อันที่จริงเลยตอนแรกเราและพี่สาวตั้งใจไปปารีส เพื่อจะไปหาเพื่อนที่อยู่ที่นั่น
แต่มีการประท้วงที่รุนแรงและอันตรายมากขึ้นในช่วงนี้ เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนแพลนด่วนจี๋
หวยก็เลยมาออกที่ประเทศโปรตุเกสนั่นเอง

ซึ่งเรามีตั๋วที่บินจาก Nuremberg, Germany - Paris อยู่แล้ว
ไหนๆ ก็มีตั๋วเเล้วเราก็ใช้ให้เป็นประโยชน์สิเนอะะะะ
โดยเราซื้อตั๋วจาก Paris ไปลงที่ Lisbon [ สายการบิน Air France ]
โถ... สงสารตัวเอง ตั้งใจไปปารีส สุดท้ายได้เหยียบแค่พื้นสนามบิน T^T
นอกเรื่องกันมาเยอะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ^^


"ประเทศโปรตุเกส" อยู่ตอนใต้ของทวีปยุโรป เป็นประเทศที่ติดทะเล มีความลาดชันของพื้นที่
จะเห็นได้ว่ามีความลาดชันของถนนอยู่ตลอดทาง เป็นเมืองที่มีระดับจริงๆค่ะ ( เพราะขึ้นๆ ลงๆ หัวเข่าไม่ดี ขาไม่ดี แนะนำนั่งรถเอาน้า )

จริงๆ ทางประวัติศาสตร์เรามีความสัมพันธ์กับโปรตุเกสมายาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวโปรตุเกสเป็น
กลุ่มแรกเดินทางถึงประเทศไทยในปี ค.ศ. 1511 ซึ่งทำให้เกิดการติดต่อสัมพันธ์กันทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม การเมือง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

ถ้าใครนึกไม่ออก ก็นึกถึง ท้าวทองกีบม้าเลย ราชินีแห่งขนมไทย ก็เป็นลูกครึ่งโปรตุเกสค่า
หรือนึกถึงละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ก็น่าจะร้องอ๋อกันเลยทีเดียว ^^

โดยรวมค่อนข้างที่จะประทับใจเมืองนี้เลยทีเดียว เพราะมันเหมือนได้เปลี่ยน Mood & Tone เลย
จากความใหญ่โต ความแน่น ความหรูหรา ความระเบียบเป๊ะ ๆ จากยุโรปอื่น (ก่อนหน้านั้นเราไปเที่ยวเยอรมันกับปราก)
เพราะเมืองนี้ เป็นเมืองสบายๆ เมืองเชยๆ แต่น่ารักไงไม่รู้ บอกไม่ถูก มีสีสัน ทำให้ดูมีชีวิตชีวา ค่าครองชีพไม่แพง แถมขนส่งมวลชนก็ดี
และที่สำคัญคือ ถูกกกกก จ้าาาาา

อาหารก็มีปลา มีผักเป็นหลัก เพราะอยู่ติดทะเล ซึ่งชอบมากกก
เพราะพวกเราเบื่อขนมปัง ไส้กรอก พิซซ่า กันมาหลายวันแล้ว

ส่วนของหวานขึ้นชื่อ ก็หนีไม่พ้นทาร์ทไข่ ต้นตำรับเลย
และยังมีขนมที่คล้ายของไทยเรา
อย่างฝอยทอง ทองหยอด และขนมอื่นๆ ที่ทำจากไข่
และน้ำตาล รสชาติเหมือนกันเลยด้วยนะคะ

--------------------------------------------------
เมืองแรกที่เราจะพาไปก็คือ
"Lisbon" เมืองหลวงของโปรตุเกส นั่นเอง


