จริงๆจะเขียนเมื่อคืนนี้ แต่ง่วงมากไม่ไหวจริงๆ วันนี้เลยรีบเขียนก่อน เดี๋ยวกระแสหมด
เมื่อวานสำหรับความรู้สึกเรา มันจบรวบรัดเกินไป น่าจะเพิ่มอีกสัก EP ให้รายละเอียดที่มันเคลียร์กว่านี้หน่อย เช่น ทำไมสุดท้ายแคทยอมหย่าให้อรชุน (นี่ยังไม่นับรวมว่า ดร. น้องเขยอรชุน สุดท้ายเป็นยังไง)
แต่คู่ที่เราสนใจมากที่สุดคือ หมอใจสว่าง กับ หมอนิ
ตามเวอร์ชั่นเก่า คือหมอนิเดินทางไปเสมือนจะอยู่ร่วมใช้ชีวิตกับหมอใจสว่างที่อเมริกา (ถึงภาพในละคร การแสดงจะดูเย็นชา ไม่รู้สึกถึงความรักมากมายนัก แต่ต้องเข้าใจว่าการแสดงในยุคก่อนนั้น เขาแสดงแบบผู้ดี ไม่โวยวายรัชดาลัยอะไรมาก) แล้วอรชุนก็เอาใบหย่ามาให้หมอเซ็นถึงที่ หลายคนที่กลับไปดูเวอร์ชั่นเก่า เหมือนจะรอดูฉากปะทะซีน ระหว่างผัวเก่ากับผัวปัจจุบันของเกดนี่มาก
แต่กลับกลายเป็นว่า เปลี่ยนบทให้หมอนิ ลงไปทำงานที่โรงพยาบาลในภาคใต้แทนที่จะไปอเมริกา
เปลี่ยนบทเพราะอะไร?
เพราะในตอนซีนที่หมอนิกับหมอใจสว่างพูดกันเรื่องจะเอายังไงต่อหลังจากจับผิด DNA น้องเด็ดได้ ใจสว่างขอร้องให้หมอนิไปอยู่กับเธอ ไปชนิดว่าไม่ต้องทำงานอะไรก็ได้ ขอแค่ไปอยู่กับเธอ เธอมีเงินเยอะที่จะดูแลชีวิตเขาได้...ใจสว่างแสดงออกอย่างชัดเจนมากว่า เธอพร้อมดูแลหมอนิทุกอย่าง
แต่เป็นหมอนิเองที่ไม่อยากไปสหรัฐ ไม่อยากเป็นหมอทำงานวิจัย และเขาไม่ชอบการถูกดูแลอีก เขายังมีอีโก้ว่ายังไงต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ไม่ใช่การต้องไปอยู่ความดูแลของผู้หญิงอีก เพราะมันเหมือนซ้ำรอยตอนที่เขาได้รับการดูแลจากการะเกดแล้วถูกทรยศ แม้ว่าหมอใจสว่างจะไม่ใช่เกด แต่การกลับไปอยู่ในสถานะแบบนั้นอีก ทำให้หมอนิอาจเกิดความหลอนที่ถูกเหยียบย่ำการเป็นคนไร้ความสามารถ
ดังนั้นในเมื่อบทให้หมอนิไม่อยากไปอเมริกา เพราะไม่อยากอยู่ในสถานภาพแบบนั้น แต่จะอยู่โรงพยาบาลเดียวกับเมียปัจจุบันก็ไม่ได้ จึงเหลือทางออกให้หมอไปอยู่ปักษ์ใต้แทน ซึ่งดูเป็นทางออกที่ดี (และแปลกแนวดี เพราะบทหมอชนบทส่วนใหญ่มักให้ไปภาคอีสาน แต่เหมือนละครนี่จะอิงบริบทประเทศไทยในยุคนี้ จึงให้ไปชายแดนใต้แทน)
ใจสว่างคงคิดว่า ให้หมอได้ทำงานช่วยคนตามที่พอใจ แล้วเมื่อเขาอิ่มตัวแล้ว เขาอาจจะตัดสินใจไปอเมริกากับเธอ
ใจสว่างเชื่อมั่นว่า คนที่อยู่กับหมอนิในเวลาที่ทุกข์ตรม ที่สุดแล้วยังไงหมอก็ต้องเลือกเธอ เพราะเธอมีอะไรที่เหนือกว่าการะเกดทุกอย่าง
แต่ใจสว่างลืมคิดไปว่า ความเหนือกว่าอาจไม่ใช่สิ่งที่หมอนิต้องการ
หมอนิไม่ได้ซื่อบื้อจะดูไม่ออกว่า ใจสว่างเป็นแค่เพื่อน หมอก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคิดยังไง
แต่ที่หมอนิไม่เลือกใจสว่างเป็นคู่ชีวิต ทั้งที่เขาเป็นคนช่วยเธอมากที่สุด มีหลายประการที่อิงทั้งนิสัยหมอนิเอง และผลจากชีวิตคู่กับเกด
