เทวดาไม่มีสิทธิ์สอนเทวดาด้วยกัน

เทวดาไม่มีสิทธิ์สอนเทวดาด้วยกัน

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไปขอปัญญาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกองค์หนึ่งได้หรือไม่?

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถจะไปกล่าวสอนธรรมะแก่กันได้ และเทวดาต่อเทวดาไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกธรรมะแก่กันได้

    ย่อมไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิ์ในการให้

    นี่แหละว่า ทำไมต้องมีพระพุทธเจ้า ทำไมต้องมีมนุษย์ ก็เพราะอย่างนี้

    เหตุผล เพราะว่า เทวดาต่อเทวดาไม่ให้ชี้แนะกัน ขนาดโป๊ยเซียน (八仙; Eight Immortals) ยังต้องมาเกิด มาขึ้นภูมิปัญญาที่เมืองมนุษย์ ถึงจะกลับไปใหม่ได้ ขนาดนฺหวี่วา (女媧) ยังต้องมาเกิดในเมืองมนุษย์แล้วก็กลับไปใหม่ เป็นกฎแห่งธรรม

    ถ้าสมมติว่า เราเป็นเทวดา เราไม่อยากมาเกิดในเมืองมนุษย์ แต่มาฟังได้ธรรมได้หรือไม่ อย่างนี้ก็ย่อมได้ มาฟังธรรมจากผู้รู้แล้วนำธรรมะนั้นมาปรับปรุงตนเอง นี่แหละ เวลาพระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาทีหนึ่งทำไมเทวดาถึงต้องมาฟังกันเยอะ

    ถ้าเราเป็นเทวดาอยากจะบอก อยากจะช่วยเหลือเพื่อนเทวดาอีกองค์หนึ่งก็ไม่ได้ อันนี้เป็นกฎแห่งธรรม ถ้าเราบอกไปเราก็จะผิดอาญาสวรรค์หรืออาญาธรรม

    ถ้าสมมติว่า เราเป็นพรหม (holy abidings; sublime states of mind) มีจิตพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุฑิตา ที่จะช่วยเหลือเทวดา อย่างนี้มีวิธีก็คือ ส่งให้ไปเกิดใหม่ ให้ไปเจอกับคนนี้ คนนั้น  เจอครูบาอาจารย์ เจอสถานที่แห่งนี้ สถานที่แห่งนั้น อย่างนี้ทำได้ แต่จะมาบอกธรรมะกันไม่ได้ เพื่อให้มีภูมิปัญญาที่สูงขึ้นไม่ได้ ต้องใช้วิธีอย่างนี้เอาถึงจะได้

    นี่แหละ ในเมืองมนุษย์ทำไมต้องมีร่างทรง ร่างองค์นั้นองค์นี้ มีโน้นมีนี่ ก็เพราะอย่างนี้แหละ กฎแห่งธรรมก็เป็นอย่างนี้

    นี่แหละ การเป็นเทวดาก็เป็นทุกข์อย่างนี้แหละ

    เทวดาเท่ห์กว่าเมืองมนุษย์ก็ที่ว่าเท่ห์เท่านั้นเอง แต่การใฝ่หาภูมิปัญญา วิชชาความรู้ต่างๆ โอกาสยังน้อยกว่ามนุษย์ มนุษย์นั่นแหละดีแล้วมีโอกาสที่จะใฝ่หาความรู้ เรียนรู้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขสิ่งต่างๆ ได้ดีที่สุด สะดวกที่สุด

    เราลองมาดูพระพุทธเจ้ายังต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ ทำไมไม่ไปเลยเป็นพระพุทธเจ้า นี่แหละเป็นกฎแห่งธรรม ข้อที่ว่า ทุกอย่างจะต้องเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวก่อน มาที่มนุษย์ก่อน เราเข้าไปเป็นมนุษย์เราถึงจะมาสอนมนุษย์ได้ ถึงจะเป็นหนึ่งเดียว

    แล้วเทวดามาจากไหน ก็มาจากมนุษย์ นี่แหละถึงจะไปสอนเทวดาได้

    คำว่า "ทุกอย่างย่อมมาสู่หนึ่งเดียวก่อน" หมายความว่า จะต้องมาเกิดในเมืองมนุษย์ก่อนถึงจะมีสิทธิ์ไปภพภูมิอื่น เพราะว่าภูมิมนุษย์เป็นตัวกลาง ตัวแปรที่จะให้ไปภพภูมินรก หรือภพภูมิสวรรค์ได้

    อย่างกับคนจีนเขาบอกว่า ทีตี่นั้ง (天地人) ทำไมไม่ทีตี่เส็ง (天地仙) มีฟ้าดินมนุษย์ แต่ทำไมไม่มีฟ้าดินเทวดาล่ะ

    ถ้าในคัมภีร์จะบอกว่า พระอินทร์จะมาช่วยเหลือมนุษย์ อย่างนี้ได้เพราะว่าพระอินทร์ได้รับคำสั่งจากฟ้าดินมาให้ดูแลมนุษย์ ถ้าไม่ได้ดูแลมนุษย์นี่แหละฟ้าดินจะลงโทษ สังเกตได้ว่าถ้าไม่ดูแลมนุษย์ที่นั่งจะร้อน ธรรมจะเล่นงานเอา อย่างเช่นครั้งหนึ่งพระอินทร์ผิดกฎสวรรค์โดนอสูรมายึดสวรรค์เลย เพราะว่าท่านมีหน้าที่

