ซีรี่ย์#1 จุดเริ่มต้น
คุณแม่ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรเมื่อลูกของคุณเดินเข้ามาบอกว่าไม่เรียนต่อ ม.ปลาย? ทั้งที่เกรดเฉลี่ยก็ดี
สำหรับคนเป็นแม่อย่างเราอึ้งไปครึ่งวันเมื่อพี่เดียร์โทรมาบอกว่าหนูไม่ต่อ ม.ปลาย จะเบนไปอาชีวะเมื่อได้ฟังสถาบันนึงมาแนะแนววิชาที่เปิดสอนแล้วนางชอบ นางปิ๊ง นางค้นเจอว่าตัวเองอยากทำอะไรอยากเรียนอะไร
หลังจากกลับมาคุยกัน ใจนางไปเต็มร้อยด้วยเหตุผลต่างๆ นานา และความคิดที่มีเหตุมีผลที่เอามาอธิบายให้คนเป็นแม่ได้เข้าใจความคิดเห็นของตัวเอง ทั้งเปิดคลิปแนะนำสถาบัน ชื่อเสียง ผลงานสถาบันและอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อได้ฟังและเห็นความมุ่งมั่นได้แต่แนะนำไปว่าถ้าจะเรียนจริงแม่แนะนำว่าสาขาไหนดีกว่า น่าสนใจกว่าเพราะอะไร ให้นางลองคิดทบทวน
หลังจากคุยกันและแยกย้าย อีแม่อย่างเราก็เริ่มค้นแล้วสิสถาบันนี้เป็นไง ที่มาที่ไป วิชาที่เปิดสอน การเดินทาง ถ้าต่อยอดไปทางไหนได้อีกในระดับปริญญา คณะไหนที่รองรับ โอ๊ยเยอะเน้อะ
ตอนแรกคิดว่าจะชิวๆ น่าจะห่วงน้องดิวคนเดียวที่จะขึ้นม.1 เพราะนางได้โควต้าเรียนต่อแน่นอนไม่ต้องห่วงแต่เหตุการณ์เปลี่ยนไปทำให้คนเป็นแม่ต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง
ด้วยเวลาที่จำกัดเพราะต้องส่งชื่อไปเป็นเด็กโควต้าหลังจากที่แนะแนวภายในหนึ่งสัปดาห์ด้วยเกรดและผลคะแนนรวม 5 เทอมทำให้แม่ต้องปรึกษาพ่อเป็นการด่วนว่าจะอะไรยังไง
บทสรุปของเราคือ “ชีวิตเป็นของลูกอนาคตเป็นของเค้าถ้าสิ่งไหนที่ลูกตัดสินใจเลือกและลูกทำแล้วจะมีความสุข คนเป็นพ่อแม่อย่างเราได้แค่แนะแนวทางให้คอยสนับสนุนยืนเคียงข้างเค้านี่คือสิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราตัดสินใจ”
เมื่อตัดสินใจกันได้แล้วและบอกเค้าลูกตอบกลับมาว่าง่ายกว่าที่คิดเยอะ คิดว่าจะต้องทะเลาะกับแม่นานแน่เรื่องนี้ พอได้รับการอนุมัตินางดีใจนับวันรอเปิด open house เพราะอยากไปสถาบันนี้มาก
อีกอย่างอีแม่อย่างเราก็แอบดีใจที่เค้าตัดสินใจเปลี่ยนสายมาสนใจในสายที่แม่แนะนำ เหตุผลที่นางรับฟังและเห็นด้วย
สิ่งที่เห็นคือดูลูกมีความสุขลูกดีใจ
ไว้มาติดตามตอนต่อไปกับซีรี่ย์เรื่องนี้ที่น่าจะยาวและมีเรื่องที่น่าบันทึกไว้ให้เค้าได้อ่านว่าพ่อกับแม่ทำอะไรเพื่อเค้าบ้าง
