สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุกๆท่าน !!!
ต้องขอออกตัวก่อนเลยครับ ว่านี่เป็นการตั้งกระทู้รีวิวครั้งแรกของผม 555 (ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
ผมเป็นคนนึงที่ชื่นชอบในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว ทั้งใช้ไปกลับตอนเรียนมหาวิทยาลัย หรือ ใช้ออกทริปท่องเที่ยวไกลๆ
รวมไปถึง..... ใช้ขับขี่ทำงานตอนนี้ด้วยครับ
สถานที่ทำงานของผมค่อนข้างเป็นพื้นดินลูกรังเกือบจะ 100% แถมยังต้องขึ้นเขาลงเขาด้วยเล็กน้อย
ด้วยความที่คันเก่าของผมเป็นรถออโต้สายพาน ขึ้นเขาก็ต้องเค้นกำลังกันแบบสุดๆ ผมจึงมีโครงการมองหามอเตอร์ไซค์คู่ใจคันใหม่
แรกๆผมคิดว่ารถเกียร์วน พวก Wave หรือ Finn น่าจะเหมาะที่สุด หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ไปๆมาๆดันไปเจอข้อมูลเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าซะงั้น !!!
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในความคิดของผมคือ กระแสในอนาคตมันต้องมาแน่ น่าจะมีหลายๆรุ่นเข้ามาหรือผลิตกันในบ้านเรา แต่ ณ ขณะนี้ก็นำเข้าซะส่วนใหญ่
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีข้อจำกัดที่ทำให้ต้องพัฒนากันอีกมาก ยกตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการชาร์ตไฟ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์ท รวมไปถึงความเร็วสูงสุด
ข้อจำกัดต่างๆเหล่านี้จะหมดไปเมื่อมีการพัฒนาของชนิดและคุณภาพแบตเตอรี่ มอเตอร์ที่ใช้ และสถานีชาร์ตไฟภายนอกบ้านตามจุดสำคัญต่างๆ
แต่.... ด้วยความที่ผมใช้ทำงานวันนึงแทบจะขับขี่ไม่ถึง 10 กิโลด้วยซ้ำ ผมจึงตัดข้อจำกัดพวกนั้นทิ้งไป และด้วยความอยากลอง จึงต้องขี่ให้รู้ครับ
คำถามที่คาใจ : มันจะขึ้นเขาไหวไหมวะเนี่ย ทางลูกรังซะด้วย
ผมลองติดต่อสอบถามทางเจ้าของร้านที่ขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ส่งรูปทางขึ้นเขาและสภาพถนนไปให้ ก็ได้รับคำตอบมาว่า ได้ครับ !!
ได้ก็ไปจัดสิครับ รออะไร (สภาพถนนและเนินเล็กน้อยครับ)
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ผมกำลังจะพูดถึงคือเจ้า Yadea X5 ครับ ความพิเศษของรุ่นนี้อย่างหนึ่งคือสามารถจดทะเบียนได้ครับ !!!!
ผมเดาว่ามาจากประเทศจีนครับ ใช้ไฟฟ้า 100% ขนาดมอเตอร์อยู่ที่ 1000W แบตเตอรี่เป็นชนิด Lead acid (6 ก้อน) รวม 72V 20Ah
ตามสเป็คใช้เวลาชาร์ต 6-8 ชม. วิ่งได้ระยะทาง 50 km (ขึ้นกับความเร็วที่ใช้ด้วย) ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 50 km/hr.
คันนี้เนื่องจากเป็นแบตเตอรี่ชนิด Lead acid เวลาชาร์ตไฟจึงต้องต่อที่ชาร์ตเข้ากับช่องที่ตัวรถเลยครับ ไม่สามารถยกแบตเตอรี่ออกมาชาร์ตได้
เสียบชาร์ตทิ้งไว้ยาวๆเลยครับผม
ลักษณะภายนอกรอบคันครับ
รูปลักษณ์ก็เป็นรถสกู๊ตเตอร์ทั่วไปครับ ทรงจะออกมีเหลี่ยมคมเยอะ ดูเป็นรถวัยรุ่นดีครับ สวยไม่สวยแล้วแต่คนมองครับผม
ไฟหน้า-หลัง ไฟเลี้ยว เป็น LED รอบคันครับ
เรือนไมล์เป็นดิจิตอล บอกสถานะ (ไล่จากซ้ายไปขวา) ปริมาณแบตเตอรี่ ความเร็ว ระยะทางรวม และเกียร์ !!
รถคันนี้พอบิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง On ระบบไฟติด เอาขาตั้งขึ้น ก็บิดไปได้เลยครับ ไม่มีปุ่มสตาร์ทใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าเอาขาตั้งลงจะเป็นเหมือนการล้อคครับ คือบิดยังไงก็ไม่หมุน รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าค่อนข้างเงียบมากครับ บางทีไม่รู้ว่าบิดกุญแจ On อยู่ ใครมาบิดคันเร่งก็ไปได้ทันทีครับ ต้องระวัง !!
เกียร์ในที่นี้จะไม่เหมือนรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปครับ แต่มันแค่ล็อคความเร็วไว้ในแต่ละเกียร์เฉยๆ ผมลองทดสอบขณะขึ้นขาตั้งคู่ ล้อหลังไม่ลงพื้นครับ
เกียร์ 1 ล็อคความเร็วที่ 32 km/hr. บิดสุดก็ได้แค่นี้ครับ (ผมลองบิดบนถนนจริงๆอยู่ที่ประมาณ 22 km/hr. ครับ)
เกียร์ 2 หมดปลอกที่ 57 km/hr. (ลองบิดบนถนนจริงๆอยู่ที่ประมาณ 48 km/hr. ครับ)
ประกับแฮนด์ด้านซ้ายมีทั้งปุ่ม ไฟ Pass, ไฟ Hazard, ไฟสูง-ต่ำ, แตร, ไฟเลี้ยว และปุ่ม P
เจ้าปุ่ม P ผมก็ยังไม่รู้ฟังก์ชั่นทั้งหมดครับ แต่กดแล้วรู้สึกว่ามอเตอร์จะหน่วงๆบิดไม่ค่อยไป ถ้ากดตัว P 3 ครั้ง แล้วครั้งที่ 3 กดค้างไว้ บิดคันเร่ง จะกลายเป็นเกียร์ถอยหลังครับ กด P อีก 3 ครั้งก็จะกลับมาเดินหน้าปกติครับผม
ประกับแฮนด์ด้านขวาก็มีปุ่มเปิด-ปิดไฟ และปุ่มเปลี่ยนเกียร์ครับ (มีแค่ 2 เกียร์นะครับ)
ด้านหน้ามีชิวหน้าสีชา เล็กๆน่ารักประดับมาให้ด้วยครับ
ตำแหน่งวางเท้า ค่อนข้างกว้างครับ ผมสูง 168 สามารถนั่งวางขาได้พอดี ไม่เบียดเกินไปครับ
ใต้ที่วางขา ถ้าถอดน็อตออกมาจะเป็นที่อยู่ของแบตเตอร์รี่ 5 ลูกครับ ส่วนอีกลูกจะอยู่หลังตำแหน่งที่เสียบชาร์ตไฟ (เวลาเปลี่ยนแบตก็ตรงนี้เลยครับ)
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทางร้านบอกว่าจะอยู่ประมาณ 2 ปีครับ แบตก้อนละ 1500 บาท
ในส่วนของเบาะนั่ง ค่อนข้างนิ่มครับ ผมชอบมาก นั่งสบาย ส่วนเบาะซ้อนก็สามารถนั่งได้เต็มก้นครับ ไม่เล็กเกินไป ผมถือว่าผ่านเลยครับ
เมื่อเปิดเบาะขึ้นมาก็จะพบว่ามีที่เก็บของอยู่เล็กน้อย พอใส่อะไรได้นิดหน่อยครับ
เบรคเกอร์ตัวเล็กๆนี้เอาไว้ปิดระบบไฟทั้งหมดของรถครับ จะปิดไว้ตอนที่ไม่ได้ขับขี่ 3 วันขึ้นไป ทางร้านแนะนำให้ปิดไว้ ช่วยยืดระยะของแบตครับ
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้าใช้โช๊คหัวกลับ USD ขนาดเท่าไหร่ไม่แน่ใจครับ
ด้านหลังใช้โช๊คซับแทงค์คู่ ดีไซน์สวยงามครับ
จากการใช้งานบนถนนลูกรังทำได้ดีพอสมควรเลยครับ แต่ยังรู้สึกกระด้างเล็กน้อยครับ
ระบบเบรคเป็นดิสเบรคทั้งด้านหน้าและหลังครับ ด้วยความเร็วที่ทำได้ไม่เกิน 50 km/hr. เบรคเอาอยู่ครับ 555555
ยางหน้า-หลัง ให้มาเป็นยี่ห้อ Chao Yang (ผมก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกครับ) ลักษณะยางเป็นแบบ Tubeless ครับ ขอบล้อ 12 นิ้ว
ขนาดยางหน้า 90/90 ยางหลัง 100/80 ยางสามารถเปลี่ยนได้ปกติเลยครับ ตำแหน่งล้อหลังจะมีมอเตอร์อยู่ด้วยครับ
รถคันนี้มีทั้งกุญแจและรีโมทนะครับ แต่ในส่วนของรีโมทจะมีหน้าที่ควบคุมสัญญาณกันขโมยเท่านั้น กดเปิด-ปิด หรือเรียกรถโดยกดปุ่มกลางได้
รีโมทจะไม่สามารถเปิดการขับขี่ของรถได้นะครับ เท่ากับว่าเราก็ต้องพกไว้ทั้ง 2 อย่างครับ
