คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่ทราบว่าพอมีกำลังซื้อเครื่องเจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดได้หรือเปล่าครับ กินแล้วเจาะดูจะทราบทันทีเลยว่า ยาใช้การได้หรือไม่ ส่วนในด้านการแพทย์ผมไม่ทราบเลยอ่ะครับ อาศัยมีประสบการณ์จากการดูแลผู้ป่วยเบาหวานมาหลายคน ส่วนอาการภายนอกก็บ่งบอกได้ถึงภาวะน้ำตาลในเลือดสูงแต่ไม่ร้อยเปอร์เซนต์อ่ะครับ แต่เท่าที่ทราบการควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดไม่ได้เกิดที่ Islets of Lankerhan ที่เดียวครับ มีกลไกอื่นด้วย ส่วนยาแล้วแต่กลไกทางเคมีของยาแต่ละตัวนะครับว่าจะออกฤทธิ์อย่างไร เท่าที่เคยอ่าน(แบบคนเรียนแค่วิทยาศาสตร์อ่ะครับ) ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเป็นตัวแปรนะครับ เพราะไม่ใช่ตับอ่อนอวัยวะเดียวที่ควบคุมตรงนี้ อย่างไรก็ดีพวกกลไกหรือการวินิจฉัยโรคแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ครับ หรือเจาะเบาหวานตามร้านเจาะเลือดก็มีนะครับ ราคาไม่แพง ถ้าจะให้ผมเดาคุณหมอคงคิดว่า ระดับน้ำตาลที่ลดไม่ได้เป็นผลจากการฉีดอินซูลินอย่างเดียว แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาอ่ะครับ อยากทราบข้อเท็จจริง ผมว่าดูจากผลเลือดดีที่สุดซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องรอไปโรงพยาบาลครับ ใครๆก็เจาะได้ครับ แต่ถ้าถามผมผมคิดว่าถ้าเป็นเบาหวานชนิดที่หนึ่งจริงช็อคน้ำตาลสูงไปนานแล้วนะครับ แต่โรคเฉียบพลันรักษาแล้วก็ต้องหายสิ่ครับ อวัยวะก็ต้องกลับมาฟังก์ชั่นเหมือนเดิม ทำไมคิดว่าตับอ่อนจะไม่ทำงานอ่ะครับ
แสดงความคิดเห็น
กังวลเรื่องโรคเบาหวานของคุณพ่อ ไปพบแพทย์ก่อนกำหนดนัดดีไหมคะ
พ่อของเราเพิ่งตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวานเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาค่ะ ก่อนหน้านี้เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบอยู่ก่อนแล้ว อาการก่อนเข้าโรคพยาบาลคือ กระหายน้ำผิดปกติ ฉี่บ่อย หายใจเป็นกลิ่นผลไม้บูด ไม่มีแรง อาเจียน มีภาวะช็อคจนต้องส่งโรงพยาบาล น้ำตาลอยู่ที่ 397 หลังจากออกจากโรงพยาบาล ต้องฉีดอินซูลินเช้า เย็น ครึ่งชั่วโมงก่อนมื้ออาหารทุก ๆ วัน
เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์ ก็ถึงนัดของคุณหมอโรคหัวใจค่ะ แต่ด้วยความที่รักษาในโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัดมีคนไข้เป็นจำนวนมาก(ตรงนี้เข้าใจและเห็นใจโรงพยาบาล) โรคเบาหวานจึงถูกตรวจรวมกับโรคหัวใจ โดยคุณหมอที่รักษาโรคหัวใจอยู่ก่อน ทำให้ไม่ได้เจาะเบาหวาน (อาจจะเพือความรวดเร็วของโรงพยาบาล) ซึ่งคุณหมอให้ลองปรับเป็นรับประทานยากินควบคู่กับการฉีดอินซูลินเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ผ่านไปหนึ่งเดือน กลับมาตรวจอีกครั้งพบว่าน้ำตาลคุณพ่อลดเหลือ 130 ครั้งนี้คุณหมอจึงให้ลองหยุดฉีดอินซูลิน แล้วเปลี่ยนเป็นรับประทานยากินอย่างเดียว เป็นเวลา1เดือน เพื่อดูว่าจะคุมน้ำตาลได้มั้ย
ตรงนี้ทำให้เรากังวลมาก ๆ เพราะว่า พ่อของเรามีประวัติการรักษาโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เมื่อสามปีก่อน (ตอนนี้คุณพ่อเลิกเหล้า และบุหรี่หมดแล้ว) แต่ตอนรักษาโรคตับอ่อนเป็นคนละโรงพยาบาลกับที่มารักษาโรคหัวใจกับเบาหวาน เราเลยคิดว่าโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ในปัจจุบันไม่น่าจะมีประวัติการรักษาเพราะตอนเราบอกคุณหมอรักษาโรคหัวใจ ท่านเหมือนจะไม่ทราบ
โดยส่วนตัวเราไม่ได้เรียนสายสุขภาพ แต่ศึกษาจากการอ่านหนังสือ เราสันนิษฐานว่าพ่อน่าจะเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 เนื่องจากตับอ่อนเสียหาย การกินยาจึงไม่ได้ผล เพราะเมื่ออยู่ในกระเพาะก็จะถูกน้ำย่อยทำลายหมด
ทั้งนี้หลังจากกลับจากโรงพยาบาลครั้งล่าสุด หยุดฉีดอินซูลินประมาณ10วันแล้ว คุณพ่อมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร พะอืดพะอม ไม่มีแรง ฉี่บ่อย ไม่สบายท้อง กลับมาอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉีดอินซูลินอาการดีขึ้นมากๆ ไปไหนมาไหนได้ปกติ กินอาหารได้
แบบนี้ควรไปพบหมอก่อนวันนัดสิ้นเดือนนี้ดีไหมคะ ดิฉันสันนิษฐานว่าคุณพ่อเป็นเบาหวานชนิดที่หนึ่งอ่ะค่ะ แต่ไม่กล้าย้ำคุณหมอท่านหลายครั้ง เกรงใจเพราะคนไข้โรงพยาบาลรัฐเยอะมาก อีกอย่างเราไม่ได้เรียนจบด้านนี้ กลัวเป็นการก้าวล่วง เกินไป แต่มันกังวลค่ะ เนื่องจากไม่มีประวัติการรักษาโรคตับอ่อนอักเสบจากโรงพยาบาลเก่า กลัวคุณหมอตกหล่นประเด็นนี้ไป เพราะวันไปตรวจ คนไข้คุณหมอเยอะมากๆ
แต่ใจนึงก็คิดว่าเราจะรอจนถึงวันนัด เราอาจจะตื่นตูมเกินไป อาการที่คุณพ่อเป็นหลังหยุดฉีดอินซูลินอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากยากิน
ช่วยให้คำแนะนำทีค่ะ ตอนนี้กังวลมากๆ