- หมอนิชอบภรรยาที่จะต้องยอมให้ตัวเองก้าวนึง สังเกตได้ว่าตอนใช้ชีวิตคู่กับเกด หมอนิชอบมากที่เกดเอาใจใส่เขา และจะไม่ชอบมากถ้าเกดทำเสียงมีอำนาจจะเทียบเท่าเขา มันเป็นอีโก้นึงที่หมอยอมไม่ได้...เมื่อหันกลับมามองใจสว่าง แม้ดูในนิสัยหมอใจสว่างจะยอมหมอนิทุกอย่าง แต่โดยโปรไฟล์ภายนอกของหมอใจสว่างแล้ว มันมีความข่มหมอนิที่เขารู้สึกได้ เหมือนเขาเดินข้างไฮโซมากกว่าคู่ชีวิต และการเป็นหมอวิจัยการอเมริกาก็ดูดีมีเกรดกว่าหมอตรวจคนไข้ธรรมดาอยู่แล้ว หากใช้ชีวิตคู่กันไป มีโอกาสที่หมอใจสว่างจะไม่ยอมและข่มหมอนิเข้าสักวัน...ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หมอนิจะเลือกพยาบาลปาหนัน ที่ดูมีสถานะทางอาชีพด้อยกว่าเขานิดนึง
- พยาบาลปาหนันไม่มีอดีตเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเกดและหมอใจสว่าง ผู้หญิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอดีตเลย มันทำให้หมอนิสบายใจกว่าในการเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ ใครจะรู้ว่าถ้าเลือกหมอใจสว่าง วันดีคืนดีเกิดนางขุดเรื่องเกดขึ้นมาพูดด้วยความหึงหวง หมอนิคงไม่ชอบใจแหง...และการที่ปาหนันไม่เคยเห็นด้านอ่อนแอของหมอนิ มันทำให้หมอนิรู้สึกมั่นใจในตัวเองที่จะเป็นผู้นำครอบครัวตามนิสัยที่อิงในข้อแรก ผิดกับใจสว่างที่เห็นทุกด้านของหมอนิมาหมดแล้ว และมันอาจทำให้สั่นอีโก้ของหมอ หมอนิคงไม่ชอบใจนักที่จะเห็นสายตาและความรู้สึกของหมอใจสว่างในเชิงสงสารที่สั่นคลอนอีโก้เขา
- ฉากที่หมอนิมาขอหย่ากับเกด หมอนิบอกว่าวันนี้เขาเข้าใจเกดแล้วว่า การต้องทนอยู่ในสถานะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก กับคนที่มองเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องมันรู้สึกอึดอัดแค่ไหน...เกดรู้จักหมอนิมาก่อนอรชุนหลายปี เกดก็ไม่ได้รักหมอนิ เฉกเช่นเดียวกับที่ หมอนิรู้จักใจสว่างมาก่อนพยาบาลปาหนัน หมอนิก็ไม่ได้รู้สึกรักใจสว่าง มันเป็นภาพสะท้อนกลับให้เขาคิดถึงการกระทำตัวเอง ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อเกด แต่ไม่ว่ายังไงเกดก็ไม่รัก นั่นทำให้เขารู้แจ้งความรู้สึกนี่เสียที ว่าถึงตนเองรู้เห็นว่าใจสว่างทุ่มเทเพื่อเขาแค่ไหน แต่เขาก็ไม่รู้สึกกับเธอเกินเพื่อนเลย
หากว่าตอนนั้นเกดไม่ตกลงแต่งงานกับหมอนิ ใจสว่างอาจจะเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วย และอาจจะเปลี่ยนใจหมอนิให้รักในความดีของเธอก็ได้
แต่มันเป็นไปได้ที่จะมีอีกทางว่าหมอนิยังยึดติดกับเกด จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า หรืออาละวาดจนแม้แต่ใจสว่างอาจจะหมดรักในที่สุดก็ได้
แต่ละครก็เลือกให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอนิกับหมอใจสว่างจบด้วยความเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น และตอนนี้ทั้งคู่ก็เสียเพื่อนกันเรียบร้อย
เป็นการจบแบบที่กระแทกความรักของใครหลายคนในสังคม ที่เป็นเพื่อนที่ทั้งอยากเกินเพื่อนและไม่อยากไปไกลเกินเพื่อน ทั้งผู้ที่ทุ่มเทหมดหน้าตัก และผู้รับอย่างอึดอัด ความรู้สึกนี่ก็เคยเกิดกับผู้เขียนมาแล้วทั้งสองสถานะ จึงเข้าใจสถานะตัวละครทั้งคู่ดี
