เทรดในตลาดฟอเรค เปรียบเหมือนนักล่าในป่า
ในหนังสือเกี่ยวกับการเทรดในตลาดฟอเรคหลายๆเล่ม เปรียบเทียบการเทรดในตลาดฟอเรคเปรียบเหมือน
การผจญภัยในป่าดงดิบ ...ในแต่ละวัน สนามรบของเทรดเดอร์เปรียบเทียบกับสัตว์ป่าที่หลากหลายเช่น กระทิง หรือ หมี,
เหยี่ยว หรือ นกพิราบ, หมาป่า หรือ ฉลาม เป็นต้น
ตลาดที่เทรดเดอร์ไม่สามารถคาดการณ์ ไม่มีการให้อภัย และโหดร้าย... ท้ายที่สุด การอยู่รอดหรือชนะตลาด
ต้องการเทรดเดอร์ที่มีความรู้ มีทักษะ และ มีความกล้า
นั่นอาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมเทรดเดอร์บางคนจึงเรียกตัวเองว่า " นักล่ายุคใหม่ " หลายคนที่เปรียบตัวเอง
เป็นชีต้าที่เอาชนะเหยื่อด้วยความเร็ว ขณะที่อีกหลายคนเปรียบตัวเองเป็นจระเข้ ที่ใช้ทักษะการรอคอย
เพื่อจับเหยื่อ
นักล่าที่กล่าวมาใช้ทักษะอะไรเพื่อเป็นนักล่าที่สมบูรณ์แบบ ? แล้วเปรียบเทียบกับเทรดเดอร์หล่ะ เทรดเดอร์
ต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง เพื่อตามล่าหากำไร เราจะเปรียบเทียบพื้นฐานการเป็นนักล่าที่ยอดเยี่ยม (ทั้งสัตว์และคน)
ว่าต้องใช้อะไรเพื่อที่จะล่าเหยื่อกลับบ้าน...
1..รู้จักเหยื่อของคุณ เมื่อสิงห์โตอยากกินควาย มันจะไม่โจมตีควายป่าตัวแรกที่มันเห็นทันที แต่มันจะค่อย
ศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของฝูงควายพร้อมกับมองหาจุดอ่อน เมื่อได้เวลาที่สิงห์โตพร้อมโจมตี
มันจะโจมตีจุดที่อ่อนที่สุดของฝูง เพื่อให้ได้เหยื่อที่คุ้มค่าแรงที่เสียไปมากที่สุดนั่นเอง
เช่นเดียวกับสิงห์โต เทรดเดอร์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะเก็บข้อมูลให้รอบด้านก่อนที่จะโจมตี เช่น ก่อนเข้า short
USD/JPY คุณต้องรู้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินคู่นี้อย่างรอบด้าน แล้วกำหนดระดับความเสี่ยง
ต่อผลตอบแทน Reward/Risk ที่คุ้มค่าที่สุด
ถามตัวเอง เช่น " รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมาปกติแล้วส่งผลกระทบค่าเงินของคู่นี้อย่างไร ?
ช่วงเวลาใดที่ค่าเงินสกุลนี้ผันผวนที่สุด ? ปัจจัยใดที่จะทำให้เทรนต์ตอนนี้เปลี่ยนไปบ้าง ? เก็บข้อมูล
แล้วนำมาวิเคราะห์หาความน่าจะเป็น
2..รอโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตี เมื่อเราเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของเหยื่อเราแล้ว นำมันมาเป็น
ข้อได้เปรียบของเราเพื่อหาโอกาสในการโจมตีที่ดีที่สุด ปกติแล้วนักล่าจะมีโอกาสล่าแค่ครั้งเดียว
กับเหยื่อที่คุ้มค่าที่สุด คุณคงไม่อยากเสียเวลาวิเคราะห์ทั้งหมดเพื่อล่าเหยื่อเล็กๆน้อยๆใช่มั้ยครับ...
