"เกาหลี" ในหน้าร้อน ย่อมมีความแตกต่างกับการเที่ยวตอนฤดูใบไม้ผลิ กับฤดูหนาว ไม่มากก็น้อย แต่เมื่อ (จำ) ต้องไปในช่วงฤดูร้อน เราก็สนุกได้เหมือนกันค่ะ แม้จะไม่มีหิมะ หรือดอกพ็อตกดให้ชม แต่มันก็สุขสันต์ หรรษา เริงร่าท่ามกลางแสงแดด ได้ท่องโซลสมใจ ถือว่าตัวเองได้เที่ยวเกาหลีเกือบครบทุกฤดูแล้ว เหลือแค่ช่วงใบไม้ผลิเท่านั้น ซึ่งมันจะเป็นแรงผลักดัน ให้เราหาเรื่องมาเกาหลีอีกแน่นอนค่ะ
ครั้งแรก ที่มาเกาหลี เรามาในช่วงเดือนธ.ค. ปี 53 เรียกว่า เป็นการมาเที่ยวแบบฟรีๆ เพราะได้รางวัลเป็นแพ๊คเก็จทัวร์ "ดินเนอร์ที่เกาหลีกับ 2 PM" จากการส่งชิงโชคสินค้ายี่ห้อหนึ่ง อากาศช่วงธันวาคม คือช่วงที่พีคมาก เรียกว่าหนาวจับใจ พูดทีหนึ่งควันก็ออกปาก มือแข็ง ยังจำลมเย็นที่พัดผ่านมาตอนไปเที่ยวได้ ซึ่งหนาวจนต้องไปหาที่หลบในตู้โทรศัพท์ แต่จะหนาวติดลบขนาดไหน เราก็ยังคิดว่า เที่ยวเกาหลีตอนหน้าหนาวนี่ล่ะ ถูกใจตัวเองสุดๆ และตั้งใจว่าจะต้องกลับไปอีกให้ได้ แม้ว่าเมื่อมีโอกาสกลับมาที่นี้อีกครั้ง จะไม่ใช่หน้าหนาวก็ตามที...
ครั้งที่สอง ในการมาเกาหลี อาจจะเป็นเพราะแต้มบุญที่สะสมไว้มาหลายปี เพราะเว้นช่วงจากครั้งแรกก็กินเวลาเกือบแปดปี แต่ด้วยแต้มบุญอย่างที่บอก และความอุสาหะ อดทน ไม่ย่อท้อ ต่อการส่งชิงโชคและเล่นเกมส์ตามเพจต่างๆ ที่มักจะชอบแจกตั๋วเครื่องบิน ในที่สุดโชคก็เข้าข้าง ช่วยให้เราได้รับรางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง - โซล - ดอนเมือง จำนวนสองที่นั่ง จากเพจแอร์ เอเชีย แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเดินทางภายในเดือน พ.ค. - ก.ค. 60 เท่านั้น มันจึงเป็นที่มาของการเที่ยวเกาหลีหน้าร้อนนี่แหละค่ะ เราเลยชวนญาติไปด้วยกัน พร้อมกับติดต่อเรื่องตั๋ว , ที่พัก และวางแผนเที่ยวเกาหลี ซึ่งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่จะเหินฟ้าไปหาโอปป้ากันค่ะ
*** วันเดินทาง 18 - 26 พฤษภาคม 2560
*** เที่ยวบิน สายการบิน Air Asia X ขาไป XJ 700 เวลา 02.50 - 10.05
ขากลับ XJ 701 เวลา 11.15 - 14.50
*** ที่พัก Myeongdong Town Guesthouse (จองผ่าน Agoda เจ็ดคืน ตกคนละ 3,300 บาท)
*** การเดินทาง ใช้บัตร T - Money ตลอดทั้งทริป
แม้ว่าตอนขาไปเครื่องจะดีเลย์จากเวลา 02.50 ม้าเป็นเวลาเกือบเช้า ได้เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี แต่ในที่สุดเราก็มาถึงเกาหลี ตอนประมาณบ่ายโมง และขั้นตอนต่อไปที่รู้กันดีก็คือ