ทั้งความเจ็บช้ำที่เราดีขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่เลือกเรา และความรู้สึกว่าเขาดีกับเราขนาดนี้ ทำไมเราถึงรักเขาไม่ได้
ความรู้สึกที่เราอยากพยายามรักเขาให้มากกว่าเพื่อน แต่ยังไงก็รู้สึกไม่ได้อยู่ดี
ความรู้สึกที่ต่อให้เหลือเขาและเราเพียงสองคนในโลก ยังไงเราก็ไม่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิต
หรือแม้แต่ยอมอยู่เป็นโสดจนตาย ดีกว่าที่จะต้องแต่งงานกับคนที่คิดแค่ว่าเป็นเพื่อน
เพราะความรู้สึกของคนมันไม่ใช่สวิตซ์ไฟ ที่จะสับเปลี่ยนได้ง่ายดาย
เราเชื่อว่าหมอนิเองก็คงคิดทบทวนใจตัวเองเหมือนกัน หากเขาเห็นใจหมอใจสว่าง เขาอาจจะรับรักเธอเพื่อตอบแทนความดีนั่น
แต่นั่นอาจจะหมายถึงชีวิตคู่ของหมอที่จะต้องล่มซ้ำรอยเดิม เพียงแค่เปลี่ยนสถานะกัน ต่างคนต่างจะทนกันได้สักแค่ไหน หากความสงสารหมดลงในสักวัน
หมอนิจึงเลือกที่จะให้หมอใจสว่างตัดใจเสีย ตัดใจที่จะเสียเพื่อน ดีกว่าให้หมอใจสว่างรอตนไปเรื่อยๆ หล่อเลี้ยงความหวังลมๆแล้งๆฝ่ายเดียวไป
เพราะมันเป็นการให้คนนึงๆเสียเวลาชีวิตเขาไปโดยเปล่าๆ แม้ว่าปากอีกฝ่ายบอกว่าจะเต็มใจรอก็ตาม
หากเป็นคนที่มีความรู้สึกห่วงใยฝ่ายที่รอจริง การบอกให้เขาตัดใจเป็นการดีเสียกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีความหวัง แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นการตัดสินใจของฝ่ายรอเอง เราไม่ได้เกี่ยวรั้งอะไรเขาสักหน่อย...แต่หากเป็นคนมีหัวใจ ย่อมปรารถนาให้อีกฝ่ายไปในทางที่ดีกว่านี้มากกว่า
บริบทไลฟ์สไตล์ชีวิตของทั้งคู่ก็ย้อนแย้งกันมาก หากเปลี่ยนบทให้หมอใจสว่างยอมแม้แต่จะสละหน้าที่การงานที่อเมริกา เพื่อมาเป็นคู่ชีวิตหมอนิที่ปักษ์ใต้ คนที่อยู่คอนโดหรูๆ ใส่ชุดแพงๆ ไม่ชอบงานออกตรวจคนไข้ จะยอมเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ถึงขนาดนั้นเหรอ? หากหมอใจสว่างยอมเปลี่ยนขนาดนั้น มันก็ดูเป็นบทที่เฟดจนดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ
เราเองเคยผ่านความรู้สึกแบบใจสว่างมาแล้ว ความรู้สึกว่าเรายอมเสียสละชีวิตสบายเพื่อไปอยู่กับเขาได้ แต่เมื่อพอมีเวลามีสติมีเวลาทบทวนตัวตนของเราได้คิดมากขึ้น ถึงได้รู้สึกว่า เราเสียสละชีวิตแบบนั้นไม่ได้หรอก เราเสียความเป็นตัวตนแบบนั้นเพื่อเขาไม่ได้หรอก...เพราะหากวันนึงเขาหมดรักเราแล้ว เราก็ไม่เหลือตัวตนของเราอีก หวนกลับคืนไม่ได้ เพราะเราได้สละซึ่งสิ่งนั้นไปแล้ว
หมอนิเองไม่อยากกลับมาอยู่กรุงเทพ คนที่นั่นรู้เรื่องที่เขาไม่ใช่พ่อน้องเด็ดกันหมดแล้ว ต่อให้ตอนนี้เขาทำเรื่องปล่อยวางได้ แต่มันอดสะกิดใจไม่ได้ว่ามีคนรู้เรื่องนี้ การกลับมาอยู่บ้านเดิมก็มีแต่ความทรงจำแย่ๆ ดังนั้นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนที่ไม่มีอดีตของเขา ย่อมเป็นสิ่งที่หมอนิเลือกจะอยู่ดีกว่า
เราไม่เถียงว่าหลายคนมองว่าหมอนิเป็นคนได้กำไร (มีเมีย 3 คน) และเห็นแก่ตัวมากที่สุด อยากได้เกดก็ได้ ได้แม้แต่เพื่อนกับหมอใจสว่าง งอแงจะเอาทุกอย่าง โทษทุกคนไปทั่วยกเว้นตัวเอง สุดท้ายมาได้กับปาหนันที่เป็นคนดีใสสะอาดบริสุทธิ์ มองเผินๆนี่หมอนิก็เหมือนบทพระเอกโซฟโอเปร่าได้เลยนะ...เราไม่เถียงว่าหมอทำไมไม่เห็นใจหมอใจสว่าง เขาทุ่มเทให้ขนาดนี้ไม่สงสารเขาเลยหรือ ตามสูตรพระรองอกหัก ย่อมเปลี่ยนมารักนางรองไม่ยาก
แต่บทของหมอนิก็เหมือนความรู้สึกผู้ชายในโลกยุคนี้หลายคน ซาบซึ้งนะ แต่ไม่รัก
เชื่อว่าผู้ชายหลายทั่นผ่านความรู้สึกแบบหมอนิมาเช่นกัน อยากย้อนเวลากลับไปที่จะไม่เกินเลยกับใจสว่าง แต่มันก็ทำไม่ได้ จะให้เดินหน้ารับรักเพราะสงสารก็ทรมานตัวเอง การบอกให้ตัดใจก็รู้สึกเราเป็นคนใจร้ายที่ทำให้ผู้หญิงที่ดีกับเรามาตลอดเสียน้ำตา
สำหรับใจสว่าง เราก็รู้สึกสงสารในซีนที่นางขับรถกลับบ้านทั้งน้ำตา เข้าใจความรู้สึกของนาง คนที่บินมาครึ่งค่อนวัน ขับรถมาเอง เพื่อจะมาฟังผู้ชายที่ตัวเองรักแนะนำผู้หญิงคนอื่นว่าเป็นคู่ชีวิต ความหวังมันคงพังทลายไปหมด ความหวังว่าเขาจะเลือกเรา เพราะเราเป็นคนอยู่ข้างๆในวันที่เขาเจ็บ (แม้จะมีหลายคนแย้งว่ากรรมสนอง ที่ไปทำให้ชีวิตคู่เขาพังและหมั่นไส้ตอนที่เธอมองเกดแบบเหยียดๆ และอาการที่อยากได้หมอจนออกนอกหน้า แต่ถ้าเข้าใจบริบทนิสัยเธอเป็นอเมริกันชน รู้สึกยังไงก็แสดงออกแบบนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจ รวมทั้งคนเห็นใจเธอว่า เธอมาก่อนเกด เธอย่อมหวงหมอนิเป็นธรรมดา และไม่พอใจที่เกดยัดเยียดหลอกแต่งหาพ่อเด็กให้ลูกในท้อง เธอจะทำเพื่อแฉความจริงก็ไม่ผิด)
เราว่ายังดีที่ไม่แต่งเติมบทใจสว่างให้เป็นหมอร้าย ตามวีนปาหนันต่อตามสูตรสำเร็จ
มีคนเคยบอกเราว่า การรักคนข้างเดียว มันเหมือนการเทน้ำลงบนพื้นทราย น้ำช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับทราย
แต่ทรายก็ไม่เก็บน้ำไว้ถาวรอยู่ดี ไม่ว่าเติมเข้าไปเท่าไหร่ น้ำนั่นก็จะไม่คงอยู่กับทรายตลอดไป
ใจสว่างยังมีศักดิ์ศรีพอที่จะเดินออกมา เธอเสียใจได้ ร้องไห้ได้ และแม้เธอจะเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอง แต่เธอเลือกจะไม่เป็นฝ่ายทำลายชีวิตใหม่หมอนิอีก ทั้งที่เธอมีโอกาสทำได้ แต่เราว่าเธอเลือกไม่ทำ เพราะเธอไม่อยากกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวให้หมอนิผิดหวัง แม้จะกลับไปเป็นเพื่อนไม่ได้แล้วก็ตาม
เป็นนางร้ายที่ตีกลับมากลายเป็นนางเศร้าให้คนรู้สึกสงสารได้ในที่สุด
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนคงไม่สรุปตัดสินว่า ใครผิดใครถูก
หลายคนแม้จะดูละครเรื่องนี้แล้ว แต่ก็อาจจะเลือกการตัดสินใจชีวิตแบบเดียวกับหมอนิ แบบเดียวกับหมอใจสว่างอยู่ก็ได้ หรือเลือกจะไม่ทำแบบทั้งสองเลยก็ได้
เพราะสูตรชีวิตแต่ละคน ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเฉลยอยู่แล้ว
มีแต่เมื่อเลือกสิ่งใดไป ก็ต้องเลือกผลของการกระทำนั้น แต่ก็ควรเป็นการกระทำที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หรือให้เจ็บปวดน้อยและสั้นที่สุด