    พระภูมิชัยมงคล เจ้าที่ ถ้าไม่ทำหน้าที่ พอถึงช่วงเดือนเมษายนก็จะถูกทำโทษบ้าง โดนย้ายบ้าง

    ถ้าสมมติว่า เราเป็นเทวดา ไม่อยากเกิดมาในเมืองมนุษย์ แล้วมาฟังธรรมจากพระสงฆ์ หรือผู้รู้ เพื่อเลื่อนภูมิปัญญาของตนเองอย่างนี้ได้หรือไม่

    เทวดาจะมีความอยากหรือไม่อยากอย่างนี้ไม่ได้ เป็นกฎแห่งธรรมจะไม่มีให้อยากหรือไม่อยาก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎแห่งธรรม ถ้าไม่เช่นนั้นจะเรียกว่ากฎแห่งธรรมได้อย่างไร

    ถ้าเราเป็นเทวดาแล้วอยากมาเรียนธรรมะกับผู้รู้ อย่างนี้ได้ แล้วเราก็สามารถขึ้นภูมิได้ สมมติว่าถ้าเราอยู่ภูมิ ๓ แล้วขึ้นภูมิเป็นชั้นที่ ๔ อย่างนี้ได้ โดยไม่ต้องมาเกิดมาเป็นมนุษย์เพื่อไต่เต้า อย่างนี้ก็ได้ แต่เราต้องมีหน้าที่ ทำหน้าที่ในขณะเป็นเทวดานั่นแหละ เราต้องทำหน้าที่เพื่อชดใช้แลกเปลี่ยน ก็นี่แหละ ทำไมเทวดาจึงต้องมาดูแลมนุษย์ ต้องมาทำกุศล ทำไมเทวดาจะต้องให้เขามาตั้งศาลกราบไหว้กัน มาช่วยเหลือคนจึงจะมีสิทธิ์

    ยกตัวอย่าง หลวงพ่อโสธร เทวดาที่ประจำสำนักงานหลวงพ่อโสธร ท่านก็อยากขึ้นภูมิ ท่านก็ต้องมาช่วยเหลือมนุษย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเกิดในเมืองมนุษย์

    พอท่านมาช่วยเหลือมนุษย์ ท่านก็มีสิทธิการิยะ ธรรมก็จะให้เทวดาองค์นั้นเลื่อนขั้นสูงขึ้นไป กว่าจะเลื่อนขั้นไปสู่คำว่ามหาเทพก็อีกสักเท่าไหร่ แสนๆ ปีมั้ง จะสบายไหม?

    นี่แหละทำไมต้องมีเทวดา มีร่างทรง ร่างองค์ ทำไมต้องมีเทวดาลงมาช่วย ทำไมต้องมีการใบ้บ้าง ถูกหวยบ้าง อะไรอย่างนี้นี่แหละ

    ยกตัวอย่าง พระอนาคามี ผู้ไม่กลับมาเกิด อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราสร้างเหตุ เหตุเช่นใดเป็นผลเช่นนั้น เราเป็นพระอนาคามี เราสร้างเหตุแห่งความเป็นอนาคามี ถูกต้องไหม? ถ้าถูกต้องได้ผลถึงอนาคามี ก็จะไปตามเส้นทางอนาคามี

    ถ้าไม่ถูกต้องตามมาตรฐานแห่งภูมิแห่งอนาคามีก็ต้องย้อนกลับมา ธรรมท่านก็จะมีเครื่องวัด เครื่องตรวจสอบ เครื่องทดสอบแล้วเราผ่านไหม?

    เราบอกว่าเราเรียนมัธยมศึกษาชั้นไหนมาก็ได้ แต่ถ้าเราไปสอบแล้วไม่ผ่าน เราก็ต้องกลับไปเรียนใหม่ ก็เปรียบเสมือนว่า เราเรียนจบปริญญาโท แต่ไปสอบทำงานสถานที่แห่งหนึ่งไม่อ่านแล้วเราจะทำยังไง?

    ตัวอย่างเช่น เราเรียนจบปริญญาโท สาขานิติศาสตร์ แต่เข้าไปสอบทั้งด้านภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความ "ไม่ผ่าน" ก็เป็นทนายความไม่ได้ สอบได้ก็จะเป็นเนติบัณฑิต ได้รับประกาศนียบัตรทางวิชากฎหมายของโรงเรียนกฎหมาย ของเนติบัณฑิตยสภา กระทรวงยุติธรรม

    การเรียนแพทย์ก็เหมือนกัน ก็ต้องสอบเอาใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ขั้นที่ ๑-๒-๓ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่จบแพทย์ แต่จะไม่เหมือนวิชาชีพอื่น คือ จะทยอยสอบ (OSCE MEQ Longcase) สอบตอนเรียนอยู่ปีที่ ๓ ปีที่ ๕ และปีที่ ๖ ถ้าสอบผ่านจึงจะได้รับใบอนุญาตวิชาชีพแพทย์ ตามสาขานั้นๆ

    นี่แหละ บางคนที่จบด๊อกเต๊อ (Ph.D. ; Doctor of Philosophy) ตกงาน แล้วฆ่าตัวตายก็มีให้เห็นตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่