จากที่ผมได้เห็นในคลับรถต่างๆมีการแนะนำว่าให้เติมน้ำมันชนิดนั้น ชนิดนี้ และเกิดเป็นข้อถกเถียงกันว่าน้ำมันชนิดนั้นแรงกว่าชนิดนี้ ชนิดนี้อืดกว่าชนิดนั้น กลายเป็นความขัดแย้งเล็กๆภายในบางคลับที่ยังไม่มีใครมายืนยันว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จกันแน่ ด้วยความสงสัย ผมจึงอยากทดลอง ว่าถ้าเป็นรถเราเองผลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งผลที่ได้อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนรถรุ่นอื่นก็ได้นะครับ แต่อย่างน้อยผมเอาผลที่ได้จากการทดสอบจริงด้วยรถตัวเองมาแบ่งปันทุกท่าน เผื่อจะได้เป็นแนวทางครับ
Gasoline vs Ethanol
หลายท่านคงทราบดีว่าการที่รถจะได้พละกำลังมานั้นต้องใช้การจุดระเบิด ซึ่งต้องพึ่งพาวัตถุดิบ 3 ประการคือ ไฟ น้ำมัน และอากาศ โดยที่ยิ่งน้ำมันและอากาศมากขึ้น รวมถึงการจุดระเบิดได้เวลาพอดีก็จะยิ่งทำให้การจุดระเบิดแรงขึ้น เป็นผลให้รถก็แรงขึ้นนั่นเอง แต่ Ethanol มีความขี้โกง Gasoline (หรือเบนซิน) อยู่นิดหน่อยตรงที่ภายในโครงสร้างโมเลกุลของตัวมันมีออกซิเจนซึ่งก็คือ "อากาศ" ผสมอยู่ครับ ทำให้การใช้ Ethanol เป็นเชื้อเพลิงนั้นได้เปรียบ Gasoline ตรงที่ได้ปริมาณอากาศมากกว่านั่นเอง พอได้อากาศมากกว่า กล่อง ECU จะเห็นว่าส่วนผสมบาง (จาก Feeback ของ Oxygen censor) จึงทำการสั่งปรับจ่ายน้ำมันมากขึ้น เพื่อชดเชยให้ส่วนผสมไม่บางจนเกินไป พออากาศมากขึ้น ละได้น้ำมันมากขึ้น จึงเป็นผลให้การจุดระเบิดแรงขึ้น และพละกำลังเครื่องมากขึ้นนั่นเองครับ ซึ่งตารางการจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับเชื้อเพลิงแต่ละชนิด ตามด้านล่างนี้ครับ
น้ำมันบูด
ในข้อดีมีข้อเสียครับ ผมเชื่อเหลือเกินว่าบางท่านยังไม่ทราบว่าน้ำมันผสมเอทานอลบูดได้จริงๆ ในเวบไซต์ไทยหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมัน Gasohol บูดได้น้อยมาก แต่อย่างน้อยก็มีที่หนึ่งคือเวบ "คุณครู.คอม" (
http://www.kunkroo.com/catalog.php?idp=340) ซึ่งบอกตามตรงว่าบทความเรื่องน้ำมันบูดของเวบนี้เบิกเนตรให้ผมเป็นอย่างมาก ทำให้ผมได้ไปค้นข้อมูลต่อยังเวบฝรั่ง พบว่าฝรั่งเขาพบเรื่องนี้กันมานานเป็นสิบปีแล้ว และมีบทความเขียนไว้เยอะมากๆครับ
หลักใหญ่ใจความก็คือ หลังจากเอาน้ำมันเบนซินมาผสมกับเอทานอลแล้ว มันจะมีอายุเพียงประมาณ 100 วันนับตั้งแต่วันที่ผสมกัน ซึ่งกว่าจะทำการกักเก็บขนส่งไปยังปั๊ม กว่าจะเติมลงในถังก็กินเวลาสักระยะ ในเวบฝรั่งจึงแนะนำให้ใช้น้ำมัน Gasohol (ฝรั่งใช้คำว่า Ethanol blended) ให้หมดภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากการเติมน้ำมันครับ