(พรหมไม่ได้ลิขิต)หมอนิ หมอใจสว่าง มากกว่าเพื่อน VS เป็นได้แค่เพื่อน
เมื่อวานสำหรับความรู้สึกเรา มันจบรวบรัดเกินไป น่าจะเพิ่มอีกสัก EP ให้รายละเอียดที่มันเคลียร์กว่านี้หน่อย เช่น ทำไมสุดท้ายแคทยอมหย่าให้อรชุน (นี่ยังไม่นับรวมว่า ดร. น้องเขยอรชุน สุดท้ายเป็นยังไง)
แต่คู่ที่เราสนใจมากที่สุดคือ หมอใจสว่าง กับ หมอนิ
ตามเวอร์ชั่นเก่า คือหมอนิเดินทางไปเสมือนจะอยู่ร่วมใช้ชีวิตกับหมอใจสว่างที่อเมริกา (ถึงภาพในละคร การแสดงจะดูเย็นชา ไม่รู้สึกถึงความรักมากมายนัก แต่ต้องเข้าใจว่าการแสดงในยุคก่อนนั้น เขาแสดงแบบผู้ดี ไม่โวยวายรัชดาลัยอะไรมาก) แล้วอรชุนก็เอาใบหย่ามาให้หมอเซ็นถึงที่ หลายคนที่กลับไปดูเวอร์ชั่นเก่า เหมือนจะรอดูฉากปะทะซีน ระหว่างผัวเก่ากับผัวปัจจุบันของเกดนี่มาก
แต่กลับกลายเป็นว่า เปลี่ยนบทให้หมอนิ ลงไปทำงานที่โรงพยาบาลในภาคใต้แทนที่จะไปอเมริกา
เปลี่ยนบทเพราะอะไร?
เพราะในตอนซีนที่หมอนิกับหมอใจสว่างพูดกันเรื่องจะเอายังไงต่อหลังจากจับผิด DNA น้องเด็ดได้ ใจสว่างขอร้องให้หมอนิไปอยู่กับเธอ ไปชนิดว่าไม่ต้องทำงานอะไรก็ได้ ขอแค่ไปอยู่กับเธอ เธอมีเงินเยอะที่จะดูแลชีวิตเขาได้...ใจสว่างแสดงออกอย่างชัดเจนมากว่า เธอพร้อมดูแลหมอนิทุกอย่าง
แต่เป็นหมอนิเองที่ไม่อยากไปสหรัฐ ไม่อยากเป็นหมอทำงานวิจัย และเขาไม่ชอบการถูกดูแลอีก เขายังมีอีโก้ว่ายังไงต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ไม่ใช่การต้องไปอยู่ความดูแลของผู้หญิงอีก เพราะมันเหมือนซ้ำรอยตอนที่เขาได้รับการดูแลจากการะเกดแล้วถูกทรยศ แม้ว่าหมอใจสว่างจะไม่ใช่เกด แต่การกลับไปอยู่ในสถานะแบบนั้นอีก ทำให้หมอนิอาจเกิดความหลอนที่ถูกเหยียบย่ำการเป็นคนไร้ความสามารถ
ดังนั้นในเมื่อบทให้หมอนิไม่อยากไปอเมริกา เพราะไม่อยากอยู่ในสถานภาพแบบนั้น แต่จะอยู่โรงพยาบาลเดียวกับเมียปัจจุบันก็ไม่ได้ จึงเหลือทางออกให้หมอไปอยู่ปักษ์ใต้แทน ซึ่งดูเป็นทางออกที่ดี (และแปลกแนวดี เพราะบทหมอชนบทส่วนใหญ่มักให้ไปภาคอีสาน แต่เหมือนละครนี่จะอิงบริบทประเทศไทยในยุคนี้ จึงให้ไปชายแดนใต้แทน)
ใจสว่างคงคิดว่า ให้หมอได้ทำงานช่วยคนตามที่พอใจ แล้วเมื่อเขาอิ่มตัวแล้ว เขาอาจจะตัดสินใจไปอเมริกากับเธอ
ใจสว่างเชื่อมั่นว่า คนที่อยู่กับหมอนิในเวลาที่ทุกข์ตรม ที่สุดแล้วยังไงหมอก็ต้องเลือกเธอ เพราะเธอมีอะไรที่เหนือกว่าการะเกดทุกอย่าง
แต่ใจสว่างลืมคิดไปว่า ความเหนือกว่าอาจไม่ใช่สิ่งที่หมอนิต้องการ
หมอนิไม่ได้ซื่อบื้อจะดูไม่ออกว่า ใจสว่างเป็นแค่เพื่อน หมอก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคิดยังไง
แต่ที่หมอนิไม่เลือกใจสว่างเป็นคู่ชีวิต ทั้งที่เขาเป็นคนช่วยเธอมากที่สุด มีหลายประการที่อิงทั้งนิสัยหมอนิเอง และผลจากชีวิตคู่กับเกด
