เช้านี้ได้ข่าวด่วนมาว่าช่อง3 เลิกจ้างพนักงานออกประมาณ 100 คน โดยจ่ายเงินชดเชยให้ 10 เดือน และค่าตกใจ 2 เดือน โดยน่าตกใจกว่านั้นคือพนักงานที่ออกส่วนใหญ่อายุอยู่ที่ 40-50 ปี และเป็นฝ่ายข่าว นั่นคือแสดงว่าช่องสามเองอาจจะกำลังปรับกลยุทธ์หรือต้องการลดรายจ่าย เพราะว่าผลประกอบการณ์ก็ลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัญหาโฆษณาไม่เข้า เรตติ้งตกด้วย คือเอาจริงๆ ในยุคดิจิตอล กับการที่ช่อง3 ไปประมูลช่องเข้ามาถึง 3 ช่อง ด้วยเม็ดเงินมหาศาล แต่คอนเทนท์แทบไม่มีอะไรใหม่ นอกจากละครรีรันวนไปวนมา และยุคสมัยกับพฤติกรรมคนดูที่เปลี่ยนไป ช่องสามอาจจะเป็นทีวีช่องใหญ่ช่องแรกที่ได้รับผลกระทบ แต่เชื่อเถอะ ถ้าช่องอื่นไม่ปรับตัว ผมว่าโดนกวาดลงทะเลหมดแน่ๆ
.
ผมว่าเรตติ้งทีวีทุกวันนี้มันหายไปเยอะนะครับ ตัวเลขน้อยลงมาก ทุกช่องได้รับผลกระทบหมด สมัยก่อนคนเราอาจจะดูทีวีกันเกือบทุกบ้าน เพราะเราไม่มีสื่ออะไรให้เลือกมากนัก แต่ด้วยอินเตอร์เนตความเร็วสูง การดูคลิปที่ใช้เนตไม่ต้องแรงมาก มันก็สามารถดูละคร ดูหนัง ดูสารพัดรายการได้อย่างสบายๆ การรอดูละครออนแอร์ไม่ใช่กิจกรรมที่น่าสนใจแบบแต่ก่อนแล้ว สมัยก่อนอาจจะเจอปรากฏการณ์ถนนโล่งวันละครอวสาน แต่สมัยนี้ไม่กระทบเลย เพราะทุกคนยอมรอดูย้อนหลังแบบไม่มีโฆษณา ทุกคนมีสิ่งบันเทิงอย่างอื่นให้เลือกดู Line TV , Netflix ตลอดจน Youtube หรือแม้แต่การเข้าคอมมูนิตี้ในโซียลอย่าง Facebook Twitter มันยังน่าสนใจมากกว่าเกาะขอบจอทีวีรอดูละครหลังข่าว พร้อมกับต้องเสพโฆษณาไปด้วย ผมคนนึงล่ะ ไม่เคยสนใจดูละครออนแอร์เลย ผู้จัดเองก็ทำตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากออกมาอ้อนแฟนละครว่าให้ดูออนแอร์เป็นกำลังใจคนทำ ละครโทรทัศน์นะไม่ใช่ละครโทรศัพท์ โน!! คนดูเลือกได้ เค้าเลือกช่องทางการรับชมที่สะดวกที่สุด และละครเองก็ไม่ได้ว่าจะแข่งกันเองแบบแต่ก่อนอย่างละครหลังข่าวสู้กับละครหลังข่าวนะ ละครหลังข่าวเองก็ยังต้องสู้กับซีรีย์เนตฟลิกซ์ที่มันพร้อมให้คนดูอีกเป็นพันๆเรื่องตลอด24 หรือ The Voice เองก็ไม่ได้สู้กับรายการไทยช่องอื่นนะ ดีไม่ดีอาจจะต้อสู้กับ The Voice อเมริกา สู้กับ X Factor เมืองนอกนะ ถ้าใครดู The Voice เมืองนอกจะรู้ว่า The Voice หรือ TGT ของไทยเราสู้อะไรฝรั่งไม่ได้จริงๆ
.