เพิ่มปริมาณการได้ในแต่ละครั้งของคุณ ในขณะที่ต้องลดแรง และความเสี่ยงลงเรื่อยๆ ข้อแตกต่าง
ระหว่างนักล่าที่ยอดเยี่ยมกับนักล่าธรรมดาคือ นักล่าที่ยอดเยี่ยมจะรอโอกาสจนกว่าทุกอย่างจะเอนเอียง
มาอยู่ข้างเขาก่อนการโจมตี
อย่าพลาดโอกาสโดยการโจมตีในครั้งแรกทันทีที่มีโอกาส เฝ้ารอเงื่อนไขที่ต้องการ โดยหวังความน่าจะเป็น
ที่เป็นไปได้มากที่สุด จึงโจมตี
3..ปฏิบัติตามแผน จระเข้จะไม่ลังเลที่จะกระโดดจากใต้น้ำเพื่อฮุบเหยื่อ จระเข้แค่ทำตามแผนการณ์ที่คิดไว้
สำหรับเทรดเดอร์ เวลาที่จะมาวิเคราะห์แล้วคิดทบทวน คือเวลาหลังจากการเทรดนั้นผ่านไปแล้ว อย่าลังเล
เมื่อคุณพบโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
จงรวดเร็ว ดุดัน แม่นยำ และมั่นใจในแผนการนั้นๆ อย่าให้ความกลัวและความโลภเข้ามาครอบงำคุณ
มันจะดียิ่งขึ้นหากเทรดเดอร์ทำการทดสอบแผนการเทรดย้อนหลัง หรือแม้แต่ทดสอบและวิเคราะห์
กลยุทธการเทรดของคุณไปในอนาคต หลังจากนั้นคุณจะมั่นใจว่าในที่สุดแล้ว คุณจะได้กำไรในตอนท้าย
4..ติดตามและปรับแต่ง ในแต่ละวัน เสือดาวมีโอกาสที่จะพบการ์เซลปกติทั่วไป หรือในภูมิประเทศที่
คล้ายคลึงกัน แต่ผลลัพธ์การล่าจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัน เสือดาวควรปรับกลยุทธ
ในการเข้าหาการ์เซลใหม่หรือไม่ ? หรือ ยกเลิกการล่าเพื่อรอโอกาสใหม่ ?
เหมือนที่ผมกล่าวไปเบื้องต้นว่า ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและไม่มีการให้อภัย
ด้วยเหตุที่คู่ AUD/USD สะท้อนในเชิงลบต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียเสมอ
ไม่ได้การันตีว่ามันจะตอบสนองเชิงลบเหมือนเดิมในเดือนนี้ หากปัจจัยต่างๆเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบ
อาจจะแตกต่างจากทุกๆครั้งที่ผ่านมาก็เป็นได้
5..เรียนรู้และเก็บเกี่ยว นักล่าที่เยี่ยมยอดจะสามารถเรียนรู้จากการล่าที่ผ่านๆมา ในป่านักล่าจะกินสิ่งที่ล่าได้
นักล่าจะอดตายหากมันไม่สามารถเรียนรู้จากการฆ่าในแต่ละครั้งได้ , เทรดเดอร์ที่ได้กำไรอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
เขาต้องสามารถเรียนรู้จากการเทรดที่ผ่านมาในแต่ละครั้งเพื่อพัฒนาทักษะในการเทรดให้ดียิ่งๆขึ้น
ผู้อยู่รอดในป่าฟอเรค ไม่ต้องการเครื่องมือราคาแพง หรือเข้าคอร์ส อบรม คุณต้องการแค่กระบวนการพื้นๆ
เช่น การบันทึก ทบทวนแผนการเทรด ในแต่วันที่เข้าและออกสถานะ พัฒนาอย่างช้าๆแต่คุณจะได้กำไรอย่างยั่งยืน
เครดิต Mr.pipslow babypips อนุสรณ์ จ. เรียบเรียง โปรดชี้แนะเพิ่มเติมครับ
เพจเฟสบุ้ค thaipips เพราะชีวิตคือการลงทุน เพจเล็กๆที่สร้างไว้เแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเทรดครับ
เทรดในตลาดฟอเรค เปรียบเหมือนนักล่าในป่า ....อ่านเล่นๆครับ ระหว่างลุ้นดัชนีจะยืน 1600 ไหวหรือเปล่า
เทรดในตลาดฟอเรค เปรียบเหมือนนักล่าในป่า
ในหนังสือเกี่ยวกับการเทรดในตลาดฟอเรคหลายๆเล่ม เปรียบเทียบการเทรดในตลาดฟอเรคเปรียบเหมือน
การผจญภัยในป่าดงดิบ ...ในแต่ละวัน สนามรบของเทรดเดอร์เปรียบเทียบกับสัตว์ป่าที่หลากหลายเช่น กระทิง หรือ หมี,
เหยี่ยว หรือ นกพิราบ, หมาป่า หรือ ฉลาม เป็นต้น
ตลาดที่เทรดเดอร์ไม่สามารถคาดการณ์ ไม่มีการให้อภัย และโหดร้าย... ท้ายที่สุด การอยู่รอดหรือชนะตลาด
ต้องการเทรดเดอร์ที่มีความรู้ มีทักษะ และ มีความกล้า
นั่นอาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมเทรดเดอร์บางคนจึงเรียกตัวเองว่า " นักล่ายุคใหม่ " หลายคนที่เปรียบตัวเอง
เป็นชีต้าที่เอาชนะเหยื่อด้วยความเร็ว ขณะที่อีกหลายคนเปรียบตัวเองเป็นจระเข้ ที่ใช้ทักษะการรอคอย
เพื่อจับเหยื่อ
นักล่าที่กล่าวมาใช้ทักษะอะไรเพื่อเป็นนักล่าที่สมบูรณ์แบบ ? แล้วเปรียบเทียบกับเทรดเดอร์หล่ะ เทรดเดอร์
ต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง เพื่อตามล่าหากำไร เราจะเปรียบเทียบพื้นฐานการเป็นนักล่าที่ยอดเยี่ยม (ทั้งสัตว์และคน)
ว่าต้องใช้อะไรเพื่อที่จะล่าเหยื่อกลับบ้าน...
1..รู้จักเหยื่อของคุณ เมื่อสิงห์โตอยากกินควาย มันจะไม่โจมตีควายป่าตัวแรกที่มันเห็นทันที แต่มันจะค่อย
ศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของฝูงควายพร้อมกับมองหาจุดอ่อน เมื่อได้เวลาที่สิงห์โตพร้อมโจมตี
มันจะโจมตีจุดที่อ่อนที่สุดของฝูง เพื่อให้ได้เหยื่อที่คุ้มค่าแรงที่เสียไปมากที่สุดนั่นเอง
เช่นเดียวกับสิงห์โต เทรดเดอร์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะเก็บข้อมูลให้รอบด้านก่อนที่จะโจมตี เช่น ก่อนเข้า short
USD/JPY คุณต้องรู้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินคู่นี้อย่างรอบด้าน แล้วกำหนดระดับความเสี่ยง
ต่อผลตอบแทน Reward/Risk ที่คุ้มค่าที่สุด
ถามตัวเอง เช่น " รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมาปกติแล้วส่งผลกระทบค่าเงินของคู่นี้อย่างไร ?
ช่วงเวลาใดที่ค่าเงินสกุลนี้ผันผวนที่สุด ? ปัจจัยใดที่จะทำให้เทรนต์ตอนนี้เปลี่ยนไปบ้าง ? เก็บข้อมูล
แล้วนำมาวิเคราะห์หาความน่าจะเป็น
2..รอโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตี เมื่อเราเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของเหยื่อเราแล้ว นำมันมาเป็น
ข้อได้เปรียบของเราเพื่อหาโอกาสในการโจมตีที่ดีที่สุด ปกติแล้วนักล่าจะมีโอกาสล่าแค่ครั้งเดียว
กับเหยื่อที่คุ้มค่าที่สุด คุณคงไม่อยากเสียเวลาวิเคราะห์ทั้งหมดเพื่อล่าเหยื่อเล็กๆน้อยๆใช่มั้ยครับ...