- หมอนิชอบภรรยาที่จะต้องยอมให้ตัวเองก้าวนึง สังเกตได้ว่าตอนใช้ชีวิตคู่กับเกด หมอนิชอบมากที่เกดเอาใจใส่เขา และจะไม่ชอบมากถ้าเกดทำเสียงมีอำนาจจะเทียบเท่าเขา มันเป็นอีโก้นึงที่หมอยอมไม่ได้...เมื่อหันกลับมามองใจสว่าง แม้ดูในนิสัยหมอใจสว่างจะยอมหมอนิทุกอย่าง แต่โดยโปรไฟล์ภายนอกของหมอใจสว่างแล้ว มันมีความข่มหมอนิที่เขารู้สึกได้ เหมือนเขาเดินข้างไฮโซมากกว่าคู่ชีวิต และการเป็นหมอวิจัยการอเมริกาก็ดูดีมีเกรดกว่าหมอตรวจคนไข้ธรรมดาอยู่แล้ว หากใช้ชีวิตคู่กันไป มีโอกาสที่หมอใจสว่างจะไม่ยอมและข่มหมอนิเข้าสักวัน...ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หมอนิจะเลือกพยาบาลปาหนัน ที่ดูมีสถานะทางอาชีพด้อยกว่าเขานิดนึง
- พยาบาลปาหนันไม่มีอดีตเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเกดและหมอใจสว่าง ผู้หญิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอดีตเลย มันทำให้หมอนิสบายใจกว่าในการเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ ใครจะรู้ว่าถ้าเลือกหมอใจสว่าง วันดีคืนดีเกิดนางขุดเรื่องเกดขึ้นมาพูดด้วยความหึงหวง หมอนิคงไม่ชอบใจแหง...และการที่ปาหนันไม่เคยเห็นด้านอ่อนแอของหมอนิ มันทำให้หมอนิรู้สึกมั่นใจในตัวเองที่จะเป็นผู้นำครอบครัวตามนิสัยที่อิงในข้อแรก ผิดกับใจสว่างที่เห็นทุกด้านของหมอนิมาหมดแล้ว และมันอาจทำให้สั่นอีโก้ของหมอ หมอนิคงไม่ชอบใจนักที่จะเห็นสายตาและความรู้สึกของหมอใจสว่างในเชิงสงสารที่สั่นคลอนอีโก้เขา
- ฉากที่หมอนิมาขอหย่ากับเกด หมอนิบอกว่าวันนี้เขาเข้าใจเกดแล้วว่า การต้องทนอยู่ในสถานะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก กับคนที่มองเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องมันรู้สึกอึดอัดแค่ไหน...เกดรู้จักหมอนิมาก่อนอรชุนหลายปี เกดก็ไม่ได้รักหมอนิ เฉกเช่นเดียวกับที่ หมอนิรู้จักใจสว่างมาก่อนพยาบาลปาหนัน หมอนิก็ไม่ได้รู้สึกรักใจสว่าง มันเป็นภาพสะท้อนกลับให้เขาคิดถึงการกระทำตัวเอง ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อเกด แต่ไม่ว่ายังไงเกดก็ไม่รัก นั่นทำให้เขารู้แจ้งความรู้สึกนี่เสียที ว่าถึงตนเองรู้เห็นว่าใจสว่างทุ่มเทเพื่อเขาแค่ไหน แต่เขาก็ไม่รู้สึกกับเธอเกินเพื่อนเลย
หากว่าตอนนั้นเกดไม่ตกลงแต่งงานกับหมอนิ ใจสว่างอาจจะเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วย และอาจจะเปลี่ยนใจหมอนิให้รักในความดีของเธอก็ได้
แต่มันเป็นไปได้ที่จะมีอีกทางว่าหมอนิยังยึดติดกับเกด จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า หรืออาละวาดจนแม้แต่ใจสว่างอาจจะหมดรักในที่สุดก็ได้
แต่ละครก็เลือกให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอนิกับหมอใจสว่างจบด้วยความเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น และตอนนี้ทั้งคู่ก็เสียเพื่อนกันเรียบร้อย
เป็นการจบแบบที่กระแทกความรักของใครหลายคนในสังคม ที่เป็นเพื่อนที่ทั้งอยากเกินเพื่อนและไม่อยากไปไกลเกินเพื่อน ทั้งผู้ที่ทุ่มเทหมดหน้าตัก และผู้รับอย่างอึดอัด ความรู้สึกนี่ก็เคยเกิดกับผู้เขียนมาแล้วทั้งสองสถานะ จึงเข้าใจสถานะตัวละครทั้งคู่ดี
