สวัสดีค่ะ เราไปเที่ยวน่านเมื่อวันที่ 2-6 ธ.ค. 61 นี้ ตั้งกระทู้นี้เพื่ออยากจะแชร์ข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวทุกๆท่าน ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
ถ้าพร้อมแล้วไปแว้นขึ้นดอยไปพร้อมกันเลยค่า
ดอยเสมอดาว-เสาดินนาน้อย-อุทยานแห่งชาติขุนสถาน-เมืองน่าน-ฟาร์มเห็ดหัวน้ำ-วัดภูเก็ต-กาแฟบ้านไทลื้อ-พระธาตุเขาน้อย
Day 0 (2/12/18)
นั่งรถของสมบัติทัวร์ หมอชิต-น่าน 466 บาท ขอลงที่เวียงสาเพื่อจะไปดอยเสมอดาว
เราไปรอบ 20.45 ที่นั่งดี ปรับนอนได้ มีขนม+น้ำแจก ก่อนลงมีชงกาแฟร้อนมาให้
แวะพักรถที่ร้านแม่สุรีย์ จ.พิษณุโลก 20 นาที เราว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อยดี ปล.จะมีห้องสำหรับตั๋ว VIP แยก ห้องนั้นจะมีอาหารให้เลือกมากกว่า
Day 1 (3/12/18)
ถึงเวียงสาประมาณ 6.00 เราก็รีบโดดขึ้นรถสีเขียว เวียงสา-นาหมื่น-นาน้อย ค่ารถ 40 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
มีหมอกมาต้อนรับแต่เช้า อากาศหนาวดีค่ะ แต่แอบกังวลว่าจะขี่รถขึ้นดอยได้รึเปล่า
(2 รูปด้านล่างนี้ได้มาจากพี่วีระค่ะ)
ลงตรงข้ามธนาคารออมสิน สาขาน้อย เพื่อเอารถมอไซค์+เต้นท์ที่เช่าไว้กับร้านพี่วีระ ได้มาราคา 500 บาท + ค่ามัดจำรถ 1000 บาท
ใครอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรหาพี่วีระได้เลยค่ะ
ด้วยความหิวโหย เจอร้านข้าวขาหมูข้างๆ จานละ 40 บาท รสชาติอร่อยเลย
เนื่องจากเอาของมาเยอะ พี่เขาเลยบอกว่าฝากของที่ไม่จำเป็นเถอะ 5555555 เพราะนี่ต้องแบกถุงนอน+เต้นท์+กระเป๋าส่วนตัวขึ้นไปอีก แล้วก็แว้นขึ้นดอยเสมอต่อ 16 km
เมื่อถึงก็จ่ายค่าเข้าตรงทางขึ้นดอยกับให้ทางอุทยานศรีน่าน ค่ามอไซค์ 20 + 2 คน คนละ 20 = 60 บาท
เราจองพื้นที่กางเต้นท์จากทางออนไลน์มา 2 คน = 60 บาท เจ้าหน้าที่บอกว่าพื้นที่สำหรับออนไลน์อยู่ตรงหลังป้ายดอยเสมอดาว(ไม่ใช่ป้ายนี้นะคะ) แต่ถ้าไม่ชอบจะกางตรงไหนก็ได้
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการนอนดอยเสมอดาว
ในเว็ปนี้มีรายละเอียดจากทางอช.ศรีน่าน เช่น วันไหนเต็มแล้วบ้าง
https://web.facebook.com/Srinannationalpark/?_rdc=1&_rdr
เราแนะนำว่าถ้าวันไหนเต็ม ให้จองพื้นที่กางเต้นท์ออนไลน์ไปกันเหนียว แต่ถ้าใครอยาก walk in ควรไปช่วงเช้า-บ่าย เพราะถ้ามาเย็นเราว่าอาจจะเต็มนะคะ
จัดการกางเต้นท์เสร็จขี่มอไซค์ไปดูเสาดินนาน้อย-คอกเสือ พบว่าร้อนมากถึงมากที่สุด 555555
ดูเสร็จแวะไปดูร้านค้าเพราะหิวน้ำมาก และได้กระท้อนอบแห้งมา 3 กระปุก 100 บาท พึ่งเคยกินพบว่ากินเพลินดีค่ะ หมดไป 1 กระปุกละ ลองชิมก่อนซื้อได้ค่ะ พ่อค้าแม่ค้าน่ารักมากๆ (ภาพด้านล่างถ่ายจากวิวที่ขุนสถาน)
