี่ยนทำให้พัฒนาทักษะในด้านนี้มากๆ กลายเป็นคนที่ไม่กลัวจะเข้าไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆก่อน ยกตัวอย่างเป็นทั้งเพื่อนนักศึกษาชาวไทยและต่างชาติในมหาวิทยาลัย ทำให้รู้จักคนมากขึ้นและได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันด้วย
3)การมีเพื่อนต่างชาติ การมีเพื่อนต่างชาติที่ได้รู้จักกันตอนไปแลกเปลี่ยนทำให้เราจำเป็นต้องรับรู้ความเป็นไปในแต่ละประเทศที่มีคนรู้จักอยู่ด้วย ทั้งยังสามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ แนวความคิด หรือความเห็นบางอย่างที่ไม่สามารถหาได้ในโลกออนไลน์หรือสื่ออื่นๆได้ด้วย
4)เปิดกว้างทางความคิด เพราะตอนไปแลกเปลี่ยนต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทั้งผู้คนและวัฒนธรรม ถ้าเกิดเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจและยอมรับมัน สิ่งที่ตามมาคือการเป็นคนที่ปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ และสามารถหาทางออกในสิ่งต่างๆได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด การเปิดกว้างทางความคิดทำให้เราสามารถเห็นอะไรอีกหลายๆอย่างที่เราไม่เคยเห็นไม่ว่าจะเพราะไม่ยอมรับหรือปิดกันตัวเอง
จขกท.มองว่าข้อนี้เป็นจุดสำคัญที่ทำให้จขกท.เปลี่ยนทักศนคติในหลายๆอย่างไปด้วย กลายเป็นคนที่ใจเย็นและpositiveมากขึ้น ที่สำคัญคือเรียนรู้ที่จะappreciate the little things คือมองในสิ่งดีๆมากกว่าจะจมอยู่กับสิ่งไม่ดีและสร้างความเครียดให้ตัวเอง ในมหาวิทยาลัยที่การเรียนมีความท้าทายมากขึ้นและเยาวชนหลายคนกำลังก้าวข้ามช่วงต่อที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความเครียดคือสิ่งนึงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งเรื่องผลการเรียน สังคม หรือแม้แต่การใช้ชีวิตและการคนหาตัวเองล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและอาศัยการมองโลกที่เปลี่ยนไป
ในช่วงนี้จขกท.ได้เจอคนใหม่ๆที่หลายคนมีทัศนะคติที่แตกต่างกันมากมาย บางคนเข้าขั้น"แปลก" คนเหล่านั้นคือคนที่จขกท.มองว่า "น่าสนใจ" ที่จริงแล้วมนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกัน ความแตกต่างนั่นเหละคือสิ่งที่น่าเรียนรู้แล้วเอามาปรับใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง เพราะการเปิดใจทำให้เราสามารถรู้ในสิ่งที่หลายคนไม่รู้และเห็นสิ่งที่หลายคนไม่เห็น
อีกทัศนะคตินึงที่จขกท.ได้กลับมาคือการคิดว่า "There's nothing you can't do if you try" ถือว่าเป็นmindsetอย่างนึงที่สามารถพัฒนาทุกสิ่งในชีวิตได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนเท่านั้น ทุกครั้งที่ทำอะไรไม่ได้จขกท.จะคิดเสมอว่า "แล้วได้ลองทำมันจริงๆแล้วยัง"
5)การเข้าใจตัวเองและการค้นพบตัวเอง หัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากการค้นหาตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้และไม่ได้ทำง่ายๆ การอยู่และเพื่ออะไร ความสุขของตัวเองคืออะไร และต้องการจะใช้ชีวิตแบบไหนคือคำถาม การเลือกเรียน"คณะที่ใช่"ก็เป็นส่วนนึงในการทำตามทางของตัวเอง หรือง่ายๆคือทำตามความฝันตัวเอง ยังไงก็ตามการเข้าใจตัวเองในระดับนึงเป็นสิ่งที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ ด้วยการที่ได้เปิดโลกจากการไปแลกเปลี่ยนและได้เห็นอะไรหลายๆ การที่ได้เจอกับประสบการณ์หลายรูปแบบ ได้เจอคนหลายเชื้อชาติที่มีความคิดต่างกัน เห็นการใช้ชิวิตของครอบครัวโฮสที่แปลกไปอย่างสิ้นเชิงทำให้จขกท.