การทำงานของ Gasohol ในถังเราที่ผมเรียกว่าน้ำมันบูดนั่นก็คือ Ethanol มันจะดูดความชื้นในถังมากักเก็บไว้ในตัวมัน แล้วทำการแบ่งชั้นให้เกิดขึ้นในถังน้ำมันเรา โดยชั้นบนจะถูกแบ่งให้เป็นชั้นของน้ำมันเบนซินเข้มข้น (สัดส่วนเอทานอลลดลง) และชั้นล่างจะกลายเป็นชั้นน้ำที่ผสมกับเอทานอลเข้มข้น (ไม่มีเบนซิน) ด้วยเหตุนี้ การเติมน้ำมัน Gasohol ในรถยนต์ที่ใช้แก๊สเป็นหลัก หรือในรถสายจอดมากกว่าขับ (ฝรั่งเจอปัญหาในเครื่องตัดหญ้า และเรือที่นานๆใช้งานที) จึงสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะน้ำมันบูดครับ โชคดีสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานเป็นประจำสามารถใช้ Gasohol ได้โดยไม่ต้องกังวลครับ เพราะน้ำมันหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายตลอด ใช้ได้ตามสบายไม่ต้องกังวลครับ
Ref:
http://www.tanknology.com.au/ethanol-conversion.html
ข้อมูลเกี่ยวกับรถ
- รถยนต์: Toyota Altis 2004
- เครื่องยนต์: 2zz-ge 6MT
- กรองอากาศ: Fabrix แบบผ้า รุ่นสีเขียว
- ท่อไอเสีย: เดินท่อ 2.5 นิ้ว + 2.3 นิ้ว พักกลางไส้ตรง 2.5 นิ้ว 2 ใบยาวๆ พักปลายไส้เยื้อง 2.5 นิ้ว
- ยาง: Toyo c1s 195/60/15 (สูงกว่าเดิม 1 ไซส์ ไมล์แข็งขึ้น 3.3%)
- อื่นๆ: กล่อง ECU เดิม หัวฉีดเดิม
ตามคู่มือ เขาแนะนำให้ใช้น้ำมันออกเทน 95 ขึ้นไป โดยยิ่งออกเทนสูงยิ่งดีครับ ผมจึงขอทดสอบด้วยน้ำมันที่มีค่าออกเทน 95 ขึ้นไป นั่นคือ Gasoline 95 (ออกเทน 95), Gasohol 95 (ออกเทน 96), Gasohol E20 (ออกเทน 98), และ Shell V-Power Nitro+ ที่เขาว่ากันว่าแรงนักหนา ซึ่งผมเองยังไม่เคยได้ลองใช้มาก่อนเลยครับ ส่วน E85 ผมได้ลองถามพี่อักษรย่อ อ อ่าง ที่เปิดอู่อยู่แถวออเงิน และน้อง ท 2zz super charge แล้ว สรุปคือหัวฉีดเดิมจ่ายไม่พอ จะเกิดอาการส่วนผสมบางและอาจไฟรูปเครื่องโชว์ได้ ผมจึงขออนุญาติข้าม E85 ไปนะครับ
ความรู้สึกแรก
โดยปกติผมใช้แก๊ส LPG และเติม E20 มาโดยตลอดครับ พบว่า E20 อัตราเร่งอะไรต่างๆจะดีกว่า LPG เล็กน้อย (ผมใช้ TAP กับ LPG) เมื่อไรก็ตามที่แก๊สหมดโดยที่ผมยังจุ่มคันเร่งอยู่ ระบบจะตัดไปใช้น้ำมันทันที อัตตราเร่งจะพุ่งขึ้นทันที หรือแม้แต่ในตอนขับขึ้นเขาเป็นทางชัน ถ้าใช้ LPG แล้วมันอืดๆหน่อย พอสับเป็น E20 แล้วจะมีแรงปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาทันทีครับ แต่ E20 ผมก็มีความรู้สึกว่ามันตดบ่อย ขับๆไปบางจังหวะมันก็มีปุ้งปั้งเบาๆนานๆครั้งครับ
พอผมสลับกลับมาเติมเบนซินล้วนๆ สิ่งที่ผมรู้สึกทันทีคือ ทำไมมันอืดๆหน่วงๆ ไม่ลื่นเท่า E20 ที่เคยใช้เลย และพอขับๆน้ำมันอยู่พอสับกลับไปเป็นแก๊ส อ้าว แก๊สดันแรงปรู๊ดปร่ดกว่าซะอย่างนั้น (อย่าลืมว่าผมใช้ TAP สำหรับแก๊ส LG นะครับ) ก่อนการทดลองจะเกิดขึ้น ผมเลยเดาว่าเบนซิน 95 น่าจะทำเวลาสู้ E20 ไม่ได้ครับ
ลงมือทดสอบ
การทดลองเก็บข้อมูลทั้งสิ้น 3 วัน เพราะช่วงนี้มีปัญหาฝนตกบ้าง คนเดินทางกลับบ้านเยอะบ้างถนนเลยไม่ค่อยโล่งครับ ใช้ถนนเส้นเดียวกัน ช่วงเวลาประมาณตี 1-4 ที่ถนนโล่งๆ ไม่สามารถควบคุมตัวแปรเรื่องลมและอุณหภูมิได้เป๊ะ ควบคุมได้เพียงลมยาง และน้ำหนักรถ น้ำมัน,แก๊ส ที่เติมลงไปให้ปริมาณไกล้เคียงกันครับ คาดว่าน้ำหนักน่าจะแกว่งไม่มาก
การทดสอบใช้น้ำมันของ Caltex ทั้งหมด ยกเว้น V-Power ของ Shell ไม่สามารถทดสอบ E85 ได้ เพราะหัวฉีดเดิมจ่ายไม่พออย่างที่ได้กล่างไว้ในตอนต้นนะครับ หวังว่าจะพอเป็นแนวทางนะครับ..