จากนั้นตัดสินใจขี่รถไปอช.ขุนสถาน 38 km ใช้เวลาประมาณชั่วโมง 1.30 แล้วเราก็พบว่า wave 125i เข็มไมล์ไม่กระดิก รถเริ่มจะอ่อนแรงรวมทั้งตัวเราและพี่ด้วย เพราะเส้นทางจะค่อยๆไต่ขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจไม่ขึ้นไปอช.ขุนสถานต่อทั้งที่อีก 300 เมตรเท่านั้น(เป็นทางชัน) แรงจะเดินก็ไม่มี 5555555
จึงตัดสินใจถ่ายรูปตรงจุดชมวิวข้างล่างแทน และแวะกินน้ำตรงร้านชาวบ้านแถวนั้นให้หายเหนื่อย เห็นวิวแล้วก็ยังชื่นใจอยู่ดี
ก่อนกลับแวะซื้อสตรอเบอร์รี่สักหน่อย พอแม่ค้าบอกลองไปเก็บเองที่ไร่ได้นะจ้ะ ได้ยินงี้แล้วสนุกเลยเรา
พี่เขาขายเป็นกล่อง 150 บาท แต่เราเก็บมาไม่ถึงปริมาณ พี่แกคิด 120 บาท เอาจริงราคาก็ถือว่าแพงเพราะเจออยู่ตลาดในเมืองกล่องละ 80 บาท แต่ส่วนตัวคิดว่าคุ้มค่า เพราะเป็นกิจกรรมที่สนุกดี มีวิวสวยๆให้ถ่ายรูปด้วย และถือว่ากระจายรายได้ให้แก่ชาวบ้านด้วยค่ะ
ได้พักมอไซค์สักพักใหญ่เลย ก็ขี่กลับดอยเสมอดาวต่อเลยค่ะ ตกเย็นหาอะไรกิน ซึ่งต้องเป็นหมูกระทะนั่นเอง !
จริงๆเราว่าเลือกกินร้านไหนก็ได้นะคะ พ่อค้าแม่ค้าที่นั่นน่ารักมาก เราเลือกกินร้านป้าพรสวรรค์ ป้าใจดีมากค่ะ บริการดีมากด้วย มีให้ชาร์จแบต ผักเติมไม่อั้นเราสั่งข้าวผัดกุ้ง ยำวุ้นเส้นรวมมิตร หมูกระทะ 1 ชุด = 500 บาท อาหารอร่อยดีค่ะ กินกัน 2 คน จุกมาก
ใครอยากสั่งหมูกระทะไปกินบนดอยสามารถทำได้นะคะ ติดต่อที่ร้านค้าหรือป้ายไวนิลที่มีเบอร์โทรแปะไว้อยู่บนดอยเสมอดาวแต่ทางดอยเสมอดาวเขาจัดพื้นที่ส่วนรวมให้กิน ไม่สามารถประกอบอาหารที่ใช้ไฟหน้าเต้นท์ได้ค่ะ
ป้าแนะนำที่อาบน้ำที่ไม่ใช่บนดอยซึ่งเป็นประโยชน์มากค่ะ อยู่หลังองค์พระเลยทางร้านค้าขึ้นไปหน่อย ห้องน้ำสะอาดใช้ได้ เพราะบนดอยคนต่อคิวอาบน้ำเยอะมากค่ะ แต่ตอนเราไปก็มีแค่เรากับพี่ แอบกลัวๆนิดนึง ขอแนะนำไว้เป็นทางเลือกให้ทุกคนค่ะ
ตกดึกก็มีคนขึ้นไปดูดาวตรงจุดชมวิวบ้าง ส่วนเราขอนอนเพราะเหนื่อย
แต่ปรากฏว่าเหมือนเป็นความโชคดี ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนตี 1 จึงได้เห็นว่าดาวสวยมาก เพราะทุกอย่างมันมืดและเห็นดาวชัดมากๆ เลยปลุกพี่ไปถ่ายรูปตรงจุดชมวิว ภาพเราถ่ายมาไม่สวยนักเพราะถ่ายดาวไม่เป็นหาวิธีอยู่นานจนถึงตีสองแต่ก็ได้แค่นี้จริงๆ อยากเชิญชวนทุกคนไปดูด้วยตาเองเลยนะคะ
Day 2 (4/12/18)
ตื่นมา 5.50 คนยืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นเต็มเลยค่ะ
เวลาประมาณ 6.30 พระอาทิตย์มาแล้วจ้า
ดูเสร็จรีบไปอาบน้ำที่ห้องน้ำหลังองค์พระ เก็บเต้นท์แล้วรีบแว้นลงดอยไปหวังให้ทันรถรอบ 8โมงครึ่ง กลับเวียงสา (พี่วีระบอกมีรอบ 8 ครึ่ง อีกรอบเกือบ 10 โมง) รถเขียวมาถึงประมาณ 8.24 เรากับพี่รีบวิ่งไปขึ้นรถ เกือบมาไม่ทันลุงแล้ว ค่ารถคนละ 40 บาท จากนั้นนั่งรถจากเวียงสาไปบขส.น่าน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่ารถคนละ 25 บาท