จะทำยังไงต่อเมื่อลูกเดินเข้ามาบอกว่าจะไม่เรียนต่อ ม.ปลาย
คุณแม่ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรเมื่อลูกของคุณเดินเข้ามาบอกว่าไม่เรียนต่อ ม.ปลาย? ทั้งที่เกรดเฉลี่ยก็ดี
สำหรับคนเป็นแม่อย่างเราอึ้งไปครึ่งวันเมื่อพี่เดียร์โทรมาบอกว่าหนูไม่ต่อ ม.ปลาย จะเบนไปอาชีวะเมื่อได้ฟังสถาบันนึงมาแนะแนววิชาที่เปิดสอนแล้วนางชอบ นางปิ๊ง นางค้นเจอว่าตัวเองอยากทำอะไรอยากเรียนอะไร
หลังจากกลับมาคุยกัน ใจนางไปเต็มร้อยด้วยเหตุผลต่างๆ นานา และความคิดที่มีเหตุมีผลที่เอามาอธิบายให้คนเป็นแม่ได้เข้าใจความคิดเห็นของตัวเอง ทั้งเปิดคลิปแนะนำสถาบัน ชื่อเสียง ผลงานสถาบันและอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อได้ฟังและเห็นความมุ่งมั่นได้แต่แนะนำไปว่าถ้าจะเรียนจริงแม่แนะนำว่าสาขาไหนดีกว่า น่าสนใจกว่าเพราะอะไร ให้นางลองคิดทบทวน
หลังจากคุยกันและแยกย้าย อีแม่อย่างเราก็เริ่มค้นแล้วสิสถาบันนี้เป็นไง ที่มาที่ไป วิชาที่เปิดสอน การเดินทาง ถ้าต่อยอดไปทางไหนได้อีกในระดับปริญญา คณะไหนที่รองรับ โอ๊ยเยอะเน้อะ
ตอนแรกคิดว่าจะชิวๆ น่าจะห่วงน้องดิวคนเดียวที่จะขึ้นม.1 เพราะนางได้โควต้าเรียนต่อแน่นอนไม่ต้องห่วงแต่เหตุการณ์เปลี่ยนไปทำให้คนเป็นแม่ต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง
ด้วยเวลาที่จำกัดเพราะต้องส่งชื่อไปเป็นเด็กโควต้าหลังจากที่แนะแนวภายในหนึ่งสัปดาห์ด้วยเกรดและผลคะแนนรวม 5 เทอมทำให้แม่ต้องปรึกษาพ่อเป็นการด่วนว่าจะอะไรยังไง
บทสรุปของเราคือ “ชีวิตเป็นของลูกอนาคตเป็นของเค้าถ้าสิ่งไหนที่ลูกตัดสินใจเลือกและลูกทำแล้วจะมีความสุข คนเป็นพ่อแม่อย่างเราได้แค่แนะแนวทางให้คอยสนับสนุนยืนเคียงข้างเค้านี่คือสิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราตัดสินใจ”
เมื่อตัดสินใจกันได้แล้วและบอกเค้าลูกตอบกลับมาว่าง่ายกว่าที่คิดเยอะ คิดว่าจะต้องทะเลาะกับแม่นานแน่เรื่องนี้ พอได้รับการอนุมัตินางดีใจนับวันรอเปิด open house เพราะอยากไปสถาบันนี้มาก
อีกอย่างอีแม่อย่างเราก็แอบดีใจที่เค้าตัดสินใจเปลี่ยนสายมาสนใจในสายที่แม่แนะนำ เหตุผลที่นางรับฟังและเห็นด้วย
สิ่งที่เห็นคือดูลูกมีความสุขลูกดีใจ
ไว้มาติดตามตอนต่อไปกับซีรี่ย์เรื่องนี้ที่น่าจะยาวและมีเรื่องที่น่าบันทึกไว้ให้เค้าได้อ่านว่าพ่อกับแม่ทำอะไรเพื่อเค้าบ้าง