"ต.ม" ซึ่งช่วงที่เราไปนั้นก็มีข่าวเรื่องคนไทยถูกกักตัวพอดี ทำให้ก่อนไปเราต้องเตรียมหลักฐานเอาไว้ไปเผื่อด้วยค่ะ คือ ตั๋วเครื่องบินขากลับ, ใบยืนยันการจองที่พัก, ใบลางาน + เอกสารยืนยันการทำงาน และแผนการเดินทาง ซึ่งถึงจะเตรียมไว้อย่างดีแล้ว แต่เราก็ถูกเชิญตัวเข้าห้องเย็น จนได้ เหตุการณ์ก็ตามนี้ค่ะ
จนท. : เปลี่ยนชื่อกับนามสกุลหรือเปล่า? (ถามหลังจากคีย์ข้อมูลเสร็จ)
เรา : ไม่ได้เปลี่ยนค่ะ พอดีเปลี่ยนพาสปอร์ตเล่มใหม่ จึงสะกดนามสกุลให้ถูกต้องค่ะ (พาสเล่มแรก นามสกุลสะกดผิด พอทำใหม่เราเลยเปลี่ยนให้ถูกต้อง แต่ชื่อสะกดเหมือนกันทั้งสองเล่ม)
พอบอกแบบนั้น จนท. สาว ก็เรียกให้ จนท. ผู้ชายดูดุๆ หน่อย พาเราเข้าไปในห้องเย็น ณ ตอนนั้นระหว่างทางเดินไป ก็มีแต่คนมองเรา ส่วนเรา คิดไว้แล้วว่าคงต้องเจอแน่ๆ เพราะทางตม. อาจมีฐานข้อมูลตอนมาเกาหลีครั้งแรก ในเมื่อชื่อเหมือนกัน แต่นามสกุลคนละแบบ และเมื่อเข้าไปในห้อง จนท. อีกคน ก็ถามเราแบบเดิมเหมือนกับคนก่อน
จนท. : เปลี่ยนชื่อกับนามสกุลหรือเปล่า? ได้เอาพาสปอร์ตเล่มเก่ามาไหม?
เรา : ยื่นพาสเล่มแรกให้ และชี้แจงว่าเปลี่ยนเพราะเหตุใด เหมือนกับที่ตอบไปตอนแรก ไม่ได้เป็นคนละคนกัน
จนท. : เอาพาสสองเล่มไปเทียบกัน พร้อมถามซ้ำสองรอบ สลับกับมองหน้าเรา
เรา : ตอบแบบเดิม เพราะมันคือความจริง
จนท. : มีตั๋วขากลับไหม?
เรา : มีค่ะ เอาตั๋วขากลับให้ดู
จนท. : มากลับใคร มากับทัวร์ หรือว่ามาเที่ยวเอง
เรา : มากับญาติ และมาเที่ยวเองค่ะ
จนท. : เงียบอยู่แป๊บหนึ่ง ก็บอกให้เราแสกนนิ้ว และถ่ายรูป เสร็จแล้วก็พาเราเดินออกมาส่งด้านนอก สรุป "ผ่านค่ะ"
แต่ ณ ตอนนั้น ถ้าไม่ผ่าน ก็จบสิ้นกัน เพราะจ่ายค่าที่พักไปแล้ว และที่สำคัญ ความฝันที่จะได้มาเที่ยวเกาหลี ก็ต้องสลายหายไปต่อหน้า ต่อตา ทั้งที่มาถึงแล้ว นอกจากนั้น ญาติเรา ที่ผ่านตม. มาก่อนแล้ว ก็ต้องไปเที่ยวคนเดียว ซึ่งก็คงจะไม่สนุก ยังไงซะ มาเกาหลี ก็อย่าลืมเตรียมหลักฐานมากันเหนียวนะคะ อีกอย่าง ภาษาด้วย เอาแค่สนทนาขั้นพื้นฐานได้ก็ยังดี เพราะถ้าตอบตะกุกตะกัก อาจมีผลให้เราไม่ผ่านได้ค่ะ