ความรู้สึกเมื่อได้ขับขี่ อย่างแรกที่ผมรู้สึกได้ชัดเลยคือ อัตราเร่ง ครับ บิดคันเร่งเพียงเล็กน้อย มอเตอร์ก็ทำงานอย่างฉับไว บางทีก็ทำให้หน้าหงายได้ง่ายๆเลยครับ ทดสอบขับขี่บนถนนลูกรังและขึ้นเนินเขาผมรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากครับ สามารถบิดขึ้นทางชันได้ ผมลองทดสอบทั้งขี่คนเดียวและมีคนซ้อน น้ำหนักรวมเกือบ 150 กิโล ก็ยังขึ้นไหวครับ โดยรวมค่อนข้างพอใจในอัตราเร่งมากๆครับ (มีคนเคยนำไปทดสอบขึ้นภูทับเบิก ก็สามารถขึ้นได้ครับ) แต่ด้วยความที่ระยะทางที่ขี่ได้ต่อการชาร์ต 1 ครั้งค่อนข้างน้อย เวลาไปไหนมาไหนอาจจะต้องวางแผนกันสักนิดครับ ไปถึง แต่จะกลับถึงบ้านหรือเปล่านี่สิ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ก็อยู่แค่ประมาณ 50 km/hr. จะแซงรถอะไรต้องกะจังหวะให้ดีๆเลยครับ ชาร์ตเต็ม 1 ครั้งทางร้านบอกว่าค่าไฟ 7 บาท ซึ่งผมก็ไม่รู้จะวัดอย่างไร 55555 แต่ก็คิดว่าคงไม่หนีจากนี้ครับ
อย่างที่บอกครับว่า นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของผม ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
ขอบคุณครับผม
[CR] รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Yadea X5 แบบบ้านๆ ใช้เองครับ
สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุกๆท่าน !!!
ต้องขอออกตัวก่อนเลยครับ ว่านี่เป็นการตั้งกระทู้รีวิวครั้งแรกของผม 555 (ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
ผมเป็นคนนึงที่ชื่นชอบในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว ทั้งใช้ไปกลับตอนเรียนมหาวิทยาลัย หรือ ใช้ออกทริปท่องเที่ยวไกลๆ
รวมไปถึง..... ใช้ขับขี่ทำงานตอนนี้ด้วยครับ
สถานที่ทำงานของผมค่อนข้างเป็นพื้นดินลูกรังเกือบจะ 100% แถมยังต้องขึ้นเขาลงเขาด้วยเล็กน้อย
ด้วยความที่คันเก่าของผมเป็นรถออโต้สายพาน ขึ้นเขาก็ต้องเค้นกำลังกันแบบสุดๆ ผมจึงมีโครงการมองหามอเตอร์ไซค์คู่ใจคันใหม่
แรกๆผมคิดว่ารถเกียร์วน พวก Wave หรือ Finn น่าจะเหมาะที่สุด หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ไปๆมาๆดันไปเจอข้อมูลเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าซะงั้น !!!
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในความคิดของผมคือ กระแสในอนาคตมันต้องมาแน่ น่าจะมีหลายๆรุ่นเข้ามาหรือผลิตกันในบ้านเรา แต่ ณ ขณะนี้ก็นำเข้าซะส่วนใหญ่
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีข้อจำกัดที่ทำให้ต้องพัฒนากันอีกมาก ยกตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการชาร์ตไฟ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์ท รวมไปถึงความเร็วสูงสุด
ข้อจำกัดต่างๆเหล่านี้จะหมดไปเมื่อมีการพัฒนาของชนิดและคุณภาพแบตเตอรี่ มอเตอร์ที่ใช้ และสถานีชาร์ตไฟภายนอกบ้านตามจุดสำคัญต่างๆ
แต่.... ด้วยความที่ผมใช้ทำงานวันนึงแทบจะขับขี่ไม่ถึง 10 กิโลด้วยซ้ำ ผมจึงตัดข้อจำกัดพวกนั้นทิ้งไป และด้วยความอยากลอง จึงต้องขี่ให้รู้ครับ
คำถามที่คาใจ : มันจะขึ้นเขาไหวไหมวะเนี่ย ทางลูกรังซะด้วย
ผมลองติดต่อสอบถามทางเจ้าของร้านที่ขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ส่งรูปทางขึ้นเขาและสภาพถนนไปให้ ก็ได้รับคำตอบมาว่า ได้ครับ !!
