วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานข่าวเศรษฐกิจเกี่ยวกับค่าเงินบาทในเอเชีย โดยค่าเงินบาทของไทยในขณะนี้อยู่ที่ 32.672 ต่อดอลล่าร์สหรัฐ แข็งขึ้นจากเดิม 0.3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นค่าเงินที่แข็งมากที่สุด เมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆในเอเชีย
.
ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา ตัวเลขเศรษฐกิจไทยมีเงินกำไรสะสมทุกเดือน และในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ไทยมีตัวเลขการผลิตสินค้าภายในประเทศ (GDP) ที่เติบโตขึ้นถึง 7.7 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเพียงไต้หวันที่เติบโตขึ้นมากถึง 13 เปอร์เซ็นต์
.
แต่สิ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทไทยแข็งตัวมากที่สุดในเอเชีย ก็คือสัดส่วนจำนวนของเงินทุนสำรองของไทยที่เพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 2.1 เท่าจากตัวเลขเดิมที่คาดการณ์โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และจำนวนเงินทุนสำรองของไทยนั้น มีทั้งหมดประมาณ 203,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนเงินทุนสำรองที่สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ในขณะที่อันดับ 2 และ 3 เป็นของฟิลิปปินส์และอินเดีย ซึ่งมีสัดส่วนเงินทุนสำรองอยู่ที่ 1.9 เท่าและ 1.4 เท่าตามลำดับ ส่วนมหาอำนาจเศรษฐกิจอย่างจีนนั้น มีสัดส่วนเงินทุนสำรองอยู่ที่ 0.9 เท่า
.
นอกจากนั้นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ตลาดกองทุนพันธบัตรของไทย มีตัวเลขรายได้อยู่ที่ 9.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท ส่วนตัวเลขการเจริญเติบทางเศรษฐกิจของไทยนั้น กระทรวงการคลังของไทยได้ให้ข้อมูลแก่สำนักข่าว Bloomberg ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้สามารถคาดการณ์การเจริญเติบโตอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าปีพ.ศ. 2560 ที่มีตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.9 เปอร์เซ็นต์
GEN News
เงินทุนสำรองของไทยที่เพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 2.1 เท่าจากตัวเลขเดิมที่คาดการณ์โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานข่าวเศรษฐกิจเกี่ยวกับค่าเงินบาทในเอเชีย โดยค่าเงินบาทของไทยในขณะนี้อยู่ที่ 32.672 ต่อดอลล่าร์สหรัฐ แข็งขึ้นจากเดิม 0.3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นค่าเงินที่แข็งมากที่สุด เมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆในเอเชีย
.
ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา ตัวเลขเศรษฐกิจไทยมีเงินกำไรสะสมทุกเดือน และในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ไทยมีตัวเลขการผลิตสินค้าภายในประเทศ (GDP) ที่เติบโตขึ้นถึง 7.7 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเพียงไต้หวันที่เติบโตขึ้นมากถึง 13 เปอร์เซ็นต์
.
แต่สิ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทไทยแข็งตัวมากที่สุดในเอเชีย ก็คือสัดส่วนจำนวนของเงินทุนสำรองของไทยที่เพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 2.1 เท่าจากตัวเลขเดิมที่คาดการณ์โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และจำนวนเงินทุนสำรองของไทยนั้น มีทั้งหมดประมาณ 203,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนเงินทุนสำรองที่สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ในขณะที่อันดับ 2 และ 3 เป็นของฟิลิปปินส์และอินเดีย ซึ่งมีสัดส่วนเงินทุนสำรองอยู่ที่ 1.9 เท่าและ 1.4 เท่าตามลำดับ ส่วนมหาอำนาจเศรษฐกิจอย่างจีนนั้น มีสัดส่วนเงินทุนสำรองอยู่ที่ 0.9 เท่า
.
นอกจากนั้นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ตลาดกองทุนพันธบัตรของไทย มีตัวเลขรายได้อยู่ที่ 9.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท ส่วนตัวเลขการเจริญเติบทางเศรษฐกิจของไทยนั้น กระทรวงการคลังของไทยได้ให้ข้อมูลแก่สำนักข่าว Bloomberg ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้สามารถคาดการณ์การเจริญเติบโตอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าปีพ.ศ. 2560 ที่มีตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.9 เปอร์เซ็นต์
GEN News