เพิ่มปริมาณการได้ในแต่ละครั้งของคุณ ในขณะที่ต้องลดแรง และความเสี่ยงลงเรื่อยๆ ข้อแตกต่าง
ระหว่างนักล่าที่ยอดเยี่ยมกับนักล่าธรรมดาคือ นักล่าที่ยอดเยี่ยมจะรอโอกาสจนกว่าทุกอย่างจะเอนเอียง
มาอยู่ข้างเขาก่อนการโจมตี
อย่าพลาดโอกาสโดยการโจมตีในครั้งแรกทันทีที่มีโอกาส เฝ้ารอเงื่อนไขที่ต้องการ โดยหวังความน่าจะเป็น
ที่เป็นไปได้มากที่สุด จึงโจมตี
3..ปฏิบัติตามแผน จระเข้จะไม่ลังเลที่จะกระโดดจากใต้น้ำเพื่อฮุบเหยื่อ จระเข้แค่ทำตามแผนการณ์ที่คิดไว้
สำหรับเทรดเดอร์ เวลาที่จะมาวิเคราะห์แล้วคิดทบทวน คือเวลาหลังจากการเทรดนั้นผ่านไปแล้ว อย่าลังเล
เมื่อคุณพบโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
จงรวดเร็ว ดุดัน แม่นยำ และมั่นใจในแผนการนั้นๆ อย่าให้ความกลัวและความโลภเข้ามาครอบงำคุณ
มันจะดียิ่งขึ้นหากเทรดเดอร์ทำการทดสอบแผนการเทรดย้อนหลัง หรือแม้แต่ทดสอบและวิเคราะห์
กลยุทธการเทรดของคุณไปในอนาคต หลังจากนั้นคุณจะมั่นใจว่าในที่สุดแล้ว คุณจะได้กำไรในตอนท้าย
4..ติดตามและปรับแต่ง ในแต่ละวัน เสือดาวมีโอกาสที่จะพบการ์เซลปกติทั่วไป หรือในภูมิประเทศที่
คล้ายคลึงกัน แต่ผลลัพธ์การล่าจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัน เสือดาวควรปรับกลยุทธ
ในการเข้าหาการ์เซลใหม่หรือไม่ ? หรือ ยกเลิกการล่าเพื่อรอโอกาสใหม่ ?
เหมือนที่ผมกล่าวไปเบื้องต้นว่า ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและไม่มีการให้อภัย
ด้วยเหตุที่คู่ AUD/USD สะท้อนในเชิงลบต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียเสมอ
ไม่ได้การันตีว่ามันจะตอบสนองเชิงลบเหมือนเดิมในเดือนนี้ หากปัจจัยต่างๆเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบ
อาจจะแตกต่างจากทุกๆครั้งที่ผ่านมาก็เป็นได้
5..เรียนรู้และเก็บเกี่ยว นักล่าที่เยี่ยมยอดจะสามารถเรียนรู้จากการล่าที่ผ่านๆมา ในป่านักล่าจะกินสิ่งที่ล่าได้
นักล่าจะอดตายหากมันไม่สามารถเรียนรู้จากการฆ่าในแต่ละครั้งได้ , เทรดเดอร์ที่ได้กำไรอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
เขาต้องสามารถเรียนรู้จากการเทรดที่ผ่านมาในแต่ละครั้งเพื่อพัฒนาทักษะในการเทรดให้ดียิ่งๆขึ้น
ผู้อยู่รอดในป่าฟอเรค ไม่ต้องการเครื่องมือราคาแพง หรือเข้าคอร์ส อบรม คุณต้องการแค่กระบวนการพื้นๆ
เช่น การบันทึก ทบทวนแผนการเทรด ในแต่วันที่เข้าและออกสถานะ พัฒนาอย่างช้าๆแต่คุณจะได้กำไรอย่างยั่งยืน
เครดิต Mr.pipslow babypips อนุสรณ์ จ. เรียบเรียง โปรดชี้แนะเพิ่มเติมครับ
เพจเฟสบุ้ค thaipips เพราะชีวิตคือการลงทุน เพจเล็กๆที่สร้างไว้เแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเทรดครับ