ผมอ่านความเห็นในห้องราชดำเนิน
ประมาณ 80% (ไม่ได้ดูนะว่าจกยกมือกี่ครั้ง)
เข้าใจว่าการแต่ตั้งนายกเนี่ย
สว.250 +สส.126 = เพ่ตู่ เย้ เย้
แล้วก็สรุปกันเรียบร้อยว่าโดนแน่
รัฐบาลเสียงข้างน้อยชัดๆ

จะเป็นรัฐบาลทำไมกันคราฟฟฟฟ
โครงการอะไร นโยบายไหนมันจะทำได้(วะ)

ตามมาตรา 159 รัฐธรรมนูญ 2560
สามารถจบที่สภาผู้แทนราษฎรได้เลย
ไม่ต้องไปยุ่งกับ สว.ถ้ามีเสียงข้างมาก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 159 บัญญัติไว้ว่า…
ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐ และเป็นผู้มีชื่ออยู่ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิก ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร
การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทํา โดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ของสภาผู้แทนราษฎร

แต่ด้วยบทเฉพาะกาล มาตรา 272 รธน.60
(ผ่านประชามติโดย
โหวตแยกกันกับบทปกติ(คำถามพ่วง))

ที่ว่ากันว่าเขียนมาเพื่อเพ่ตู่(แหงละ😆😆😆)
ทำให้ มาตรา 159
จะทำการลงมตืในรัฐสภา สว+สส.
250+500 = 750 เกินกึ่งหนึ่งก็คือ 376 เสียง
ก็เลยตีความว่า สว.250+สส.126 = เพ่ตู่ เย้ เย้

แหะ แหะ แต่มันไม่ใช่อะครับ
ในกรณีนี้คือ
นายกที่พรรคการเมืองเสนอชื่อ
ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 3 คนนั่นละครับ
อ้าวแล้วเพ่ตู่จะมาอิท่าไหนละนิ
ก็ย่อมด้วยกระบวนท่า 272 พลิกตะวันผันจันทรา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ มาตรา 272 ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลันและในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้
เมื่อเลือกไม่ได้ตาม มาตรา 159 (แหงละ😆😆)
สมาชิกเกินครึ่งของรัฐสภา
จะเข้าชื่อเสนอให้ประธานรัฐสภา
ให้มีมติยกเว้นว่าไม่ต้องเอาคนที่พรรคการเมือง
เสนอขึ้นมาพรรคละ 3 คนก็ได้
ตรงนี้ใช้ 376 เสียงก็จบเช่นกัน

แต่ยังก่อนมันไม่จบง่ายๆแบบนั้น
ไม่ใช่ละครเจ้าฮะสักหน่อย

พอยื่นขอมติแล้ว ประธานรัฐสภาก็ต้อง
ขอมติจากรัฐสภาว่าจะเอา เพ่ตู่ เอ้ย นายก
คนอื่นนอกจากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอมานะ
ตรงนี้ต้องใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภา
สว.250 + สส.500 =750
เกิน 2 ใน 3 คือ  501 เสียงขึ้นไป

แต่ สว.มีแค่ 250 ดังนั้น
ก็ต้องใช้ สส. 251 คน ขึ้นไปเพื่อที่จะได้มตินี้

สส. 251 คน เป็นเสียงข้างน้อยหรือไม่
จากจำนวน สส. ทั้งหมด 500 คน???

สำหรับคนที่พยายามน้อยหน่อย
แนะนำว่าในสปอยไม่อ่านก็ได้ครับผม
.
.
.
ขอบคุณที่อ่านจนจบ
เพราะผมเองก็งงว่าเขียนให้จบได้บังไง😆😆