พ้นทุกข์ พ้นโศก ผ่านมาได้อย่างปลอดโปร่งแล้ว จากนี้ไป ก็ได้เวลาเดินทางไปสู่ "กรุงโซล" ตลอดเจ็ดวันที่นี่ เราจะไปไหนมาบ้าง ก็จะขอเล่าแบบคร่าวๆ ไม่ถึงกับเจาะลึก เผื่อมีคนสนใจ นำเอาไปเป็นแนวทาง ในการท่องเที่ยวเกาหลี ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
[SR] เที่ยว "เกาหลี" หน้าร้อน... ก็ได้นะ
ครั้งแรก ที่มาเกาหลี เรามาในช่วงเดือนธ.ค. ปี 53 เรียกว่า เป็นการมาเที่ยวแบบฟรีๆ เพราะได้รางวัลเป็นแพ๊คเก็จทัวร์ "ดินเนอร์ที่เกาหลีกับ 2 PM" จากการส่งชิงโชคสินค้ายี่ห้อหนึ่ง อากาศช่วงธันวาคม คือช่วงที่พีคมาก เรียกว่าหนาวจับใจ พูดทีหนึ่งควันก็ออกปาก มือแข็ง ยังจำลมเย็นที่พัดผ่านมาตอนไปเที่ยวได้ ซึ่งหนาวจนต้องไปหาที่หลบในตู้โทรศัพท์ แต่จะหนาวติดลบขนาดไหน เราก็ยังคิดว่า เที่ยวเกาหลีตอนหน้าหนาวนี่ล่ะ ถูกใจตัวเองสุดๆ และตั้งใจว่าจะต้องกลับไปอีกให้ได้ แม้ว่าเมื่อมีโอกาสกลับมาที่นี้อีกครั้ง จะไม่ใช่หน้าหนาวก็ตามที...
ครั้งที่สอง ในการมาเกาหลี อาจจะเป็นเพราะแต้มบุญที่สะสมไว้มาหลายปี เพราะเว้นช่วงจากครั้งแรกก็กินเวลาเกือบแปดปี แต่ด้วยแต้มบุญอย่างที่บอก และความอุสาหะ อดทน ไม่ย่อท้อ ต่อการส่งชิงโชคและเล่นเกมส์ตามเพจต่างๆ ที่มักจะชอบแจกตั๋วเครื่องบิน ในที่สุดโชคก็เข้าข้าง ช่วยให้เราได้รับรางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง - โซล - ดอนเมือง จำนวนสองที่นั่ง จากเพจแอร์ เอเชีย แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเดินทางภายในเดือน พ.ค. - ก.ค. 60 เท่านั้น มันจึงเป็นที่มาของการเที่ยวเกาหลีหน้าร้อนนี่แหละค่ะ เราเลยชวนญาติไปด้วยกัน พร้อมกับติดต่อเรื่องตั๋ว , ที่พัก และวางแผนเที่ยวเกาหลี ซึ่งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่จะเหินฟ้าไปหาโอปป้ากันค่ะ
*** วันเดินทาง 18 - 26 พฤษภาคม 2560
*** เที่ยวบิน สายการบิน Air Asia X ขาไป XJ 700 เวลา 02.50 - 10.05
ขากลับ XJ 701 เวลา 11.15 - 14.50
*** ที่พัก Myeongdong Town Guesthouse (จองผ่าน Agoda เจ็ดคืน ตกคนละ 3,300 บาท)
*** การเดินทาง ใช้บัตร T - Money ตลอดทั้งทริป
แม้ว่าตอนขาไปเครื่องจะดีเลย์จากเวลา 02.50 ม้าเป็นเวลาเกือบเช้า ได้เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี แต่ในที่สุดเราก็มาถึงเกาหลี ตอนประมาณบ่ายโมง และขั้นตอนต่อไปที่รู้กันดีก็คือ "ต.ม" ซึ่งช่วงที่เราไปนั้นก็มีข่าวเรื่องคนไทยถูกกักตัวพอดี ทำให้ก่อนไปเราต้องเตรียมหลักฐานเอาไว้ไปเผื่อด้วยค่ะ คือ ตั๋วเครื่องบินขากลับ, ใบยืนยันการจองที่พัก, ใบลางาน + เอกสารยืนยันการทำงาน และแผนการเดินทาง ซึ่งถึงจะเตรียมไว้อย่างดีแล้ว แต่เราก็ถูกเชิญตัวเข้าห้องเย็น จนได้ เหตุการณ์ก็ตามนี้ค่ะ