สรุปผลการทดลอง
ผลการทดลองเป็นไปตามที่ผมเดาไว้ก่อนหน้าครับ น้ำมันที่ยิ่งมี Ethanol เป็นส่วนผสมมากก็ยิ่งทำเวลาได้ดีขึ้น โดยที่มี Shell V-Power เป็นข้อยกเว้นครับ ผมไม่ทราบจริงๆว่าเขาใส่ไนตรัสหรือยังไงถึงได้แรงแซง E20 ขนาดนั้น ซึ่งผลที่ได้ออกมานี้ เป็นผลเฉพาะที่ได้จากรถคันนี้กับเครื่องตัวนี้ 2zz-ge ถ้านำน้ำมันชนิดเดียวกันไปใช้ทดสอบรถคันยี่ห้อรุ่นอื่น หรือเครื่องอื่น อาจจะได้ผลที่แตกต่างก็เป็นได้นะครับ..
สุดท้ายนี้หวังว่าสิ่งที่ผมได้แบ่งปันจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่สนใจ ผมเป็นคนใช้รถใช้ถนนธรรมดา ไม่มีความรู้ในทางช่าง ไม่ได้ทำงานในวงการรถยนต์ มีความรู้จำกัด หากผิดพลาดประการใดทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
ฝากกดไลค์และติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
[CR] รีวิวสามัญชน: Gasoline, Gasohol, E20, Shell V-Power เติมน้ำมันอะไร แรง!
Gasoline vs Ethanol
หลายท่านคงทราบดีว่าการที่รถจะได้พละกำลังมานั้นต้องใช้การจุดระเบิด ซึ่งต้องพึ่งพาวัตถุดิบ 3 ประการคือ ไฟ น้ำมัน และอากาศ โดยที่ยิ่งน้ำมันและอากาศมากขึ้น รวมถึงการจุดระเบิดได้เวลาพอดีก็จะยิ่งทำให้การจุดระเบิดแรงขึ้น เป็นผลให้รถก็แรงขึ้นนั่นเอง แต่ Ethanol มีความขี้โกง Gasoline (หรือเบนซิน) อยู่นิดหน่อยตรงที่ภายในโครงสร้างโมเลกุลของตัวมันมีออกซิเจนซึ่งก็คือ "อากาศ" ผสมอยู่ครับ ทำให้การใช้ Ethanol เป็นเชื้อเพลิงนั้นได้เปรียบ Gasoline ตรงที่ได้ปริมาณอากาศมากกว่านั่นเอง พอได้อากาศมากกว่า กล่อง ECU จะเห็นว่าส่วนผสมบาง (จาก Feeback ของ Oxygen censor) จึงทำการสั่งปรับจ่ายน้ำมันมากขึ้น เพื่อชดเชยให้ส่วนผสมไม่บางจนเกินไป พออากาศมากขึ้น ละได้น้ำมันมากขึ้น จึงเป็นผลให้การจุดระเบิดแรงขึ้น และพละกำลังเครื่องมากขึ้นนั่นเองครับ ซึ่งตารางการจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับเชื้อเพลิงแต่ละชนิด ตามด้านล่างนี้ครับ
น้ำมันบูด
ในข้อดีมีข้อเสียครับ ผมเชื่อเหลือเกินว่าบางท่านยังไม่ทราบว่าน้ำมันผสมเอทานอลบูดได้จริงๆ ในเวบไซต์ไทยหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมัน Gasohol บูดได้น้อยมาก แต่อย่างน้อยก็มีที่หนึ่งคือเวบ "คุณครู.คอม" (http://www.kunkroo.com/catalog.php?idp=340) ซึ่งบอกตามตรงว่าบทความเรื่องน้ำมันบูดของเวบนี้เบิกเนตรให้ผมเป็นอย่างมาก ทำให้ผมได้ไปค้นข้อมูลต่อยังเวบฝรั่ง พบว่าฝรั่งเขาพบเรื่องนี้กันมานานเป็นสิบปีแล้ว และมีบทความเขียนไว้เยอะมากๆครับ
