หวัดดีเพื่อนๆ ผมขอนุญาติละบายความรู้สึกผ่านลงในกระทู้นี้ ปัจจุบัณผมศึกษาอยู่คณะสถาปัตยกรรมชั้นปีที่5 ในช่วงที่กำลังทำวิทยานิพนธ์ ผมตัดสินใจพักการเรียนเนื่องจากหลายๆปัจจัย ก่อนอื่นขออธิบายความรู้สึกตั้งแต่เข้ามาเรียนในคณะนี้ โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะไม่แอคทีฟในเรื่องการศึกษาสักเท่าไหร่ทั้งๆที่รู้ว่าการเรียนนั้นสำคัญกับชีวิต โดยเข้ามาเรียนตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระบบการเรียนเป็นอย่างไรตัดสินใจเข้ามาเลือกเรียนจากคำแนะนำของคุณพ่อ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเรียนครั้งแรกผมทำคะแนนในวิชาหลักได้ปานกลางถึงระดับค่อนข้างน้อยเนื่องจากไม่เคยมีความรู้ด้านนี้มาก่อนเลย หลังจากนั้นผมก็พยายามแอคทีฟกับตัวเองศึกษาหาความรู้ในแบบที่ดีไซน์เนอร์หรือสถาปนิกเขาทำกันโดยพยามปรับบุคคลิกภาพของตัวเองให้เป็นคนที่รู้จักตั้งคำถามและพยามมองสิ่งหนึ่งหลายๆด้าน จึงทำให้ผมนั้นมีผลการเรียนวิชาหลักที่ค่อยๆดีขึ้นมาตลอด จนมาถึงในปีการศึกษาที่ต้องทำวิทยานิพนธ์เพื่อจบการศึกษา ผมเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ที่เคยเรียนกับท่านมาแล้วในวิชาออกแบบ รู้สึกว่าเราคุยกับเขารู้เรื่องและก็อาจารย์ท่านก็เป็นกันเองกับนศ.มากๆ โดยไม่เคยคิดมาก่อนว่าในกลุ่มตรวจวิทยานิพนธ์นั้นมีอาจารย์อยู่ท่านนึงที่ดังมาก(ในเรื่องของความโหดในการสอนและให้คะแนน) ใจหายมากตอนที่รู้ครั้งแรกว่าต้องอยู่ในกลุ่มของอาจารย์ท่านนี้ แต่ก็พยามใจดีสู้เสือเข้าไว้เพราะคิดว่าเราน่าจะมีความสามารถพอที่จะทำ จนมาถึงวันแรกของการตรวจหัวข้อธีสิส ที่เราคิดว่ากรรมการทุกคนต้องเข้าใจและเสนอแนะแนวทาง แต่สิ่งที่ได้รับคือการถูกปฏิเสธจากอาจารย์ท่านนั้น จนทำให้หัวข้อในการศึกษานั้นเปลี่ยนแปลงจนรู้สึกว่าเกินที่ตัวเองจะควบคุมเเละเข้าใจมันได้ แต่สิ่งที่ผมทำคือพยามฝืนและทำมันต่อไปเพราะเสียดายเวลาที่จะเสนอหัวข้อใหม่ จนจบภาคหัวข้อแบบงงๆผมได้เกรดB (แต่พูดตรงๆว่าผมยังไม่มีหลักการใดๆในการศึกษาเรื่องนี้เลย) คนในกลุ่มค่อนจะมีMethod design กันหมดเเล้ว ผมคุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานและก็พยามรีเสิทเพื่อหาข้อมูลอ้างอิงในด้านต่างๆแต่ก็แทบจะไม่มีเลย หัวข้อศึกษาของผมค่อนข้างที่จะเป็นแนวการทดลอง แต่ขอบเขตการศึกษาค่อนข้างจะกว้างและยากในการทดลอง แต่ผมพยามฝืนและเสนอแนวคิดนี้ต่อไปกลับกลายเป็นผมไม่สามารถแปลงหัวศึกษาออกมาเป็นงานออกแบบได้เลย งานธีสิสจึงไม่successและต่อยอดได้ผลคะแนนที่ออกมาก็ไม่ผ่านเกณฑ์เลยสักครั้ง ผมจึงตัดสินใจหยุดการทำธีสิส โดยกลับมาถามตัวเองว่าจริงๆแล้วเรามีความเข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริงหรือป่าวซึ่งเราไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้เลย เราหยุดโดยที่ไม่ได้บอกใคร แต่อาจารย์บอกกับเราว่าอยากให้ทำส่งไปก่อนว่าอย่างน้อยก็ทำให้มีโอกาสมากขึ้น แต่ผมเองค่อนจะมั่นใจว่างานที่เหลือกับเวลาของเราไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะส่ง จึงตัดสินใจที่เสนอหัวข้อใหม่ในภาคการศึกษาหน้า แต่มาถึงช่วงเวลาที่เพื่อนๆได้เริ่มส่งงานกัน ก็รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างจิตตกและเสียดายที่ไม่ส่งงาน ทำให้รู้ว่าตัวเองคิดผิด ตอนนี้เศร้าและเสียใจมากครับเหมือนแบกปัญหารอบตัวไว้คนเดียว แอบร้องไห้อยู่หลายๆครั้ง ผมไม่รู้จะเอาตัวเองออกไปจากจุดๆนี้ได้อย่างไร ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปถูกหรือผิด รู้สึกอายคนอื่นที่เรียนจบช้า เหมือนตัวเองไม่จุดยืนในสังคม อีกเรื่องนึงสงสารพ่อกับแม่มากครับที่ผมทำให้ท่านผิดหวัง ผมจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อยากไร เป็นคนไม่ค่อยมีความมั่นใจเลยทำให้ผ่านแรงกดดันรอบตัวไปได้ค่อนข้างยาก เหมือนชีวิตตัวเองตอนนี้ไม่มีคุณค่ากับคนอื่นเลย
ปล.อาจารย์ที่ปรึกษาก็ค่อนข้างช่วยเหลือมากพอแล้ว แต่ผมเองรู้สึกว่าไม่เข้าใจในประเด็นศึกษามากพอจริงๆ (เหมือนเป็นแนวที่ตัวเองไม่ถนัด)
ผมตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้ว่ารอบหน้าผมจะทำงานอย่างรอบคอบและทำในสิ่งที่ตัวผมนั้นพอจะควบคุมมันได้แต่รู้สึกเสียดายเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมามากๆครับอยากเรียนจบและทำงานหาเงินได้แล้ว
ดรอปเรียน รู้สึกไร้ค่า ทำไรดี
ปล.อาจารย์ที่ปรึกษาก็ค่อนข้างช่วยเหลือมากพอแล้ว แต่ผมเองรู้สึกว่าไม่เข้าใจในประเด็นศึกษามากพอจริงๆ (เหมือนเป็นแนวที่ตัวเองไม่ถนัด)
ผมตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้ว่ารอบหน้าผมจะทำงานอย่างรอบคอบและทำในสิ่งที่ตัวผมนั้นพอจะควบคุมมันได้แต่รู้สึกเสียดายเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมามากๆครับอยากเรียนจบและทำงานหาเงินได้แล้ว