รอมา1ปี ในที่สุดได้ไป 55555555555 มีคนรู้จักบางคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดีใจขนาดนี้ เราเป็นคนชอบเที่ยวค่ะ วางแผนว่าจะเที่ยวให้ครบทุกจังหวัดในประเทศไทย เราไม่มีรถยนต์ส่วนตัว จึงใช้บริการรถสาธารณะหรือนั่งรถของพี่ เพื่อน พอมีทริปเที่ยวแบบนี้เลยสนใจมากๆ ขอหัวเราะ คือปีที่แล้ว รู้ตัวช้า ไปจองละไม่ทัน เต็มปีนี้เลยจะไปให้ได้ เริ่มเปิดจองวันที่ 2 พ.ย. ขบวนแรกเป็นของวันที่ 17 พ.ย. ของเราเดินทางวันเสาร์ที่ 2 ธ.ค. ราคาตั๋ว 270 บาท ตอนจองบอกขอที่นั่งติดหน้าต่างค่ะ พนักงานถามกี่คน เราบอกคนเดียว เจ้าหน้าที่มองหน้าประมาณว่าหนูไปคนเดียวเหรอ คือจองตั๋วทริปรถไฟโซโล่เองตลอด พนักงานทำหน้าไม่เชื่อ ไปคนเดียวดีอย่างนึงเฉพาะสถานการณ์นี้นะ สามารถจับแทรกเข้ากลุ่มอื่นได้ง่าย ขนาดจองวันแรกนะยังเกือบเต็มอ่ะ
วันจริง ขบวนเรามีตู้หลากสี แบ่งตามชั้น 1-3 ของเราชั้น 3 ตู้หน้าต่าง ขบวนยาวมาก ยาวว่ารถไฟไปสุไหงโกลกอีก 18 ตู้แน่ะ จะถ่ายรูปหัวจักรรถไฟ หัวจักรยังไม่มา
รถออก 07.10 น. ออกจริง 07.30 น.
จอดรถรับคนตามสถานีต่างๆ เจ้าหน้าที่แจกโบรชัวร์กิจกรรมที่เขื่อนป่าสักฯ ให้ค่ะ
จนถึงที่หยุดรถ เขื่อนป่าสักฯ รับคนเพิ่มค่ะ บางคนขับรถมาเองแต่อยากนั่งรถไฟลอยน้ำ ซื้อตั๋วที่สถานีแล้วมาขึ้นรถไฟเรา ได้ตั๋วยืนแทรกตามตู้
วิวที่เราถ่ายมาจากเขื่อนค่ะ
ถึงจุดชมวิวกลางสะพาน พักชมวิว 30 นาที รถไฟเอียงด้วย มวลมนุษย์ล้อมรอบรถไฟอ่ะ ต่อแถวกว่าจะได้ลงจากตู้ ติดคนถ่ายรูป เราเลยไปลงอีกฝั่งแทน คนน้อย รอบนี้พยายามถ่ายรูปหัวจักรรถไฟแต่ไม่ได้ ทุกคนแย่งกันถ่ายรูป คิวไรไม่มี
เราหงุดหงิดอย่างนึง ถ่ายวิดิโอติดคนยื่นหน้าออกมาพอดี - - คนเยอะมาก เนื่องจากเป็นทริปรถไฟเวลาจำกัด 3 เดือน (พ.ย.-ม.ค. ปีนี้มีแค่ 20 วันเอง เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์) ต้องทำใจนะ (ยิ้มอ่อน)
ถ่ายรูปเสร็จนั่งรถไฟไปต่อที่สถานีโคกสลุงค่ะ ให้รถไฟขบวนไปหนองคายผ่านไปก่อนเราถึงนั่งกลับได้ เหตุผลเพราะว่า รางรถไฟบนเขื่อนมีแค่รางเดียว เลยต้องมาจอดรอที่สถานีโคกสลุงนี้
จากนั้นรถไฟกลับมาที่หยุดรถเขื่อป่าสักฯ แวะเที่ยวชมสันเขื่อน 3 ชั่วโมงค่ะ รถไฟไปจอดที่สถานีแก่งเสือเต้น เนื่องจากเป็นรางเดียวเหมือนกัน บ่ายสามรถไฟจะกลับมาเทียบอีกที
เรา ทานตามสั่ง 40 บาท และขึ้นรถตัวหนอนขับโดยรถแทรกเตอร์
50 นาที 30 บาท คนต่อคิวเยอะเช่นกัน ระหว่างรถตัวหนอนกำลังขับไป มีช่างกล้องมาถ่ายรูป (คือจะมีคนสองประเภท อยากถ่ายรูปกับสถานที่นี้ทางนั้นทำใส่กรอบให้ กับมาเที่ยวเฉยๆ เซลฟี่เองได้ อย่างเรา) ใครคนไหนไม่ได้มองกล้อง เขาเรียกหันหน้าไปเพื่อถ่ายรูป ก่อยถึงสันเขื่อนก็ลงไป มีมัคคุเทศก์น้อยบรรยาย คือฮาเสียงน้องแบบแหบแห้งมากอ่ะ แต่น้องเขายังพูดต่อไป เรานั่งเงียบๆ ยังอดหัวเราะไม่ได้ น้องมีความพยายาม เขื่อนป่าสักฯ ครอบคลุมสองจังหวัดคือ ลพบุรีกับสระบุรีค่ะ
นั่งสุดทางสันเขื่อนเข้าเขตจ.สระบุรี ไหว้พระ และนั่งรถตัวหนอนกลับค่ะ เป็นอันเสร็จ ก่อนลงรถก็จะมีบุคคลเรียกหา เพื่อขายรูปพร้อมกรอบรูปที่ถ่ายก่อนชมวิวบนสันเขื่อนนั่นเอง เราเลยเดินลงอีกฝั่ง 555 ไปดูพิพิธภัณฑ์ลุ่มแม่น้ำป่าสัก
มีจุดให้อาหารปลาด้วยสองจุด เรามาจุดคนพลุกพล่านนน้อย เห็นอาหารปลาลอยติดฝั่งเต็มเลย วิธีคือโยนไกลๆ จะได้ให้ปลาตัวใหญ่กิน
เดินต่อไปดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ปลา ตัวใหญ่มากกกกกกกก
ในรีวิวพันทิปกระทู้อื่นมีให้หญ้าแกะ ไหนวะแกะ สงสัยว่าอากาศร้อนแกะไม่ออกมาป่ะ หรือว่าไม่มีกิจกรรมนี้แล้ว
ได้ถ่ายรูปหัวรถจักรแล้ว
รถไฟออกจากสถานีที่หยุดรถเขื่อนป่าสักฯ 15.30 น. ถึงกรุงเทพ 18.50น. เร็วกว่าทริปรถไฟอื่นๆ
เริ่มเขียนสั้นเพราะขี้เกียจนั่นเอง 5555
สรุปค่าใช้จ่าย
รถไฟไป-กลับ 270 บาท
อาหาร+น้ำ 60 บาท
นั่งรถชมวิวสันเขื่อน 30 บาท
7-11 25 บาท
รวม 385 บาท
คลังรูป
https://web.facebook.com/pg/bokuxpsotus/photos/?ref=page_internal
ถ่ายวิดีโอด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=2QInA_8KWYE&t=42s
[CR] Railway trip 7: Bangkok - Pasak Jolasid dam
วันจริง ขบวนเรามีตู้หลากสี แบ่งตามชั้น 1-3 ของเราชั้น 3 ตู้หน้าต่าง ขบวนยาวมาก ยาวว่ารถไฟไปสุไหงโกลกอีก 18 ตู้แน่ะ จะถ่ายรูปหัวจักรรถไฟ หัวจักรยังไม่มา
รถออก 07.10 น. ออกจริง 07.30 น.
จอดรถรับคนตามสถานีต่างๆ เจ้าหน้าที่แจกโบรชัวร์กิจกรรมที่เขื่อนป่าสักฯ ให้ค่ะ
จนถึงที่หยุดรถ เขื่อนป่าสักฯ รับคนเพิ่มค่ะ บางคนขับรถมาเองแต่อยากนั่งรถไฟลอยน้ำ ซื้อตั๋วที่สถานีแล้วมาขึ้นรถไฟเรา ได้ตั๋วยืนแทรกตามตู้
วิวที่เราถ่ายมาจากเขื่อนค่ะ
ถึงจุดชมวิวกลางสะพาน พักชมวิว 30 นาที รถไฟเอียงด้วย มวลมนุษย์ล้อมรอบรถไฟอ่ะ ต่อแถวกว่าจะได้ลงจากตู้ ติดคนถ่ายรูป เราเลยไปลงอีกฝั่งแทน คนน้อย รอบนี้พยายามถ่ายรูปหัวจักรรถไฟแต่ไม่ได้ ทุกคนแย่งกันถ่ายรูป คิวไรไม่มี
เราหงุดหงิดอย่างนึง ถ่ายวิดิโอติดคนยื่นหน้าออกมาพอดี - - คนเยอะมาก เนื่องจากเป็นทริปรถไฟเวลาจำกัด 3 เดือน (พ.ย.-ม.ค. ปีนี้มีแค่ 20 วันเอง เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์) ต้องทำใจนะ (ยิ้มอ่อน)
ถ่ายรูปเสร็จนั่งรถไฟไปต่อที่สถานีโคกสลุงค่ะ ให้รถไฟขบวนไปหนองคายผ่านไปก่อนเราถึงนั่งกลับได้ เหตุผลเพราะว่า รางรถไฟบนเขื่อนมีแค่รางเดียว เลยต้องมาจอดรอที่สถานีโคกสลุงนี้
จากนั้นรถไฟกลับมาที่หยุดรถเขื่อป่าสักฯ แวะเที่ยวชมสันเขื่อน 3 ชั่วโมงค่ะ รถไฟไปจอดที่สถานีแก่งเสือเต้น เนื่องจากเป็นรางเดียวเหมือนกัน บ่ายสามรถไฟจะกลับมาเทียบอีกที
เรา ทานตามสั่ง 40 บาท และขึ้นรถตัวหนอนขับโดยรถแทรกเตอร์
50 นาที 30 บาท คนต่อคิวเยอะเช่นกัน ระหว่างรถตัวหนอนกำลังขับไป มีช่างกล้องมาถ่ายรูป (คือจะมีคนสองประเภท อยากถ่ายรูปกับสถานที่นี้ทางนั้นทำใส่กรอบให้ กับมาเที่ยวเฉยๆ เซลฟี่เองได้ อย่างเรา) ใครคนไหนไม่ได้มองกล้อง เขาเรียกหันหน้าไปเพื่อถ่ายรูป ก่อยถึงสันเขื่อนก็ลงไป มีมัคคุเทศก์น้อยบรรยาย คือฮาเสียงน้องแบบแหบแห้งมากอ่ะ แต่น้องเขายังพูดต่อไป เรานั่งเงียบๆ ยังอดหัวเราะไม่ได้ น้องมีความพยายาม เขื่อนป่าสักฯ ครอบคลุมสองจังหวัดคือ ลพบุรีกับสระบุรีค่ะ
นั่งสุดทางสันเขื่อนเข้าเขตจ.สระบุรี ไหว้พระ และนั่งรถตัวหนอนกลับค่ะ เป็นอันเสร็จ ก่อนลงรถก็จะมีบุคคลเรียกหา เพื่อขายรูปพร้อมกรอบรูปที่ถ่ายก่อนชมวิวบนสันเขื่อนนั่นเอง เราเลยเดินลงอีกฝั่ง 555 ไปดูพิพิธภัณฑ์ลุ่มแม่น้ำป่าสัก
มีจุดให้อาหารปลาด้วยสองจุด เรามาจุดคนพลุกพล่านนน้อย เห็นอาหารปลาลอยติดฝั่งเต็มเลย วิธีคือโยนไกลๆ จะได้ให้ปลาตัวใหญ่กิน
เดินต่อไปดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ปลา ตัวใหญ่มากกกกกกกก
ในรีวิวพันทิปกระทู้อื่นมีให้หญ้าแกะ ไหนวะแกะ สงสัยว่าอากาศร้อนแกะไม่ออกมาป่ะ หรือว่าไม่มีกิจกรรมนี้แล้ว
ได้ถ่ายรูปหัวรถจักรแล้ว
รถไฟออกจากสถานีที่หยุดรถเขื่อนป่าสักฯ 15.30 น. ถึงกรุงเทพ 18.50น. เร็วกว่าทริปรถไฟอื่นๆ
เริ่มเขียนสั้นเพราะขี้เกียจนั่นเอง 5555
สรุปค่าใช้จ่าย
รถไฟไป-กลับ 270 บาท
อาหาร+น้ำ 60 บาท
นั่งรถชมวิวสันเขื่อน 30 บาท
7-11 25 บาท
รวม 385 บาท
คลังรูป
https://web.facebook.com/pg/bokuxpsotus/photos/?ref=page_internal
ถ่ายวิดีโอด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=2QInA_8KWYE&t=42s
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้