สถานที่แรกที่เราไปคือ มหาวิหารเจอโรนิโม (JERONIMOS MONASTRY)
สร้างมากว่า 500 ปี และขึ้นทะเบียนมรดกโลกเรียบร้อยแล้วค่า สวยมากกก
>> การเดินทางก็นั่งรถสาย 15E จาก Rossio Square มาลงที่หน้ามหาวิหารได้เลย แถวนั้นจะเรียกว่า ย่าน Belêm
ใกล้ๆกันนั้นก็จะมี Discovery's Monument และ Tower of Belêm ซึ่งเราไม่ได้เดินไปดู

ระหว่างทางเราก็เดินผ่านสวนสาธารณะ ซึ่งสะดุดตาเข้ากับศาลาแบบไทยๆ เลยรีบวิ่งมาดู
เจอป้าย ที่เขียนไว้ว่า นี่คือของขวัญที่ไทยเรา ได้มอบให้กับโปรตุเกสเนื่องในโอกาสครบรอบ 500 ปี ความสัมพันธ์ของไทย - โปรตุเกส
โอออออโหหหหหห เป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานมากกก ❤

นั่งเล่น เดินเล่นในสวน บรรยากาศดีมาก ๆ ค่า

พากันเดินเล่นชมเมือง โดยมีปลายทางคือ ปราสาท St.Jorg ทางก็จะเป็นเนิน แต่ไม่ชันมาก พอเดินไหว เพราะใส่ผ้าใบมา
ทางจะขึ้นๆ ลงๆ ตลอด ใครมาแนะนำใส่รองเท้าผ้าใบนะคะ แต่ทว่าเราเนี่ยยย ไปไม่ถึง St.Jorg นี่สิคะ เพราะไปฟินกับวิวที่จุดชมวิวของเมืองลิสบอนอ่าาา ในรูปนี้คือสวนหย่อมที่อยู่ที่จุดชมวิว มีกระเบื้องตกแต่งโดยรอบผนัง

ยังไม่พอสายตาเหลือบไปเห็น ซุ้มทางขึ้นคลุมต้นเฟื่องฟ้าสวยเก๋ เอะ ! ที่นี่มีต้นนี้ด้วยหรอ เลยเดินไปดูใกล้ๆ
เอ้าาาาา นี่มันทางขึ้นคาเฟ่นี่หว่า กวาดสายตาไปอย่างไว อืมมม ร้านนี้วิวดี ( จะอยู่สูงกว่าจุดชมวิวไปอีก วิวเลยดี ) เลยหันหน้ามองกันมา
" เฮาบ่ะไปละบ๋อ หนาวอิเห้ย " แปลว่า เราไม่ไปละมั้ย มันหนาวอ่าา เลยจบลงที่นั่งริมระเบียงในสุดเห็นวิวทะเล และความเป็นเนินชั้นๆ ของเมือง พร้อมด้วย Hot Chocolate อิงเติกชมวิว แบบ Slow life มันฟินบอกไม่ถูก มันไม่ได้สวยมาก แต่มันก็สวย เอ้ะ ! เอาไง 555
คือ เอาเป็นว่าเรารู้สึกเต็มอิ่มกับบรรยากาศ รู้สึกหายใจโล่งงงงง แดดที่ส่องมาก็ทำให้เราอุ่น นั่งคุยเม้าท์มอยตามประสาสาวๆ

พอเริ่มหนาว พวกเราชักทนไม่ไหว ก็เลยพากันลงมาจากด้านบน แล้วไปชมวิวต่อ ริมทะเลที่แถว ๆ Arco da Rua Augusta

มีคนเล่นดนตรี มีคนเต้น ริมทะเล บรรยากาศดีมากๆ อากาศดี ราวๆ 18 องศา แดดดี ทุกอย่างดูสดใส คู่รักบางคู่ เขากอดกันฮัมเพลง จูบกัน โรแมนติกสุดๆ ไปเลย 😍

พออิ่มเอมกับบรรยากาศดีๆ เเล้ว ก็ไปนั่งรถแทรมชมเมืองกันค่ะ " เบอร์ 28 " โดยเรานั่งไปลงสุดสาย แล้วพอสุดแล้วลง ต่อรอบใหม่ ไปลงที่ Rossio อันนี้มันเอกลักษณ์หลักของเมือง Lisbon เลย มีความโบราณคลาสสิคสุดๆ เห็นเป็นต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปทุกที

วันต่อมา เราอยากไปนอกเมืองลิสบอนบ้าง
เลยต้องใช้บริการรถไฟซะหน่อย เปลี่ยนฟีล 😎
ตั๋วรถไฟ ซื้อได้ที่ ตู้อัตโนมัตินะคะ เลือกอันที่มีรถไฟด้วยน้าา
หรือจะมาซื้อที่เคาน์เตอร์ที่สถานีรถไฟก็ได้ค่า

นั่งสุดสาย มาลงที่ "Sintra" นั่นเอง
มาถึงปุ้ป ว้าวเลยยย เมืองไม่ใหญ่มาก แต่น่ารัก และคงความเป็นธรรมชาติไว้เป็นอย่างดี คุมโทนสีอาคารด้วยสีชมพู และส้ม หวานมากกเมืองนี้
อาคารบางจุดจะทาสี บางจุดจะปูด้วยกระเบื้องทั้งเลย ตัดกับหน้าต่าง ประตูสีขาว น่ารักก

"Quinta da Regaleira"
บ้านเศรษฐีที่ได้รับการขึ้นทะเบียรเป็นมรดกโลก
เดิมสร้างโดยพ่อค้าผู้ร่ำรวยจากเมือง Porto ตระกูลฮือกาไลรา และตอนหลังได้ขายต่อให้กับ Carvalho Monterio เศรษฐีชาวบราซิล
ใครจะมาที่นี่ เนื่องจากเป็นทางลาดเยอะ ขึ้นๆ ลงๆ แนะนำใส่ผ้าใบมานะคะ จะได้สะดวก เผื่อเวลาสัก 2 ชม. เพราะที่นี่กว้างมากๆๆๆๆ ข้างในนอกจากตัวบ้านยังมี ทะเลสาบจำลอง สวนป่า โบสถ์เล็กๆ บ่อน้ำลึกลับ ด้วยค่ะ ซื้อตั๋วแล้วหยิบแผนที่มาด้วยนะคะ เดี๋ยวหลง

ขากลับเดินไม่ไหววววว ใช้บริการตุ้กตุ้กสิคะ เหมือนบ้านเราเลย แต่ของเค้าสีขาว น่ารักเข้ากับเมืองมาก

ไหนๆ ก็ได้นั่งตุ้กตุ้กแล้ว ก็ให้เขาพามาที่ร้าน Piriquita ซึ่งเป็นร้านขนมชื่อดังของเมืองนี้
และเราก็ได้เจอทาร์ทไข่ ฝอยทอง และขนมอื่นๆ ที่ทำจากไข่แดงและน้ำตาลจากร้านนี้แหละค่า

จากนั้นเราก็เปลี่ยนสายรถไฟ ไปอีกสาย โดยปลายทางคือเมือง "Cascais" ซึ่งอยู่สุดสายอีกเช่นกัน นั่งยาวไปเลย
รถไฟจะวิ่งเลียบชายทะเล ฟินสุดๆ ไปเลย
เมืองนี้มาถึงประมาณบ่าย 3 โมง ฟ้ากำลังสวยเลย เป็นพาสเทล แดดอ่อนๆ กำลังดี

เมืองนี้ เเต่เดิมเป็นเมืองตากอากาศของราชวงค์โปรตุเกส และตอนนี้ ชาวโปรตุเกสก็นิยมมาพักผ่อนที่นี่เหมือนกันค่ะ

และนี่คือ ไคลเเมกซ์ของวันนี้ค่ะ "ชิงช้าสวรรค์"
ที่ชมวิวเมืองได้แบบพาโรนาม่า ตอนพระอาทิตย์ตกดิน วิวจากด้านบนสวยมากๆๆๆๆๆๆ ค่าขึ้น 5 ยูโรนะคะ รอบนึงใช้เวลา 5 นาที