หลักใหญ่ใจความก็คือ หลังจากเอาน้ำมันเบนซินมาผสมกับเอทานอลแล้ว มันจะมีอายุเพียงประมาณ 100 วันนับตั้งแต่วันที่ผสมกัน ซึ่งกว่าจะทำการกักเก็บขนส่งไปยังปั๊ม กว่าจะเติมลงในถังก็กินเวลาสักระยะ ในเวบฝรั่งจึงแนะนำให้ใช้น้ำมัน Gasohol (ฝรั่งใช้คำว่า Ethanol blended) ให้หมดภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากการเติมน้ำมันครับ
การทำงานของ Gasohol ในถังเราที่ผมเรียกว่าน้ำมันบูดนั่นก็คือ Ethanol มันจะดูดความชื้นในถังมากักเก็บไว้ในตัวมัน แล้วทำการแบ่งชั้นให้เกิดขึ้นในถังน้ำมันเรา โดยชั้นบนจะถูกแบ่งให้เป็นชั้นของน้ำมันเบนซินเข้มข้น (สัดส่วนเอทานอลลดลง) และชั้นล่างจะกลายเป็นชั้นน้ำที่ผสมกับเอทานอลเข้มข้น (ไม่มีเบนซิน) ด้วยเหตุนี้ การเติมน้ำมัน Gasohol ในรถยนต์ที่ใช้แก๊สเป็นหลัก หรือในรถสายจอดมากกว่าขับ (ฝรั่งเจอปัญหาในเครื่องตัดหญ้า และเรือที่นานๆใช้งานที) จึงสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะน้ำมันบูดครับ โชคดีสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานเป็นประจำสามารถใช้ Gasohol ได้โดยไม่ต้องกังวลครับ เพราะน้ำมันหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายตลอด ใช้ได้ตามสบายไม่ต้องกังวลครับ
Ref: http://www.tanknology.com.au/ethanol-conversion.html
ข้อมูลเกี่ยวกับรถ
- รถยนต์: Toyota Altis 2004
- เครื่องยนต์: 2zz-ge 6MT
- กรองอากาศ: Fabrix แบบผ้า รุ่นสีเขียว
- ท่อไอเสีย: เดินท่อ 2.5 นิ้ว + 2.3 นิ้ว พักกลางไส้ตรง 2.5 นิ้ว 2 ใบยาวๆ พักปลายไส้เยื้อง 2.5 นิ้ว
- ยาง: Toyo c1s 195/60/15 (สูงกว่าเดิม 1 ไซส์ ไมล์แข็งขึ้น 3.3%)
- อื่นๆ: กล่อง ECU เดิม หัวฉีดเดิม
ตามคู่มือ เขาแนะนำให้ใช้น้ำมันออกเทน 95 ขึ้นไป โดยยิ่งออกเทนสูงยิ่งดีครับ ผมจึงขอทดสอบด้วยน้ำมันที่มีค่าออกเทน 95 ขึ้นไป นั่นคือ Gasoline 95 (ออกเทน 95), Gasohol 95 (ออกเทน 96), Gasohol E20 (ออกเทน 98), และ Shell V-Power Nitro+ ที่เขาว่ากันว่าแรงนักหนา ซึ่งผมเองยังไม่เคยได้ลองใช้มาก่อนเลยครับ ส่วน E85 ผมได้ลองถามพี่อักษรย่อ อ อ่าง ที่เปิดอู่อยู่แถวออเงิน และน้อง ท 2zz super charge แล้ว สรุปคือหัวฉีดเดิมจ่ายไม่พอ จะเกิดอาการส่วนผสมบางและอาจไฟรูปเครื่องโชว์ได้ ผมจึงขออนุญาติข้าม E85 ไปนะครับ