กลับมานั่งทำความเข้าใจกับความหมายของชีวิตใหม่ จขกท.มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นและรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถึงแม้จะยังไม่รู้แน่ชัดแต่ก็เป็นการนำทางชีวิตตัวเองที่พอใจในช่วงชีวิตในขณะนี้ การไปแลกเปลี่ยนมีส่วนสำคัญในการเลือกคณะที่เรียนของจขกท.และทุกวันนี้ถึงแม้จะงานหนักแค่ไหนแต่เพราะเป็นสิ่งที่ชอบจริงๆจึงทำให้ทุกวันมีแต่ความสนุกเพราะมันคือการเรียนรู้สื่งใหม่ในเรื่องที่เราสนใจ
นักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคนมีประสบการ์ณที่ต่างกันและแน่นอนว่าได้รับอะไรกลับมาไม่เหมือนกัน จขกท.เชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ได้รับอะไรกลับมาอีกหลายๆอย่าง ในช่วงที่ไปแลกเปลี่ยนจะเจอกับทั้งประสบการ์ณที่ดีและไม่ดี แต่ทุกสิ่งที่ผ่านมาหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้
ฝากถึงน้องๆที่กำลังลังเลว่าจะไปแลกเปลี่ยนดีมั้ย
แน่นอนว่ามีหลายๆเรื่องที่ต้องกังวล ทั้งกลัวจะมีปัญหากับโฮส กลัวคิดถึงบ้าน(homesick) กลัวเรียนไม่ไหว และอีกหลายๆอย่าง แต่เชื่อสิ สุดท้ายแล้วน้องๆจะผ่านมันไปได้ และจะโตขึ้นเป็นคนอีกคนที่ไม่คิดว่าจะสามารถเป็นได้
ฝากถึงน้องๆที่กำลังอยู่ในช่วงแลกเปลี่ยน
ไม่ว่าตอนนี้จะกำลังเจออะไรอยู่ ทั้งดีหรือไม่ดี ขอให้น้องๆจำมันเอาไว้ enjoy the moment and live the moment ปีนึงเหมือนจะนาน แต่จริงๆมันสั้นมากๆเลย อยากทำอะไรก็อย่ากลัว just do it! แต่ทั้งนี้ก็ให้คิดก่อนทำกันด้วยนะจ๊ะ ปัญาหาที่เจอตอนนี้อาจจะดูใหญ่แต่ถ้าผ่านมันไปและมองย้อนกลับไปน้องจะไม่คิดแบบนั้นเลย
ฝากถึงreturnees นักเรียนแลกปลี่ยนทุกคน
ถ้าใครมีประสบการ์ณอะไรที่อยากแชร์ แชร์เลยค่า จขกท.อยากอ่านและอยากให้น้องๆหลายคนได้อ่านด้วย moments that changed your life during your exchange year มีอะไรที่ประทับใจหรือไม่ประทับใจยังไงแบ่งปันกันได้ค่ะ
ถ้าจขกท.นึกอะไรออกจะมาเขียนเพิ่มนะคะ หวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ปล.ถ้าน้องๆคนไหนต้องการคำปรึกษาเรื่องแลกเปลี่ยนทั้งก่อนไปและตอนใช้ชีวิตอยู่หรือแม้แต่การปรับตัวตอนกลับมาแล้วหรือผู้ปกครองท่านไหนมีความสนใจก็สามารถเขียนไว้ได้เลยนะคะ จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ค่ะ
การไปแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนชีวิตและมุมมองของเด็กคนนึง (High School Exchange)
ps.กระทู้นี้จะไม่ได้เน้นถึงขั้นตอนการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือการใช้ชีวิตนี่นู่นเท่าไหร่นะคะ จะเป็นการแชร์สิ่งที่ได้จากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนึงมากกว่า
อันนี้เป็นโพสอธิบายนักเรียนแลกเปลี่ยนสั้นๆที่เคยเขียนไว้ตอนกลับมาใหม่ๆ ลองอ่านดูได้ค่ะ (ตรงที่ใช้ชื่อตัวเองตัดออกนะคะ อาจดูขัดๆกันบ้าง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
quoteสั้นๆก่อนเริ่มอ่านของเราคือ
"10 months of your exchange student’s life will be you forever"
So..what being an exchange student taught me?:
1)ความสามารถด้านภาษา ไม่ใช่แค่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการพรีเซ้นท์งาน การหาข้อมูลที่มากกว่าแหล่งในภาษาเดียว และการพูดคุยกับอาจาร์ยต่างชาติ เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง แน่นอนว่าในยุคสมัยนี้ในมหาวิทยาลัยมีการพลักดันให้นักศึกษาใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการศึกษาระบบใดก็ตาม การที่จขกทมีทักษะในด้านนี้ในระดับนึงอยู่แล้วรู้สึกว่าเป็นตัวช่วยในการเรียนที่ดีและทำให้สามารถโฟกัสได้กับสาขาที่เรียนได้มากขึ้น
2)การทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ บางคนอาจจะมีทักษะในการเข้ากับคนง่ายอยู่แล้วแต่สำหรับจขกท.ที่เมื่อก่อนเป็นเด็กขี้อายมาก การไปแลกเปลี่ยนทำให้พัฒนาทักษะในด้านนี้มากๆ กลายเป็นคนที่ไม่กลัวจะเข้าไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆก่อน ยกตัวอย่างเป็นทั้งเพื่อนนักศึกษาชาวไทยและต่างชาติในมหาวิทยาลัย ทำให้รู้จักคนมากขึ้นและได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันด้วย
3)การมีเพื่อนต่างชาติ การมีเพื่อนต่างชาติที่ได้รู้จักกันตอนไปแลกเปลี่ยนทำให้เราจำเป็นต้องรับรู้ความเป็นไปในแต่ละประเทศที่มีคนรู้จักอยู่ด้วย ทั้งยังสามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ แนวความคิด หรือความเห็นบางอย่างที่ไม่สามารถหาได้ในโลกออนไลน์หรือสื่ออื่นๆได้ด้วย
4)เปิดกว้างทางความคิด เพราะตอนไปแลกเปลี่ยนต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทั้งผู้คนและวัฒนธรรม ถ้าเกิดเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจและยอมรับมัน สิ่งที่ตามมาคือการเป็นคนที่ปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ และสามารถหาทางออกในสิ่งต่างๆได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด การเปิดกว้างทางความคิดทำให้เราสามารถเห็นอะไรอีกหลายๆอย่างที่เราไม่เคยเห็นไม่ว่าจะเพราะไม่ยอมรับหรือปิดกันตัวเอง
จขกท.มองว่าข้อนี้เป็นจุดสำคัญที่ทำให้จขกท.เปลี่ยนทักศนคติในหลายๆอย่างไปด้วย กลายเป็นคนที่ใจเย็นและpositiveมากขึ้น ที่สำคัญคือเรียนรู้ที่จะappreciate the little things คือมองในสิ่งดีๆมากกว่าจะจมอยู่กับสิ่งไม่ดีและสร้างความเครียดให้ตัวเอง ในมหาวิทยาลัยที่การเรียนมีความท้าทายมากขึ้นและเยาวชนหลายคนกำลังก้าวข้ามช่วงต่อที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความเครียดคือสิ่งนึงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งเรื่องผลการเรียน สังคม หรือแม้แต่การใช้ชีวิตและการคนหาตัวเองล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและอาศัยการมองโลกที่เปลี่ยนไป
ในช่วงนี้จขกท.ได้เจอคนใหม่ๆที่หลายคนมีทัศนะคติที่แตกต่างกันมากมาย บางคนเข้าขั้น"แปลก" คนเหล่านั้นคือคนที่จขกท.มองว่า "น่าสนใจ" ที่จริงแล้วมนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกัน ความแตกต่างนั่นเหละคือสิ่งที่น่าเรียนรู้แล้วเอามาปรับใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง เพราะการเปิดใจทำให้เราสามารถรู้ในสิ่งที่หลายคนไม่รู้และเห็นสิ่งที่หลายคนไม่เห็น