เพื่อนพี่สาวอยู่เมืองนี้ เลยได้นัดเจอกัน แต่ไม่มามือเปล่า เพราะหอบอาหารทะเล พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บบบๆ มาให้พวกเรากันด้วย
โอ้ยยย เป็นบุญของข้าาา จริงๆ

เอาหน้าตาอาหารโปรตุเกสมาให้ชมค่า มีปลา มีผัก มีข้าว เพราะเมืองนี้ติดทะเล หาทานปลาได้ง่ายเลย
อาหารเช้าของคนที่นี่ก็จะหน้าตาประมาณนี้ค่า
ร้านนี้ร้านดังในย่านนี้เลย ตั้งอยู่ตรงถนน Madalena 121 แล้วเดินขึ้นเนินไปเลยจ้า พอถึงจุดทางลง ก็จะอยู่จะอยู่ขวามือค่า

ส่วนอันนี้ที่พักเราค่า
"The Visionaire Apartments
ตั้งอยุ่ในย่าน Rossio Square"
เป็นครั้งแรกของการพัก Service Apartments ของพวกเราเลย จองผ่าน Booking.com
ที่นี่สะดุดตาเราด้วยขนาดที่กว้างถึง 80 sqm. และทุกอย่างครบครัน กว้างมากกกก ตกแต่งสวย เลยกดจองมาแบบลุ้นๆ
มาถึงแล้ว โอโหหหหห...รูปตรงปก ! สวยเหมือนในรูปเลย น่าอยู่มาก การจัดวางสิ่งของ ตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ดูลงตัว สะอาดมาก
แสงแดดที่ส่องมาที่ห้อง เงาตกกระทบมายังสวยเลยจ้า เจ้าหน้าที่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ ช่วยเหลือให้ข้อมูลดีมาก มีบอกวิธีไม่ให้เราโดนโกงค่า Taxi
ประทับใจจริงๆ
Price : 3 คืน = 332 € รวม City tax แล้ว

วิวจากห้องพัก ตอน 6.00 am . ฟ้ากำลังจะเปิด ไฟในอาคารยังไม่ปิด สลัวๆ หน่อย ดูสวยมากเลย

เท่าที่เราไปเที่ยว เราไม่ค่อยเจอคนไทยเลย ส่วนมากเป็นฝรั่งเศส ขนาดเราเองยังไม่เคยคิดจะไปเที่ยวประเทศนี้มาก่อนเลย
มันอยู่ตรงไหน ของโลกเราก็ไม่เคยใส่ใจ ตอนรู้ว่าจะได้มาเที่ยวที่นี่แทนปารีส เรายังแอบเซ็งๆ คิดภาพโปรตุเกสไม่ออกเลย ว่ามันหน้าตาเป็นแบบไหน
แต่ก็ต้องขอบคุณการประท้วงที่ฝรั่งเศส ที่ทำให้เราได้มาเจอกับประเทศที่น่ารักๆ แบบนี้
จริงๆ ถ้าใครมีโอกาสได้เที่ยวยุโรป แล้วเก็บเมืองใหญ่ๆ อย่างเบอลิน ปารีส โรม ลอนดอน อะไรเสร็จเเล้ว
มีเวลาลองมาเก็บบรรยากาศเมืองรองอย่าง " โปรตุเกส " ดูนะคะ เเล้วจะรัก ประเทศนี้เหมือนเราและพี่สาว

อันนี้เราต้องออกตัวก่อนเลยนะว่า ภาพและคำบรรยายส่วนใหญ่ เราเอามาจากเพจพี่สาวของเราที่ไปด้วยกัน
นางไม่เล่นพันทิพ แต่เราเห็นว่าน่าเสียดาย อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ในพันทิพได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศฟินๆ ของโปรตุเกสไปพร้อมกันเรา
เลยขออนุญาต เอารูปและคำบรรยายจากเพจของนางมา เพราะเราถ่ายรูปและบรรยายไม่ค่อยเก่ง 5555
Cr. Page >> Have A Nice Trip : เที่ยวให้สนุกนะ
http://goo.gl/Qxaqe4