ช่องสามเองขายดารา ขายคู่จิ้นมาตลอด ละครทีวีนี่แทบจะไม่ได้เน้นคุณภาพแบบสมัยก่อนแล้ว สมัยก่อนนี่ละครช่องสามเปิดดูยังโอเค ยังสนุก แต่สมัยนี้ ละครช่องสามมันไม่ได้สนุกแบบแต่ก่อนเลย ที่มันมีปรากฏการณ์ปีนี้คือ บุพเพสันนิวาส แต่แปลกมาก มันมาแล้วมันก็ไป แบบหายไปจริงๆ กระแสหายไปในเวลารวดเร็วแบบไม่น่าเชื่อ ละครช่องสามระยะหลังแทบไม่เน้นคุณภาพเลย เน้นแต่คู่จิ้น อย่าบอกนะว่าช่องสามกวาดรางวัลเพราะคุณภาพ ถ้าใครติดตามมาตลอดจะรู้ว่ารางวัลต่างๆของบ้านเราสมัยนี้แทบไม่การันตีคุณภาพของละครที่แท้จริงตรงไหนเลย โดยเฉพาะของช่องสาม
.
ซีรีย์ฝรั่ง เกาหลี ที่ฉายผ่านสตรีมมิ่งอย่าง Netflix หรือ Viu น่าสนใจกว่า สนุกกว่า ลงทุนมากกว่า และมีคุณภาพมากกว่าละครไทยเยอะครับ ในเมื่อคอนเทนท์มันมาเคาะเรียกหน้าบ้านขนาดนี้ เค้าจะดูละครไทยกันไปทำไม เอาจริงๆช่อง7 นี่ยังแค่พออยูได้แบบประคองๆนะ เพราะฐานคนดูเค้าแน่น แต่ในระยะยาวก็ไม่แน่ หลายๆเรื่องของปีนี้ช่องOne เองก็ชนะช่องสามแล้ว และเค้าปรับตัวให้ทันสมัยตอลดเวลา หรืออย่างช่อง GMM ก็พัฒนาคอนเทนท์ตลอด ในอนาคตก็อาจจะขึ้นมาได้บ้างแหละ ยกตัวอย่าง เลือดข้นคนจาง เรตติ้งอาจจะไม่ดี แต่ของทุกอย่างสู้กันด้วยคุณภาพ ระยะยาวน่าจะยั่งยืนกว่าการขายคู่จิ้นอยู่ดี
.
ส่วนรายการข่าวนี่บอกเลย สมัยนี้คนเลือกเสพผ่านโซเชียล ผ่านสำนักข่าวในโซเชียล ที่มีคนสรุปมีคนเขียนสกู๊ปมาให้อ่าน เค้าตามในโซเชียลก็ยังไวกว่าตามในทีวี นี่ยังไม่นับรายการสารพัดวาไรตี้ ที่ไปซื้อมาจากเมืองนอกเมืองนา คนส่วนมากเค้าดูของแท้ของต้นฉบับกันหมดแล้ว
ทีวีไทยคงต้องทำการบ้านกันอีกอย่างเหนื่อยมากกก เห็นใจครับ และก็ขอให้กำลังใจคนที่ต้องออกมาหางานในยุคนี้ มันเหนื่อยมากจริงๆ สัจธรรมที่ต้องพึงระลึกคือ โลกนี้มันไม่มีอะไรยั่งยืนมันไม่มีอะไรที่เป็นของเราสักอย่าง รวมถึงชื่อเสีนยงและความนิยมด้วย อนาคตไม่ใช่ว่าจะมีแค่ช่องสามนะ สถานีเรตติ้งอันดับ1อย่างช่องเจ็ดเองก็ไม่ได้ว่าจะอยู่สบายนะ คนต่างจังหวัด บ้านช่องคนธรรมดาร้านรวง เค้าเปิดช่องโมโน ดูหนังฝรั่งกันทั้งวันนะ ละครไทย รายการไทย อย่าคิดว่าคนดูคนไทยเป็นหมูในอวย อนาคตเค้าเลือกคอนเทนท์ดูได้ทั่วโลก รายการไทยละครไทยนี่แหละจะตาย
เลือกดูทีวีเลือกดูรายการต่างๆ ตามจริตและความชอบนะครับ นี่คือช่วงเวลาของคนดูที่เลือกได้ครับ
ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2211401265742461&id=1532657213616873