ทั้งความเจ็บช้ำที่เราดีขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่เลือกเรา และความรู้สึกว่าเขาดีกับเราขนาดนี้ ทำไมเราถึงรักเขาไม่ได้
ความรู้สึกที่เราอยากพยายามรักเขาให้มากกว่าเพื่อน แต่ยังไงก็รู้สึกไม่ได้อยู่ดี
ความรู้สึกที่ต่อให้เหลือเขาและเราเพียงสองคนในโลก ยังไงเราก็ไม่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิต
หรือแม้แต่ยอมอยู่เป็นโสดจนตาย ดีกว่าที่จะต้องแต่งงานกับคนที่คิดแค่ว่าเป็นเพื่อน
เพราะความรู้สึกของคนมันไม่ใช่สวิตซ์ไฟ ที่จะสับเปลี่ยนได้ง่ายดาย
เราเชื่อว่าหมอนิเองก็คงคิดทบทวนใจตัวเองเหมือนกัน หากเขาเห็นใจหมอใจสว่าง เขาอาจจะรับรักเธอเพื่อตอบแทนความดีนั่น
แต่นั่นอาจจะหมายถึงชีวิตคู่ของหมอที่จะต้องล่มซ้ำรอยเดิม เพียงแค่เปลี่ยนสถานะกัน ต่างคนต่างจะทนกันได้สักแค่ไหน หากความสงสารหมดลงในสักวัน
หมอนิจึงเลือกที่จะให้หมอใจสว่างตัดใจเสีย ตัดใจที่จะเสียเพื่อน ดีกว่าให้หมอใจสว่างรอตนไปเรื่อยๆ หล่อเลี้ยงความหวังลมๆแล้งๆฝ่ายเดียวไป
เพราะมันเป็นการให้คนนึงๆเสียเวลาชีวิตเขาไปโดยเปล่าๆ แม้ว่าปากอีกฝ่ายบอกว่าจะเต็มใจรอก็ตาม
หากเป็นคนที่มีความรู้สึกห่วงใยฝ่ายที่รอจริง การบอกให้เขาตัดใจเป็นการดีเสียกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีความหวัง แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นการตัดสินใจของฝ่ายรอเอง เราไม่ได้เกี่ยวรั้งอะไรเขาสักหน่อย...แต่หากเป็นคนมีหัวใจ ย่อมปรารถนาให้อีกฝ่ายไปในทางที่ดีกว่านี้มากกว่า
บริบทไลฟ์สไตล์ชีวิตของทั้งคู่ก็ย้อนแย้งกันมาก หากเปลี่ยนบทให้หมอใจสว่างยอมแม้แต่จะสละหน้าที่การงานที่อเมริกา เพื่อมาเป็นคู่ชีวิตหมอนิที่ปักษ์ใต้ คนที่อยู่คอนโดหรูๆ ใส่ชุดแพงๆ ไม่ชอบงานออกตรวจคนไข้ จะยอมเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ถึงขนาดนั้นเหรอ? หากหมอใจสว่างยอมเปลี่ยนขนาดนั้น มันก็ดูเป็นบทที่เฟดจนดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ
เราเองเคยผ่านความรู้สึกแบบใจสว่างมาแล้ว ความรู้สึกว่าเรายอมเสียสละชีวิตสบายเพื่อไปอยู่กับเขาได้ แต่เมื่อพอมีเวลามีสติมีเวลาทบทวนตัวตนของเราได้คิดมากขึ้น ถึงได้รู้สึกว่า เราเสียสละชีวิตแบบนั้นไม่ได้หรอก เราเสียความเป็นตัวตนแบบนั้นเพื่อเขาไม่ได้หรอก...เพราะหากวันนึงเขาหมดรักเราแล้ว เราก็ไม่เหลือตัวตนของเราอีก หวนกลับคืนไม่ได้ เพราะเราได้สละซึ่งสิ่งนั้นไปแล้ว
หมอนิเองไม่อยากกลับมาอยู่กรุงเทพ คนที่นั่นรู้เรื่องที่เขาไม่ใช่พ่อน้องเด็ดกันหมดแล้ว ต่อให้ตอนนี้เขาทำเรื่องปล่อยวางได้ แต่มันอดสะกิดใจไม่ได้ว่ามีคนรู้เรื่องนี้ การกลับมาอยู่บ้านเดิมก็มีแต่ความทรงจำแย่ๆ ดังนั้นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนที่ไม่มีอดีตของเขา ย่อมเป็นสิ่งที่หมอนิเลือกจะอยู่ดีกว่า