จนท. : เปลี่ยนชื่อกับนามสกุลหรือเปล่า? (ถามหลังจากคีย์ข้อมูลเสร็จ)
เรา : ไม่ได้เปลี่ยนค่ะ พอดีเปลี่ยนพาสปอร์ตเล่มใหม่ จึงสะกดนามสกุลให้ถูกต้องค่ะ (พาสเล่มแรก นามสกุลสะกดผิด พอทำใหม่เราเลยเปลี่ยนให้ถูกต้อง แต่ชื่อสะกดเหมือนกันทั้งสองเล่ม)
พอบอกแบบนั้น จนท. สาว ก็เรียกให้ จนท. ผู้ชายดูดุๆ หน่อย พาเราเข้าไปในห้องเย็น ณ ตอนนั้นระหว่างทางเดินไป ก็มีแต่คนมองเรา ส่วนเรา คิดไว้แล้วว่าคงต้องเจอแน่ๆ เพราะทางตม. อาจมีฐานข้อมูลตอนมาเกาหลีครั้งแรก ในเมื่อชื่อเหมือนกัน แต่นามสกุลคนละแบบ และเมื่อเข้าไปในห้อง จนท. อีกคน ก็ถามเราแบบเดิมเหมือนกับคนก่อน
จนท. : เปลี่ยนชื่อกับนามสกุลหรือเปล่า? ได้เอาพาสปอร์ตเล่มเก่ามาไหม?
เรา : ยื่นพาสเล่มแรกให้ และชี้แจงว่าเปลี่ยนเพราะเหตุใด เหมือนกับที่ตอบไปตอนแรก ไม่ได้เป็นคนละคนกัน
จนท. : เอาพาสสองเล่มไปเทียบกัน พร้อมถามซ้ำสองรอบ สลับกับมองหน้าเรา
เรา : ตอบแบบเดิม เพราะมันคือความจริง
จนท. : มีตั๋วขากลับไหม?
เรา : มีค่ะ เอาตั๋วขากลับให้ดู
จนท. : มากลับใคร มากับทัวร์ หรือว่ามาเที่ยวเอง
เรา : มากับญาติ และมาเที่ยวเองค่ะ
จนท. : เงียบอยู่แป๊บหนึ่ง ก็บอกให้เราแสกนนิ้ว และถ่ายรูป เสร็จแล้วก็พาเราเดินออกมาส่งด้านนอก สรุป "ผ่านค่ะ"
แต่ ณ ตอนนั้น ถ้าไม่ผ่าน ก็จบสิ้นกัน เพราะจ่ายค่าที่พักไปแล้ว และที่สำคัญ ความฝันที่จะได้มาเที่ยวเกาหลี ก็ต้องสลายหายไปต่อหน้า ต่อตา ทั้งที่มาถึงแล้ว นอกจากนั้น ญาติเรา ที่ผ่านตม. มาก่อนแล้ว ก็ต้องไปเที่ยวคนเดียว ซึ่งก็คงจะไม่สนุก ยังไงซะ มาเกาหลี ก็อย่าลืมเตรียมหลักฐานมากันเหนียวนะคะ อีกอย่าง ภาษาด้วย เอาแค่สนทนาขั้นพื้นฐานได้ก็ยังดี เพราะถ้าตอบตะกุกตะกัก อาจมีผลให้เราไม่ผ่านได้ค่ะ
พ้นทุกข์ พ้นโศก ผ่านมาได้อย่างปลอดโปร่งแล้ว จากนี้ไป ก็ได้เวลาเดินทางไปสู่ "กรุงโซล" ตลอดเจ็ดวันที่นี่ เราจะไปไหนมาบ้าง ก็จะขอเล่าแบบคร่าวๆ ไม่ถึงกับเจาะลึก เผื่อมีคนสนใจ นำเอาไปเป็นแนวทาง ในการท่องเที่ยวเกาหลี ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้