ช้อปช่วยชาติ ... ซื้อหนังสือลดภาษีสูงสุด 15,000 บาท


" ลดภาษี เพิ่มภาษา  ขยายปัญญาไม่รู้จบ "


ภารกิจอ่านสร้างชาติเริ่มต้นขึ้นแล้ว  ตั้งแต่วัน 15 ธ.ค. 61  ถึง  16 ม.ค. 62


กระทรวงวัฒนธรรม กรมสรรพากร และสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ
หนุนช้อป“หนังสือ”ช่วยชาติมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตรชุมชนและทุนมนุษย์  
วงการหนังสือขานรับคึกคัก ย้ำอ่านหนังสือสร้างชาติพัฒนาคน




ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ มีมติเห็นชอบอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตร ชุมชน และทุนมนุษย์หรือ “ช้อปช่วยชาติ” โดยจำกัดเฉพาะสินค้า ๓ ประเภทคือ ยางรถยนต์ สินค้าโอทอป และหนังสือสื่อสิ่งพิมพ์และหนังสืออีบุ๊กซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบุให้หนังสือสื่อสิ่งพิมพ์และหนังสืออีบุ๊ก เป็นหนึ่งในสินค้าที่สามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท โดยมาตรการนี้จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ – วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒



จากการเปิดเผยของนางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม หนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ผลักดันมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตร ชุมชน และทุนมนุษย์ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ช้อปช่วยชาติให้เกิดขึ้น กล่าวว่า
    
“หลักสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐–๒๕๖๔) คือการเตรียมพร้อมด้านกำลังคนและการเสริมสร้างศักยภาพของประชากรในทุกช่วงวัย โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศ การอ่านจึงเป็นพื้นฐานสำคัญเบื้องต้นที่นำไปสู่เป้าหมายดังกล่าวนี้ คนที่มีนิสัยรักการอ่าน จะรักการเรียนรู้ มีจินตนาการ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น แก้ปัญหาเป็น สร้างจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและการดำรงชีวิต ซึ่งหนังสือถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่นำไปสู่การเรียนรู้ที่ง่ายและถูกที่สุดท่านวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมจึงมีแนวคิดในการเสนอให้หนังสือสิ่งพิมพ์และหนังสืออีบุ๊ก ร่วมในโครงการช้อปช่วยชาติในปีนี้ อีกทั้งยังเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ร่วมกันวางแผนและจัดทำข้อมูลเพื่อนำเสนอหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จนในที่สุดคณะรัฐมนตรีก็มีมติเห็นชอบให้หนังสือสิ่งพิมพ์และอีบุ๊กเป็นหนึ่งในสินค้าที่เข้าร่วมมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตร ชุมชน และทุนมนุษย์ชาติ โดยรัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นคนไทยให้มีนิสัยรักการอ่านมากขึ้น เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาซื้อหนังสือและเห็นความสำคัญในการพัฒนาตนเองด้วยหนังสือซึ่งเป็นแหล่งความรู้ที่มีคุณค่าและมีต้นทุนต่ำอีกทั้งยังเป็นการสร้างกำลังใจให้กับธุรกิจหนังสือที่มีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น นักเขียน สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ โรงงานกระดาษ สายส่ง ร้านหนังสือในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีมากจากทั้งนักอ่านและสำนักพิมพ์ต่าง ๆ กับนโยบายนี้”




ด้าน นางหัสกาญจน์ ภิงคารวัฒน์รองโฆษกกรมสรรพากรได้เปิดเผยว่า

“กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรได้เสนอมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตร ชุมชน และทุนมนุษย์ โดยการสนับสนุนการบริโภคกลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามร่างกฎกระทรวงฯ ซึ่งในปีนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอให้หนังสือเป็นหนึ่งในสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตรงกับมาตรการเพื่อส่งเสริมทุนมนุษย์ โดยกำหนดให้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าซื้อสินค้าไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท โดยต้องซื้อระหว่างวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งในกรณีผู้มีเงินได้จ่ายค่าซื้อสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวทั้ง ๒ ปีภาษี จะได้รับลดหย่อนตามที่จ่ายจริงในแต่ละปีภาษีแต่รวมกัน ๒ ปีภาษีแล้ว ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท รัฐบาลหวังว่ามาตรการช้อปหนังสือช่วยชาติในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนสนใจการอ่านมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจหนังสือในไตรมาสนี้อีกด้วย”






ด้านผู้ประกอบการธุรกิจหนังสือนั้น นางสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า
    
“ผู้ประกอบการธุรกิจหนังสือ ได้เตรียมการที่จะสนับสนุนมาตรการช้อปช่วยชาติอย่างเต็มที่ เพราะเป็นครั้งแรกที่หนังสือสิ่งพิมพ์และอีบุ๊กได้เข้าร่วมในโครงการนี้ หนังสือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ที่จะช่วยสร้างประชากรคุณภาพให้กับประเทศ มาตรการครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการช้อปช่วยชาติแล้ว ยังถือเป็นการช้อปสร้างชาติอีกด้วย ซึ่งทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ได้ออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ ให้ร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ต่าง ๆ นำไปใช้สื่อสารกับกลุ่มลูกค้าของตนเอง เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการช้อป“หนังสือ”ช่วยชาติโดยสำนักพิมพ์และร้านหนังสือต่าง ๆ ได้เตรียมชุดหนังสือของขวัญหลากหลายรูปแบบในราคาพิเศษ เพื่อมอบเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่และโอกาสสำคัญต่างๆนอกจากนี้จากการสำรวจข้อมูลโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์ ฯ เราคาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นจากมาตรการนี้ถึง ๔ เท่า ประเภทของหนังสือที่กำลังได้รับความนิยมในระหว่างนี้คือ การ์ตูน, นวนิยาย, คู่มือเตรียมสอบ, พัฒนาตนเอง (How to) และจิตวิทยา โดยมีแนวโน้มที่จะซื้อผ่าน ร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ ๘๕% ร้านค้าออนไลน์ ๑๐% และอีบุ๊ก ๕%”





ซึ่งในการแถลงข่าววันนี้ ผู้บริหารจากสำนักพิมพ์ ร้านหนังสือชั้นนำ และร้านหนังสืออิสระ อาทิก็องดิด/ เคล็ดไทย ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์/ดำรงค์ พิณคุณ/ นานมีบุ๊คส์/บัณฑิตแนะแนว/บ้านพระอาทิตย์/ บีทูเอส (B2S)/ เบเกอรี่บุ๊ค/ ประพันธ์สาสน์/ แปลน ฟอร์ คิดส์/ พาส เอ็ดดูเคชั่น/ มติชน/ยิปซี/ลายเส้น/ ลำปลายมาศ เจ. พลาซ่า/ วิญญูชน/ วิริยะธุรกิจ/ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย/ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์/ สกายบุ๊กส์/ ห้องเรียน/ อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์/ อุ๊คบี/ เอเซียบุ๊คส์/ZOMBIE BOOKSเป็นต้น ได้มาร่วมรวมพลังในงานแถลงข่าวกันอย่างคับคั่ง และต่างให้ความเห็นตรงกันว่า มาตรการครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายจากภาครัฐที่จะสนับสนุนวงการหนังสือในระยะยาว เพราะหนังสือคือเครื่องมือที่ให้ความรู้และสร้างปัญญาต่อสังคมอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้วงการหนังสือกลับมาคึกคักขึ้นอีกด้วย

















แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่