ความรู้สึกแรก
โดยปกติผมใช้แก๊ส LPG และเติม E20 มาโดยตลอดครับ พบว่า E20 อัตราเร่งอะไรต่างๆจะดีกว่า LPG เล็กน้อย (ผมใช้ TAP กับ LPG) เมื่อไรก็ตามที่แก๊สหมดโดยที่ผมยังจุ่มคันเร่งอยู่ ระบบจะตัดไปใช้น้ำมันทันที อัตตราเร่งจะพุ่งขึ้นทันที หรือแม้แต่ในตอนขับขึ้นเขาเป็นทางชัน ถ้าใช้ LPG แล้วมันอืดๆหน่อย พอสับเป็น E20 แล้วจะมีแรงปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาทันทีครับ แต่ E20 ผมก็มีความรู้สึกว่ามันตดบ่อย ขับๆไปบางจังหวะมันก็มีปุ้งปั้งเบาๆนานๆครั้งครับ
พอผมสลับกลับมาเติมเบนซินล้วนๆ สิ่งที่ผมรู้สึกทันทีคือ ทำไมมันอืดๆหน่วงๆ ไม่ลื่นเท่า E20 ที่เคยใช้เลย และพอขับๆน้ำมันอยู่พอสับกลับไปเป็นแก๊ส อ้าว แก๊สดันแรงปรู๊ดปร่ดกว่าซะอย่างนั้น (อย่าลืมว่าผมใช้ TAP สำหรับแก๊ส LG นะครับ) ก่อนการทดลองจะเกิดขึ้น ผมเลยเดาว่าเบนซิน 95 น่าจะทำเวลาสู้ E20 ไม่ได้ครับ
ลงมือทดสอบ
การทดลองเก็บข้อมูลทั้งสิ้น 3 วัน เพราะช่วงนี้มีปัญหาฝนตกบ้าง คนเดินทางกลับบ้านเยอะบ้างถนนเลยไม่ค่อยโล่งครับ ใช้ถนนเส้นเดียวกัน ช่วงเวลาประมาณตี 1-4 ที่ถนนโล่งๆ ไม่สามารถควบคุมตัวแปรเรื่องลมและอุณหภูมิได้เป๊ะ ควบคุมได้เพียงลมยาง และน้ำหนักรถ น้ำมัน,แก๊ส ที่เติมลงไปให้ปริมาณไกล้เคียงกันครับ คาดว่าน้ำหนักน่าจะแกว่งไม่มาก
การทดสอบใช้น้ำมันของ Caltex ทั้งหมด ยกเว้น V-Power ของ Shell ไม่สามารถทดสอบ E85 ได้ เพราะหัวฉีดเดิมจ่ายไม่พออย่างที่ได้กล่างไว้ในตอนต้นนะครับ หวังว่าจะพอเป็นแนวทางนะครับ..
สรุปผลการทดลอง
ผลการทดลองเป็นไปตามที่ผมเดาไว้ก่อนหน้าครับ น้ำมันที่ยิ่งมี Ethanol เป็นส่วนผสมมากก็ยิ่งทำเวลาได้ดีขึ้น โดยที่มี Shell V-Power เป็นข้อยกเว้นครับ ผมไม่ทราบจริงๆว่าเขาใส่ไนตรัสหรือยังไงถึงได้แรงแซง E20 ขนาดนั้น ซึ่งผลที่ได้ออกมานี้ เป็นผลเฉพาะที่ได้จากรถคันนี้กับเครื่องตัวนี้ 2zz-ge ถ้านำน้ำมันชนิดเดียวกันไปใช้ทดสอบรถคันยี่ห้อรุ่นอื่น หรือเครื่องอื่น อาจจะได้ผลที่แตกต่างก็เป็นได้นะครับ..
สุดท้ายนี้หวังว่าสิ่งที่ผมได้แบ่งปันจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่สนใจ ผมเป็นคนใช้รถใช้ถนนธรรมดา ไม่มีความรู้ในทางช่าง ไม่ได้ทำงานในวงการรถยนต์ มีความรู้จำกัด หากผิดพลาดประการใดทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
ฝากกดไลค์และติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้