อีกทัศนะคตินึงที่จขกท.ได้กลับมาคือการคิดว่า "There's nothing you can't do if you try" ถือว่าเป็นmindsetอย่างนึงที่สามารถพัฒนาทุกสิ่งในชีวิตได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนเท่านั้น ทุกครั้งที่ทำอะไรไม่ได้จขกท.จะคิดเสมอว่า "แล้วได้ลองทำมันจริงๆแล้วยัง"
5)การเข้าใจตัวเองและการค้นพบตัวเอง หัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากการค้นหาตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้และไม่ได้ทำง่ายๆ การอยู่และเพื่ออะไร ความสุขของตัวเองคืออะไร และต้องการจะใช้ชีวิตแบบไหนคือคำถาม การเลือกเรียน"คณะที่ใช่"ก็เป็นส่วนนึงในการทำตามทางของตัวเอง หรือง่ายๆคือทำตามความฝันตัวเอง ยังไงก็ตามการเข้าใจตัวเองในระดับนึงเป็นสิ่งที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ ด้วยการที่ได้เปิดโลกจากการไปแลกเปลี่ยนและได้เห็นอะไรหลายๆ การที่ได้เจอกับประสบการณ์หลายรูปแบบ ได้เจอคนหลายเชื้อชาติที่มีความคิดต่างกัน เห็นการใช้ชิวิตของครอบครัวโฮสที่แปลกไปอย่างสิ้นเชิงทำให้จขกท.กลับมานั่งทำความเข้าใจกับความหมายของชีวิตใหม่ จขกท.มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นและรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถึงแม้จะยังไม่รู้แน่ชัดแต่ก็เป็นการนำทางชีวิตตัวเองที่พอใจในช่วงชีวิตในขณะนี้ การไปแลกเปลี่ยนมีส่วนสำคัญในการเลือกคณะที่เรียนของจขกท.และทุกวันนี้ถึงแม้จะงานหนักแค่ไหนแต่เพราะเป็นสิ่งที่ชอบจริงๆจึงทำให้ทุกวันมีแต่ความสนุกเพราะมันคือการเรียนรู้สื่งใหม่ในเรื่องที่เราสนใจ
นักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคนมีประสบการ์ณที่ต่างกันและแน่นอนว่าได้รับอะไรกลับมาไม่เหมือนกัน จขกท.เชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ได้รับอะไรกลับมาอีกหลายๆอย่าง ในช่วงที่ไปแลกเปลี่ยนจะเจอกับทั้งประสบการ์ณที่ดีและไม่ดี แต่ทุกสิ่งที่ผ่านมาหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้
ฝากถึงน้องๆที่กำลังลังเลว่าจะไปแลกเปลี่ยนดีมั้ย
แน่นอนว่ามีหลายๆเรื่องที่ต้องกังวล ทั้งกลัวจะมีปัญหากับโฮส กลัวคิดถึงบ้าน(homesick) กลัวเรียนไม่ไหว และอีกหลายๆอย่าง แต่เชื่อสิ สุดท้ายแล้วน้องๆจะผ่านมันไปได้ และจะโตขึ้นเป็นคนอีกคนที่ไม่คิดว่าจะสามารถเป็นได้
ฝากถึงน้องๆที่กำลังอยู่ในช่วงแลกเปลี่ยน
ไม่ว่าตอนนี้จะกำลังเจออะไรอยู่ ทั้งดีหรือไม่ดี ขอให้น้องๆจำมันเอาไว้ enjoy the moment and live the moment ปีนึงเหมือนจะนาน แต่จริงๆมันสั้นมากๆเลย อยากทำอะไรก็อย่ากลัว just do it! แต่ทั้งนี้ก็ให้คิดก่อนทำกันด้วยนะจ๊ะ ปัญาหาที่เจอตอนนี้อาจจะดูใหญ่แต่ถ้าผ่านมันไปและมองย้อนกลับไปน้องจะไม่คิดแบบนั้นเลย
ฝากถึงreturnees นักเรียนแลกปลี่ยนทุกคน
ถ้าใครมีประสบการ์ณอะไรที่อยากแชร์ แชร์เลยค่า จขกท.อยากอ่านและอยากให้น้องๆหลายคนได้อ่านด้วย moments that changed your life during your exchange year มีอะไรที่ประทับใจหรือไม่ประทับใจยังไงแบ่งปันกันได้ค่ะ
ถ้าจขกท.นึกอะไรออกจะมาเขียนเพิ่มนะคะ หวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ปล.ถ้าน้องๆคนไหนต้องการคำปรึกษาเรื่องแลกเปลี่ยนทั้งก่อนไปและตอนใช้ชีวิตอยู่หรือแม้แต่การปรับตัวตอนกลับมาแล้วหรือผู้ปกครองท่านไหนมีความสนใจก็สามารถเขียนไว้ได้เลยนะคะ จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ค่ะ