ช่อง3 จะไปต่อยังไงดี? BY อวยใส้แตก แหกใส้ฉีก
เช้านี้ได้ข่าวด่วนมาว่าช่อง3 เลิกจ้างพนักงานออกประมาณ 100 คน โดยจ่ายเงินชดเชยให้ 10 เดือน และค่าตกใจ 2 เดือน โดยน่าตกใจกว่านั้นคือพนักงานที่ออกส่วนใหญ่อายุอยู่ที่ 40-50 ปี และเป็นฝ่ายข่าว นั่นคือแสดงว่าช่องสามเองอาจจะกำลังปรับกลยุทธ์หรือต้องการลดรายจ่าย เพราะว่าผลประกอบการณ์ก็ลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัญหาโฆษณาไม่เข้า เรตติ้งตกด้วย คือเอาจริงๆ ในยุคดิจิตอล กับการที่ช่อง3 ไปประมูลช่องเข้ามาถึง 3 ช่อง ด้วยเม็ดเงินมหาศาล แต่คอนเทนท์แทบไม่มีอะไรใหม่ นอกจากละครรีรันวนไปวนมา และยุคสมัยกับพฤติกรรมคนดูที่เปลี่ยนไป ช่องสามอาจจะเป็นทีวีช่องใหญ่ช่องแรกที่ได้รับผลกระทบ แต่เชื่อเถอะ ถ้าช่องอื่นไม่ปรับตัว ผมว่าโดนกวาดลงทะเลหมดแน่ๆ
.
ผมว่าเรตติ้งทีวีทุกวันนี้มันหายไปเยอะนะครับ ตัวเลขน้อยลงมาก ทุกช่องได้รับผลกระทบหมด สมัยก่อนคนเราอาจจะดูทีวีกันเกือบทุกบ้าน เพราะเราไม่มีสื่ออะไรให้เลือกมากนัก แต่ด้วยอินเตอร์เนตความเร็วสูง การดูคลิปที่ใช้เนตไม่ต้องแรงมาก มันก็สามารถดูละคร ดูหนัง ดูสารพัดรายการได้อย่างสบายๆ การรอดูละครออนแอร์ไม่ใช่กิจกรรมที่น่าสนใจแบบแต่ก่อนแล้ว สมัยก่อนอาจจะเจอปรากฏการณ์ถนนโล่งวันละครอวสาน แต่สมัยนี้ไม่กระทบเลย เพราะทุกคนยอมรอดูย้อนหลังแบบไม่มีโฆษณา ทุกคนมีสิ่งบันเทิงอย่างอื่นให้เลือกดู Line TV , Netflix ตลอดจน Youtube หรือแม้แต่การเข้าคอมมูนิตี้ในโซียลอย่าง Facebook Twitter มันยังน่าสนใจมากกว่าเกาะขอบจอทีวีรอดูละครหลังข่าว พร้อมกับต้องเสพโฆษณาไปด้วย ผมคนนึงล่ะ ไม่เคยสนใจดูละครออนแอร์เลย ผู้จัดเองก็ทำตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากออกมาอ้อนแฟนละครว่าให้ดูออนแอร์เป็นกำลังใจคนทำ ละครโทรทัศน์นะไม่ใช่ละครโทรศัพท์ โน!! คนดูเลือกได้ เค้าเลือกช่องทางการรับชมที่สะดวกที่สุด และละครเองก็ไม่ได้ว่าจะแข่งกันเองแบบแต่ก่อนอย่างละครหลังข่าวสู้กับละครหลังข่าวนะ ละครหลังข่าวเองก็ยังต้องสู้กับซีรีย์เนตฟลิกซ์ที่มันพร้อมให้คนดูอีกเป็นพันๆเรื่องตลอด24 หรือ The Voice เองก็ไม่ได้สู้กับรายการไทยช่องอื่นนะ ดีไม่ดีอาจจะต้อสู้กับ The Voice อเมริกา สู้กับ X Factor เมืองนอกนะ ถ้าใครดู The Voice เมืองนอกจะรู้ว่า The Voice หรือ TGT ของไทยเราสู้อะไรฝรั่งไม่ได้จริงๆ
.