เราถึงน่านประมาณ 10 โมงติดต่อร้านเช่ารถมอไซค์ให้มารับที่บขส. เราเช่ากับร้าน Tono Car rent นะคะ วันละ 250 บาท (ขึ้นกับชนิดรถมอไซค์) ค่ามัดจำ 1000 บาท
เมืองน่าน
พอได้รถก็ขี่ไปกินข้าวซอยร้านดัง ข้าวซอยต้นน้ำ สั่งข้าวซอยเนื้อพิเศษ + น้ำเงี้ยวพิเศษ + นมชมพูเย็น + น้ำแดงมะนาว = 170 บาท
ส่วนตัวคิดว่าปริมาณน้อย ส่วนรสชาติเราไม่เคยกินทั้ง 2 เมนูมาก่อน ไม่รู้ว่าแบบไหนเรียกอร่อย ไม่รู้สึกว้าวอะไร แต่เนื้อเปื่อยพอดี
จากนั้นมุ่งหน้าไปโรงแรมเพื่อ check in เก็บของ เราพักที่ศรีนวล ลอดจ์ ที่พักตกแต่งน่ารัก สไตล์เหนือๆ ราคา 880 รวมข้าวเช้า
เขาให้ check in 14.00 แต่เราไปถึงก่อนแต่เขาก็ให้เข้าพักนะคะแต่ต้องรอแม่บ้านเก็บห้อง ห้องพักรู้สึกว่าไม่ค่อยเก็บเสียง ได้ยินเสียงคนคุยกันบ้าง แต่รวมๆก็โอเคค่ะ
เก็บของเสร็จเราไปดู Ralph breaks the internet ที่บิ๊กซีน่าน รอบ 13.30 เพราะค่าตั๋วหนังถูกกว่ากทม. อิอิ
ดูหนังเสร็จไปกินของหวานร้านของหวานป้านิ่ม สั่งไอติมบัวลอยราคา 60 บาท เราชอบแป้งบัวลอยป้า + ไอติมก็ไม่หวานเกินไป
จากนั้นก็ไปแวะไปวัดภูมินทร์ + ถ่ายรูปกับซุ้มลีลาวดีที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
ตกเย็นเริ่มหิวไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารกิน (Gin restaurant)
เราสั่งผัดผักรวม กุ้งทอดพริกเกลือ แกงปูใบชะพลู ข้าวเปล่า 2 น้ำมะพร้าว= 610 บาท
รู้สึกว่าอาหารติดหวาน แอบผิดหวังนิดๆ นั่งกินไปสักพักลูกค้าเริ่มมา มีแต่คนสั่งอาหารฝรั่งทั้งนั้น รู้สึกพลาด ใครไปลองสั่งอาหารฝรั่งหรือใครที่เคยไปกินมาบอกหน่อยนะคะว่าอร่อยมั้ย
กินเสร็จกลับไปนอนย่อยที่ห้องพัก (ไม่น่าจะย่อยนะ 55555555) แต่อยากพักร่างบ้างเท่านั้นเอง
ประมาณ 19.30 ออกไปนั่งเล่นคาเฟ่ชื่อ สุดกองดีติดริมน้ำและที่พิเศษคือเราไปช่วง Nan craft fest 2018 (ไม่แน่ใจชื่อ) พอดี เป็นงานจัดเล็กๆ มีงานทำมือต่างๆเช่น เสื้อ พวงกุญแจ แคคตัส บรรยากาศร้านน่านั่งมาก แอบมี Art gallery โชว์ด้วย
เราสั่ง ชีสพายเสาวรส (อร่อยมาก เราชอบรสเปรี้ยวของเสาวรสตัดความเลี่ยนของชีสพายได้ดี) + Ice Cherri Berryair (เป็นผลไม้แช่เป็นก้อนน้ำแข็ง+น้ำหวานรสเชอร์รี่+โซดา สั่งมาเพื่อถ่ายรูปจริงๆอันดี 55555555 )= 190 บาท
ขาจะกลับไปที่พักแอบเจอตลาด/ถนนคนเดินข้างๆวัดหัวเวียงใต้ มีทุกวันจันทร์-อังคาร เริ่มประมาณ 4-5 โมงเย็น ถึงประมาณ 3 ทุ่ม มีอาหาร มีเสื้อผ้าขาย มีบริเวณให้กินข้าวแบบขันโตะ
Day 3 ต่อข้างล่างนะคะ
แอ่วน่านนคร 3 วัน 2 คืน โดยรถมอไซค์ (ดอยเสมอดาว-เมืองน่าน-ปัว)
Day 0 (2/12/18)