ได้ก็ไปจัดสิครับ รออะไร (สภาพถนนและเนินเล็กน้อยครับ)
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ผมกำลังจะพูดถึงคือเจ้า Yadea X5 ครับ ความพิเศษของรุ่นนี้อย่างหนึ่งคือสามารถจดทะเบียนได้ครับ !!!!
ผมเดาว่ามาจากประเทศจีนครับ ใช้ไฟฟ้า 100% ขนาดมอเตอร์อยู่ที่ 1000W แบตเตอรี่เป็นชนิด Lead acid (6 ก้อน) รวม 72V 20Ah
ตามสเป็คใช้เวลาชาร์ต 6-8 ชม. วิ่งได้ระยะทาง 50 km (ขึ้นกับความเร็วที่ใช้ด้วย) ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 50 km/hr.
คันนี้เนื่องจากเป็นแบตเตอรี่ชนิด Lead acid เวลาชาร์ตไฟจึงต้องต่อที่ชาร์ตเข้ากับช่องที่ตัวรถเลยครับ ไม่สามารถยกแบตเตอรี่ออกมาชาร์ตได้
เสียบชาร์ตทิ้งไว้ยาวๆเลยครับผม
ลักษณะภายนอกรอบคันครับ
รูปลักษณ์ก็เป็นรถสกู๊ตเตอร์ทั่วไปครับ ทรงจะออกมีเหลี่ยมคมเยอะ ดูเป็นรถวัยรุ่นดีครับ สวยไม่สวยแล้วแต่คนมองครับผม
ไฟหน้า-หลัง ไฟเลี้ยว เป็น LED รอบคันครับ
เรือนไมล์เป็นดิจิตอล บอกสถานะ (ไล่จากซ้ายไปขวา) ปริมาณแบตเตอรี่ ความเร็ว ระยะทางรวม และเกียร์ !!
รถคันนี้พอบิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง On ระบบไฟติด เอาขาตั้งขึ้น ก็บิดไปได้เลยครับ ไม่มีปุ่มสตาร์ทใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าเอาขาตั้งลงจะเป็นเหมือนการล้อคครับ คือบิดยังไงก็ไม่หมุน รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าค่อนข้างเงียบมากครับ บางทีไม่รู้ว่าบิดกุญแจ On อยู่ ใครมาบิดคันเร่งก็ไปได้ทันทีครับ ต้องระวัง !!
เกียร์ในที่นี้จะไม่เหมือนรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปครับ แต่มันแค่ล็อคความเร็วไว้ในแต่ละเกียร์เฉยๆ ผมลองทดสอบขณะขึ้นขาตั้งคู่ ล้อหลังไม่ลงพื้นครับ
เกียร์ 1 ล็อคความเร็วที่ 32 km/hr. บิดสุดก็ได้แค่นี้ครับ (ผมลองบิดบนถนนจริงๆอยู่ที่ประมาณ 22 km/hr. ครับ)
เกียร์ 2 หมดปลอกที่ 57 km/hr. (ลองบิดบนถนนจริงๆอยู่ที่ประมาณ 48 km/hr. ครับ)
ประกับแฮนด์ด้านซ้ายมีทั้งปุ่ม ไฟ Pass, ไฟ Hazard, ไฟสูง-ต่ำ, แตร, ไฟเลี้ยว และปุ่ม P
เจ้าปุ่ม P ผมก็ยังไม่รู้ฟังก์ชั่นทั้งหมดครับ แต่กดแล้วรู้สึกว่ามอเตอร์จะหน่วงๆบิดไม่ค่อยไป ถ้ากดตัว P 3 ครั้ง แล้วครั้งที่ 3 กดค้างไว้ บิดคันเร่ง จะกลายเป็นเกียร์ถอยหลังครับ กด P อีก 3 ครั้งก็จะกลับมาเดินหน้าปกติครับผม
ประกับแฮนด์ด้านขวาก็มีปุ่มเปิด-ปิดไฟ และปุ่มเปลี่ยนเกียร์ครับ (มีแค่ 2 เกียร์นะครับ)
ด้านหน้ามีชิวหน้าสีชา เล็กๆน่ารักประดับมาให้ด้วยครับ
ตำแหน่งวางเท้า ค่อนข้างกว้างครับ ผมสูง 168 สามารถนั่งวางขาได้พอดี ไม่เบียดเกินไปครับ
ใต้ที่วางขา ถ้าถอดน็อตออกมาจะเป็นที่อยู่ของแบตเตอร์รี่ 5 ลูกครับ ส่วนอีกลูกจะอยู่หลังตำแหน่งที่เสียบชาร์ตไฟ (เวลาเปลี่ยนแบตก็ตรงนี้เลยครับ)