ช่องสามเองขายดารา ขายคู่จิ้นมาตลอด ละครทีวีนี่แทบจะไม่ได้เน้นคุณภาพแบบสมัยก่อนแล้ว สมัยก่อนนี่ละครช่องสามเปิดดูยังโอเค ยังสนุก แต่สมัยนี้ ละครช่องสามมันไม่ได้สนุกแบบแต่ก่อนเลย ที่มันมีปรากฏการณ์ปีนี้คือ บุพเพสันนิวาส แต่แปลกมาก มันมาแล้วมันก็ไป แบบหายไปจริงๆ กระแสหายไปในเวลารวดเร็วแบบไม่น่าเชื่อ ละครช่องสามระยะหลังแทบไม่เน้นคุณภาพเลย เน้นแต่คู่จิ้น อย่าบอกนะว่าช่องสามกวาดรางวัลเพราะคุณภาพ ถ้าใครติดตามมาตลอดจะรู้ว่ารางวัลต่างๆของบ้านเราสมัยนี้แทบไม่การันตีคุณภาพของละครที่แท้จริงตรงไหนเลย โดยเฉพาะของช่องสาม
.
ซีรีย์ฝรั่ง เกาหลี ที่ฉายผ่านสตรีมมิ่งอย่าง Netflix หรือ Viu น่าสนใจกว่า สนุกกว่า ลงทุนมากกว่า และมีคุณภาพมากกว่าละครไทยเยอะครับ ในเมื่อคอนเทนท์มันมาเคาะเรียกหน้าบ้านขนาดนี้ เค้าจะดูละครไทยกันไปทำไม เอาจริงๆช่อง7 นี่ยังแค่พออยูได้แบบประคองๆนะ เพราะฐานคนดูเค้าแน่น แต่ในระยะยาวก็ไม่แน่ หลายๆเรื่องของปีนี้ช่องOne เองก็ชนะช่องสามแล้ว และเค้าปรับตัวให้ทันสมัยตอลดเวลา หรืออย่างช่อง GMM ก็พัฒนาคอนเทนท์ตลอด ในอนาคตก็อาจจะขึ้นมาได้บ้างแหละ ยกตัวอย่าง เลือดข้นคนจาง เรตติ้งอาจจะไม่ดี แต่ของทุกอย่างสู้กันด้วยคุณภาพ ระยะยาวน่าจะยั่งยืนกว่าการขายคู่จิ้นอยู่ดี
.
ส่วนรายการข่าวนี่บอกเลย สมัยนี้คนเลือกเสพผ่านโซเชียล ผ่านสำนักข่าวในโซเชียล ที่มีคนสรุปมีคนเขียนสกู๊ปมาให้อ่าน เค้าตามในโซเชียลก็ยังไวกว่าตามในทีวี นี่ยังไม่นับรายการสารพัดวาไรตี้ ที่ไปซื้อมาจากเมืองนอกเมืองนา คนส่วนมากเค้าดูของแท้ของต้นฉบับกันหมดแล้ว
ทีวีไทยคงต้องทำการบ้านกันอีกอย่างเหนื่อยมากกก เห็นใจครับ และก็ขอให้กำลังใจคนที่ต้องออกมาหางานในยุคนี้ มันเหนื่อยมากจริงๆ สัจธรรมที่ต้องพึงระลึกคือ โลกนี้มันไม่มีอะไรยั่งยืนมันไม่มีอะไรที่เป็นของเราสักอย่าง รวมถึงชื่อเสีนยงและความนิยมด้วย อนาคตไม่ใช่ว่าจะมีแค่ช่องสามนะ สถานีเรตติ้งอันดับ1อย่างช่องเจ็ดเองก็ไม่ได้ว่าจะอยู่สบายนะ คนต่างจังหวัด บ้านช่องคนธรรมดาร้านรวง เค้าเปิดช่องโมโน ดูหนังฝรั่งกันทั้งวันนะ ละครไทย รายการไทย อย่าคิดว่าคนดูคนไทยเป็นหมูในอวย อนาคตเค้าเลือกคอนเทนท์ดูได้ทั่วโลก รายการไทยละครไทยนี่แหละจะตาย
เลือกดูทีวีเลือกดูรายการต่างๆ ตามจริตและความชอบนะครับ นี่คือช่วงเวลาของคนดูที่เลือกได้ครับ
ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2211401265742461&id=1532657213616873