นั่งรถของสมบัติทัวร์ หมอชิต-น่าน 466 บาท ขอลงที่เวียงสาเพื่อจะไปดอยเสมอดาว
เราไปรอบ 20.45 ที่นั่งดี ปรับนอนได้ มีขนม+น้ำแจก ก่อนลงมีชงกาแฟร้อนมาให้
แวะพักรถที่ร้านแม่สุรีย์ จ.พิษณุโลก 20 นาที เราว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อยดี ปล.จะมีห้องสำหรับตั๋ว VIP แยก ห้องนั้นจะมีอาหารให้เลือกมากกว่า
Day 1 (3/12/18)
ถึงเวียงสาประมาณ 6.00 เราก็รีบโดดขึ้นรถสีเขียว เวียงสา-นาหมื่น-นาน้อย ค่ารถ 40 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
(2 รูปด้านล่างนี้ได้มาจากพี่วีระค่ะ)
ลงตรงข้ามธนาคารออมสิน สาขาน้อย เพื่อเอารถมอไซค์+เต้นท์ที่เช่าไว้กับร้านพี่วีระ ได้มาราคา 500 บาท + ค่ามัดจำรถ 1000 บาท
ใครอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรหาพี่วีระได้เลยค่ะ
เนื่องจากเอาของมาเยอะ พี่เขาเลยบอกว่าฝากของที่ไม่จำเป็นเถอะ 5555555 เพราะนี่ต้องแบกถุงนอน+เต้นท์+กระเป๋าส่วนตัวขึ้นไปอีก แล้วก็แว้นขึ้นดอยเสมอต่อ 16 km
เมื่อถึงก็จ่ายค่าเข้าตรงทางขึ้นดอยกับให้ทางอุทยานศรีน่าน ค่ามอไซค์ 20 + 2 คน คนละ 20 = 60 บาท
เราจองพื้นที่กางเต้นท์จากทางออนไลน์มา 2 คน = 60 บาท เจ้าหน้าที่บอกว่าพื้นที่สำหรับออนไลน์อยู่ตรงหลังป้ายดอยเสมอดาว(ไม่ใช่ป้ายนี้นะคะ) แต่ถ้าไม่ชอบจะกางตรงไหนก็ได้
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการนอนดอยเสมอดาว
ในเว็ปนี้มีรายละเอียดจากทางอช.ศรีน่าน เช่น วันไหนเต็มแล้วบ้าง https://web.facebook.com/Srinannationalpark/?_rdc=1&_rdr
เราแนะนำว่าถ้าวันไหนเต็ม ให้จองพื้นที่กางเต้นท์ออนไลน์ไปกันเหนียว แต่ถ้าใครอยาก walk in ควรไปช่วงเช้า-บ่าย เพราะถ้ามาเย็นเราว่าอาจจะเต็มนะคะ
ดูเสร็จแวะไปดูร้านค้าเพราะหิวน้ำมาก และได้กระท้อนอบแห้งมา 3 กระปุก 100 บาท พึ่งเคยกินพบว่ากินเพลินดีค่ะ หมดไป 1 กระปุกละ ลองชิมก่อนซื้อได้ค่ะ พ่อค้าแม่ค้าน่ารักมากๆ (ภาพด้านล่างถ่ายจากวิวที่ขุนสถาน)
จากนั้นตัดสินใจขี่รถไปอช.ขุนสถาน 38 km ใช้เวลาประมาณชั่วโมง 1.30 แล้วเราก็พบว่า wave 125i เข็มไมล์ไม่กระดิก รถเริ่มจะอ่อนแรงรวมทั้งตัวเราและพี่ด้วย เพราะเส้นทางจะค่อยๆไต่ขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจไม่ขึ้นไปอช.ขุนสถานต่อทั้งที่อีก 300 เมตรเท่านั้น(เป็นทางชัน) แรงจะเดินก็ไม่มี 5555555
พี่เขาขายเป็นกล่อง 150 บาท แต่เราเก็บมาไม่ถึงปริมาณ พี่แกคิด 120 บาท เอาจริงราคาก็ถือว่าแพงเพราะเจออยู่ตลาดในเมืองกล่องละ 80 บาท แต่ส่วนตัวคิดว่าคุ้มค่า เพราะเป็นกิจกรรมที่สนุกดี มีวิวสวยๆให้ถ่ายรูปด้วย และถือว่ากระจายรายได้ให้แก่ชาวบ้านด้วยค่ะ
ได้พักมอไซค์สักพักใหญ่เลย ก็ขี่กลับดอยเสมอดาวต่อเลยค่ะ ตกเย็นหาอะไรกิน ซึ่งต้องเป็นหมูกระทะนั่นเอง !