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทางร้านบอกว่าจะอยู่ประมาณ 2 ปีครับ แบตก้อนละ 1500 บาท
ในส่วนของเบาะนั่ง ค่อนข้างนิ่มครับ ผมชอบมาก นั่งสบาย ส่วนเบาะซ้อนก็สามารถนั่งได้เต็มก้นครับ ไม่เล็กเกินไป ผมถือว่าผ่านเลยครับ
เมื่อเปิดเบาะขึ้นมาก็จะพบว่ามีที่เก็บของอยู่เล็กน้อย พอใส่อะไรได้นิดหน่อยครับ
เบรคเกอร์ตัวเล็กๆนี้เอาไว้ปิดระบบไฟทั้งหมดของรถครับ จะปิดไว้ตอนที่ไม่ได้ขับขี่ 3 วันขึ้นไป ทางร้านแนะนำให้ปิดไว้ ช่วยยืดระยะของแบตครับ
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้าใช้โช๊คหัวกลับ USD ขนาดเท่าไหร่ไม่แน่ใจครับ
ด้านหลังใช้โช๊คซับแทงค์คู่ ดีไซน์สวยงามครับ
จากการใช้งานบนถนนลูกรังทำได้ดีพอสมควรเลยครับ แต่ยังรู้สึกกระด้างเล็กน้อยครับ
ระบบเบรคเป็นดิสเบรคทั้งด้านหน้าและหลังครับ ด้วยความเร็วที่ทำได้ไม่เกิน 50 km/hr. เบรคเอาอยู่ครับ 555555
ยางหน้า-หลัง ให้มาเป็นยี่ห้อ Chao Yang (ผมก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกครับ) ลักษณะยางเป็นแบบ Tubeless ครับ ขอบล้อ 12 นิ้ว
ขนาดยางหน้า 90/90 ยางหลัง 100/80 ยางสามารถเปลี่ยนได้ปกติเลยครับ ตำแหน่งล้อหลังจะมีมอเตอร์อยู่ด้วยครับ
รถคันนี้มีทั้งกุญแจและรีโมทนะครับ แต่ในส่วนของรีโมทจะมีหน้าที่ควบคุมสัญญาณกันขโมยเท่านั้น กดเปิด-ปิด หรือเรียกรถโดยกดปุ่มกลางได้
รีโมทจะไม่สามารถเปิดการขับขี่ของรถได้นะครับ เท่ากับว่าเราก็ต้องพกไว้ทั้ง 2 อย่างครับ
ความรู้สึกเมื่อได้ขับขี่ อย่างแรกที่ผมรู้สึกได้ชัดเลยคือ อัตราเร่ง ครับ บิดคันเร่งเพียงเล็กน้อย มอเตอร์ก็ทำงานอย่างฉับไว บางทีก็ทำให้หน้าหงายได้ง่ายๆเลยครับ ทดสอบขับขี่บนถนนลูกรังและขึ้นเนินเขาผมรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากครับ สามารถบิดขึ้นทางชันได้ ผมลองทดสอบทั้งขี่คนเดียวและมีคนซ้อน น้ำหนักรวมเกือบ 150 กิโล ก็ยังขึ้นไหวครับ โดยรวมค่อนข้างพอใจในอัตราเร่งมากๆครับ (มีคนเคยนำไปทดสอบขึ้นภูทับเบิก ก็สามารถขึ้นได้ครับ) แต่ด้วยความที่ระยะทางที่ขี่ได้ต่อการชาร์ต 1 ครั้งค่อนข้างน้อย เวลาไปไหนมาไหนอาจจะต้องวางแผนกันสักนิดครับ ไปถึง แต่จะกลับถึงบ้านหรือเปล่านี่สิ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ก็อยู่แค่ประมาณ 50 km/hr. จะแซงรถอะไรต้องกะจังหวะให้ดีๆเลยครับ ชาร์ตเต็ม 1 ครั้งทางร้านบอกว่าค่าไฟ 7 บาท ซึ่งผมก็ไม่รู้จะวัดอย่างไร 55555 แต่ก็คิดว่าคงไม่หนีจากนี้ครับ
อย่างที่บอกครับว่า นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของผม ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
ขอบคุณครับผม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้