เราไม่เถียงว่าหลายคนมองว่าหมอนิเป็นคนได้กำไร (มีเมีย 3 คน) และเห็นแก่ตัวมากที่สุด อยากได้เกดก็ได้ ได้แม้แต่เพื่อนกับหมอใจสว่าง งอแงจะเอาทุกอย่าง โทษทุกคนไปทั่วยกเว้นตัวเอง สุดท้ายมาได้กับปาหนันที่เป็นคนดีใสสะอาดบริสุทธิ์ มองเผินๆนี่หมอนิก็เหมือนบทพระเอกโซฟโอเปร่าได้เลยนะ...เราไม่เถียงว่าหมอทำไมไม่เห็นใจหมอใจสว่าง เขาทุ่มเทให้ขนาดนี้ไม่สงสารเขาเลยหรือ ตามสูตรพระรองอกหัก ย่อมเปลี่ยนมารักนางรองไม่ยาก
แต่บทของหมอนิก็เหมือนความรู้สึกผู้ชายในโลกยุคนี้หลายคน ซาบซึ้งนะ แต่ไม่รัก
เชื่อว่าผู้ชายหลายทั่นผ่านความรู้สึกแบบหมอนิมาเช่นกัน อยากย้อนเวลากลับไปที่จะไม่เกินเลยกับใจสว่าง แต่มันก็ทำไม่ได้ จะให้เดินหน้ารับรักเพราะสงสารก็ทรมานตัวเอง การบอกให้ตัดใจก็รู้สึกเราเป็นคนใจร้ายที่ทำให้ผู้หญิงที่ดีกับเรามาตลอดเสียน้ำตา
สำหรับใจสว่าง เราก็รู้สึกสงสารในซีนที่นางขับรถกลับบ้านทั้งน้ำตา เข้าใจความรู้สึกของนาง คนที่บินมาครึ่งค่อนวัน ขับรถมาเอง เพื่อจะมาฟังผู้ชายที่ตัวเองรักแนะนำผู้หญิงคนอื่นว่าเป็นคู่ชีวิต ความหวังมันคงพังทลายไปหมด ความหวังว่าเขาจะเลือกเรา เพราะเราเป็นคนอยู่ข้างๆในวันที่เขาเจ็บ (แม้จะมีหลายคนแย้งว่ากรรมสนอง ที่ไปทำให้ชีวิตคู่เขาพังและหมั่นไส้ตอนที่เธอมองเกดแบบเหยียดๆ และอาการที่อยากได้หมอจนออกนอกหน้า แต่ถ้าเข้าใจบริบทนิสัยเธอเป็นอเมริกันชน รู้สึกยังไงก็แสดงออกแบบนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจ รวมทั้งคนเห็นใจเธอว่า เธอมาก่อนเกด เธอย่อมหวงหมอนิเป็นธรรมดา และไม่พอใจที่เกดยัดเยียดหลอกแต่งหาพ่อเด็กให้ลูกในท้อง เธอจะทำเพื่อแฉความจริงก็ไม่ผิด)
เราว่ายังดีที่ไม่แต่งเติมบทใจสว่างให้เป็นหมอร้าย ตามวีนปาหนันต่อตามสูตรสำเร็จ
มีคนเคยบอกเราว่า การรักคนข้างเดียว มันเหมือนการเทน้ำลงบนพื้นทราย น้ำช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับทราย
แต่ทรายก็ไม่เก็บน้ำไว้ถาวรอยู่ดี ไม่ว่าเติมเข้าไปเท่าไหร่ น้ำนั่นก็จะไม่คงอยู่กับทรายตลอดไป
ใจสว่างยังมีศักดิ์ศรีพอที่จะเดินออกมา เธอเสียใจได้ ร้องไห้ได้ และแม้เธอจะเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอง แต่เธอเลือกจะไม่เป็นฝ่ายทำลายชีวิตใหม่หมอนิอีก ทั้งที่เธอมีโอกาสทำได้ แต่เราว่าเธอเลือกไม่ทำ เพราะเธอไม่อยากกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวให้หมอนิผิดหวัง แม้จะกลับไปเป็นเพื่อนไม่ได้แล้วก็ตาม
เป็นนางร้ายที่ตีกลับมากลายเป็นนางเศร้าให้คนรู้สึกสงสารได้ในที่สุด
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนคงไม่สรุปตัดสินว่า ใครผิดใครถูก
หลายคนแม้จะดูละครเรื่องนี้แล้ว แต่ก็อาจจะเลือกการตัดสินใจชีวิตแบบเดียวกับหมอนิ แบบเดียวกับหมอใจสว่างอยู่ก็ได้ หรือเลือกจะไม่ทำแบบทั้งสองเลยก็ได้
เพราะสูตรชีวิตแต่ละคน ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเฉลยอยู่แล้ว
มีแต่เมื่อเลือกสิ่งใดไป ก็ต้องเลือกผลของการกระทำนั้น แต่ก็ควรเป็นการกระทำที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หรือให้เจ็บปวดน้อยและสั้นที่สุด