จริงๆเราว่าเลือกกินร้านไหนก็ได้นะคะ พ่อค้าแม่ค้าที่นั่นน่ารักมาก เราเลือกกินร้านป้าพรสวรรค์ ป้าใจดีมากค่ะ บริการดีมากด้วย มีให้ชาร์จแบต ผักเติมไม่อั้นเราสั่งข้าวผัดกุ้ง ยำวุ้นเส้นรวมมิตร หมูกระทะ 1 ชุด = 500 บาท อาหารอร่อยดีค่ะ กินกัน 2 คน จุกมาก
ใครอยากสั่งหมูกระทะไปกินบนดอยสามารถทำได้นะคะ ติดต่อที่ร้านค้าหรือป้ายไวนิลที่มีเบอร์โทรแปะไว้อยู่บนดอยเสมอดาวแต่ทางดอยเสมอดาวเขาจัดพื้นที่ส่วนรวมให้กิน ไม่สามารถประกอบอาหารที่ใช้ไฟหน้าเต้นท์ได้ค่ะ
ป้าแนะนำที่อาบน้ำที่ไม่ใช่บนดอยซึ่งเป็นประโยชน์มากค่ะ อยู่หลังองค์พระเลยทางร้านค้าขึ้นไปหน่อย ห้องน้ำสะอาดใช้ได้ เพราะบนดอยคนต่อคิวอาบน้ำเยอะมากค่ะ แต่ตอนเราไปก็มีแค่เรากับพี่ แอบกลัวๆนิดนึง ขอแนะนำไว้เป็นทางเลือกให้ทุกคนค่ะ
ตกดึกก็มีคนขึ้นไปดูดาวตรงจุดชมวิวบ้าง ส่วนเราขอนอนเพราะเหนื่อย
แต่ปรากฏว่าเหมือนเป็นความโชคดี ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนตี 1 จึงได้เห็นว่าดาวสวยมาก เพราะทุกอย่างมันมืดและเห็นดาวชัดมากๆ เลยปลุกพี่ไปถ่ายรูปตรงจุดชมวิว ภาพเราถ่ายมาไม่สวยนักเพราะถ่ายดาวไม่เป็นหาวิธีอยู่นานจนถึงตีสองแต่ก็ได้แค่นี้จริงๆ อยากเชิญชวนทุกคนไปดูด้วยตาเองเลยนะคะ
Day 2 (4/12/18)
เวลาประมาณ 6.30 พระอาทิตย์มาแล้วจ้า
ดูเสร็จรีบไปอาบน้ำที่ห้องน้ำหลังองค์พระ เก็บเต้นท์แล้วรีบแว้นลงดอยไปหวังให้ทันรถรอบ 8โมงครึ่ง กลับเวียงสา (พี่วีระบอกมีรอบ 8 ครึ่ง อีกรอบเกือบ 10 โมง) รถเขียวมาถึงประมาณ 8.24 เรากับพี่รีบวิ่งไปขึ้นรถ เกือบมาไม่ทันลุงแล้ว ค่ารถคนละ 40 บาท จากนั้นนั่งรถจากเวียงสาไปบขส.น่าน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่ารถคนละ 25 บาท
เราถึงน่านประมาณ 10 โมงติดต่อร้านเช่ารถมอไซค์ให้มารับที่บขส. เราเช่ากับร้าน Tono Car rent นะคะ วันละ 250 บาท (ขึ้นกับชนิดรถมอไซค์) ค่ามัดจำ 1000 บาท
เมืองน่าน
พอได้รถก็ขี่ไปกินข้าวซอยร้านดัง ข้าวซอยต้นน้ำ สั่งข้าวซอยเนื้อพิเศษ + น้ำเงี้ยวพิเศษ + นมชมพูเย็น + น้ำแดงมะนาว = 170 บาท
