ครบรอบ 20 ปีกับ 'เสียงปริศนา' 'เจมส์ และความลับที่ไม่เคยบอกใครจากเหตุการณ์เครื่องบินตก'

11 ธันวาคม 2561 เป็นวันครบรอบ 20 ปีเต็มพอดีกับเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตผม...ในโศกนาฏกรรม 11 ธันวาคม 2541

20 ปีเต็มๆ ที่ผมเล่าเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เกือบ 100% ของผู้ที่ได้พบเจอตัวผม ต้องมีคำถามหรือ
อยากได้ยินผมเล่าเรื่องนี้จากปากผมเอง


พาดหัวข่าวจากการรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ


แต่ยังมีอยู่อีกมุมนึงของเรื่องนี้ที่ผมเก็บไว้ตลอด 20 ปี และไม่ค่อยได้พูดกับใครนอกจากคนสนิท ผมพบเรื่องประหลาดๆ ซึ่งอาจหาคำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ (หรือในอีกมุมมันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง)

ย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่สนับสนุนให้เชื่อหรืองมงายกับสิ่งที่มองไม่เห็นแบบไม่ใช้สติและปัญญาใคร่ครวญเสียก่อน... เเต่ผมเพียงแค่เเชร์ประสบการณ์ และเรื่องที่น่าพิศวงและยังหาคำตอบไม่ได้เท่านั้นเอง...


ภาพจากเฟซบุ๊คของเจมส์


... เรื่องคือก่อนเกิดเหตุประมาณสัก 2เดือน ผมได้รับรูปของสิ่งศักดิ์สิทธิ (ซึ่งผมขออนุญาตไม่พูดชื่อ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องงมงาย) ซึ่งผมนำมาวางไว้ที่บนตู้ใกล้เตียงนอน มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่ผมนอนหลับ ตัวเองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ลืมตามา สายตาก็จ้องไปที่รูปสิ่งศักดิ์สิทธินั้นโดยไม่รู้ตัว...

ผมเห็นสิ่งที่อยู่ในรูปเคลื่อนไหวมือขึ้นลง ผมพยายามขยี้ตาตัวเอง เพราะคิดว่าคงเป็นอาการเบลอของสายตา หรืออาการงัวเงียจากการทำงานหนักในช่วงนั้น... แต่สิ่งที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มและทำให้ผมกลัวคือ ผมรู้สึกว่ามือผมกำลังถูกทำให้ขยับตามท่าทางในรูป และเหมือนอยู่ในภวังค์ วันนั้นผมตกใจมาก แต่สักพักอาการทั้งหมดก็ค่อยๆหายไป จนผมสามารถนอนหลับได้ ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่เล่าให้ใครฟังเลย เพราะผมเชื่อในวิทยาศาสตร์อย่าง100% เเละเชื่อว่ามันมีคำอธิบายในทางการแพทย์ของอาการเบลอ หรืออาการมองเห็นภาพแปลกๆ เฉกเช่นเดียวกับอาการผีอำ ที่มีคำอธิบายในทางการแพทย์...


เเต่จุดพีคสุดไม่ได้อยู่ตรงนั้นน่ะสิ...

วันที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตก ผมตื่นขึ้นมาหลังจากสลบเพราะเครื่องกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและเเตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนที่นั่งใกล้ๆผม อยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้..ในขณะที่ผมออกจากตัวเครื่อง เดินเข้าไปในป่าที่มืดจนรู้สึกกลัวจนต้องย้อนกลับมาที่คันดิน...นั่งรอสักพักจึงมีหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ...

ผมจำได้ว่าตอนที่อยู่หลังรถกู้ภัยผมอยากหลับ ในสถานการณ์น่ากลัว...แต่ผมกลับรู้สึกสบายหากได้หลับ หลับตาลงเมื่อไหร่จะเห็นแสงสีขาวๆเหมือนตัวเองลอยๆ แต่ในขณะที่ผมรู้สึกแบบนี้ ผมได้ยินเสียงเรียกใกล้หูพูดช้าๆว่า “ตื่น ตื่น” อยู่ตลอดเวลา ผมเข้าใจว่าเสียงนั่นน่าจะเป็นเสียงของกู้ภัย แต่ลืมตามากลับไม่เห็นใครกำลังพูด และไม่ได้อยู่ใกล้หูผมด้วย รวมถึงแอร์โฮสเตสที่อยู่ข้างๆผม (ทราบว่าปัจจุบันเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว จากอาการป่วยอย่างอื่น) เธอก็อยู่กับอาการบาดเจ็บของตัวเอง...ผมได้ยินเสียงนี้อยู่ 2-3ครั้ง ในขณะอยู่ท้ายรถกู้ภัย

ผ่านเวลาไป 2ปีหลังจากที่ผมหายจากการพักรักษาตัว  

ผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย...จนวันนึง

มีรุ่นพี่ท่านนึงที่ผมเคารพโทรมาหาผม และบอกผมว่า

“คืนนั้น ท่านมาหาเจมส์จริงๆนะ “

“คืนไหนพี่?? “ ผมถาม

“คืนที่เจมส์มองรูปท่าน และท่านแสดงตัวให้เห็นน่ะ”

“ท่านช่วยเจมส์ไว้นะ...และจะคอยดูแลเจมส์อีกหลายปี”สิ้นประโยคนี้ ผมขนลุกซู่ และผมไม่พูดอะไรต่อ เพราะพูดไม่ออก รู้สึกพิศวงว่าพี่เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ในใจก็เถียงว่าไม่จริง แต่ผมก็ยังหาคำอธิบายกับปรากฏการณ์นี้ไม่ได้ ด้วยความอยากรู้ผมจึงตัดสินใจ
ไปนั่งคุยกับรุ่นพี่ท่านนี้ สิ่งที่พีคที่สุดคือ

“ เขาพูดถึงคำว่า ตื่น ตื่น “ ซึ่งผมไม่เคยพูดที่ไหน ผมพูดเรื่องมีคนปลุกช่วงปีหลังๆนี่เอง และผมก็ไม่เคยพูดถึงเสียงปริศนานี้ ใครถามผมจะบอกว่าคนในรถปลุก เพราะไม่อยากให้เกิดกระเเสว่างมงาย... จากวันนั้นผ่านมา 20ปีพอดี รูปสิ่งศักดิ์สิทธิรูปนั้นยังอยู่ที่บ้านผม แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์น่าพิศวงแบบนั้นอีกเลย

หลายปีที่ผ่านมา มีหลายสำนักพูดถึงเหตุการณ์เครื่องบินตกและบอกว่าผมคล้ององค์นั้น องค์นี้ถึงรอด แต่ในความเป็นจริง วันนั้นผมไม่ได้คล้องอะไรเลยครับ ถ้าจะมีเรื่องที่เกี่ยวกับความเหนือธรรมชาติ ก็คงมีแต่เรื่องรูปสิ่งศักดิ์สิทธิรูปนี้รูปเดียวครับ ...

สุดท้ายขออุทิศบุญกุศลไปถึงผู้ล่วงลับจากเหตุการณ์นี้
และคิดว่าทุกท่านคงไปสู่ภพภูมิที่ดีกันเรียบร้อยแล้ว




ที่มา : เฟซบุ๊ค JamesRuangsak.co.th และ เดลี่นิวส์ออนไลน์ (https://www.dailynews.co.th/entertainment/682016)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่