ส่วนตัวคิดว่าปริมาณน้อย ส่วนรสชาติเราไม่เคยกินทั้ง 2 เมนูมาก่อน ไม่รู้ว่าแบบไหนเรียกอร่อย ไม่รู้สึกว้าวอะไร แต่เนื้อเปื่อยพอดี
จากนั้นมุ่งหน้าไปโรงแรมเพื่อ check in เก็บของ เราพักที่ศรีนวล ลอดจ์ ที่พักตกแต่งน่ารัก สไตล์เหนือๆ ราคา 880 รวมข้าวเช้า
เขาให้ check in 14.00 แต่เราไปถึงก่อนแต่เขาก็ให้เข้าพักนะคะแต่ต้องรอแม่บ้านเก็บห้อง ห้องพักรู้สึกว่าไม่ค่อยเก็บเสียง ได้ยินเสียงคนคุยกันบ้าง แต่รวมๆก็โอเคค่ะ
เก็บของเสร็จเราไปดู Ralph breaks the internet ที่บิ๊กซีน่าน รอบ 13.30 เพราะค่าตั๋วหนังถูกกว่ากทม. อิอิ
ดูหนังเสร็จไปกินของหวานร้านของหวานป้านิ่ม สั่งไอติมบัวลอยราคา 60 บาท เราชอบแป้งบัวลอยป้า + ไอติมก็ไม่หวานเกินไป
จากนั้นก็ไปแวะไปวัดภูมินทร์ + ถ่ายรูปกับซุ้มลีลาวดีที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
ตกเย็นเริ่มหิวไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารกิน (Gin restaurant)
เราสั่งผัดผักรวม กุ้งทอดพริกเกลือ แกงปูใบชะพลู ข้าวเปล่า 2 น้ำมะพร้าว= 610 บาท
รู้สึกว่าอาหารติดหวาน แอบผิดหวังนิดๆ นั่งกินไปสักพักลูกค้าเริ่มมา มีแต่คนสั่งอาหารฝรั่งทั้งนั้น รู้สึกพลาด ใครไปลองสั่งอาหารฝรั่งหรือใครที่เคยไปกินมาบอกหน่อยนะคะว่าอร่อยมั้ย
กินเสร็จกลับไปนอนย่อยที่ห้องพัก (ไม่น่าจะย่อยนะ 55555555) แต่อยากพักร่างบ้างเท่านั้นเอง
ประมาณ 19.30 ออกไปนั่งเล่นคาเฟ่ชื่อ สุดกองดีติดริมน้ำและที่พิเศษคือเราไปช่วง Nan craft fest 2018 (ไม่แน่ใจชื่อ) พอดี เป็นงานจัดเล็กๆ มีงานทำมือต่างๆเช่น เสื้อ พวงกุญแจ แคคตัส บรรยากาศร้านน่านั่งมาก แอบมี Art gallery โชว์ด้วย
เราสั่ง ชีสพายเสาวรส (อร่อยมาก เราชอบรสเปรี้ยวของเสาวรสตัดความเลี่ยนของชีสพายได้ดี) + Ice Cherri Berryair (เป็นผลไม้แช่เป็นก้อนน้ำแข็ง+น้ำหวานรสเชอร์รี่+โซดา สั่งมาเพื่อถ่ายรูปจริงๆอันดี 55555555 )= 190 บาท
ขาจะกลับไปที่พักแอบเจอตลาด/ถนนคนเดินข้างๆวัดหัวเวียงใต้ มีทุกวันจันทร์-อังคาร เริ่มประมาณ 4-5 โมงเย็น ถึงประมาณ 3 ทุ่ม มีอาหาร มีเสื้อผ้าขาย มีบริเวณให้กินข้าวแบบขันโตะ
Day 3 ต่อข้างล่างนะคะ